ตอนที่แล้วตอนที่ 32 เลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 เติบโตขึ้น

ตอนที่ 33 ปลอมตัว


ตอนที่ 33 ปลอมตัว

อีกครู่หนึ่งอิมพ์ก็เริ่มทดลองอาวุธใหม่ของเขาเล็กน้อย แล้วเขาก็พบว่าเขาสามารถควบคุมมันได้ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา มันคล้ายกับว่าเขากำลังควบคุมเลือดของตัวเองอยู่โดยปล่อยให้ความร้อนไหลเวียนอยู่ภายในมัน. มันเป็นเรื่องยากในตอนแรกและอิมพ์เกือบจะแทงเข้าตาของตัวเองครั้งหนึ่ง แต่โชคดีที่เขาสามารถขวางมันไว้ทันเลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก

มันยังคงเจ็บเล็กน้อย แต่อย่างน้อยที่สุดอิมพ์ก็ไม่ได้รับความเสียหายหรืออะไร และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกครอบงำโดยอาวุธชิ้นนี้แต่อิมพ์ก็รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมากหลังจากใช้งานมันเป็นเวลานานและในไม่ช้าเขาก็ดึงความร้อนออกมาจากอาวุธและทำให้มันกลายเป็นไพ่ไป

แน่นอนว่าสิ่งนี้จะมีประโยชน์ต่ออิมพ์ไม่น้อย แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังต้องการใช้กริชเหมือนเดิมต่อก็ตาม

"อาวุธนั้นคืออะไร?" อาร์คถามอย่างสงสัยและอิมพ์ก็หันไปหาเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว“ดาบสามเล่ม ... มันเป็นของ ... ไพ่” อิมพ์อธิบายและอาร์คก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ "โอ้ เหมือนกับของผู้ชายคนนั้นสินะ ...  แต่ตอนที่ข้าเห็นเขาใช้มันดูน่ากลัวกว่าที่คุณใช้ซะอีก ... " อาร์คพูดอย่างกังวลเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มพูดถึงบางสิ่งที่ปรากฏในใจของเขา

"อ่า มีอย่างอื่นหนึ่งที่ข้าต้องบอกคุณ ... " เด็กผู้ชายอธิบาย แต่อิมพ์ก็เอาแต่จ้องมองและรอให้เขาเริ่มพูด "เราต้องแวะที่หมู่บ้านในเร็วๆนี้และก็ต้องแวะบ่อยเชียวหละ   คนที่นั่นอาจจะ ... ” อาร์คบอกเขาและอิมพ์ก็มองเขาอย่างสงสัย

ทำไมพวกเขาถึงต้องไปที่ 'หมู่บ้าน'? ถ้ามีคนอยู่ที่นั่นอิมพ์ก็ไม่อยากไปที่นั่นเลย เขาแทบจะไม่ชอบเด็กเหล่านี้ด้วยซ้ำดังนั้นเขาจึงไม่อยากไปเจอกับผู้คนมากมายกว่านี้แล้ว

"ไม่ " อิมพ์ตอบค่อนข้างชัดเจน แต่อาร์คกลับมองเขาด้วยรอยยิ้มเบี้ยว "เอ่อ….คุณอิมพ์ พวกเราต้องไปที่นั่นนะ ... พวกเราไม่มีอาหารเหลือพอแล้วและอาหารของคุณเองก็คงจะเน่าเสียอีกไม่นานนี้เหมือนกัน   ... อีกทั้งพวกเรายังต้องการนมสำหรับเด็กทารกด้วย ยังไงเราก็ต้องหาพวกมันมาเพิ่มให้ได้" อาร์คอธิบายในขณะที่อิมพ์ฟังเขาก่อนจะพยักหน้าอย่างรำคาญ นี่ทำให้อาร์คยิ้มกว้างตอบกลับ

"เอาล่ะ สมบูรณ์แบบ เราจะอยู่ที่นั่นประมาณ ... คืนหนึ่งเป็นไง?" อาร์คอธิบายในลักษณะที่ดูเหมือนจะบ่งบอกว่านี่เป็นแผนของเขา อิมพ์ที่ได้ยินก็มองกลับไปในขณะที่ขบฟันแน่นก่อนนะเก็บไพ่ทั้งสองลงในกระเป๋าและหยิบหนังสือของเขาออกมา เขาต้องรอสักหน่อยจนกว่าจะหายเหนื่อยดังนั้นระหว่างนี้เขาจึงเลือกอ่านหนังสือเพราะมันเป็นการฆ่าเวลาที่ดีที่สุด เขาอ่านหนังสือเล่มนี้ไปประมาณครึ่งหนึ่งแล้วและได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับไพ่ใบต่างๆก็มาบ้าง แต่อิมพ์ก็ไม่แน่ใจว่าพวกมันทำอะไรได้ แต่ที่พวกมันทั้งหมดเหมือนกันก็คือ พวกมันจะถูกมอบให้โดยใครบางคนที่เรียกว่า'ผู้แลกเปลี่ยนเร้นลับ'

แม้ว่าอิมพ์จะไม่ใช่คนที่ถูกมอบไพ่ให้ แต่ไม่ว่าจะยังไงอิมพ์ก็ชอบหนังสือเล่มนี้มากเพราะมันบอกเขาเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่รู้มาก่อนและมันก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับการแจ้งเตือนพวกนั้น แม้ว่าช่วงนี้พวกมันจะเงียบสงบอยู่แต่อิมพ์รู้ดีว่าพวกมันจะต้องกลับมาห่เขาอีกแน่ นั่นคือสิ่งที่เขามั่นใจเป็นอย่างมาก

หนังสือเล่มนี้ไม่เป็นอันตรายและที่สำคัญที่สุดเขาได้มันมาจากเอวาลิน ดังนั้นเขาเลยดูแลมันอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นอาร์คก็เริ่มหัวเราะเบาๆ "คุณรู้ไหมว่าเมืองที่เรากำลังจะไปมีร้านหนังสืออยู่ เรามีเงินอยู่ถึงจะไม่มากนัก แต่บางทีเราอาจจะซื้อหนังสือได้อีกสักหนึ่งหรือสองเล่ม?" อาร์คอธิบายและอิมพ์ก็ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาหันหน้าไปทางเด็กชายที่อยู่ข้างๆเขาทันที

“มี ... หนังสืออีกหรอ?”อิมพ์ถามและอาร์คก็พยักหน้าทันที   "ใช่สิ ข้าคิดว่ามันมีร้านหนังสืออยู่นะ  ...ครั้งก่อนข้าไม่ได้ดูให้ดี ... แต่ข้าคิดว่ามีแน่ๆ!" อาร์คอธิบายและอิมพ์ก็หันหน้ากลับไปยังหนังสือที่วางอยู่บนตักของเขาก่อนจะพยักหน้า

"ถ้าอย่างนั้นเราก็ ... ไปที่หมู่บ้านกันเถอะ" อิมพ์ตอบกลับด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย และนี่ก็คือข้อสรุปที่อิมพ์เลือก หากมีหนังสือมากกว่านี้มันก็เป็นเหตุผลดีพอที่จะไป มีหลายสิ่งที่เขาสามารถเรียนรู้จากพวกมันอย่างน้อยมันก็อาจมีสิ่งที่อิมพ์สามารถทำได้ ดังนั้นเขาอาจจะต้องหาหนังสือที่บอกเขาให้รู้เกี่ยวกับ 'เวทมนตร์' มากกว่านี้ รวมถึงสิ่งที่เกี่ยวกับ'พร' แปลก ๆ ที่เขามีในตอนนี้ด้วย

และในขณะที่เด็กคนนั้นหัวเราะออกมาเล็กน้อยข้างๆเขา อิมพ์ก็ยังคงอ่านหนังสือต่อไป  เพราะเขาต้องการอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบก่อนที่จะเริ่มอ่านเล่มต่อไป

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในขณะที่อิมพ์กำลังอ่านหนังสืออยู่ จู่ๆอาร์คก็หยุดลงม้าไว้ข้างทาง ตอนนี้หมู่บ้านที่อาร์คพูดถึงนั้นสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลแล้วและอิมพ์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความกลัวเล็กน้อยซึ่งมันคล้ายกับตอนเขาอยู่ใกล้   'ออร์บขับไล่อสูร' ที่อยู่ในรถม้าก่อนหน้านี้

แต่อิมพ์สามารถต่อสู้ผ่านสิ่งเหล่านี้ได้มานานแล้วและมันก็ไม่มีผลอะไรต่อความรู้สึกของเขาเลยเมื่อเทียบกับตอนที่เขาอยู่ใกล้เกาะลอยน้ำและทะเลสาบ แต่ถึงกระนั้นอิมพ์ก็สับสนว่าทำไมพวกเขาถึงต้องหยุดกระทันหันตรงนี้เพราะพวกเขานั้นยังไม่ถึงหมู่บ้านเลย และก่อนที่อิมพ์จะถามออกไปอาร์คก็ดึงอิมพ์ไปด้านหลังรถม้า

"เจ้ากำลังทำอะไร?" อิมพ์ถามอย่างสับสนในขณะที่เขาดึงแขนออกจากอาร์คและเด็กคนนั้นก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า "เอาละ คุณไม่สามารถเข้าไปในเมืองทั้งๆแบบนี้ได้ คุณรู้ใช่ไหมว่าตัวเองเป็นอสูร  ... และเราก็ต้องการคน คนที่มาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ของเรา เพราะเด็ก ๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่คนเดียวแบบนี้” เด็กบอกเขาแล้วค่อยๆเปิดประตูรถม้า

“รูดี้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” อาร์คถามออกไป ในไม่ช้าเด็กชายก็ก้าวออกไปข้างนอกและพยักหน้าตอบ "ใช่ นี่ไงหน้ากาก มันน่าจะดีพอสำหรับตอนนี้แล้วนะ แล้วก็มีกางเกงสำรองที่ข้าตัดให้สั้นลงอยู่ด้วย แล้วก็เสื้อเชิ้ตกับถุงเมือเก่าๆของคุณเอิร์นฮอฟฟ์ ... และแน่นอนว่ารองเท้าก็พร้อมแล้วถึงแม้ว่ามันจะเป็นของคุณเฮนสันก็เถอะ เพราะงั้นมันเลย ... "รูดี้อธิบายและชี้ไปที่เท้าของอิมพ์ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคนและยังมันมีกรงเล็บเล็กน้อยที่นิ้วเท้าของเขา

"แจ๋วไปเลย งั้นคุณก็ไปแต่งตัวเถอะ" อาร์คบอกเขาแล้วส่งทุกสิ่งที่รูดี้ทำไว้ให้กับอิมพ์ แต่อิมพ์ก็ยังสับสนเล็กน้อยกับสิ่งเหล่านี้

และราวกับว่าอาร์คสามารถอ่านความคิดของเขาได้ เด็กชายก็เริ่มหัวเราะและอธิบาย "อย่างที่ข้าบอก คุณเองก็รู้ใช่ไหมว่าตัวเองเป็นอสูรและโดยส่วนตัวแล้วข้าก็ไม่เคยเห็นใคนคนไหนมีผิวสีแดง  ดังนั้น ... เราจำเป็นต้องปิดมันไว้" อาร์คอธิบาย แต่อิมพ์เพียงแค่เดาะลิ้นของเขาและหยิบสิ่งที่แตกต่างกันมาจากมือของเด็กชาย จากนั้นด้วยคำแนะนำจากเด็กๆเขาก็สวมใส่พวกมัน พวกมันให้ความรู้สึกอึดอัดจริงๆ แต่อย่างน้อยพวกมันก็พอดีกับเขา อิมพ์หวังว่าตัวเองจะชินกับพวกมันโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เหมือนกับเสื้อคลุม

ท้ายที่สุดตอนนี้เขาสวมเสื้อคลุมตัวนั้นอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามและเขาก็สร้างผ้าคลุมตัวใหม่ขึ้นมาเองเพาะผ้าคลุมเก่าที่ขาดไปนั้นเขาทิ้งไปแล้ว แต่มันก็ให้ความรู้สึกแปลกๆที่สวมอย่างอื่นบนหน้าอกของเขาใต้เสื้อคลุม รวมถึงยังมีถุงมือกับรองเท้าที่ทำให้เขารู้สึกพิกลเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะถ้ามีคนรู้ว่าเขาเป็นอสูรหละก็ เขาก็คงถูกโจมตีใช่ไหมละ? ถึงแม้ก่อนหน้านี้อิพ์จะคิดว่าเขาสามารถหนีได้หรือฆ่าคนที่ทำร้ายเขาทิ้งซะก็ได้ก็ตาม แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าไม่อยากทำเช่นนั้น

แต่อย่างใดสิ่งหนึ่งที่อิมพ์ไม่คาดคิดก็คือหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าของเขาอย่างมิดชิด ด้านหน้าของมันว่างเปล่าและมีเพียงสองรูที่ทำให้เขาสามารถมองผ่านไปได้เท่านั้น  อิมพ์ไม่คิดว่าจะสวมสิ่งนี้ไว้นานนัก แต่สำหรับตอนนี้สวมไว้ก็คงดี

"เอาล่ะตอนนี้เขาดูเหมือนคนแล้ว แต่เขาเตี้ยเกินไป  ... เราจะทำยังไงให้คนอื่นเชื่อว่าเขาเป็นผู้ใหญ่กัน  " อาร์คถามพร้อมกับเอียงศีรษะไปด้านข้างเปรียบเทียบความสูงของตัวเองกับอิมพ์ "เขาเตี้ยเกินไปที่จะเป็นผู้ใหญ่ได้" เขาอธิบายและอิมพ์เองก็คิดเกี่ยวกับปัญหานี้มาระยะหนึ่งแล้วเช่นกันจนกระทั่งเขาจำสิ่งมีชีวิตปรเภทหนึ่งได้ แม้ว่าสิ่งนี้จะสูงที่สุดแล้วก็ตามมันก็ยังเตี้ยอยู่ดี เอวาลินเคยชี้ให้เขาดูพวกมันอยู่บ้างบนเกาะลอยน้ำแห่งนั้น

"บอกไปว่า ... ข้าเป็นโนม"  อิมพ์พูดออกอย่างรื่นไหลราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับความสามารถใหม่ในการพูดแล้ว แต่แซมมี่ก็ยื่นหัวออกมาจากกรอบประตูรถม้าพร้อมกับส่ายหัวและพูดออกมา

"โนมนั้นมีร่างกายที่เตี้ยกว่าคุณตอนนี้อีกนะ ...  หรือว่าเราจะบอกว่าคุณเป็นครึ่งโนมครึ่งมนุษย์ดี?" เธอแนะนำและรูดี้ก็พยักหน้าทันทีราวกับเป็นความคิดที่ดี

สมมติว่าพ่อของเขาเป็นโนมและแม่ของเขาเป็นมนุษย์ดีไหม   ! "รูดี้กล่าวเสริมและอาร์คก็ยิ้มอย่างสดใสทันทีเมื่อได้ยินความคิดนี้" โอ้ ฟังดูดีหนิ! นี่จะต้องได้ผลแน่นอน! และเสียงของคุณเองก็สมควรทำให้มันดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าพวกเรา ดังนั้นคุณต้องทำเสียงเข้มด้วยนะ  !” อาร์คอุทานออกมาอย่างอารมณ์ดีเช่นเคยและอิมพ์ก็ยักไหล่พวกเขา เพราะยังไงเด็กพวกนี้ก็คงรู้จักสิ่งที่เรียกว่าผู้ใหญ่ดีกว่าอิมพ์

“ไปกันเถอะ!”เด็กหนุ่มแนะนำและรีบเดินไปที่ด้านหน้ารถม้า แต่ตอนนี้เองเขาก็ได้ทำอย่างอื่นที่อิมพ์ไม่คาดคิด ซึ่งก็คืออาร์คกำลังอธิบายการคุมม้าให้อิมพ์ฟังทีละขั้นตอน จากนั้นเขาก็ให้อิมพ์เป็นคนคุมมาและบอกเขาทีละอย่างว่าต้องทำยังไงในตอนนี้

ตามที่เขาบอก มันจะเป็นเรื่องแปลกหากให้เด็กเป็นคนคุมม้าและผู้ใหญ่ก็เอาแต่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ

ไม่นานพวกเขาก็เข้ามาใกล้หมู่บ้านและมองไปยังประตูเล็กๆด้านหน้าด้วยความกังวลเล็กน้อย ขณะที่พวกเขาทำเช่นนั้นอาร์คก็คว้าหนังสือที่อิมพ์กำลังอ่านอยู่ก่อนหน้านี้และพลิกมันไปหน้าต่างๆแบบสุ่มและเริ่มแกว่งขาไปมาพร้อมกับยิ้มอย่างสดใส

เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็เห็นชายชราคนหนึ่งที่ดูเชื่องช้าเพราะอ้วนเกินไปลุกขึ้นจากเก้าอี้เล็กๆข้างประตูที่ตั้งอยู่ในกำแพงไม้ ชายคนนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาตื่นเต้นอะไรนัก แต่ทว่ามีชายหนุ่มอีกคนที่สวมชุดเกราะโลหะมันวาวและถือหอกอยู่ในมือ คนๆนี้ทำให้พวกเขาประหม่าเล็กน้อย

ชายชราดูค่อนข้างแปลกใจกับเสื้อผ้าของอิมพ์ แต่ทันใดนั้นอาร์คก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข "พ่อดูนี่ให้หน่อยสิ! คำนี้คืออะไรหรอ?" เขาถามอิมพ์ขณะที่เขาถือหนังสือไปทางอิมพ์ชี้ไปที่คำๆหนึ่งแบบสุ่มและอิมพ์ก็มองไปที่มัน จากนั้นคิ้วภายใต้หน้ากากของเขาก็ขมวด   "ภูติ"

เขาตอบค่อนข้างชัดเจนและในขณะที่อิมพ์คิดว่าพวกเขากำลังจะถูกหยุดไว้ ชายชราที่ดูเหมือนสงสัยเล็กน้อยในตอนแรกก็โบกมือให้พวกเขาผ่านประตูเข้าไปพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด