ตอนที่แล้วตอนที่ 129 จับได้คาหนังคาเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 131 อลิสซ่า

ตอนที่ 130 สีน้ำเงินขั้นกลาง


ตอนที่ 130 สีน้ำเงินขั้นกลาง

ผ่านไปสองสัปดาห์สถานการณ์ภายในเมืองย่อย 101 นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่สมาพันธ์นักล่าประกาศรับสมัครผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม การสมัครครั้งนี้ไม่ใช่สมาชิกอะไรแบบนั้น แต่กลับกลายเป็นกองกำลังส่วนตัว

เมื่อหลายคนทราบทางรัฐบาลและกองทัพถึงกับนั่งก้นไม่ติด พาลเมอร์ถึงกับส่งจดหมายเชิญไนเรลเข้าไปหากันเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าคนที่ไปแทนก็คือเอวา เพราะไนเรลปฏิเสธงานทั้งหมด ไม่คิดจะเข้าพบใครหรือให้ใครเข้าพบทั้งนั้น

เอวาที่นั่งอยู่หน้าของรัฐมลตรีพาลเมอร์ด้วยสีหน้าราบเรียบด้วยสถานะรองประธานสมาคมนักล่าที่มีสมาชิกมากกว่า 5 แสนคนแล้ว

“สวัสดีค่ะท่านรัฐมลตรี ฉันเอวารองประธานสมาพันธ์นักล่า เนื่องจากประธานไนเรลไม่สะดวกที่จะมาพบ ฉันจึงมาเข้าพบแทน” เอวาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ

“สวัสดีคุณเอวา ฉันว่าเราคงไม่ต้องมากพิธีแล้วก็ได้ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ทำไมสมาพันธ์นักล่าถึงต้องประกาศรับสมัครผู้คนมากมายขนาดนั้น ต้องการที่จะซ่องสุมกองกำลังคิดเป็นกบฏกับรัฐบาลกลางอย่างนั้นหรือ!!!” รัฐมลตรีพาลเมอร์เปิดฉากพูดด้วยน้ำเสียงที่กดดัน

เอวายกกาแฟที่นำมาเสิร์ฟดื่มอย่างช้า ๆ จากนั้นก็วางลงและกล่าว “เรื่องนั้น...ทางเราแค่เพียงแค่เตรียมบุคคลากรเพื่อส่งไปทำหน้าที่ตามสำนักงานต่าง ๆ ก็แค่นั้น”

“คิดว่าพวกเราจะเชื่ออย่างนั้นหรือ” เสียงดังมาจากทางด้านข้าง ซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟารับรอง และเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพลตรีวินเซนต์ เพียงแค่เอวามองด้วยสายตาก็รู้สึกได้ถึงความเป็นปฏิปักษ์แล้ว

“ถ้าคุณคิดเช่นนั้นทางเราก็ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนความคิดคุณได้ แต่แน่นอนว่าทางเรายังยืนยันคำเดิม เพื่อรับสมัครบุคลากรทำหน้าที่ในสำนักงานย่อยไม่ได้มีความคิดอย่างอื่นอย่างแน่นอน” เอวายังคงยิ้มแย้มและอธิบาย

“เธอ...” พลตรีวินเซนต์คิดนิ้วไปที่เอวา

“พวกคุณมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่คือฉันติดประชุมในตอนบ่าย ถ้าไม่มีอะไรแล้วคงต้องขอตัวกลับก่อน” เอวายืมคำพูดของพวกนักธุรกิจมาใช้ในทันที

“ขอบคุณสำหรับคำตอบ เชิญตามสบาย” รัฐมลตรีพาลเมอร์กล่าว

หลังจากที่เอวาจากไปรัฐมลตรีพาลเมอร์และวินเซนต์ก็ปรึกษากันสองคนด้วยความเคร่งเครียด สุดท้ายทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะใช้โอกาสนี้ส่งคนของตัวเองเข้าไปร่วมในการรับสมัครนี้

ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ทั้งสองคนใช้โอกาสนี้แทรกแซง แต่กลุ่มอำนาจอื่น ๆ เองก็เช่นกันรวมถึงพาราซัสครั้งนี้เมื่อพวกเขาได้ข่าวต่างก็ส่งสายลับไปมากกว่า 10 คนเลยทีเดียว

คลื่นใต้น้ำค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นภายในเมืองย่อย 101 อย่างช้า ๆ โดยที่หลาย ๆ คนก็สังเกตเป็นเช่นกัน

......

ไนเรลที่นั่งอยู่ภายในที่พักทุก ๆ เช้าเขาจะต้องตื่นขึ้นมาเพื่อรับแสงแดดเพื่อใช้ความสามารถ [โลหิตแห่งชีวิต A] ขวดข้างหน้าเรียงรายสีแดงสดปลดปล่อยพลังชีวิตออกมาจำนวนมาก

เรื่องของโลหิตแห่งชีวิตไนเรลยังคงปกปิดเป็นความลับในขณะนั้นเองอยู่ ๆ ซีโร่แจ้งเตือนเขา

“ท่านไนเรลขณะนี้ผมได้ถอดข้อมูลภาษายักษ์เถื่อนเป็นภาษาไทกีล่าเรียบร้อยแล้ว”

“อืมสำรองข้อมูลไว้ที่สมาพันธ์นักล่าด้วย วิเคราะห์ข้อมูลในนั้นมีเรื่องที่ฉันควรจะรู้หรือเปล่า”

“มีอยู่เรื่องหนึ่งนั้นก็คือ แร่ฝุ่นดวงดาว พวกมันมีความสามารถในการสลายกำแพงโดม และตามที่ในข้อมูลบอกมันจะใช้เวลาอีก 1 ปีกำแพงโดมชั้นกลางจะพัง” ซีโร่พูดด้วยโทนเสียงที่ต่ำ

ไนเรลเองก็เงียบลงเช่นกันและกล่าวเสริมในใจ ‘ระดับ 6 ก็จะออกมาได้’

“ซีโร่ติดต่อจูเรียที จากนั้นเรียกเซนมาพบฉันด้วย”

หลังจากนั้นไนเรลก็พูดคุยกับจูเรียเขากำลังจะให้เซนนำของที่เคยสัญญาไว้ไปให้ ตอนแรกจูเรียก็งงว่าอะไรคือของที่สัญญาไว้ แต่เมื่อเธอรู้ว่ามันคือสิ่งที่ใช้รักษาตัวเองให้สามารถเดินกลับมาได้ เธอก็ดีใจจนแทบจะวิ่งมาที่นี่เองด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นไนเรลก็สั่งให้เซนนำขวดที่มีโลหิตแห่งชีวิตไปให้กับจูเรียและก็นำบางส่วนที่ไนเรลเตรียมให้กับสมาชิกหลักของสมาพันธ์นักล่าคนละขวด อย่างน้อยมันก็สามารถเป็นเครื่องรับประกันได้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

หลังจากนั้นไนเรลก็หันไปตั้งหน้าตั้งตากินแก่นพลังงานแทนข้าวต่ออย่างตั้งใจ เขาจะต้องผ่านระดับกลางไปให้ได้

......

หลังจากผ่านไป 3 วันพลังในร่างกายของไนเรลก็มาถึงระดับ 30,000 หน่วยแล้ว มันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นเมื่อพลังของเขาก้าวผ่านที่ระดับ 30,001 ก็มีเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าดังอยู่ภายในร่างกายดังก้อง

ไนเรลก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เขาขึ้นมาที่ขั้นกลางแล้ว ตอนนี้เขาเป็นระดับสีน้ำเงินขั้นกลางแล้ว แต่ไนเรลยังไม่ได้หยุดแค่นั้น ด้วยพลังแค่นี้มันยังไม่พอตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ๆ ไนเรลหยิบแก่นพลังงานที่เหลือทั้งหมดโดนเข้ามาก

พลังงานจำนวนมากปะทะในร่างกายอย่างต่อเนื่องเหงื่อในร่างกายของไนเรลไหลออกมาราวกับสายน้ำ แต่ไนเรลยังไม่หยุดเขายังคงยัดแก่นพลังงานเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

ถ้ามีคนมาเห็นไนเรลตอนนี้พวกเขาจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน เมล็ดพันธุ์แห่งวิวัฒนาการที่หน้าอกของเขามันราวกับมีชีวิต รอยสักกิ่งไม้เต้นตุบ ๆ ราวกับมันมีชีวิตขึ้นมา เพียงแต่รอยสักพวกนี้ไม่ได้ดูดซับพลังงานจากไนเรล แต่มันกำลังจะส่งพลังงานที่ย่อยได้ให้กับไนเรล

สีทองของรอยสักเริ่มเด่นชัดแสงสีทองเริ่มทอประกาย แต่แล้วเมื่อแก่นพลังงานหมดลง ผ่านไปสักพักแสงสีทองพวกนี้ก็เริ่มอ่อนแรงลงพร้อมกับที่ไนเรลลืมตาขึ้นมา

ภายในแววตาของไนเรลมีแสงสีทองที่เหมือนกับรอยสักสีทองวิ่งผ่านไปมาและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เมื่อกี้มัน...” ไนเรลเหมือนว่าจะติดต่อกับเมล็ดพันธุ์แห่งวิวัฒนาการได้อย่างไรอย่างนั้น แต่ทุกอย่างก็หายไปก่อน

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปสักพักจากนั้นก็ยกเครื่องวัดพลังงานขึ้นมาดู “45,000 หน่วย ยังคงไม่เพียงพอ”

ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่ตอนนี้แก่นพลังงานหมดไปแล้ว ไนเรลจึงได้แต่ต้องปล่อยมันผ่านไปก่อน

เขาลุกขึ้นมาบิดขี้เกรียจจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป มุ่งหน้าไปที่สวนต้องห้ามจากนั้นก็ไปเร่งให้ต้นคริสตัลวิวัฒนาการออกผลอีกรอบ

ขณะนั้นเซนที่ไม่รู้ว่าเดินมาโผล่อยู่ด้านหลังตอนไหน เขายืนนิ่งคอยรอรับคำสั่งของไนเรลอย่างเงียบ ๆ

“ตอนนี้รวบรวมคนได้เท่าไหร่แล้ว”

“ตอนนี้ได้มีคนสมัครประมาณ 4,000 คน มีทั้งหมด 3,800 คนเป็นคนธรรมดาและอีก 200 คนเป็นมนุษย์ชั้นสูงตั้งแต่สีขาวจนถึงสีเทามีสีน้ำตาลอยู่ 4 คน” เซนตอบคำถามของไนเรลอย่างครบถ้วนไม่มีตกหล่น

“อืม แล้วฝูงซอมบี้ที่ฉันให้ไปค้นหานะเจอหรือยัง”

“เจอแล้วครับ มีอยู่ประมาณ 8,000ตัว อยู่ห่างไป 600 กิโลเมตรพวกมันติดอยู่ในหลุมที่เกิดการยุบตัวตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จึงเป็นแค่พวกซอมบี้ธรรมดา” ขณะที่เซนกำลังอธิบายในตอนนั้นเองซีโร่ก็แจ้งเตือนเขา

“ท่านไนเรลเจอกลุ่มคนที่ท่านให้ตามหาแล้วครับ” เสียงของซีโร่ดังขึ้น

“แจ้งให้ดามินออกภารกิจระดับสูงพาพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยโดยด่วน” ในขณะที่เขาพูดไนเรลก็มองดูรูปกลุ่มหญิงสาวและชายตาบอดซึ่งพวกเขานั้นยังคงเหมือนกับตอนที่แยกกันไม่มีผิด

“ติดต่อพวกเขาไปว่าพรุ่งนี้ให้มารวมตัวกันที่ลานกว้างก็แล้วกัน”

เช้าวันต่อมาคนทั้ง 4 พันคนต่างมายืนรอกันอยู่ที่ลานกว้างที่ทางสมาพันธ์นักล่าจัดไว้ให้ รอบด้านมีเหล่าผู้พิทักษ์ยืนเข้าแถวอยู่รอบด้านด้วยท่าทีองอาจ

พวกเขาต่างจับกลุ่มซุบซิบกันอย่างเงียบ ๆ

“เงียบหน่อย ทุกคนเงียบหน่อย” เสียงของดามินตะโกนผ่านโทรโข่งทำเอาทุกคนพากันแสบหูไปหมด

เมื่อทุกคนเงียบกันหมดแล้ว ดามินถึงได้เข้าเรื่อง “เอาละในเมื่อทุกคนมารวมตัวกันแล้ว งั้นก็รับกระดาษไปนี่คือกฎที่ทุกคนต้องยอมรับ ถ้าใครไม่ยอมรับก็เดินกลับไปได้เลย แล้วให้ลืมซะว่าเคยมาที่นี่”

เจ้าหน้าที่ของสมาพันธ์จำนวนหลายสิบต่างวิ่งแจกกระดับให้ทุกคนอย่างหัวหมุน เมื่อทุกคนได้รับกระดาษแล้วต่างก็อึ้งไปกับข้อความที่อยู่ภายในกระดาษ

“บ้าเอ๊ยนี่มันกฎอะไร”

“นี่มันไม่ใช่กฎแล้ว พวกสมาพันธ์นักล่าบ้าไปแล้วหรือ”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน อธิบายมาหน่อยพวกคุณพิมพ์ผิดหรือเปล่า”

เสียงของผู้สมัครส่งเสียงไม่พอใจกันทันที แต่ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนที่เงียบได้แต่มองคนที่โวยวายด้วยสายตาดูถูก โดยเฉพาะมนุษย์ชั้นสูงทั้ง 200 คนที่เป็นผู้สมัคร

“เงียบ...ข้อความในกระดาษไม่ผิดหรอกพวกนายอ่านถูกแล้ว กฎเพียงข้อเดียวก็คือ [ตาย] พวกนายทั้งหมดจงระลึกไว้ถ้าไม่ถอนตัวหลังจากนี้เกิดตายขึ้นมาพวกเราจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ใครปอดแหกก็วิ่งกลับไปกินนมซะ” ดามินตะโกนออกมาเสียงดังไม่เหมือนกับเด็กหนุ่มอายุ 15 เลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

“พี่ไนเรลคนพวกนั้นน่าจะพร้อมกันแล้ว” ดามินที่เดินออกมาหยุดอยู่หน้าไนเรล

“ขอบใจมาก ไปทำงานเถอะ” ไนเรลเดินไปลานกว้างทันที

ตอนนี้คนหายไปเกือบครึ่งแล้วเหลืออยู่เพียงแค่ 2,400 กว่าคน ทุกคนต่างรอด้วยความเงียบเมื่อไนเรลเดนมาถึงก็ดึงดูดสายตาของทุกคน

“เอาละคนในเมื่อพวกนายยังรอกันอยู่ที่นี่ก็หมายความว่าตัดสินใจไว้แล้วก็คงไม่ต้องพูดมากแล้ว ก่อนอื่นคงต้องออกเรื่องรางวัลก่อนก็แล้วกัน คนที่ผ่านจะได้ผลคริสตัลวิวัฒนาการเป็นของตอบแทนและเข้าร่วมกับสมาพันธ์นักล่า ส่วนมนุษย์ชั้นสูงที่ผ่านก็จะได้เข้าร่วมกับสมาพันธ์นักล่าและแก่นพลังงานจำนวนมาก”

“ส่วนเรื่องการทดสอบไว้พวกนายไปถึงในจุดที่กำหนดก็จะรู้เอง” ทันทีที่ไนเรลพูดจบ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นในอุปกรณ์สื่อสารของทุกคนซึ่งก็เป็นซีโร่ที่ส่งแผนที่ให้กับพวกเขา

“มีเวลา 5 วันส่วนอาวุธนั้นมีพวกนายเลือกเอาตามใจชอบก็แล้วกัน โชคดี” ทันทีที่ไนเรลพูดจบก็บินขึ้นท้องฟ้าหายไปในทันที ทิ้งให้คนกว่า 2,400 คนยืนงงกันอยู่สักพัก แต่ในตอนนั้นเองที่ตัวนับเวลาถอยหลังก็เริ่มขึ้น

ทำให้ทุกคนตื่นจากภวังค์รีบวิ่งไปหยิบอาวุธพากันวิ่งไปยังจุดหมายปลายทางทันที

ซึ่งจุดหมายปลายทางก็คือ 600 กิโลเมตรหลุมลึกที่มีซอมบี้อยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด