ตอนที่แล้วตอนที่ 72 - ต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่เกินไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 73 - ตระกูลเลือดคนบาป

ตอนที่ 72 - เป็นภาพที่งดงามจริงๆ


ตอนที่ 72 - เป็นภาพที่งดงามจริงๆ

แท่นบูชาบรรพบุรุษ ปราณโลหิตล้นทะลักล้นออกมากลั่นตัวเป็นร่างสามร่างที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และปฐพี

ในขณะเดียวกันเมื่อเส้นทางสีทองอันยิ่งใหญ่แผ่กระจายออกมาร่างกายของพวกเขาก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดคล้ายกับว่าจะมีความแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย ปราณโลหิตที่มีสีทองจางๆ เป็นพลังที่ปราบปรามทั้งจักรวาลได้

จากระยะไกลพวกเขาสามารถมองเห็นคนๆหนึ่งที่มีพู่กันขนาดใหญ่ในมือร่างกายท่อนล่าง มีลักษณะเป็นอสรพิษดุร้าย

อีกคนอาบแสงเพลิงไปทั่วกายในมือของเขามีกระดูกสีทองอยู่หนึ่งชิ้นไม่ทราบว่ามีไว้เพื่อประโยชน์อะไร ข้างหลังเขามีปีกศักดิ์สิทธิ์เหมือนหงส์เพลิงอมตะที่แท้จริง ดวงตาของเขาเหมือนสายฟ้าแห่งสวรรค์มองลงไปยังโลกมนุษย์

คนที่ 3 มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีลักษณะพร่ามัวมองไม่เห็นว่าเขามีใบหน้าอย่างไร

คนทั้งสามนี้มีลักษณะคุกคามน่ากลัวเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้ พวกเขาถูกสร้างขึ้นจากปราณโลหิตย้อมด้วยแสงสีทองแม่จะไม่ได้ปรากฏตัวด้วยร่างจริง แต่พวกเขามีชีวิตชีวาจริงๆพลังเต๋าศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวอย่างน่าเหลือเชื่อ

บุคคลเหล่านีคือคนที่คอยปกป้องแท่นบูชาบรรพบุรุษอยู่เสมอหรือไม่? พวกเขาเป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้แข็งแกร่งไม่มีใครเทียบได้ อายุของพวกเขายังมากกว่าเซียนอมตะหวังกับเมิ่งเทียนเจิ้งเสียอีก

เมื่อสามพี่น้องตระกูลหินผา ยกเท้าขึ้นก้าวไปสู่เส้นทางสีทองอันยิ่งใหญ่โลกทั้งใบก็สั่นสะเทือนราวกับดินแดนเซียนถูกทำลายคลื่นระเบิดพุ่งเข้าสู่โลกมนุษย์

ความผันผวนของพลังในครั้งนี้รุนแรงเกินไปทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน หวังฉางเหอ,กู่หมิงเต้า และใบหน้าของของคนอื่นๆ กลายเป็นซีดขาวไม่สามารถทนได้อีกต่อไป พวกเขาถูกคลื่นกดดันจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น

ในขณะเดียวกันหลายคนที่ไม่ได้ถูกพลังเหล่านี้กดดันแต่ก็เกิดความหวาดกลัวไม่น้อย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะคำนับด้วยความเคารพ!

คนเหล่านี้เป็นเทพบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ดูเหมือนพวกเขาจะมีความขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย พวกเขาจ้องมองมดปลวกเหล่านั้นที่กล้าใส่ร้ายตระกูลหินผาทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว

“พวกเจ้านับว่ามีความกล้าไม่น้อย!” เย่ชิงเซียนกล่าวขณะที่จ้องมองไปยังกู่หมิงเต้า, หวังฉางเหอและคนของตระกูลจินสีหน้าของนางเย็นชา

“ผู้อาวุโสโปรดยกโทษให้เราด้วยเราไม่ควรพูดออกไปแบบนั้น!” คนเหล่านั้นก้มศีรษะลงรู้สึกกังวลอย่างมาก มีบางคนที่ตัวสั่นอย่างต่อเนื่องไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทางที่เลวร้ายแบบนี้

อาจกล่าวได้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งสามนี้หากพวกเขาลงมือฆ่าคนที่นี่จะไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้าแทนพวกเขา แม้แต่บรรพบุรุษก็คงเพียงผงกศีรษะแสดงการรับรู้เท่านั้น

“เดี๋ยวก่อนยังมีข้าอยู่อีกคน!” เฉาอวี่เซิ่งโบกมือจากด้านหลังเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ที่นี่แม้แต่มดตัวน้อยสีทองก็ยืนอยู่บนไหล่ของ สือฮ่าวแล้ว

แม้ว่าเขาจะค่อนข้างอ้วน แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็รวดเร็วพร้อมกับ ที่เคลื่อนตัวไปยังเส้นทางสีทองอันยิ่งใหญ่ที่สือฮ่าวกำลังเดินไปคล้ายกับกระต่ายที่มีชีวิตชีวา

เส้นทางสีทองอันยิ่งใหญ่ถอยออกไปพร้อมกับเสียงดังก้อง สามารถเห็นสัญลักษณ์เต๋าที่ยิ่งใหญ่มากมายปรากฏขึ้นโดยรอบร่างของพี่น้องตระกูลสือทั้งสามคน สะท้อนกับกระดูกเซียนภายในร่างกายของพวกเขา

“นี่คือเสียงสะท้อนของกฎสวรรค์ เป็นการชะล้างร่างกายด้วยพลังเวทมนต์! คนเหล่านี้ถือได้ว่าได้รับของขวัญไม่น้อยเลยทีเดียว!” มีคนพูดเบาๆ

สามารถเห็นได้ว่าพี่น้องทั้งสามของตระกูลสือรวมถึงเฉาอวี่เซิ่งร่างกายได้รับผลประโยชน์มากมายจริงๆ จิตใจของผู้คนเหล่านั้นล้วนสั่นสะท้าน

คลื่นแสงสีทองพุ่งออกมาจากร่างกายของพวกสือฮ่าวทั้ง 4 คลื่นแสงก่อตัวขึ้นรอบๆ พวกเขาในขณะที่มันเคลื่อนเข้ามาอีกครั้ง

หากเป็นคนปกติหลังจากได้รับความช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ทำการชะล้างร่างกายด้วยพลังเวทย์มนตร์พวกเขาจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน! แต่ว่าพวกเขาทั้ง 4 ได้รับการขัดเกลาร่างกายจากคัมภีร์หยกอมตะมาตลอด 1 ปีทำให้ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับน้อยกว่าที่ควรจะเป็นแต่ถึงจะอย่างนั้นก็ยังทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกอิจฉาตาร้อน

นี่คือทัศนคติของผู้อาวุโสที่เฝ้ารักษาแท่นบูชาบรรพบุรุษหรือไม่?

ทุกคนสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าพวกเขารับพี่น้องทั้ง 3 คนของตระกูลสือไว้ใต้ปีกของพวกเขาทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องในอดีตมีความลับซ่อนอยู่? กู่หมิงเต้า,หวังฉางเหอและใบหน้าของคนอื่นๆ กลายเป็นน่าเกลียดอย่างไรก็ตามสิ่งที่โชคดีคือพวกเขาไม่ถูกลงโทษอะไรมากมายนักนอกจากทำให้อับอายเท่านั้น

เมื่อแสงสีทองถูกดึงกลับไปพวกสือฮ่าวทั้ง 4คนที่ทิ้งตัวลงบนพื้น ใบหน้าของทุกคนที่เคยโจมตีพวกเขาเผยให้เห็นการแสดงออกที่น่าอึดอัดใจและอับอายอย่างมากทุกคนมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อยการเข้ามาแทรกแซงของบุคคลที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามนี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ

“ข้าได้ยินมาแค่ว่ามีผู้อาวุโสไม่กี่คนที่คอยดูแลแท่นบูชาบรรพบุรุษซึ่งพวกเขาแทบจะไม่ปรากฏตัวในโลก พวกเขามีความเป็นมาแบบไหน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”

หลังจากนั้นไม่นานก็มีใครบางคนพูดขึ้นพูดคุยกันอย่างเงียบๆ หวังว่าจะเข้าใจต้นกำเนิดของบรรพบุรุษเหล่านั้น

“พวกเขามีอายุยืนยาวจนถึงจุดที่ยากที่จะบอกว่าพวกเขามาจากยุคไหน ข้ารู้แค่ว่าพลังของพวกเขามาจากกระแสดวงดาว เพียงแค่พวกเขาเปิดปากก็สามารถดึงพลังจากพวกมันมาเสริมแก่นแท้ให้กับตัวเอง”

“พวกเขามีอายุมากกว่าจินไท่จุน,เซียนอมตะหวังและเมิ่งเทียนเจิ้งด้วยซ้ำน่าจะเป็น…สิ่งมีชีวิตที่เกิดก่อนสงครามเซียนโบราณยุคสุดท้าย!”

“ก่อนหน้านี้มีบางคนที่โชคดีพอที่จะเห็นรูปร่างของพวกเขาจากระยะไกลมีข่าวลือว่าทุกคนมีร่างกายที่แห้งเหี่ยวสีทองเห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความอาวุโสเป็นอย่างมาก” ใครบางคนพูดเบาๆ เดิมทีเขาอยากจะบอกว่าพวกเขาดูเหมือนพวกเขาตายในสมาธิไปแล้ว แต่ไม่กล้าพูดออกมา

คนอื่นๆ ขมวดคิ้ว ร่างทั้งสามที่พวกเขาเห็นแม้จะเต็มไปด้วยความแก่ชรา แต่ก็น่าจะเป็นรูปลักษณ์ของร่างกายที่แท้จริงของพวกเขา พวกเขาไม่ได้แห้งเหี่ยวมีหนังหุ้มกระดูกอย่างในข่าวลือ

อย่างไรก็ตามไม่มีใครจะกล้าที่จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป ใครจะกล้าตรงไปที่แท่นบูชาบรรพบุรุษเพื่อแอบดู?

“พวกเขาเป็นหินสลักไม่ใช่คนจริงๆหรือ!”

ในส่วนลึกของเมืองจักรพรรดิ์ด้านหน้าแท่นบูชาบรรพบุรุษที่ลึกลับสถานที่แห่งนี้ยังห่างไกลจากความศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คนนอกจินตนาการ

อาจกล่าวได้ว่าระหว่างทางที่พวกเขาเข้ามาที่นี่ทุกอย่างดูทรุดโทรมกำแพงที่แตกผุพังและเศษซากปรักหักพังมีอยู่ทุกที่ หากพวกเขาไม่รู้ว่านี่คือแท่นบูชาของบรรพบุรุษพวกเขาคงคิดว่าพวกเขาอยู่ในซากปรักหักพังที่กว้างใหญ่

คนที่ร้องด้วยความตกใจคือเฉาอวี่เซิ่ง เขาจ้องมองไปยังปลายทางที่เส้นทางสีทองอันยิ่งใหญ่ได้ถอยกลับเข้าไป ตรงนั้นมีรูปสลักหินอยู่ 3 รูปไม่ใช่คนจริงๆ

นี่คือส่วนลึกของแท่นบูชาบรรพบุรุษ แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือกำแพงโบราณสิ่งอื่น ๆ ปกคลุมไปด้วยพลังแห่งความโกลาหลมีเพียงบางพื้นที่เท่านั้นที่มองเห็นได้

“พวกเขาอยู่ที่ไหน? จะมีเพียงหินสลักได้อย่างไร? ผู้อาวุโสโปรดออกมาศิษย์รุ่นหลังคนนี้ปรารถนาที่จะขอคำแนะนำจากพวกท่าน!”เฉาอวี่เซิ่งพึมพำพร้อมกับป้องมือของเขาที่นี่เพื่อทักทายด้วยความเคารพ

“เจ้าต้องการพบพวกเขาจริงๆหรือ” เย่ชิงเซียนเดินผ่านไปร่างของนางเคลื่อนไหวอย่างงดงามจนผู้คนไร้คำพูดจะกล่าว

แม้แต่คนอย่างเฉาอวี่เฉิงที่เคยเห็นสิ่งต่างๆทุกประเภทก็รู้สึกละอายเล็กน้อยเมื่อเขามองดูความงามที่โดดเด่นนี้จากนั้นก็หัวเราะคิกคัก

"พวกเขาเป็นใคร?" สือฮ่าวถาม

“คนที่ถือพู่กันกระดูกขาวคือบรรพบุรุษของตระกูลสือคนที่อาบด้วยไฟคือบรรพบุรุษของตระกูลเพลิงส่วนอีกคนเป็นสหายศึกของพวกเขา” เยว่ชิงเซียนตอบ

สือยี่และฉินฮ่าวตกใจ พวกเขาจ้องมองคนที่สลักอยู่บนหิน!

สือฮ่าวก็ตกใจเช่นกันเขานึกถึงราชาทั้งเจ็ดของชายแดนรกร้างทันที นี่คือพวกเขา? เขาจ้องมองอย่างระมัดระวังพบว่าพวกเขาคล้ายกันมากเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นร่างที่ไม่ชัดเจนของพวกเขาจากเรือโบราณสีดำ

หลังจากหายใจเข้าลึก ๆสือฮ่าวถามว่า“พวกเขาคือสามคนในราชาทั้ง เจ็ดหรือไม่”

"ถูกต้อง." เย่ชิงเซียนพยักหน้า จากนั้นนางก็มองไปที่เฉาอวี่เซิ่ง และถามว่า "เจ้าต้องการพบพวกเขาจริงๆหรือ?"

"แน่นอน!" เจ้าอ้วนพยักหน้าหงึกหงัก เขาถูมืออย่างมีความสุข ตอนนี้เขากำลังคิดอยู่ว่าจะขอสมบัติล้ำค่าได้อย่างไร

“นั่นเป็นเรื่องยากมากเพราะก่อนอื่นเจ้าต้องจบชีวิตของตัวเองก่อน” เย่ชิงเซียนกล่าว

"อะไร?"เฉาอวี่เซิ่งรู้สึกมึนงง

เย่ชิงเซียนกล่าวว่า“นี่คือแท่นบูชาบรรพบุรุษไม่เพียงแต่เป็นสถานที่แห่งความสันโดษของผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่เสียสละผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่เจ้าทุกคนเห็นล้วนเป็นคนจากยุคโบราณชีวิตและความตายของพวกเขาในปัจจุบันเป็นเรื่องลึกลับ”

“สถานที่นี้เป็นแท่นบูชาบรรพบุรุษ เพื่อเป็นการช่วยเหลือพวกเจ้าข้าได้ถวายเครื่องบูชายัญโดยเรียกเจตจำนงที่เหลืออยู่บนแผ่นหินสลัก บางทีร่างที่แท้จริงของพวกเขาอาจตายไปแล้ว” เย่ชิงเซียนกล่าวช้าๆ

“การบูชายัญแบบไหนถึงสร้างพลังอันยิ่งใหญ่มากถึงขนาดนี้” สือยี่ขมวดคิ้ว

“มีเพียงกระดูกบางส่วนที่บรรพบุรุษโบราณต่างมิติทิ้งไว้ มันไม่มี มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้ามากนักข้าเลยเอามาบูชายัญ” นางพูดอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับใช้นิ้วม้วนผมไปมา ความงามของนางสามารถล่มเมืองได้เลยทีเดียว

มดตัวน้อยสีทองกลายเป็นหิน

สือยี่และฉินฮ่าวมีอาการมึนงง

เฉาอวี่เซิ่งพูดไม่ออก

สือฮ่าวหวั่นไหว กระดูกของบรรพบุรุษโบราณจากต่างมิตินี่น่าตกใจเกินไป

อันหลานและซือถู ต่างก็เป็นบรรพบุรุษโบราณจากต่างมิติตัวตนของพวกเขานั้นพิเศษเหนือใคร พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำกลุ่มบรรพบุรุษที่ไม่มีใครเทียบได้พลังความแข็งแกร่งของพวกเขาครอบคลุมโลกมาตั้งแต่โบราณ

ลั่วโม่ที่ถูกฆ่าตายในสนามรบก็เช่นกัน เขามีเลือดที่แท้จริงห้าสีต่อสู้กับ เซียนที่มีโลหิตแห่งความโกลาหลเจ็ดสีจนตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย

เย่ชิงเซียนมีต้นกำเนิดแบบไหนกันแน่ถึงมีกระดูกบรรพบุรุษแบบนี้ ค่าใช้จ่ายในครั้งนี้น่าตกใจเกินไป

“พวกเจ้าทุกคนอย่ายืนโง่ๆ แบบนั้นได้ไหม? ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนฆ่าพวกเขาเสียหน่อยเพียงแค่สิ่งของที่ตระกูลของข้าหยิบฉวยกลับมาและมันจะเป็นการสูญเปล่าที่จะทิ้งมันไว้เฉยๆคงจะดีกว่าถ้าเราเอามาใช้ประโยชน์” นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังน่าตกใจ!

“นี่มันไม่สิ้นเปลืองจริงๆเหรอ? เพื่อประโยชน์ของเราทำไมเจ้าถึงใช้การเสียสละที่น่าตกใจเช่นนี้?”เฉาอวี่เซิ่งกล่าวเบาๆ จากนั้นเขาก็หรี่ตาลง “อย่าบอกนะว่าเจ้าชอบข้า”

เปง!

เขาล้มหงายทันที จากนั้นแสงแห่งสวรรค์ล้อมรอบตัวเขาส่งออกไปยังสระโคลนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

“เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงขนาดนี้ก็ได้ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ชอบข้าก็ตาม!” เจ้าอ้วนเฉาตะโกนอย่างน่าสังเวช

“สิ่งนี้จะสามารถหลอกคนเหล่านั้นได้หรือไม่” สือฮ่าวถาม

“การที่พวกเขายังไม่รู้สึกตัวมันจะน่าเบื่อแค่ไหนกัน? คงจะน่าสนใจกว่านี้มากเมื่อพวกเขาพบความจริงที่ทำให้รู้สึกอับอายและโกรธเกรี้ยว แค่คิดภาพข้าก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว”เย่ชิงเซียนกล่าว

สือฮ่าวและคนอื่น ๆ พูดไม่ออกทันที

ข้างนอกหวังฉางเหอ กู่หมิงเต้าและคนอื่น ๆ ไม่ต้องการยอมรับเรื่องนี้ ผู้สืบสายเลือดของคนบาปจะได้รับความคุ้มครองจากผู้ดูแลแท่นบูชาบรรพบุรุษได้อย่างไร? พวกเขาสับสนส่งคนออกไปหาข้อมูลเพิ่มเติม

รากฐานจากตระกูลอมตะนั้นแข็งแกร่งไม่น้อยเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีคนในตระกูลที่อาศัยอยู่ในเมืองชั้นใน

“อาวุโสเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คนเหล่านั้นต้องปกป้องแท่นบูชาบรรพบุรุษไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงต้องออกมาหาเด็กรุ่นหลังไม่กี่คน”

กู่หมิงเต้าถามชายชราที่มีลักษณะน่าสะพรึงกลัวเขาก็พบว่าอีกฝ่ายแสดงสีหน้าแปลก ๆ

“เจ้าต้องการรู้ความจริงไหม” ใบหน้าของผู้อาวุโสถูกปกคลุมไปด้วยริ้วรอยดูเหมือนเปลือกส้มแห้ง

"ต้องการ!" กู่หมิงเต้าพยักหน้าอย่างมั่นคง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด