ตอนที่แล้วบทที่ 33 เพื่อน(2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 เพื่อน(4)

บทที่ 34 เพื่อน (3)


ยกเว้นลิเลียทุกคนดูเหมือนจะมีความประทับใจที่ดีต่อเฟรย์

เชพเพิร์ดหัวเราะเบา ๆ

“ลองคิดดูสินายรู้จักกับโซเนียใช่ไหม?”

“ผมพบเธอที่ภูเขาอิสปาเนียนะครับ”

“ฉันได้ยินมาจากเธอว่านายได้กวาดล้างกลุ่มทหารรับจ้างด้วยตัวเอง จากลิชไปจนถึงทหารรับจ้าง…และฉันยังรู้ว่านายอายุน้อยกว่าเพเรียนถึงสองปีซึ่งทำให้ความสำเร็จนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมากยิ่งขึ้น”

มันไม่ใช่แค่คำชม

เฟรย์หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะที่เชพพาร์ดพูดต่อราวกับว่ามันเป็นเพียงคำพูดผ่านลอยไปเฉยๆ

“แต่นายมีธุระประเภทใดในเทือกเขานรกนั้น?”

“…”

จังหว่ะช่วงเวลาของคำถามของเขานั้นสวยงามมาก

แน่นอนว่าเฟรย์ไม่มีเจตนาที่จะพูดความจริง แต่เขาพอได้เบาะแสแล้วว่าเชพเพิร์ดต้องการอะไร

ทุกสิ่งที่ท่านดยุคได้พูดมาจนถึงจุดนั้นคือการต้องการถามคำถามนั้น

เฟรย์ตอบโดยไม่แสดงออก

“ผมมีธุระส่วนตัว”

“โอ้ว ธุระส่วนตัว?”

“มันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ใช่เรื่องที่ท่านลอร์ดต้องใส่ใจ”

เมื่อเฟรย์ยิ้มและพูดคำเหล่านั้นเชพเพิร์ดก็ไม่ได้ขุดคุ้ยต่อ

เขามองไปที่เฟรย์ด้วยสีหน้าที่สนใจอยู่เล็กน้อยและไม่ได้พูดถึงหัวข้อนี้อีกต่อไป

สักพักมีการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆมากมาย สิ่งต่างๆเกี่ยวกับสถาบันการศึกษาหอคอยเวทมนตร์ครอบครัวและอื่นๆ

เมื่อการสนทนาดำเนินไปเชพเพิร์ดก็พูดอีกครั้งราวกับว่าเขาเพิ่งจำอะไรบางอย่างได้

“มีเวทมนตร์บางอย่างที่ฉันกำลังศึกษาอยู่เมื่อเร็วๆ นี้และฉันอยากรู้ความคิดเห็นของนายอยู่พอดี”

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ในที่สุดเฟรย์ก็ตอบรับ

“ผมไม่คิดว่าเด็กๆอย่างผมจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้เลยนะครับ”

“นั่นไม่สำคัญสิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้คือมุมมองจากคนรุ้นใหม่ ฉันเพิ่งรู้ผ่านบทสนทนาของเราวิธีที่นายมองโลกนั้นแตกต่างจากฉันมาก ฉันแน่ใจว่านายจะต้องตอบสนองความคาดหวังของฉันได้”

“…”

“แน่นอนฉันจะไม่โทษถ้านายไม่สามารถทำสิ่งที่ฉันคาดหวังได้ ฉันไม่ได้บังคับนายและฉันไม่ได้พยายามกดดันนายอีกต่อไป”

เขาคงอยากจะคุยเป็นการส่วนตัว

เฟรย์สบตากับเชพเพิร์ดชั่วครู่

มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับเขาและนั่นก็คือเชพเพิร์ดมีความสนใจเกี่ยวกับตัวเขา

และมันก็เหมือนกันสำหรับเฟรย์

ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้นานเกินไป

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ”

"ขอบคุณฉันจะส่งแดฟกอนไปหานายในภายหลัง”

การสนทนาจบลงที่นั่น

ไม่นานจากนั้น เพเรียนและเฟรย์ก็ออกจากห้องและเดินไปที่ห้องโถง

“พ่อของฉันดูเหมือนจะสนใจนายมาก อย่ากังวลเกินไปเลย เขาแค่เข้มงวดแต่ไม่ใช่คนประเภทที่จะใช้กลอุบาย”

‘ฉันไม่คิดว่านายจะประหม่าอยู่แล้ว’

เพเรียนพูดสิ่งนี้อยู่ในหัวก่อนจะหัวเราะออกมา

“สนามฝึกซ้อมอยู่ด้านหลัง คุณโซเนียน่าจะอยู่ที่นั่นนายจะไปทักทายเธอก่อนก็ได้นะ”

"แล้วนายล่ะ?"

“ฉันคิดว่าฉันต้องปลอบใจลีเลียสักหน่อย”

เฟรย์พยักหน้าและเดินตรงไปที่สวนหลังบ้าน

สนามฝึกนั้นกว้างขวางมาก แต่ดูเหมือนว่าจะมีเพียงโซเนียเท่านั้นที่ฝึกดาบของเธอ

แน่นอนว่ามีอีกคนอยู่ที่นั่นกับเธอ

เป็นลูเธอร์ที่เฝ้าดูโซเนียฝึกซ้อมจากระยะไกล

เขาเห็นเฟรย์และเขาก็เดินเข้าไปหาและหันมาเผชิญหน้ากับเขา

"คุณเฟรย์?”

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"

“อ่า...ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว”

ลูเธอร์ดูมีความสุขมาก

เฟรย์ได้พบกับเขาก่อนที่จะหันกลับไปดูโซเนียฝึก

ขณะที่เธอเหวี่ยงดาบ ใบหน้าของเธอก็ดูคมเหมือนกับดาบ

เฟรย์ตระหนักว่าเธอโดดเด่นกว่าที่เขาคิด

ลูเธอร์ดูภาคภูมิใจเล็กน้อยกับสิ่งนี้

“มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์จากพระราชาตั้งแต่อายุยังน้อย”

"บรรดาศักดิ์?"

"ใช่ฉายาของเธอก็คือ "เรนสตอม" "

เฟรย์ฟังคำพูดของลูเทอร์และให้ความสนใจกับเพลงดาบของโซเนียมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเพลงดาบของเธอค่อนข้างคุ้นเคยกับเฟรย์

‘เพลงดาบของลูซิด [เดรดเมน] …ไม่”

มันคล้ายๆกันแต่มันก็แตกต่างกันเล็กน้อย

เฟรย์ขมวดคิ้ว

‘นี่ใช่จริงๆเหรอ?’

มีบางส่วนที่ดูเงอะงะเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าการไหลที่เป็นเอกลักษณ์ของเพลงดาบเดรดเมนจะไม่ได้ถูกกำหนดได้อย่างถูกต้อง

เขาไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาดาบ แต่เขาก็มีสายตาที่ดีพอ

นับตั้งแต่ 4,000 ปีผ่านไปเป็นที่เข้าใจได้ว่าเพลงดาบของลูซิดนั้นไม่มีใครสามารถสืบทอดได้อย่างเต็มที่

หลังจากกระจายออกไปตามลูกศิษย์ของเขาแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่แต่ละคนจะพัฒนาไปในทิศทางที่ต่างกัน

เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ตั้งปัจจุบันของอาณาจักรลัวโนเบิลก็เคยเป็นที่ตั้งของไอคอลเลียมบ้านเกิดของลูซิด

อาณาจักรลัวโนเบิลมีผู้สืบทอดจากไอคอลเลียมหรือ?

หรือมันถูกดูดซับไปแล้วหลังจากถูกประเทศอื่นๆรุกราน?

เฟรย์เริ่มไตร่ตรอง

“เฟรย์!”

โซเนียมองเขาด้วยความประหลาดใจ

เฟรย์เงยหน้าขึ้นมองเธอ

“มันเป็นวิชาดาบที่ดี”

“หรือ? ขอบคุณ”

“…”

เขาไม่ได้พยายามชมเชยโซเนียแต่เป็นเพียงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเดรดเมน

ไม่ว่าในกรณีใดไม่มีเหตุผลที่เขาจะชี้จุดด๋อยให้เธอและทำให้บรรยากาศเสีย

เฟรย์คุยกับโซเนียอยู่สักพักหนึ่งแต่การสนทนากลับไม่ค่อยดีนัก

โซเนียไม่สามารถมีสมาธิกับการสนทนาได้อย่างแท้จริงและแสดงอาการกระสับกระส่าย

ลูเธอร์ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อเห็นเช่นนั้น

จากนั้นแดฟกอนก็เข้ามา

เขาพูดหลังจากทำความเข้าใจกับโซเนียและลูเทอร์ในช่วงสั้นๆ

"คุณเฟรย์ท่านลอร์ดกำลังเรียกหาคุณ”

“ฉันจะไปตอนนี้แหละ โซเนียไว้คุยกันทีหลัง”

“อ่าเอ่อ? ได้…”

เฟรย์เดินตามแดฟกอนทันที

เขาถูกพาไปที่ด้านบนสุดของคฤหาสน์

หลังจากเดินเป็นเวลานานขึ้นไปทางบันไดธรรมดาและบันไดวนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงชั้นดาดฟ้า

มีสวนอยู่บนดาดฟ้าและได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้เข้ากับสวนที่อยู่บนพื้นดิน

เชพเพิร์ดนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางแจ้งรอเขาอยู่

แดฟกอนจากไปหลังจากโค้งคำนับ

ตอนนี้มีเพียงสองคนคือเฟรย์และเชพพาร์ดอยู่บนดาดฟ้า

“คุณต้องการที่จะนั่งมั้ย?”

เฟรย์ปฏิบัติตามและนั่งตรงหน้าพวกเขา

ชายทั้งสองจ้องมองกันเป็นเวลานานจากนั้นเชพเพิร์ดก็ค่อยๆเปิดปากของเขา

“…อะไรที่ทำให้โทร์วแมนริงส์มาที่บ้านของฉัน?”

เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?

โทร์วแมนริงส์เป็นสโมสรในสถาบันการศึกษาไม่ใช่หรือ?

สโมสรที่นำโดยลูกชายของเขาเอง

แน่นอนว่าเฟรย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น

ผู้ชายคนนี้ไม่รู้เลยเหรอ?

"นอกจากนี้ยังน้ำเสียงของเขาเป็นเหมือนกับการเตือนอีกด้วย"

“ผมไม่ได้อยู่ในโทร์วแมนริงส์”

“หยุดเสแสร้งได้แล้วนายต้องมาที่นี่เพราะนายมีอะไรบางอย่างที่จะพูด”

ดวงตาของเชพเพิร์ดเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“การใช้เพเรียนเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดเลยทีเดียว นายคงได้ยินมาจากลูกชายของฉันว่าตอนนี้ฉันอยู่ในคฤหาสน์”

“ดูเหมือนจะมีความเข้าใจผิดนะครับ”

“ฮ่า? เข้าใจผิด? ใช่ถ้าสมมติว่าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมนายถึงทำในสิ่งที่เข้าใจผิดละ?”

"อะไรนะ?"

“ต่างหูไต้ฝุ่นไง นายสวมมันอย่างเปิดเผยเพื่อแสดงให้ฉันเห็นไม่ใช่หรือ?”

เขารู้เรื่องต่างหูไต้ฝุ่นด้วย?

ไม่น่าแปลกใจเลย

บางทีเมื่อเฟรย์สังเกตเห็นรอยสักของเขาเชพเพิร์ดก็อาจจะสังเกตเห็นต่างหู

สิ่งที่กวนใจเฟรย์คือทัศนคติของเขา

เชพเพิร์ดกำลังกดดันเขาเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างอย่างมั่นใจและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดผิด

ด้วยเหตุนี้การสนทนาจึงไม่สามารถไปต่อได้

“ฉันไม่รู้เลยว่าท่านลอร์ดดยุคพูดถึงอะไร โทร์วแมนริงส์เป็นสโมสรในสถาบันการศึกษาที่เพเรียนเป็นผู้นำอยู่ไม่ใช่หรือ?”

เชพเพิร์ดหยุดชั่วขณะที่คำพูดของเฟรย์และดูเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิด

ถ้าเขาพูดทั้งหมดนี้และไม่มีข้อสงสัยเขาก็คงไม่มีอะไรจะพูดอีก อย่างไรก็ตามเฟรย์ไม่เชื่อว่าเชพเพิร์ดเป็นคนโง่

เวลาผ่านไปไม่นานก่อนที่เชพเพิร์ดจะถอนหายใจ

"…ฉันเข้าใจแล้วนายเป็นคนพเนจรนี้เอง”

พเนจร?

นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะใช้อธิบายหนึ่งในลูกชายของตระกูลเบลค

แม้ว่าเขาจะได้รับการปฏิบัติเหมือนคนนอกจากครอบครัว แต่เขาก็ไม่ได้ถูกไล่ออกจากครอบครัวจริงๆ

เชพเพิร์ดเหลือบมองไปที่เฟรย์และพูดต่อ

“ก็อย่างที่นายบอก ฉันเข้าใจผิด…ถูกต้อง ฉันได้เห็นต่างหูไต้ฝุ่นมันต้องมาจากเทือกเขาอิสปาเนียใช่ไหม?”

เฟรย์มองไปที่เชพเพิร์ดโดยไม่ตอบ

“นายระแวงฉันหรือ?”

“ในระดับเดียวกับที่ท่านดยุคระแวงผม”

“ฮูฮูช่างกล้าหาญ นายไม่รู้หรอกว่าที่นี่คือที่ไหน?”

“แน่นอนผมรู้ดี ทีนี้เป็นบ้านของเพื่อนของผม เพเรียน”

“…”

“เหตุผลที่ผมมาที่ตระกูลจุนไม่ใช่เพื่อพบกับท่านลอร์ดดยุคแต่ผมมาที่นี่เพื่อมาหาเพเรียน”

จากคำตอบที่หนักแน่นของเฟรย์ เชพเพิร์ดไม่มีทางเลือกนอกจากลังเลใจอีกครั้ง

สิ่งที่เขาพูดคือความจริงและเขาเองที่ขอพบกับเฟรย์

“ฉันยังไม่เชื่อใจนายได้หมด แต่ฉันจะให้คำอธิบายสำหรับความหยาบคายของฉัน ฉันจะไม่ปฏิบัติกับนายเหมือนคนนอกเพียงเพราะนายมีต่างหูคู่นั้น”

เขากล่าวถึงต่างหูไต้ฝุ่นอีกครั้ง

เฟรย์เหลือบมองไปที่ไม้เท้าแห่งมหานักปราชญ์ที่อยู่ในรูปแบบของสร้อยข้อมือ

เขาจำต่างหูได้ แต่ไม่สังเกตเห็นสร้อยข้อมือ

เขารู้จักเสื้อคลุมซาลาแมนเดอร์ด้วยมั้ย?

เขาฟังเชพเพิร์ดในขณะที่ซ่อนความคิดอยู่ในใจ

และคำพูดต่อไปนี้เกินความคาดหมายของเขา

ในทางที่ดี

“นายคิดว่าใครเป็นเจ้าของทวีปนี้?”

คนอื่นอาจมองว่าเป็นคำถามที่ไร้สาระ แต่ดวงตาของเฟรย์กลับคมชัดขึ้นแทน

เชพเพิร์ดพูดต่อโดยไม่รู้ตัว

“อาณาจักรคัสต์เคาเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่มนุษย์ อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถอ้างสิทธิ์ได้มากกว่าหนึ่งในสิบของดินแดนของทวีปนี้”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้าใจได้

หากพลังของปัญญาชนที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้สามารถใช้สิบนิ้วนับแล้วละก็

และพลังของมนุษย์อาจกล่าวได้ว่ามีเพียงสามนิ้วเท่านั้น

นี่เป็นการบอกว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นเจ้าของทวีป

แต่เฟรย์รู้เรื่องนี้

เขารู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติที่ควบคุมทวีปจากเงามืด

เฟรย์จ้องไปที่ปากของเชพเพิร์ดจนเกือบลืมหูลืมตา

เขาได้พูดคำที่เฟรย์อยากได้ยินมากที่สุด?

“เดมิก็อด”

“…!”

คำเดียวนั้นคำเดียวถึงกับทำให้เฟรย์ตัวสั่นไปหมด

ในเวลาเดียวกันคำถามมากมายของเขาดูเหมือนจะได้รับคำตอบ

สาเหตุที่เขาไม่ได้ระแวงเชพเพิร์ดอย่างเต็มที่

สาเหตุที่เขามีรอยสักของชไวเซอร์อยู่บนใบหน้า

ในตอนแรกเขาไม่เคยคิดว่าเชพเพิร์ดจะเป็นศัตรูโดยสิ้นเชิง

เชพเพิร์ดคือคนที่เฟรย์กำลังมองหา เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการปรากฏตัวของพวกเดมิก็อด

เฟรย์รู้จุดประสงค์ของพวกเขาแล้ว

คนที่ต้องการจะหยุดพวกมัน

“สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่กำลังควบคุมสังคมมนุษย์ เราพยายามที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมนั้น…ทำไมนายถึงยิ้ม?”

เชพเพิร์ดหยุดและถามด้วยสีหน้าสับสน

นี่เป็นเพราะจู่ๆเฟรย์ได้ยิ้มอย่างสดใสราวกับว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว

ในสมัยก่อนมีมนุษย์เพียงห้าคนเท่านั้นที่ต่อกรกับเดมิก็อด

มีเพียงห้าคนที่ยอมเป็นกบฏต่อองค์กรที่อยู่เหนือกว่านั้น

และพวกเขาพ่ายแพ้

มันเป็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ

- และเวลาหลายปีได้ผ่านไป

4,000 ปีได้ผ่านไป

เฟรย์แน่ใจว่าตอนนี้มีคนจำนวนมากที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับที่เขาเคยทำในอดีต

พวกเขาพบแล้วว่าเดมิก็อดเป็นใครและคนที่ดิ้นรนไม่ยอมแพ้ก็กลั้นหายใจรอช่วงเวลาที่เหมาะสม

ทำไมเขาถึงยิ้ม?

มีเพียงเหตุผลเดียว

เขากำลังมีความสุขอย่างแท้จริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด