ตอนที่แล้วบทที่ 229 หัวขโมยไฟ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 231 เริ่มกิจกรรมใหม่ (อ่านฟรี)

บทที่ 230 เชื่อมโยงกับไฟ? (อ่านฟรี)


ปกติซีเว่ยไม่รับรู้อะไรที่อยู่นอกอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเขาจะรู้สึกได้ก็ต่อเมื่อศัตรูแตะโดนกับดัก

มันก็เหมือนกับคนที่อยู่ในบ้าน พวกเขาจะไม่รู้ว่ามีใครเดินผ่านไปมานอกบ้านหากไม่ได้ตั้งใจมองดี ๆ

แต่นั่นคือในสถานการณ์ปกติ

หากมีสถานการณ์ที่ไร้เหตุผลเกิดขึ้น เช่น มีก็อตซิลล่าเดินผ่านบ้านคุณจนทำให้เกิดฟ้าถล่มดินทลายในทุกย่างก้าว จนแม้แต่คนตาบอดที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านก็รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น…

และสถานการณ์นั้นก็คล้าย ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้

เขาไม่รู้ว่าอะไรกำลังเคลื่อนผ่านไปอย่างช้า ๆ ด้านนอกนั่น แต่ร่างกลม ๆ ของซีเว่ยแข็งทื่อทันทีเพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัว

“ไม่ต้องกลัว” ฟลินท์แมนกระซิบเมื่อสัมผัสได้ถึงอาการทำอะไรไม่ถูกของซีเว่ย “อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของท่านอยู่ห่างไกลและหาเจอไม่ง่าย เราจะไม่ถูกจับได้แน่ แถมก่อนที่ข้าจะมาพบท่านข้ายังวางตัวล่อเอาไว้แล้ว หมอนั่นคงหาที่นี่เจอไม่ง่าย”

ซีเว่ย “…”

ปรากฏว่าแกเป็นคนนำปีศาจนั่นมาที่นี่เองเหรอ ไอ้สารเลว!

นั่นทำให้ซีเว่ยเข้าใจแล้วว่า เทพเจ้าแห่งไฟที่ถูกขโมยอำนาจไป คือผู้ที่บินผ่านความว่างเปล่าด้านนอกจากคำอธิบายของฟลินท์แมน

สิ่งนี้ทำให้เขาเข้าใจช่องว่างระหว่างเทพเจ้าระดับสูงกับเทพเจ้ามือใหม่อย่างเขาได้อย่างชัดเจนว่ามันใหญ่เพียงใด

ทีแรกซีเว่ยรู้สึกตัวลอยเล็กน้อย เนื่องจากความสำเร็จของเขาในการกำจัดเทพเจ้ากระดูกเน่า เคลียร์การทดลองของเทพสมุทรได้ชั่วคราว และยังสามารถโน้มน้าวให้เทพส่วนใหญ่ของวิหารล่องหนมาเป็นพันธมิตรกับศาสนจักรของเขานั้น ได้ทำให้การรับรู้ของเขาที่มีต่อเทพเจ้าท้องถิ่นเหล่านี้ค่อย ๆ ลดลง

แต่เมื่อเทียบกับพลังอำนาจเบ็ดเสร็จ เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาก็เป็นเพียงแค่ถั่วลิสง แม้ว่าลิ้นของเขาจะหลอกเทพอื่น ๆ ได้ชั่วขณะ แต่เขาคงไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกซ้ำสอง ก่อนที่เขาจะถูกฆ่าเมื่อพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

อันที่จริงเรื่องราวที่ว่า แค่คำพูดเพียงอย่างเดียวก็สามารถแก้ไขวิกฤตต่าง ๆ ได้นั้น ได้รับการยกย่องมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ก็เป็นเพราะส่วนใหญ่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เนื่องจากทุกอย่างอาจผิดพลาดได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นเพียงเล็กน้อย

บางคนอาจเย้ยหยันความคิดดังกล่าว และเชื่อว่าความฉลาดเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ได้ทุกอย่างมาไว้ในกำมือ ในขณะที่หัวเราะอย่างพึ่งพอใจ แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่า 'พลังอำนาจเบ็ดเสร็จ' หมายถึงอะไร!

ในนวนิยาย เรื่องเล่า หรือนิทานก่อนนอนหลาย ๆ เรื่อง บุคคลที่ทรงพลังที่สุดของเรื่อง มักจะถูกผูกมัดด้วยสถานการณ์บางอย่าง เพื่อให้เหล่าตัวเอกเอาชนะได้อย่างยากลำบาก พวกเขาจะไม่ถูกนับเป็น 'ผู้มีพลังอำนาจเบ็ดเสร็จ' อย่างแท้จริง

เมื่อคนเรากำลังเผชิญกับ 'พลังอำนาจเบ็ดเสร็จ' ข้อผิดพลาดที่น้อยที่สุดหรือแม้แต่ตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ (เช่นการผู้มีอำนาจรู้สึกอารมณ์ไม่ดีในวันนั้น) ก็จะทำให้ความพยายามทุกอย่างต้องสูญเปล่า โดยไม่คำนึงว่าคนฉลาดได้คำนวนแผนการที่ซับซ้อนและน่าทึ่งเพื่อกำกับการกระทำของผู้มีอำนาจนั้นไว้อย่างไร และคนฉลาดอาจต้องจ่ายด้วยชีวิตของเขา!

เป็นความจริงที่ซีเว่ยได้เลี้ยงดูผู้เล่นของเขาอย่างขยันขันแข็ง ทั้งในด้านความสามารถและอิทธิพลหลังจากที่เขาข้ามมายังโลกนี้ ด้วยบั๊กที่เขามี และผู้เล่นก็เติบโตขึ้นอย่างที่เขาได้จินตนาการไว้ (แม้จะมีพฤติกรรมชอบวิ่งเข้าหาปัญหาอยู่ตลอดก็ตาม)

แต่ในทางกลับกัน การเติบโตของซีเว่ยนั้นไม่ชัดเจนนัก นอกจากตอนที่เขาได้บริโภคเทพเจ้าไป 2 ตน เนื่องจากพลังส่วนใหญ่ของเขาถูกใช้เพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้ผู้เล่น และพัฒนาความสามารถของพวกเขา

แต่หลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเทพเจ้าแห่งไฟ ความคิดที่จะแข็งแกร่งขึ้นก็กลับเข้ามาในหัวของซีเว่ยอีกครั้ง เขาถึงกับรู้สึกกดดันและโดนคุกคาม

ซีเว่ยเปลี่ยนความคิดทันทีแม้เขาจะลังเลในตอนแรก ว่าเขาควรให้ผู้เล่นไปต่อสู้กับมังกรซอมบี้และออร์คซอมบี้ดีหรือไม่

พลังศักดิ์สิทธิ์ที่บิดเบี้ยวที่ดึงออกมาจากร่างกายของไนท์คราย แม้จะมีไม่มากนัก แต่เขาก็อาจศึกษาต้นกำเนิดของพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ หากเขามีมันมากกว่านี้หลังจากที่ผู้เล่นสังหารมังกรซอมบี้และออร์คซอมบี้ได้

เขาอาจจะก้าวหน้าขึ้น หลังจากค้นหาวิธีการดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นได้อย่างปลอดภัย

เนื่องจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่บิดเบี้ยวมีความสามารถในการแพร่เชื้อสูง และมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทวีป พลังเข้มข้นของมันจึงไม่ใช่สิ่งที่เทพเจ้ามือใหม่อย่างซีเว่ยจะดูถูกได้

หากเขาสามารถรวบรวมพวกมันได้ เขาอาจจะรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่ากับที่ได้จากแซฟไฟร์ทะเลของเทพสมุทรได้!

และถ้าเขาสามารถดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่บิดเบี้ยวได้อย่างปลอดภัย ซีเว่ยก็อาจก้าวข้ามขีดจำกัดของการเป็นเทพชั้นสาม* และก้าวขึ้นสู่ฐานะเทพระดับต่ำได้อย่างแท้จริง และอาจถือเป็นหนึ่งในเทพระดับแนวหน้าของเทพชั้นต่ำ!

(ชั้นสาม เป็นคำเปรียบเปรย แปลตรง ๆ ก็คือ เทพที่ไม่มีลำดับชั้น ไม่มีอะไรให้พูดถึง)

แต่ถึงแม้จะมีความคิดมากมายหมุนวนอยู่ในหัวตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นห่างไกลและเล็กเกินไป หรือเพราะ 'ตัวล่อ' ของฟลินท์แมนทำงานได้ดี เทพเจ้าแห่งไฟจึงดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ยเลย

พลังงานที่น่ากลัวนั้นจึงค่อย ๆ เคลื่อนออกจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้าสู่ความว่างเปล่า

"เฮ้อ! ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะตอบสนองเร็วขนาดนี้ มันทำให้ข้ากลัว…”

ฟลินท์แมนดูโล่งใจ “แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าหมอนั่นจะไม่วนกลับมาอีกครั้ง ข้าคงต้องรีบหนีแล้ว”

“เอ๊ะ? จะไปแล้วเหรอ?” ซีเว่ยค่อนข้างประหลาดใจ

“ไม่เอาน่า แม้ตอนนี้ข้าจะซ่อนอยู่ในที่มืด แต่สิ่งที่ข้ากำลังเผชิญอยู่คือไฟที่เผาไหม้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนดั่งดวงอาทิตย์นะ” ฟลินท์แมนยิ้มอย่างพอใจ ขณะชี้ไปที่ลูกไฟที่ลอยอยู่เหนือไหล่ของเขา

เปลวไฟขนาดเล็กลอยออกมาจากลูกไฟ ซึ่งฟลินท์แมนกลั้นใจส่งมันให้ซีเว่ยอย่างไม่ค่อยอยากจะให้ “ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจากท่านเปล่า ๆ นี่คือ 'เปลวไฟแรก' มันคือเปลวไฟที่เก่าแก่ที่สุดของโลกใบนี้ที่ข้าขโมยมาจากเทพเจ้าแห่งไฟ ถึงแม้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะให้ท่านทั้งหมด แต่ไม่มีปัญหาเลยที่ข้าจะแบ่งเธอให้ท่าน!”

“…”

ซีเว่ยจ้องไปที่เปลวไฟขนาดเล็กกว่าเปลวไฟใด ๆ แม้แต่ไฟแช็กยังจุดไฟได้ใหญ่กว่าไฟที่ลอยอยู่เหนือนิ้วของฟลินท์แมน แถมดูเหมือนมันจะดับได้ทุกเมื่อ ร่างกลม ๆ ของเขาส่องแสงจาง ๆ พร้อมมีสัญลักษณ์ '?' ปรากฏขึ้น

“อย่าดูถูกเชียวนะ! มันอาจจะดูเหมือนเปลวไฟเล็ก ๆ แต่มันก็ยังคงเป็นไฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลก แค่ตัวมันเอง ก็เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความหมายของการมีอยู่ของ 'ไฟ' ได้แล้ว!”

อธิบายไปได้ครึ่งทาง ฟลินท์แมนก็สังเกตเห็นว่า '?' ของซีเว่ยเปลี่ยนเป็นตัวอักษรจีนที่เป็นคำสบถ และเขารู้สึกว่ากำลังโดนถูกดูถูก แม้จะไม่เข้าใจคำ ๆ นั้นก็ตาม “แค่บอกว่ามาว่าท่านจะเอาไหม!”

“ข้าต้องการ ข้าจะเชื่อมโยงกับมัน!”

ซีเว่ยรีบเอาหนวดไปรับเปลวไฟมาอย่างรวดเร็ว ในฐานะเทพเจ้า เขาเข้าใจดีว่าเปลวไฟแรกนั้นล้ำค่าเพียงใด

สิ่งแรกที่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาส่วนใหญ่บูชา ไม่ใช่เทพเจ้ายุคแรก แต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งนั่นรวมถึงไฟด้วย

ด้วยเหตุนี้เปลวไฟแรกจึงเชื่อมต่ออย่างใกล้ชิดกับอำนาจแห่งไฟ มันไม่ง่ายเหมือนปรากฏการณ์ทางพลาสมา แต่มันคือสัญลักษณ์ของไฟที่ก่อตัวขึ้นเองหลังจากที่พลังแห่งศรัทธาเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นทำไมเทพเจ้าแห่งไฟถึงไล่ฟลินท์แมนไปทุกที่แบบนี้

“ท่านจะให้ของมีค่าเช่นนี้กับข้าจริง ๆ หรือ? เทพเจ้าแห่งไฟจะไม่ไล่ตามข้าหลังจากที่ข้ารับมันไปหรือ?”

จากคำพูดนั้น ซีเว่ยกำลังคิดว่าฟลินท์แมนจะใช้เขาเป็นตัวล่อเทพแห่งไฟให้เขาหนีไปได้...

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะล่อเทพเจ้าแห่งไฟออกไป อย่างที่ข้าเคยพูดไป ข้าให้ 'เปลวไฟแรก' แก่ท่าน เพราะข้าเห็นว่าท่านมีอนาคตสดใส ดังนั้นนี่ถือเป็นการลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ” ฟลินท์แมนจิ้มตรงจุดที่น่าจะเป็นหัวของซีเว่ย “เมื่อท่านเป็นใหญ่ในอนาคต อย่าลืมข้าล่ะ”

จากนั้นฟลินท์แมนก็กระโดดราวกับว่าเขากำลังกระโดดบนกระดานกระโดดน้ำ และออกจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ยไปทันที ภายใต้การจ้องมองอย่างตกตะลึงของซีเว่ย และหายไปจากสายตาสู่ความว่างเปล่าอันไร้สิ้นสุด

ในความว่างเปล่า ขณะที่ฟลินท์แมนกำลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดดังขึ้นในหูของเขา

'การให้ส่วนหนึ่งของข้ากับเทพแรกเกิดนั้นเป็นเรื่องปกติหรือไม่?'

"ทุกอย่างปกติดี ถ้าอัสลานมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับชายคนนั้น มันจะไม่สูญเปล่าแน่นอน”

ฟลินท์แมนเหลือบมองไปที่ลูกไฟบนไหล่เขาและตอบอย่างนุ่มนวล

จากนั้นเขาก็หันไปมองอีกด้านหนึ่งของความว่างเปล่า

“ชิ เทพเจ้าแห่งไฟพบข้าอีกแล้วเหรอ? แม้ข้าจะตั้งใจทิ้งกลิ่นเอาไว้เล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวของเขาครั้งนี้ดูเหมือนจะเร็วขึ้น นี่อาจเป็นปัญหา…”

'เขาเริ่มกังวลเพราะตอนนี้ท่านอ้างสิทธิ์อำนาจเหนือข้าไปแล้ว 40%' เสียงนั้นเตือนเบา ๆ

“อืม ถ้าท่านสู้กับเขาตอนนี้บวกกับพลังปาฏิหาริย์ของข้า โอกาสชนะของเราคือ 50-50…ช่างเถอะ เพื่อความปลอดภัย จะดีกว่าหากข้าซ่อนพลังเอาไว้ก่อน” ฟลินท์แมนพึมพำอย่างไม่มีความสุข

“ยังไงซะจากสัญญาณของสิ่งต่าง ๆ ในตอนนี้ ดูเหมือนสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 4 ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า” เขาพูดเสียงเบาราวกระซิบ “และเมื่อมันเริ่มขึ้น ข้าก็จะสามารถเล่นได้ตามที่ต้องการ นั่นคือช่วงเวลาที่ข้าจะอ้างสิทธิ์ในความเป็นพระเจ้าของเขาได้อย่างถูกต้อง!”

'…อ๊า!'

"เกิดอะไรขึ้น?"

'ส่วนหนึ่งของ 'ข้า' ที่ท่านมอบให้เทพเจ้าแรกเกิดนั้น ถูกย่อยและหลอมรวมไปแล้ว ข้าไม่สามารถรับรู้หรือควบคุมมันได้อีกต่อไป'

“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ!” ฟลินท์แมนผงะ “ข้าใช้เวลาเกือบ 300 ปีในการทำให้ท่านเชื่อง! แม้ว่ามันจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของท่านก็ตาม…”

'บางทีอำนาจของเขาอาจจะพิเศษ'

“อำนาจที่ผันผวนของเกม…ไม่น่าเชื่อ” ฟลินท์แมนลูบคาง “ดวงตาของอัสลานถูกต้อง เขาอาจจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้ ก่อนที่สงครามเทพเจ้าครั้งที่ 4 จะเริ่มขึ้น ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นหนึ่งในเทพเพียงไม่กี่องค์ที่คุ้มค่ากับการให้ความสนใจของข้า”

'เราควรจะฆ่าเขาตอนนี้เลยดีไหม?'

“อย่าล้อเล่นน่า ข้าไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามตายก่อนเวลา” จู่ ๆ ฟลินท์แมนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ผลไม้จะอร่อยที่สุดเมื่อมันสุก!”

'ขอโทษ แต่ข้าไม่เข้าใจตรรกะของท่าน'

“เพราะข้าเป็น ‘บุคคล’ ที่สามารถกลายเป็น 'พระเจ้า' ได้ไงล่ะ”

"เอาล่ะ เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ ไม่งั้นเทพเจ้าแห่งไฟจะตามเราทัน ข้าไม่ต้องการเปิดเผยพลังที่แท้จริงของข้าก่อนที่สงครามเทพเจ้าครั้งที่ 4 จะเริ่มขึ้น…”

พูดจบ ร่างของฟลินท์แมนก็หายไปในความว่างเปล่าอีกครั้ง

---------------------------------------------

เพจ FC-Translate

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด