บทที่ 150 ความโกรธเกรี้ยวของเย่โม่
“นายเป็นแฟนเย่หลิง...หรือว่าเย่หลิงไม่ได้อยู่กับนาย? แล้วนายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เวลานี้ลู่ลู่ก็เดินมาที่หน้าประตูเช่นกัน
“จริงด้วย...เย่หลิงออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้ว ตอนนี้เธอยังไม่กลับมาเลย พวกเรายังคิดอยู่เลยว่าพวกเธอมัวแต่จู๋จี๋ดู๋ดี๋กันจนลืมชวนพวกเราแล้วซะอีก” เทียนเหอพูดเสริม
เย่โม่เกิดรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา เขารีบร้อนถามทันที “พวกเธอรู้เบอร์โทรของเย่หลิงบ้างมั้ย?”
เป็นแฟนของเย่หลิงแต่กลับไม่มีเบอร์โทร...ถึงแม้พวกเธอจะรู้สึกสับสนอยู่บ้างก็ตาม ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของเย่โม่แล้วเทียนเหอจึงบอกเบอร์ของเย่หลิงออกไป
“ขอบคุณ!” พอเย่โม่รู้เบอร์โทรของเย่หลิงแล้ว เขาก็พูดขอบคุณแล้วหายวับไปทันที
“เขาวิ่งไปเร็วเกิ๊น! คงไม่ได้ทะเลาะกับเย่หลิงหรอกนะ” ตานตานที่เดินเข้ามาทีหลังเอ่ยขึ้น
เทียนเหอส่ายหัว “ฉันว่าไม่ใช่หรอก...เธอก็เห็นว่าเมื่อวานเย่หลิงเป็นห่วงเขาขนาดไหน จะไปทะเลาะกับแฟนหนุ่มรูปหล่อขนาดนี้ได้ยังไงเล่า! ถ้าฉันมีแฟนแบบนี้บ้างเขาอยากได้อะไรฉันก็ยอมทั้งนั้นแหละ...ไม่เสียเวลาทะเลาะกันหรอก”
“อืม...เทียนเหอ ฉันว่าเธอน่าจะไม่เวอร์จิ้นแล้วสินะ ไหนบอกมาสิว่าไปนอนกับใครมา?” ตานตานหัวเราะคิกคัก
เทียนเหอถอนหายใจ “เฮ้อ...ฉันก็ไม่อยากจะเวอร์จิ้นหรอกย่ะ น่าเสียดายที่ไม่เจอแฟนดีๆ แบบของเย่หลิงเลย ถ้ามีผู้ชายแบบนี้โผล่ขึ้นมาล่ะก็แม่จะตามติดหนึบเชียว!”
“เย่หลิงบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชายของเธอนี่นา?” ตานตานทำหน้าไม่เชื่อ
“ใช่แล้ว...แต่ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ถ้าคราวหลังฉันมีแฟนที่ชอบขึ้นมาฉันก็คงเรียกเขาว่าพี่เหมือนกัน...ไม่ได้หรือไง?” เทียนเหอเบะปาก
..........
เมื่อได้เบอร์มาเย่โม่ก็ต่อสายหาเย่หลิงทันที...ปรากฏว่าเครื่องของเธอถูกปิดเอาไว้อยู่ เย่หลิงรู้ว่าเขามาถึงปักกิ่งแล้ว และวันนี้เธอยังอยากนัดเย่จื้อเฟิงออกมาด้วย...ไม่น่าจะปิดเครื่องแบบนี้ จากที่เพื่อนในหอพูดเย่หลิงออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราว? แถมยังปิดโทรศัพท์อีก...หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือบทสนทนาของชาย 2 คนนั้น...พวกเขาพูดว่าตระกูลเย่เกิดเรื่องแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเย่หลิง? ถึงแม้เย่โม่จะไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฏเกณฑ์งี่เง่าของตระกูลใหญ่มากนักก็ตาม...เขาก็ยังพอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างเล็กน้อย หากเรื่องที่เย่หลิงขโมยลูกแก้วมังกรเฟิงสุ่ยถูกเปิดเผยล่ะก็...เธอไม่มีทางหนีพ้นแน่
เมื่อคิดถึงเรื่องของเย่หลิงแล้ว ใจของเย่โม่ก็ร้อนรนราวกับถูกแผดเผา...กระทั่งรู้สึกเสียใจที่วันนี้เขาเสียเวลาไปกับฐานฝึกถึง 1 วันเต็มๆ เขาน่าจะรับเงินแล้วรีบออกมาเสียจะดีกว่า
เย่โม่เรียกแท็กซี่แล้วบอกให้คนขับรีบพาไปบ้านใหญ่ตระกูลเย่โดยเร็วที่สุด รถแท็กซี่มาจอดไกลจากบริเวณสวนด้านนอกหน้าประตู เหตุผลก็เพราะที่นี่ไม่อนุญาตให้รถอื่นเข้าไปข้างในนั่นเอง
เย่โม่ลงจากรถแล้วใช้วิชาล่องหนทันที เขาพุ่งตัวไปตามเส้นทางระหว่างแนวต้นไม้ด้วยความรวดเร็ว...ในที่สุดเย่โม่ก็เข้ามาถึงลานกว้างด้านในคฤหาสน์ตระกูลเย่โดยใช้เวลาเพียงครึ่งนาทีเท่านั้น ด้วยระยะทางขนาดนี้หากขับรถมายังต้องใช้เวลา 1 นาทีด้วยซ้ำ
ตรงประตูหน้าลานกว้างด้านในมีการ์ด 2 คนยืนอยู่ หากยังไม่พบเย่หลิงเย่โม่ก็คิดจะใช้วิชาล่องหนต่อไป...ทว่าพอมาถึงตรงนี้จิตสัมผัสของเขาก็รับรู้ได้ถึงสภาพการณ์ของเย่หลิงแล้ว นั่นก็เพราะตอนนี้ระยะจิตสัมผัสของเขาแผ่ขยายได้ไกลถึง 80 เมตร
จังหวะที่เย่โม่รับรู้ถึงสภาพของเย่หลิง ความโกรธเกรี้ยวโกรธาก็ปะทุขึ้นทันที! เย่หลิงที่มีสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงถูกแขวนอยู่ในหอบรรพบุรุษตรงมุมในสุด บนร่างของเธอมีรอยเลือดเป็นหย่อมๆ...เห็นได้ชัดว่าถูกเฆี่ยน เสื้อผ้าบนร่างเธอก็ขาดรุ่งริ่ง ใช้เวลาแค่วันเดียวก็สามารถทรมานเย่หลิงจนตกอยู่ในสภาพนี้ได้...
ปัง! เย่โม่ใช้เท้าข้างเดียวถีบประตูใหญ่หน้าลานด้านในกระเด็นไปหลายเมตร การ์ด 2 คนด้านหน้ายังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกเย่โม่ถีบคนละทีจนร่วงลงไปกระอักเลือดกับพื้น
เย่โม่พุ่งเข้าไปข้างในหอบรรพบุรุษโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาตัดเชือกที่แขวนเย่หลิงจนเธอร่วงลงบนอ้อมแขนของเขาในที่สุด เย่โม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก...น้องสาวของเขายังไม่ตาย เธอแค่สลบไปเท่านั้น...คาดว่าเธอคงไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน เมื่อรวมกับการถูกแขวนและเฆี่ยนแล้วเธอจึงสลบไปแบบนี้
หากเขามาช้ากว่านี้อีกสัก 2 ชั่วโมงเย่หลิงอาจจะตายจริงๆ ก็ได้
เย่โม่โคจรลมปราณไว้ที่ฝ่ามือแล้วถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของเย่หลิง เธอถูกเฆี่ยนจนตกอยู่ในสภาพนี้...แน่นอนว่าต้องได้รับบาดเจ็บภายใน ทว่าด้วยการรักษาจากลมปราณของเย่โม่ทำให้อาการบาดเจ็บภายในของเธอค่อยๆ จางหายไป
หลังจากผ่านไป 10 นาทีเย่หลิงจึงค่อยได้สติขึ้นมา เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นเย่โม่เธอก็รู้สึกตกใจ เย่หลิงรีบพูดทันที “พี่...ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ได้! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่นะ! ทำไมพวกเขาถึงจับพี่ด้วยล่ะ!”
เย่โม่ลูบหัวของเย่หลิงที่มีคราบเลือดอย่างรักใคร่สงสาร “ขอโทษที่พี่มาช้านะ...เย่หลิง อีกเดี๋ยวพี่จะออกจากที่นี่เอง หนี้ครั้งนี้พี่จะชำระให้เอง...เดี๋ยวพี่จะช่วยล้างหน้าล้างตาให้นะ หลับตาลงก่อนสิ”
เย่หลิงส่งเสียง ‘อืม’ ออกมา เธอค่อยรู้สึกว่าเสื้อผ้าหรือผิวเนื้อของเธอไม่มีส่วนไหนอยู่ในสภาพดีเลยแม้แต่จุดเดียว แต่เย่โม่เป็นพี่ชายของเธอเย่หลิงจึงไม่คิดอะไรมาก...เย่หลิงรู้สึกว่ามีกระแสอันอบอุ่นภายในร่างกายของเธอ ไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดน้อยลงแต่ยังทำให้รู้สึกสบายเป็นอย่างมากอีกด้วย
เย่หลิงไม่รู้ว่าเย่โม่จะช่วยทำความสะอาดร่างกายเธอยังไง ถึงแม้เธอจะเป็นน้องสาวแต่ด้วยสภาพเสื้อผ้ารุ่งริ่งแบบนี้เธอก็ยังรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง
เย่โม่เห็นบาดแผลรอยเฆี่ยนรอยช้ำบนร่างกายของเย่หลิง ความโกรธก็พวยพุ่งขึ้นในจิตใจ...เขาใช้บอลน้ำ 2-3 ลูกชำระล้างคราบสกปรกบนร่างเย่หลิงจนสะอาด ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดลมปราณเข้าร่างเย่หลิงจนแผลเป็นและรอยช้ำบนเรือนร่างจางหายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไป 10 นาทีก็มีเสียงดังขึ้นข้างนอก เย่โม่ถอดเสื้อของตัวเองส่งให้เย่หลิงสวม
เย่หลิงเบิกตาก้มลงมองบาดแผลบนร่างกายของตน...พวกมันจางหายไปหมดแล้ว เธอเงยหน้ามองเย่โม่ด้วยอาการตกตะลึง “พี่เย่...พี่ใช้ยาอะไรช่วยฉัน? ทำไมตอนนี้ฉันไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยล่ะ? อีกอย่างแผลก็หายแล้วด้วย นี่มันแปลกเกินไปแล้ว! แต่ตอนนี้ฉันหิวนิดหน่อย...”
เย่โม่ลูบหัวเย่หลิง “พี่เป็นหมอน่ะ แถมเปิดคลินิกแล้วด้วย...คราวนี้เธอออกจากปักกิ่งไปกับพี่ดีมั้ย?”
เย่หลิงพยักหน้าอย่างเชื่องเชื่อ...เวลานี้เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของเย่โม่ทำให้เธอรู้สึกทั้งสงบสุขและปลอดภัย ถ้าได้อยู่กับพี่ชายเธอก็ไม่อยากจะรั้งอยู่ในที่น่ากลัวอย่างคฤหาสน์ตระกูลเย่อีกแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เย่จื้อเฟิงเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
“พี่...พี่ถอดเสื้อให้ฉันแล้วพี่จะทำยังไงล่ะ? ไม่นึกเลยว่าภายนอกดูอ่อนแอแต่ที่แท้ภายในกลับกำยำแข็งแรงแบบนี้” เย่หลิงลูบไล้ท่อนแขนกำยำของเย่โม่อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวพลางเอ่ยชื่นชมออกมา
ขณะที่เย่โม่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ผู้คนด้านนอกก็เริ่มมาออกันมากขึ้น...ดูเหมือนว่าคนตระกูลเย่จะเริ่มมาถึงกันแล้ว เวลานี้เย่โม่สัมผัสได้ว่ามีบอร์ดี้การ์ดติดอาวุธเข้ามาแล้วถึง 20-30 คน
ทว่าเย่หลิงกลับยังไม่รู้ถึงเรื่องนี้ เธอยื่นมือเข้าไปสำรวจกระเป๋าเสื้อของเย่โม่ “พี่...นี่พี่จะเอาของติดตัวมาขนาดนี้ทำไมเนี่ย? หืม...ในกระเป๋ากางเกงก็มีด้วยหรือเนี่ย?”
เย่โม่ถอดเสื้อตัวบนให้เย่หลิงสวมเท่านั้น แต่ในเมื่อเวลานี้เย่หลิงอยู่ในอ้อมแขนเขาเธอจึงสามารถยื่นมือไปลูบคลำหินแร่ข้างในกระเป๋ากางเกงเขาได้
“เรื่องนี้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ” เย่โม่แบกเธอไว้ด้านหลังแล้วนำเชือกที่เคยใช้มัดเย่หลิงมาผูกหญิงสาวไว้กับแผ่นหลังของเขา จากนั้นเขาก็ถีบประตูหอบรรพบุรุษออก...ประตูอันแข็งแรงทนทานกลับถูกเย่โม่ถีบจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
มีใครก็ไม่รู้บุกเข้ามาถึงลานกว้างด้านในโดยไม่มีรายงานจากลานด้านนอกแม้แต่น้อย อีกทั้งยังทำร้ายการ์ดด้านใน 2 คนจนบาดเจ็บสาหัสอีก เรื่องใหญ่ขนาดนี้แน่นอนว่าเย่เป่ยหรงย่อมต้องรับรู้แล้ว...แต่สิ่งที่ทำให้เขายิ่งโกรธขึ้นไปอีกคือเมื่อเขามาถึงกลับได้เห็นเย่โม่ถีบประตูหอบรรบุรุษแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เย่เป่ยหรงไม่เพียงโกรธความไร้ประโยชน์ของการ์ดแต่ยิ่งโกรธที่เย่โม่ถึงกับกล้าถีบประตูหอบรรพบุรุษจนแตกแบบนี้
“รีบไปจับพวกมันเข้าไปข้างในให้ข้าเดี๋ยวนี้! คนที่ไม่เกี่ยวข้องให้รีบออกไปให้หมด! ส่วนสมาชิกตระกูลเย่ให้ไปห้องประชุมใหญ่...” เย่เป่ยหรงโกรธจัดจนเกือบจะสั่งฆ่าเย่โม่กับเย่หลิงแล้วแต่ยังพอมีเหตุมีผลอยู่บ้าง คนที่บุกเข้ามากร่างถึงถิ่นตระกูลเย่ย่อมต้องฆ่าทิ้งอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นก็จำต้องสอบถามเรื่องราวให้แน่ชัดเสียก่อน
ด้วยเหตุนี้เย่เป่ยหรงจึงสั่งรวมประชุมทันที ในความคิดของนั้น...คนมากมายขนาดนี้ใช้เวลาไม่นานก็น่าจะสามารถจับกุมเด็กสาวทรยศอย่างเย่หลิงได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนเย่โม่นั้นเดิมทีเย่เป่ยหรงก็พบเจอไม่บ่อยนัก...รวมถึงตอนนี้เย่โม่ก็เปลี่ยนไปมากจนเขาจำอีกฝ่ายไม่ได้
เย่โม่ยิ้มเย็นเยียบ...ต่อหน้ากองกำลังนับพันของหนานชิงเขายังกล้าบุกเข้าไซน่าตรงๆ กับอีแค่การ์ดติดอาวุธ 20-30 คนย่อมไม่อยู่ในสายตาเขา
ในใจของเย่หลิงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว เธอคิดจะบอกให้เย่โม่หนีไปก่อนแต่ก็รู้ดี...ถูกคนมากมายขนาดนี้ล้อมกรอบเย่โม่ย่อมไม่มีทางรอดอยู่แล้ว เมื่อคิดถึงจุดนี้เย่หลิงก็ได้แต่ถอนใจ...หากจะต้องตายแล้วการมีเย่โม่เป็นเพื่อนไปด้วยย่อมดีกว่ากันเยอะ
ทว่าภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้นกลับทำเย่หลิงเกิดสงสัยว่าตัวเองตาฝาดหรือไม่
เย่โม่คล้ายพุ่งตัวลอยเข้าไปกลางวงของการ์ดติดอาวุธกว่า 20 คน เย่หลิงเห็นเพียงเงาหมัดเงาเท้าของเย่โม่...จากนั้นจึงได้ยินเสียงหมัดเท้าปะทะร่างกายอย่างต่อเนื่อง
เย่หลิงไม่เคยคาดคิดเลยว่าเย่โม่จะเก่งกาจปานนี้ ขนาดแบกเธออยู่เขายังจัดการซัดคน 20-30 คนที่มีอาวุธลงไปกองอย่างง่ายดาย เมื่อหวนนึกถึงตอนที่เขาช่วยรักษาแผลของเธอให้หายได้รวดเร็วขนาดนั้นแล้ว...ต่อให้โง่เง่ากว่านี้เย่หลิงก็ยังรู้ว่าชายหนุ่มไม่ใช่เย่โม่คนเดิมที่เธอรู้จักอีกแล้ว
เย่หลิงนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เย่โม่ฆ่าคนอย่างง่ายดายและพาเธอออกจากสถานบันเทิงนั่น เมื่อรวมว่าจนถึงตอนนี้คนตระกูลซ่งยังไม่กล้าตามล่าเขาแล้ว...ตระกูลซ่งคงรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายของเธอร้ายกาจแค่ไหนจึงไม่กล้าเข้ามาหาเรื่องแบบนี้
เย่หลิงไม่คิดเลยว่าเย่โม่จะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนแข็งแกร่งระดับนี้ พี่ชายของเธอสุดยอดขนาดนี้แต่หนิงชิงเชวี่ยจากตระกูลหนิงนั่นยังกล้าถอนหมั้น...มีตาหามีแววไม่จริงๆ! ถ้าหากเย่โม่ไม่ใช่พี่ชายไม่แน่ว่าเธออาจจะรู้สึกใจเต้นกับเขาไปแล้วก็ได้ คิดถึงตรงนี้เย่หลิงก็ก่นด่าตัวอีกที่มัวแต่คิดอะไรไร้สาระ...แต่แผ่นหลังของเย่โม่ก็ให้ความรู้สึกดีจริงๆ บางทีอาจเพราะเหนื่อยเกินไปเย่หลิงจึงค่อยๆ หลับลงบนหลังของเย่โม่
“แกเก่งจริงๆ...แต่ก็มาได้แค่นี้แหละ อย่าคิดว่าวันนี้จะได้เดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลเย่เลย!” หลังจากเย่โม่จัดการไป 10 คนก็มีเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น