ตอนที่แล้วบทที่ 61 โรแมนติกอิเดียด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 สเต็ปเด็กๆ

บทที่ 62 ทีมของฉัน


มุมมองของเทสเซียเอราลิธ:

เมื่อมาถึงห้องของฉัน ฉันกระโดดขึ้นเตียงและเอามือปิดใบหน้าที่ร้อนด้วยควายอาย

ฉันอดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆ ด้วยความสุขขณะที่ฉันกลิ้งไปมาบนผ้าปูที่นอนของฉัน

“เหอเหอเหอเหอ…” ไม่นะ ฉันหัวเราะยังกับพวกโรคจิต

แต่…แต่ใครจะไปคิดว่าอาร์ตจะจูบฉัน เขาจูบฉัน!

“ฮิฮิ…” ฉันไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้และห่อตัวเองในผ้าห่มขณะที่กลิ้งไปมา ภาพของเขาที่โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจูบฉันค่อยๆเติมเต็มข้างในหัวของฉันและบังคับให้ริมฝีปากของฉันโค้งขึ้น มันรู้สึกแตกต่างจากตอนที่ฉันจูบเขา ฉันอธิบายไม่ถูก แต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีกว่าอย่างแน่นอน

“สักวันฉันก็คงจะชินกับเรื่องแบบนี้…” ฉันเผลอพึมพำดังๆ ขณะที่ลูบริมฝีปากเบาๆ ฉันกลิ้งไปมาบนเตียงอีกครั้งด้วยความลำบากใจในขณะที่ฉันนึกถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง

ฉันเริ่มจินตนาการว่าชีวิตแต่งงานของเราจะเป็นอย่างไร ฉันอยากให้มันออกมาสวยมาก ฉันสงสัยว่าลูกๆ ของพวกเราจะหน้าตาเป็นอย่างไร? อาเธอร์หน้าตาดีและฉันก็ไม่ได้ขี้เหร่เช่นกัน มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่มั้ย? แต่การที่เราจะมีลูกพวกเราจำเป็นต้อง...

ฉันแทบจะรู้สึกได้ถึงไอน้ำที่ไหลออกมาจากหูของฉันขณะที่ฉันจินตนาการมัน ฉันหมายถึงฉันได้ศึกษามาแล้วว่าทารกเกิดมาได้อย่างไรจากครูสอนพิเศษที่บ้านของฉัน แต่ ...

ไม่ไม่ไม่ไม่ไม่ มันเร็วเกินไป! และนอกจากนี้…อาเธอร์ยังบอกว่าเขายังต้องการเวลาอีกสักพัก ฉันสงสัยเหมือนกันว่าเขาหมายถึงอะไร? เขาหมายความว่าเรื่องในคืนนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยหรือ?

ฉันไม่ต้องการอย่างนั้น!

แต่ฉันมีสิทธิที่จะโกรธเขาได้หรือ? ฉันกดดันเขาเกินไปหรือเปล่า? ฉันรู้ว่าเขาให้ความสนใจฉันมากก็จริงแต่ฉันก็เลือกที่จะคิดมากไม่ได้ใช่ไหม?

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้หญิงคนอื่นชอบเขาเหมือนกันและเขาเลือกเธอ? ฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ชอบใช้กำลังและเอาแต่ใจ ทำไมเขาต้องเลือกฉันละ?

ยิ่งคิดเรื่องนี้ฉันก็ยิ่งท้อใจ โอเคเทสเราทั้งคู่ยังเด็กจริงๆ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาแต่ฉันมั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างจะเวิร์คใช่ไหม?

อ๊ากก! เลิกคิดมากแล้วไปนอนได้แล้วเทส!

มุมมองของอาเธอร์เลีย์วิน:

ฉันเคยชินกับการให้ซิลวีปลุกฉัน โดยปกติแล้วการตะโกนทางจิตดังๆก็เพียงพอที่จะปลุกฉัน แต่วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาด้วยการถูกกัดเข้าที่จมูกของฉัน

“คยู!”

ฉันร้องครวญครางขณะที่ตื่นและถูจมูกที่สั่นระริกขณะที่ซิลวี่กลับไปนอนหลังจากทำหน้าที่ของเธอเสร็จ ซิลวีดูเหมือนจะกระฉับกระเฉงมากขึ้นในตอนกลางคืนเนื่องจากเธองีบหลับเป็นประจำตลอดทั้งวัน

หลังจากอาบน้ำฉันเฝ้าดูอาไลจาห์ที่ยังคงหายใจเสียงดังขณะที่ฉันต้องตื่นแต่เช้า มันเป็นเวลาที่ต้องเอาคืนใช่ไหม?

“อรุณสวัสดิ์!” ฉันตบเพื่อนร่วมห้องที่กำลังหลับอยู่ที่ด้านหลังของเขา

"อา! อะไร? ฮะ?! เกิดอะไรขึ้น?" เห็นได้ชัดว่าการกระแทกอย่างกะทันหันทำให้เขาตื่นตระหนกเพราะเขาเข้าสู่ตำแหน่งป้องกันด้วยมือขวายึดตรงออกไปพร้อมที่จะร่ายเวทย์ใส่ผู้โจมตีของเขา

“ไม่มีอะไร! แค่บอกว่าอรุณสวัสดิ์” ฉันยักไหล่และรัดมีดเข้ากับชุดกรรมการวินัยของฉัน

“เออ…ฉันมีเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงก่อนชั้นเรียนจะเริ่ม นายปลุกฉันเพียงเพื่อจะบอกคำว่า อรุณสวัสดิ์ นี้นะ?” อาไลจาห์คร่ำครวญขณะที่เขาห่อตัวด้วยผ้าห่มเหมือนรังไหมชั่วคราว

"ใช่แล้ว! ฉันจะไปประชุมคณะกรรมการวินัยเป็นครั้งแรก!” ฉันหันมาเชคดูเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจว่าฉันไม่ลืมอะไรเมื่ออาไลจาห์โผล่หัวออกมาจากใต้ผ้าห่ม

“มีเรื่องดีๆหรือเปล่า? นายดูมีความสุขจังนะ มันแปลกจริงๆ” ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขากำลังมองดูศึกษาฉันหรือแค่พยายามโฟกัสการมองเห็นของเขามาที่ฉัน อาไลจาห์ที่ไม่ได้สวมแว่นได้เหล่ตาที่บวมเล็กน้อยของเขาออกมา

“นายจินตนาการไปเองน่า...อาไลจาห์” ฉันพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วปักรองเท้าบูทของฉันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ประตู

“น่าสงสัยจริงๆ…” เขาพึมพำก่อนจะจำนนต่อความต้องการของร่างกายที่ต้องการจะกลับไปนอน

เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ฉันกระโดดลงจากอาคารและใช้การเสริมจากธาตุลมเพื่อรองรับการลงจอดของฉัน ซิลวีที่ลอยลงมาซึ่งดูตลกมากสำหรับฉันเพราะหูที่ใหญ่โตของเธอสะบัดไปมาตามสายลม

เธอร่อนลงบนศีรษะของฉันด้วยเสียวป๋อมแป๋มเบาๆ ฉันใช้เวลาทดสอบร่างกายของฉันด้วยการยืดตัว ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าฉันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่มันก็ดีกว่าเมื่อวานจนทำให้ฉันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ มันเป็นอาการเดียวกันกับตอนที่ผลของการดูดกลืนเจตจำนงมังกรของซิลเวียเล่นงานฉัน

ความเจ็บนี่ได้เตือนฉันว่า…ฉันต้องช่วยเทสดูดกลืนเจตจำนง ฉันควรจะทำตัวยังไงกับเธอดี? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจูบเธอเมื่อวานนี้

เมื่อนึกย้อนกลับไปฉันตระหนักว่าแม้ในชีวิตที่ผ่านมาฉันไม่เคยผ่านจุดที่เป็นฝ่ายจูบผู้หญิงก่อนและมันก็เป็นอีกฝ่ายที่เป็นฝ่ายริเริ่มเสมอ ฉันไม่เคยสนใจที่เรื่องรักๆใคร่ๆ จริงๆแล้วฉันกลัวความรัก แม้แต่ความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่ผูกมัดก็ยังหลีกเลี้ยงเพราะฉันกลัวว่าการเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางกายอาจนำไปสู่ความผูกพันทางอารมณ์ ฉันมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกซ้อมนอกเหนือจากการปรากฏตัวในที่สาธารณะและการต่อสู้ทำให้แน่ใจว่าฉันไม่มีใครที่ฉันให้ความสำคัญ คนที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับฉันได้

สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มากที่สุดจากโลกนี้ไม่ใช่เวทมนตร์หรือการต่อสู้ ไม่เลยสิ่งที่ฉันตระหนักได้ก็คือฉันถูกบังคับให้ต้องเปิดใจและยอมให้คนอื่นเข้ามามีความสำคัญในชีวิตฉัน สิ่งนี้หมายความว่าฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่าตัวเองในอดีตเพราะฉันมีคนที่ต้องคอยปกป้องในครั้งนี้

ฉันหายไปในความคิดของฉันและเกือบจะเดินผ่านห้องคณะกรรมการวินัย สมาชิกในคณะนั้นได้ห้องที่ใหญ่พอประมานอาจจะใหญ่กว่าสองเท่าของห้องฝึกส่วนตัวของฉันได้ ฉันมาสายนิดหน่อยเพราะตื่นนอนสายกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย แต่มันก็ยังไม่มีดังอยู่ในห้องสักเท่าไหร่ ฉันหวังว่าฉันจะไม่ใช่คนสุดท้ายที่มาถึง

ขณะที่ฉันเปิดประตู เคอร์ติสก็บินและชนเข้ากับกำแพงข้างๆฉันพร้อมกับเสียงดัง!

“ยังอ่อนเกินไป!” ฉันเห็นใบหน้าผิดหวังของธีโอดอร์แม็กซ์เวลล์ที่กำลังยกมือขวาของเขาขึ้น

“อาอาเธอร์! นายมาแล้วหรือ!” แคลร์เบลดฮาร์ทผู้ที่กำลังชมการดวลจากด้านข้างโบกมือให้

“อ๊าก…ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะไม่สามารถโจมตีโดนนายได้แม้แต่ครั้งเดียวธีโอดอร์ โอ้ว...ดีอาเธอร์” เคอร์ติสหันหน้ามาทางฉันพร้อมกับถูหลัง

"ให้ช่วยไหม?" ฉันยื่นมือออกมาขณะที่ซิลวี่กระดิกหาง แต่เคอร์ติสส่ายหัว

“ไม่...ฉันไม่เป็นไร นอกจากนี้การดวลของฉันยังไม่จบ” เคอร์ติสแสยะยิ้มขณะที่เขาลุกขึ้นยื่นและหยิบดาบขึ้นมา

ฉันเดินไปนั่งข้างๆแคลร์ที่โซฟาตัวหนึ่ง ฉันเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างเคอร์ติสและธีโอดอร์ดำเนินต่อไป

“ย๊าก!” เคอร์ติส พุ่งไปข้างหน้าหลังจากเสริมดาบของเขาด้วยไฟที่ลุกโชน แต่ในขณะที่เขากำลังจะเข้าสู่ระยะของธีโอดอร์ เคอร์ติสก็กระโดดหลบทันทีโดยทิ้งรอยเท้าที่ไหม้เกรียมไว้ข้างหลังก่อนที่จะปรากฏตัวที่ทางด้านขวาของธีโอดอร์

ปฏิกิริยาของธีโอดอร์รวดเร็วมาก เขายกแขนขวาที่แข็งแรงด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

“ล้มไปซะ!” การจู่โจมของเคอร์ติสนั้นล้มเหลวในขณะที่เขาล้มลงคุกเข่า ดาบของเขาหล่นลงพื้นอย่างแรงต่อหน้าธีโอดอร์

ธีโอดอร์มีรอยยิ้มที่หยิ่งยโสอยู่บนใบหน้าของเขา แต่ในไม่ช้ามันก็เปลี่ยนความคิดและเริ่มจริงจังเมื่อเขาตระหนักถึงแผนของเคอร์ติส

"ระเบิด!" เคอร์ติสตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ดุ

ดาบไม่ได้ลุกเป็นไฟ แต่กลับเปล่งประกายเป็นสีแดงสลัวสว่างขึ้นจนเปลวไฟนั้นระเบิดออกไปทุกทิศทาง

แคลร์มุ่งความสนใจไปที่ควันโดยเดาว่าทั้งดาบและธีโอดอร์นั้นอยู่ข้างใน แต่ฉันแตะไหล่ของเธอและทำท่าทางให้เธอเงยหน้าขึ้น

ธีโอดอร์อยู่บนอากาศโดยที่แขนของเขาถูกไฟเผาเล็กน้อยแต่ไม่เป็นอันตราย ใช้เวทมนตร์แรงโน้มถ่วงกับตัวเองธีโอดอร์ค่อยๆลอยลงมาขณะที่เขาจดจ่อกับคาถาต่อไปของเขา

เคอร์ติสลุกขึ้นยื่นอีกครั้งพร้อมกับดาบในมือของเขาและเตรียมที่จะใช้คาถาต่อไปแล้ว ฉันสังเกตเห็นกราว์เดอร์แกว่งหางจากอีกด้านหนึ่งของห้องอย่างกระสับกระส่าย

“เอาล่ะ! ฉันคิดว่าพอแค่นั้นแหละ!” แคลร์ลุกขึ้นยืนและปรบมือ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครได้ยินเธอพูดเลย เธอถอนหายใจอย่างโมโห “ไคช่วยฉันหน่อยได้ไหม?” แคลร์เหลือบมองกลับไปที่ชายตาหรี่ที่กำลังยิ้ม

“เข้าใจแล้วบอส” แขนเสื้อของไคได้คลุมแขนของเขาไว้ทั้งหมดฉันจึงไม่รู้ว่าเขาซ่อนอะไรไว้ แต่ด้วยการแกว่งแขนของเขา สายโลหะบางๆก็พุ่งออกไปทางธีโอดอร์และเคอร์ติสทำให้เกิดรั้วโลหะชั่วคราวที่กั้นระหว่างพวกเขา

แม้จะเสริมดวงตาด้วยมานาแล้วก็ตาม ฉันก็ยังไม่สามารถระบุคุณลักษณะในทักษะของเขาได้ทำให้ฉันสงสัยว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง

ทั้งเคอร์ติสและธีโอดอร์หยุดทันทีและหันหน้าไปทางไคด้วยความสับสน

“บอสสั่งนะ เราหยุดการดวลไว้แค่นี้เถอะนะคุณสุภาพบุรุษ” ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของไคยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในขณะที่เขาดึงเชือกจำนวนมากกลับเข้าไปในแขนเสื้อ

“ไคทำได้ยังไง?” ฉันถามแคลร์ที่กำลังส่ายหัวไปที่เคอร์ติสและธีโอดอร์

“ไม่มีใครรู้ความลับนั้นเขาเก็บมันเป็นความลับและจากสิ่งที่ฉันบอกได้ก็คือมันไม่มีคุณสมบัติของธาตุใดๆ ที่เฉพาะเจาะจงในมานาของเขาเมื่อเขาใช้ทักษะของเขา” เธอตอบพร้อมกับยักไหล่

“นายสนใจฉันหรืออาเธอร์?” ไคเดินมาข้างหลังฉันและเอนหัวไปข้างหน้าเลยไหล่ของฉัน ทำให้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาตอนนี้อยู่ข้างๆฉัน

“ก็ไม่นิ แค่อยากรู้เล็กน้อยว่านายทำอะไรไปก็เท่านั้น ดูเหมือนว่านายไม่ได้ใช้เวทย์โลหะหรือใช้เสียงเพื่อควบคุมสายโลหะนั้น” ฉันตอบในขณะที่ผลักใบหน้าของเขาออกไปจากของฉัน

"เย็นชาจริงๆ ฉันอยากจะบอกนายนะแต่น่าเสียดายถ้าฉันบอกฉันก็ต้องฆ่านาย” เขาตอบอย่างไม่ไยดีทำให้ฉันเลิกคิ้ว

“โอ้? นั่นเป็นถือว่านายกำลังขู่ฉันหรือ?” ฉันท้าทาย

เมื่อสังเกตเห็นว่าบทสนทนากำลังเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงแคลร์ก็รีบเข้ามาเบรก

“ดูเหมือนว่าเรายังมีคนที่ยังมาไม่ถึงนะ! เฟย์ริธแคธลีนและโดราเดรีย - อาพวกเขาอมานั่นแล้วไง!” เธอพูดขณะที่ผลักเราทั้งคู่ไปที่หน้าประตู

เฟย์ริธกำลังทะเลาะกับโดราเดรียเล็กน้อยเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างขณะที่แคธลีนเข้ามาข้างหลังพวกเขา ฉันยกมือขึ้นเพื่อโบกมือให้กับแคธลีนแต่ทันทีที่สบตากันเธอก็หันหน้าหนีทันทีก่อนจะเดินออกไปอีกทาง

“อาอาเธอร์คู่แข่งของฉัน! นายหายดีแล้วหรือยัง? ฉันอยากจะดวลกับนายสักวันนะแต่ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะรอไว้จนกว่าฉันจะฝึกคาถาที่ฉันกำลังฝึกได้สำเร็จ! ไม่ใช่เพราะฉันกลัวที่จะแพ้นายหรอกนะ แค่ฉันอยากให้เวลานายได้พักฟื้นบ้างก็เท่านั้น” เฟย์ริธเดินขึ้นมาข้างๆฉันและวางแขนของเขาบนไหล่ของฉันในขณะที่เขาหัวเราะอย่างสนุกสนาน

“ตอนนี้ทุกคนอยู่นี้แล้วฉันอยากให้ทุกคนนั่งลงเพื่อที่เราจะได้เริ่มการประชุมเสียที” แคลร์พาเราไปที่โต๊ะกลมบนชั้นสอง

ห้องของคุณะกรรมการวินัยมีทั้งหมดสองชั้น ชั้นล่างเป็นเพียงพื้นที่กว้างๆพร้อมอุปกรณ์ทุกประเภทและยังมีสนามประลองสำหรับฝึกซ้อมอีกด้วย ด้านข้างที่ติดกับอุปกรณ์มีบันไดนำไปสู่ระเบียงชั้นสองที่สามารถมองลงมาที่ชั้นล่างได้ ชั้นสองนั้นตกแต่งด้วยกระดานดำ ตู้และโต๊ะทรงรีขนาดใหญ่ที่มีที่นั่งทั้งหมดแปดที่นั่ง

แคลร์นั่งที่ปลายสุดของโต๊ะโดยมีกระดานดำอยู่ข้างหลังเธอในขณะที่ไคและธีโอดอร์นั่งทางด้านขวาและซ้ายของเธอ ฉันไม่รู้จริงๆว่ามีการกำหนดที่นั่งไว้แล้วหรือไม่ดังนั้นฉันจึงยืนรอให้คนอื่นนั่งลงก่อน ข้างๆไคเคอร์ติสและเฟย์ริธได้นั่งลง ขณะที่โดราเดรียและแคธลีนนั่งทางฝั่งธีโอดอร์ ที่นั่งเดียวที่ว่างอยู่ตรงข้ามกับที่นั่งของแคลร์ดังนั้นฉันจึงนั่งที่นั่นและรอให้การประชุมเริ่ม อาการง่วงนอนของฉันจากการตื่นแต่เช้ากำลังค่อยๆครอบงำร่างกายของฉันอย่างช้าๆ

ฉันเหลือบมองไปที่ซิลวีที่กระโดดออกจากหัวของฉันและเริ่มเล่นกับกราว์เดอร์จนกระทั่งหัวหน้าของเราเริ่มพูด

“นี่เป็นการประชุมครั้งแรกที่ทุกๆคนมาครบและเป็นวันแรกที่เราจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่กันอย่างจริงจัง” แคลร์ประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แม้ว่านี่จะเป็นปีแรกที่คณะกรรมการชุดนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมา ฉันได้ทำงานร่วมกับผอ. กู๊ดสกี้และประธานสภานักเรียนของเราเกี่ยวกับวิธีที่เราควรจัดโครงสร้างและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่จะไม่ยอมทนต่อการกลั่นแกล้งและการดวลที่ไม่เห็นชอบเช่นเดียวกับการบุกรุก ด้วยเหตุนี้เราจึงตัดสินใจที่จะแยกคณะกรรมการวินัยออกเป็นสองทีม ทั้งสองทีมนี้ถูกแยกออกจากกันโดยมีรุ่นน้องและรุ่นพี่ นักเรียนรุ่นพี่ - ธีโอดอร์เคอร์ติสไคและฉันจะแยกกันเป็นคู่ๆ และคอยดูแลวิทยาเขตในตอนเช้าเนื่องจากเราไม่มีเรียนในช่วงนั้น นอกจากนี้พวกรุ่นน้องอย่างแคธลีนเฟย์ริธโดราเดรียและก็อาเธอร์จะถูกแบ่งออกเป็นสองทีมและเดินลาดตระเวนไปรอบๆ มหาวิทยาลัยในช่วงบ่ายในขณะที่พวกรุ่นพี่มีเรียน” แคลร์เริ่มเขียนชื่อของเราทั้งหมดบนกระดานและแบ่งทีมที่เธอได้ตัดสินใจไปแล้ว

ก่อนที่ฉันจะมีโอกาสยกมือขึ้นแคลร์รู้แล้วว่าฉันกำลังจะพูดอะไรก็เลยพูดแทรก

“เนื่องจากอาเธอร์ต้องเข้าเรียนทั้งวัน เขาจะถูกละเว้นจากหน้าที่นั้นอย่างไรก็ตามเขาจะต้องอยู่ในโหมดสแตนด์บายตลอดเวลาในกรณีที่จำเป็นต้องการกำลังเสริม นอกจากนี้ฉันได้รับอนุญาตจากผอ.กู๊ดสกี้ ให้นายเข้าเรียนสายได้ 10 นาทีดังนั้นให้ใช้เวลาระหว่างเปลียนชั้นเรียนคอยจับตาดูความเรียบร้อย” เธอยิ้มด้วยความพึงพอใจขณะที่ฉันวางแขนลง

“ตามที่กล่าวมาฉันได้มีการตกลงกันแล้วว่าใครจะเดินลาดตระเวนเพียงลำพังสำหรับรุ่นน้อง แคธลีนได้อาสาที่จะทำงานนี้ แคธลีนจำไว้ว่าถึงแม้ว่ารุ่นพี่อย่างเราจะเรียนอยู่แต่เราก็ยังสามารถขอตัวออกมาช่วยคุณได้ คุณเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการวินัยดังนั้นหากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่คุณไม่มั่นใจว่าจะจัดการได้ด้วยตัวเองได้โปรดอย่าลืมที่จะขอความช่วยเหลือจากพวกเรา” เธอหันไปจ้องที่แคธลีนในขณะที่พูดแบบนี้ เจ้าหญิงเพียงแค่พยักหน้าขณะที่เคอร์ติสมองด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย

เฟย์ริธยกมือขึ้น “แล้วเราจะสื่อสารกันได้ยังไง?”

“เรายังไม่ได้บอกพวกคุณแต่ถ้าคุณลองนึกภาพสมาชิกคนใดคนหนึ่งในคณะกรรมการวินัยในขณะที่วางมือของคุณบนเครื่องราชอิสริยาภรณ์บนฝักมีดของคุณ มีดก็จะเปล่งแสงจ้าและเสียงสั่นเบาๆ เพื่อแจ้งให้พวกเราทราบว่าใครกำลังเดือดร้อน มีดของสมาชิกแต่ละคนมีสีที่แตกต่างกันดังนั้นจงจำไว้ให้ดี” ในขณะที่แคลร์ประกาศเรื่องนี้เธอก็เริ่มเขียนสีต่างๆที่มีดของเราจะเรืองแสง

แคลร์ - ชมพู

ไค - เงิน

ธีโอดอร์ - สีเหลือง

เฟย์ริธ - สีเขียว

โดราเดรีย - สีแดงเข้ม

เคอร์ติส - สีแดง

แคธลีน - สีน้ำเงิน

อาเธอร์ - สีดำ

ฉันสงสัยว่าแสงสีดำจะออกมาลักษณะอย่างไร ส่วนสีของคนอื่นๆ นั้นค่อนข้างอธิบายตัวของมันเองได้ดีและสอดคล้องกับองค์ประกอบของพวกเขาเป็นส่วนใหญ่ ดูเหมือนว่าเฟย์ริธจะได้สีเขียวเพราะเขาเป็นเอลฟ์

“เรื่องสุดท้ายคือการเฝ้าระวังในเวลากลางคืน ฉันรู้ว่าสิ่งนี้อาจจะมากเกินไปสำหรับคนๆ หนึ่งดังนั้นเราจะผลัดกันทำงานนี้” หัวหน้าของเรามองไปรอบๆ ในกรณีที่เพื่อจะมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน

“ฉันอาสารับงานกะของน้องสาวของฉันด้วยได้ไหม? ฉันอาจจะห่วงน้องสาวฉันมากเกินไปแต่ฉันไม่สบายใจหากแคธลีนต้องตกอยู่ในอันตรายในขณะที่ฉันกำลังหลับ” เคอร์ติสพูดขึ้นขณะเกาหัว แต่มองมาที่ฉันเป็นพิเศษ

“นายแน่ใจเหรอว่าจะไหวนะเคอร์ติส? การทำสองกะในตอนกลางคืนเป็นเรื่องที่หนักอยู่นะ” แคลร์ถาม

ฉันมองไปที่แคธลีนและสังเกตเห็นว่าเธออยากจะพูดแทรก แต่เธอก็เลือกที่จะเก็บความคิดของเธอไว้กับตัวเอง

“แคธลีนเป็นคู่หูของฉันสำหรับกะกลางคืนใช่มั้ย? ฉันทำได้” ฉันพูดขึ้นเมื่อรู้เหตุผลที่แท้จริงที่เคอร์ติสต้องการควบสองกะ ฉันสามารถเข้าใจจากมุมมองของเขาได้เพราะฉันเองก็เป็นพี่ชายเหมือนกัน

“นายไม่จำเป็นต้อง…” แคธลีนพูดขณะที่เธอยืนขึ้น แต่ฉันบอกได้เลยว่าเธอกำลังขัดแย้งกับตัวเองและไม่สามารถหาคำที่จะพูดออกมาได้

“อืม…อืมเนื่องจากแคธลีนต้องคอยลาดตระเวนด้วยตัวเองในช่วงบ่ายฉันคิดว่านี่ก็ยุติธรรมดี โอเคฉันจะอนุญาตแต่อาเธอร์และแคธลีนด้วย ฉันรู้ดีว่าพวกคุณทั้งคู่เป็นประเภทที่จะจัดการกับสิ่งต่างๆด้วยตัวของพวกคุณเอง อย่างไรก็ตามฉันสั่งให้พวกคุณทั้งสองในฐานะหัวหน้าให้เรียกขอความช่วยเหลือทันทีที่พวกคุณคิดว่าคุณต้องการ” เธอเอนตัวไปข้างหน้าบนโต๊ะเพื่อระบุข้อตกลงของเราด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“เข้าใจแล้ว” ฉันสัญญาขณะที่แคธลีนพยักหน้า

“เอาล่ะเนื่องจากเรื่องทั้งหมดตกลงกันได้แล้ว แล้วพวกนายจะไปหรืออยู่ที่นี่และฝึกฝนจนกว่าชั้นเรียนจะเริ่มก็ได้ ห้องนี้จะเปิดบริการให้สำหรับสมาชิกคณะกรรมการวินัยอยู่เสมอดังนั้นให้คิดว่านี่เป็นบ้านหลังที่สองของพวกนายก็แล้วกัน! ฉันแคมป์อยู่ที่นี่มาสองสามคืนแล้วฮ่าๆ !” แคลร์เกาหัวด้วยความลำบากใจ

ฉันหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าฉันจะมีเวลานอนน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนคลาสแรกเริ่ม มีโซฟาสองตัวที่เหมาะสำหรับการงีบหลับที่ชั้นล่าง

เคอร์ติสตบหลังฉันอย่างมีความหมายก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าลงไป แต่เมื่อฉันตามหลังเขาฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงที่เอวกางเกงจากด้านหลัง

“มาดวลกันสักหน่อยไหมเจ้าหนุ่มหน้าหวาน! ฉันได้ดวลกับทุกคนที่นี่แล้วยกเว้นนาย” โดราเดรียยิงยิ้มอย่างตื่นเต้นให้ฉันขณะที่เธอลากฉันจากด้านหลังไปยังสนามประลอง

“ฉันยังไม่หายดีนะโดราเดรียีย ฉันไม่คิดว่านี่จะเป็นความคิดที่ดี” ฉันคร่ำครวญขณะที่ถูกลากไปอย่างช่วยไม่ได้

“เลิกทำตัวเป็นเด็กน้อยเถอะ! วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดความเจ็บปวดนั้นคือการออกกำลังกายไม่ใช่เหรอ?” เธอปล่อยฉันไปแล้วเดินไปอีกด้านหนึ่งของสนามประลอง

แคลร์เดินมาหาเราและทำท่าขอโทษฉัน เธอกำลังจะหยุดการดวลเมื่อธีโอดอร์เดินผ่านเธอและเข้าไปบอกโดราเดรียที่กำลังยืดตัวอยู่

“หลบไปหน่อย” เขาคำราม

“ว้า…ไม่ยุติธรรมเลย” โดราเดรียบ่นขณะที่เธอหุบไหล่ของเธออย่างผิดหวัง

เยี่ยมไปเลย ชายกล้ามโตเข้ามาแทนที่สาวกล้ามโต

แคลร์เพียงแค่ถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “เอาล่ะๆ แต่อาเธอร์ยังบาดเจ็บอยู่ดังนั้นการดวลนี้จะจบลงภายในหนึ่งนาที ให้ฉันเปิดใช้งานสิ่งกำแพงเวทย์ก่อนนะห้องของเราจะได้ไม่พังไปมากกว่านี้”

ซิลวีซึ่งนั่งอยู่บนหัวของกราว์เดอร์ถามว่าฉันสบายดีไหมฉันจึงพยักหน้าตอบรับ

ฉันอาจได้ยังบาดเจ็บอยู่บ้างแต่ก็ตื่นเต้นเพราะฉันก็อยากจะดวลกับธีโอดอร์เช่นกัน ฉันคิดว่าการต่อสู้กับนักเวทย์ดีวีเอินทอาจช่วยให้ฉันเรียนรู้อะไรบางอย่างจากพวกเขาได้

“มีอะไรอยากจะพูดก่อนที่เราจะเริ่มไหม?” ธีโอดอร์ถามในขณะที่เขาหักคอ

“แน่นอน ฉันขอเรียกนายว่าธีโอได้ไหมถ้าฉันชนะ? มันเป็นเรื่องยุติธรรมสำหรับฉันที่จะตั้งชื่อเล่นให้นายเนื่องจากนายก็ตั้งชื่อเล่นให้ฉันใช่มั้ย?” ฉันยิงยิ้มเยาะให้เขาในขณะที่ฉันยืดร่างกายที่ยังปวดอยู่

ฉันเห็นเส้นเลือดโผล่ขึ้นมาบนหัวของเขาในขณะที่ใบหน้าของทุกคนบิดเบี้ยวด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“นายนี้มั่นใจในตัวเองซะจริงๆ ได้ แต่ถ้าฉันชนะนายจะเป็นลูกน้องตัวน้อยของฉันไปตลอดชีวิตในโรงเรียนของนาย” เขามีรอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้าของเขาในขณะที่สมาชิกคนอื่นๆต่างก็มายืนอยู่รอบๆ เวที

“จำไว้ว่าการดวลครั้งนี้จะมีเวลาหนึ่งนาทีหรือจนกว่าจะมีคนโจมตีโดนเป็นคนแรก นั่นคือข้อตกลง!” แคลร์ตะคอกขณะที่เธอปลดดาบและแทงมันลงไปที่พื้น

เราทั้งคู่พยักหน้ายินยอมก่อนที่แคลร์จะส่งสัญญาณให้การดวลเริ่มขึ้น

ธีโอดอร์เริ่มในทันทีโดยพุ่งเข้าใส่ฉันเหมือนวัวที่บ้าคลั่ง ฉันเพิ่มพลังให้กับร่างกายโดยใช้มานาของธาตุลมเพื่อหลบไปมารอบๆ สนามประลองโดยรักษาระยะห่างของฉัน เวทมนตร์แรงโน้มถ่วงของธีโอดอร์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเนื่องจากพลังของเขาเป็นได้ทั้งพลังโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน

แม้ว่าโดยปกติจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อยในการใช้เวทมนตร์ดินในขณะที่กำลังใช้เวทมนตร์ลมอยู่ ฉันก็ยังสามารถรวบรวมเศษดินขนาดเท่าขาของฉันได้ทันเวลาเพื่อเตะพวกมันไปที่ธีโอดอร์ ฉันยิงเศษดินออกไปหลายครั้งด้วยระยะที่แตกต่างกันเพื่อวัดว่าเขาสามารถใช้การจัดการแรงโน้มถ่วงของเขาได้ไกลแค่ไหน

ธีโอดอร์ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังทำในขณะที่เขาคอยพุ่งเข้ามาหาฉันมากขึ้นเรื่อยๆ และหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉันวิ่งหนีไปมาและเตะก้อนหินใส่เขา

“นายคิดว่าฉันจะปล่อยให้นายวิ่งต่อไปเรือยๆหรือ?” เขาคำรามขณะที่ก้อนหินที่ฉันเตะเข้าหาเขาทั้งหมดเริ่มลอย

ธีโอดอร์พุ่งตัวเข้าหาฉันขณะที่เขาลดแรงโน้มถ่วงรอบตัวเขาเพื่อทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ด้วยรอยยิ้มฉันจัดการเล่นงานเขาด้วยแผนการที่วางเอาไว้ ฉันจัดการใช้ดินรอบๆตัวฉันเป็นครั้งสุดท้าย ฉันยิงก้อนหินขนาดใหญ่เท่ากับร่างกายของฉันในขณะที่ฉันกระโดดหนีจากคู่ต่อสู้ของฉัน

ด้วยพื้นที่ของแรงโน้มถ่วงที่ลดลงรอบๆตัวเขา ธีโอดอร์สามารถกระแทกก้อนหินที่กำลังจะทับเขาลอยขึ้นได้อย่างง่ายดาย แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่การมองเห็นของเขาถูกก้อนหินขวางกั้นฉันก็พุ่งเข้าหาเขา

ลมที่โอบล้อมควบแน่นใต้เท้าของฉัน ฉันพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วที่ทำให้ธีโอดอร์ถึงกับประหลาดใจ

[ดราฟสเต็ป]

ฉันใช้เทคนิคที่ฉันคิดขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากเทคนิคขั้นการหลอกล่อ ฉันเร่งเข้าหาเขาด้วยความช่วยเหลือของลมที่รุนแรงข้างหลังฉัน

ความประหลาดใจในตอนแรกของธีโอดอร์กลายเป็นรอยยิ้มอวดดีขณะที่เขากำหมัดแน่น

“ล้มลงไปซะ” เขาตะคอก แรงโน้มถ่วงที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้ลมหลุดออกจากตัวฉันขณะที่ฉันต้องต่อสู้เพื่อไม่ให้ร่างกายต้องกระแทกลงกับพื้น

ด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนใบหน้าที่ยังไม่โกนหนวดของเขา เขาวิ่งก้าวเข้ามาเพื่อเข้ามาในระยะเมื่อฉันส่งยิ้มเยาะและชี้ขึ้นพร้อมกับนิ้วของฉันในการตอบสนอง

ก้อนหินที่ธีโอดอร์เคาะขึ้นไปได้ตกลงบนตัวเขาโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงของแรงโน้มถ่วงอย่างกะทันหัน น้ำหนักของหินจากแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นทำให้ธีโอดอร์นอนราบลงบนพื้นในตำแหน่งที่น่าขบขัน

"พอได้แล้ว!"

แคลร์เข้ามาระหว่างเราสองคนในขณะที่เธอตรวจให้แน่ใจว่าธีโอดอร์ซึ่งค่อยๆฟื้นคืนสตินั้นปลอดภัยดี เมื่อถึงเวลานั้นธีโอดอร์ได้สลัดก้อนหินออกจากตัวเขาในขณะที่เขาปัดฝุ่นเครื่องแบบของเขาอย่างเงียบๆ เขาอาจจะได้รับรอยช้ำที่หลังของเขาแต่ร่างกายที่ได้รับการเสริมมานาของเขาทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บสาหัสได้ - อีกอย่างหินนั้นก็ไม่ใหญ่จนเกินไป

“เป็นการประลองที่ใช้ได้เลยนะ ธีโอ” ฉันเดินเข้าไปหาเขาและตบไหล่ของคู่ต่อสู้ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปโดยมีซิลวี่วิ่งเหยาะๆอยู่ข้างหลังฉัน

ไปหาที่นั่งเพื่องีบสักพักดีกว่า ฉันพูดกับซิลวี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด