ตอนที่แล้วตอนที่ 5 กินมากเกินไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 เขียน

ตอนที่ 6 เลเวลอัพ !


ตอนที่ 6 เลเวลอัพ !

เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่อิมพ์ยังคงติดตามเจ้าสามตัวที่จับมันไว้และหลังจากการพิจารณาดูอิมพ์ก็ค่อนข้างสามารถควบคุมความโกรธได้แล้วเมื่อเร็วๆนี้ ตอนนี้มันทำเพียงจ้องมองสิ่งที่ตัวประหลาดเหล่านั้นกำลังทำและดูว่าพวกมันทำอย่างไร

ท้ายที่สุดแล้วพวกมันก็ยังคือศัตรูของอิมพ์ดั้งนั้นจะเป็นการดีที่สุดหากรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับพวกมัน อย่างน้อยนี่ก็เป็นข้อสรุปที่อิมพ์คิดได้

สิ่งสำคัญที่อิมพ์สังเกตเห็นคือบทบาทของเจ้าตัวประหลาดแต่ละตัว ตัวแรกคือเจ้าสีดำที่เรียกว่าเจมส์ เขามักจะเดินอยู่ข้างหน้าและหากมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นเขาก็จะเป็นคนพยายามเบี่งเยนความสนใจของอสูรในขณะที่เอวาลินและโทมัสดูแลส่วนที่เหลือ

เอวาลินนั้นส่วนใหญ่แล้วอยู่ด้านหลังและคอยยิงธนูใส่พวกอสูร แต่ก็มีบางครั้งที่เธอเข้าไปร่วมการต่อสู้ระยะประชิดโดยใช้มีดสั้นข้างกาย อีกทั้งเธอยังใช้เวทย์มนได้มากมายและบางครั้งก็ยิงธนูไฟใส่อสูร  !

และคนสุดท้าย โทมัส เขาเป็นคนที่อิมพ์มองว่าอันตรายที่สุดถึงแม้มันจะเป็นตัวที่ดูก้าวร้าวน้อยที่สุดก็ตาม  ในขณะที่เจมส์และเอวาลินนั้นมักจะส่งเสียงดังออกมาบ่อยครั้ง แต่โทมัสนั้นมักจะอยู่ห่างออกไปเป็นส่วนใหญ่และพยายามทำให้คนอื่นก้าวต่อไปได้แทนที่จะตะโกนใส่กัน แต่หากอสูรเข้ามาในสายตาของเขาหละก็ เขาก็จะเปลี่ยนไปทันที

และภายในไม่กี่อึดใจอสูรที่อยู่ตรงหน้าเขาก็จะถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีด้วยดาบของเขา อิมพ์ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องทุบโล่นั่นเพื่อดึงดูดความสนใจของอสูรเพราะบางครั้งพวกอสูรไม่แม้แต่จะโจมตีเขาได้ด้วยซ้ำ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ที่อิมพ์กำลังดูอยู่ โทมัสรับมือกับอสูรส่วนใหญ่อีกครั้ง แต่อิมพ์เองก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ไม่มีใครเห็น แม้แต่เจมส์ที่เฝ้าระวังอยู่ก็ไม่เห็น

บนต้นไม้หลังพุ่ม มีอสูรกำลังหมอบรออยู่โดยมันจ้องไปที่เอวาลินตลอดเวลา การที่มันดูเพิกเฉยต่ออิมพ์อย่างไม่สนใจนั้นทำให้อิมพ์รู้สึกดีใจไม่น้อย หากอสูรตัวนั้นสามารถทำร้ายหรือถึงขั้นฆ่าตัวประหลาดพวกนี้ได้มันก็จะช่วยให้อิมพ์หนีไปได้เร็วกว่าที่คิดไว้มาก !

อย่างน้อยสิ่งนี้ก็อยู่ในความคิดของอิมพ์ ตอนนี้เองเหตุการณ์ก็ได้เริ่มขึ้น อสูรกระโดดลงจากต้นไม้และคว้าไปที่หลังของเอวาลิน อิมพ์เห็นเช่นนั้นก็ทำเพียงยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นเจ้าตัวผมสีแดงสะบัดไปมาอย่างรุนแรงและพยายามเอาอสูรตนนั้นออกไปจากเธอ

โทมัสและเจมส์อยู่ไม่ไกลนัก แต่เนื่องจากอสูรกำลังเกาะปากของเอวาลินอยู่ด้วยแขนสองในสี่ข้าง ส่วนอีกสองข้างบีบไปที่คอของเธอดังนั้นอีกสองคนจึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น

แต่แล้วสิ่งที่เปลี่ยนความคิดของอิมพ์ก็เกิดขึ้นทันที กล่องสีแดงปรากฏขึ้นตรงหน้ามันอีกครั้ง

[เจ้าของของท่านกำลังได้รับความเสียหาย ถ้าเจ้าของของท่านตายท่านก็จะตายเช่นกัน ]

ถึงแม้อิมพ์ที่คิดว่าตัวเองฉลาดจะไม่ฉลาดอย่างที่คิด แต่มันก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่ากล่องสีแดงนั้นคือสิ่งที่แย่ที่สุดในบรรดากล่อง    กล่องสีน้ำเงินดูเหมือนจะช่วยมันดังนั้นพวกมันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนัก แต่กล่องสีแดงนั้นมักจะปรากฏขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีบางอย่างที่เลวร้ายเกิดขึ้นจริงๆ

และช่วงเวลาที่อิมพ์เห็นกล่องสีแดงปรากฏขึ้นร่างกายของมันก็จะเต็มไปด้วยความกลัว มันเป็นความกลัวที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันปรากฏขึ้นตั้งแต่ที่เอวาลินถูกจับไว้

อิมพ์รู้สึกกลัวเมื่อมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ความรู้สึกเกลียดของอิมพ์จะมีอยู่ทั่วทุกรูขุมขนบนร่างกาย   แต่มันกลับรู้สึกกลัวมากกว่า มันรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีอิทธิพลต่อมันเป็นอย่างมาก และ ด้วยเหตุผลบางอย่างสิ่งนี้ก็ทำให้มันรู้สึกแตกต่างออกไป เพียงชั่วครู่เดียวอิมพ์ก็เหมือนจะรู้สึกว่าไม่ได้เกลียดเอวาลินมากขนาดนั้นเพราะมันนั้นรู้ว่าเธอนั้นกำลังรู้สึกยังไงในตอนนี้  จากนั้นกล่องใหม่สองสามกล่องก็ปรากฏขึ้นและก็จบลงด้วยที่อิมพ์การวิ่งไปข้างหน้า

[ท่านมีความรู้สึกเอาใจใส่เป็นครั้งแรก!]

[ความฉลาด + 1] [ภูมิปัญญา  +1] [พลังใจ +1] [การรับรู้ +1]

เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้มันวิ่งออกไปด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี ในขณะที่วิ่งไปพร้อมกล่องอิมพ์ก็เลือกที่จะทำบางอย่างแทนที่จะวิ่งหนีแม้ว่าตอนนี้จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็ตาม ด้วยเหตุผลบางประการตอนนี้มันรู้สึกว่าต้องวิ่งต่อไปเท่านั้น

[คุณต่อสู้กับความกลัว เจตจำนง +1]

เอวาลินดูเหมือนจะพยายามคว้าใบมีดขนาดเล็กจากด้านข้างของเธอเพื่อต่อสู้กับอสูรตนนั้น แต่มันก็ปัดมือของเธอจนมีดส้ันกระเด็นมาตกอยู่ตรงหน้าอิมพ์ อิมพ์ไม่แน่ใจว่าต้องใช้มันอย่างไร แต่จากที่เคยเห็นเอวาลินใช้อยู่สองสามครั้งด้วยสัญชาตญานมันจึงพอที่จะให้อิมพ์ลงมือได้

มันคว้ากริชตรงส่วนที่ไม่คมและโดยไม่คิดอะไร มันก็เพียงแค่ผลักมีดไปยังหลังของอสูรด้วยแรงทั้งหมดที่มี  แต่เพียงแค่นั้นมันก็ตระหนักได้แล้วว่ามันนั้นไม่ได้มีความแข็งแกร่งเลยแม้แต่น้อย

[วานรแมลง,  พลังชีวิต -1  ]

[ท่านสร้างความเสียหายเป็นครั้งแรก! สถานะความแข็งแกร่งถูกปลดล็อค!]

[ทักษะความชำนาญกริชระดับเริ่มต้นถูกเรียนรู้]

ทันทีหลังจากที่อิมพ์แทงกริชเข้ากับหลังของอสูร อสูรก็หันหัวมาและเริ่มขยับ แน่นอนว่านี่ทำให้ดึงดูดความสนใจของเจมส์และโทมัส แต่ในตอนนี้เองเอวาลินก็ได้ใช้โอกาสที่อสูรหันไปสนใจอิมพ์จับอสูรไว้และฟาดมันเข้ากับพื้น จากนั้นก็ดึงมือของอิมพ์ที่ถือกริชอยู่แทงทะลุไปยังหน้าอกของอสูร

[วานรแมลง พลังชีวิต -298  ]

[ท่านได้สร้างความเสียหายที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของท่าน ความแข็งแกร่ง +3]

[ความชำนาญกริชระดับเริ่มต้น เพิ่มระดับ!]

[ความชำนาญกริชระดับเริ่มต้น เพิ่มระดับ!]

[ความชำนาญกริชระดับเริ่มต้น เพิ่มระดับ!!]

อิมพ์สับสนและประหลาดใจ มันก้าวถอยหลังและปล่อยกริชในมือลง จากนั้นเอวาลินก็คว้ามันไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะแทงไปยังอสูรซ้ำๆ ไม่นานอสูรก็หยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์

ทันใดนั้นกล่องจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอิมพ์

[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น!]

[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น!]

...

...

...

[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น!]

หลังจากการแจ้งเตือนหยุดลง ก็มีสิ่งที่เหมือนกับนิ้วมือของอิมพ์ปรากฏขึ้นพร้อมกับข้อความสุดท้าย

[ท่านมีคะแนนสเตตัสที่ยังไม่ได้ใช้ 9 แต้ม]  อิมพ์โบกมือไปรอบ ๆ เพื่อให้การแจ้งเตือนหายไปเพราะกังวลเรื่องอื่นมากกว่าในตอนนี้ และสิ่งที่อิมพ์กำลังกังวลอยู่ก็เกิดขึ้น เจ้าตัวที่ชื่อเจมส์วิ่งเข้ามาที่อิมพ์ก่อนที่จะเตะเข้าใส่ที่ท้องของมันจนกระเด็กออกไปไม่กี่เมตร

[พลังชีวิต -189  ]

[คำเตือนพลังชีวิตของท่านกำลังต่ำ]

[ท่านได้รับการโจมตีที่มีดาเมจสูง  ต้านทาน + 1]

"เอวาลิน! ไอ้พวกนี้มันพยายามทำร้ายเจ้างั้นรึ!" เจมส์ตะโกนออกมาขณะมองไปที่เอวาลิน แต่หญิงสาวกลับจับคอของเธอไว้และส่ายหัวทันทีในขณะที่มองไปยังอิมพ์ที่ใช้มือจับท้องของตัวเองไว้

“... น - ไม่ ... มัน ... ช่วยขะ ขะ ข้ .. !” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดและเจมส์ก็เริ่มขบฟันขณะที่เขามองไปยังอิมพ์และชี้ดาบสั้นไปที่มัน "มันถือกริชเข้าหาเจ้าเช่นนั้นแปลว่ามันพยายามทำร้ายเจ้าแน่นอน !" เขาอุทานออกมาและการมองเห็นของอิมพ์ก็ค่อยๆมืดลง แต่เมื่อมันสังเกตอีกทีมันก็เห็นว่าเอวาลินกำลังดื่มของเหลวสีแดงเข้าไปก่อนที่เลือดตรงคอของเธอจะหยุดไหล

ด้วยเหตุผลบางอย่าง อิมพ์กลับรู้สึกโล่งใจหลังจากเห็นสิ่งนี้ อีกอารมณ์หนึ่งที่มันไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็ปรากฏขึ้น ซึ่งทำให้มันไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่เอวาลินหันหน้าและเช็ดปากของเธอครู่หนึ่ง เธอที่ดูเหมือนกำลังกลั้นบางอย่างไว้ด้วยความรังเกียจก็ค่อยๆยืนขึ้นและเดินเข้าไปหาเจมส์และจับมือของเขาไว้

“ข้า ... บอกว่า ช่วย ... !” เอวาลินบอกกับเจมส์และก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดเธอก็พูดต่อ  "มันพยายามจะแทงวานรแมลง! มันไม่ได้พยายามจะทำร้ายข้าจริงๆ!" เธอตะโกนใส่เจมส์ จากนั้นเขาก็ทำเพียงแค่ส่งเสียงเดาะลิ้นและหันหน้าหนีไปและเก็บดาบเข้าไปในฝัก เอวลาลินคุกเข่าลงพื้นและมองไปที่อิมพ์

"เจ้าเป็นอะไรไหม ต้องการยาหรือไม่  ?" เธอถามโดยถือขวดที่มีของเหลวสีแดงข้างในไว้ในมือ มันคือสิ่งที่เธอกลืนลงไปก่อนหน้านี้ อิมพ์เอียงหัวไปด้านข้างในขระที่พยายามดมขวดอย่างสงสัย

"มันคือน้ำยาโพชั่น. โพ-ช่าน" เอวาลินอธิบายก่อนที่จะพยายามทำให้อิมพ์รู้จักคำนั้น เพื่อไม่ให้ 'ความไม่รู้จัก' ของมันทำให้เรื่องยากขึ้นและในไม่ช้ามันก็พยายามพูดซ้ำสิ่งที่เธอพูด ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะสามารถเรียนรู้ได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการให้มันทำอะไร  ปากของมันก็เริ่มเคยชินกับการทำเสียงแบบนั้นทีละเล็กน้อยแล้วในตอนนี้!

"ยา ... " อิมพ์อุทานอย่างพอใจและเอวาลินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ใช่แล้ว! ยา ถ้าเจ้าได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมา สิ่งนี้จะทำให้เจ้ากลับมาดีขึ้นอีกครั้ง "เอวาลินอธิบายพร้อมกับชี้ไปยังเลือดที่คอของเธอก่อนจะยิ้มอย่างสดใส

"ดีขึ้น!" อีกครั้ง อิมพ์ก็ทวนคำที่ได้ยินขณะชี้ไปที่ขวดและเออวาลินก็พยักหน้าอีกครั้ง

“อืมดี ดูเหมือนว่าเจ้าจะแข็งแรงแล้วนะ” เจ้าตัวสีแดงแดงพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาก่อนที่จะถูมือของเธอไปที่คอของเธอสองสามครั้งจากนั้นก็หันไปหาเจ้าตัวอื่น “มีแม่น้ำสายเล็กอีกสายหนึ่งอยู่ใกล้กับที่นี่, ไปกันเลยไหม? ข้าอยากจะล้างมันออกถ้าเป็นไปได้” เอวาลินอธิบายขณะที่เธอหันไปทางโทมัส จากนั้นโทมัสก็ตอบกลับพร้อมกับยักไหล่

“ข้าเองก็คิดอย่างนั้น   เราจะลองไปอยู่ต่ออีกสักพักก่อนน ถ้าเราไม่พบอะไรเราจะตามไป”เขาตอบก่อนที่โทมัสจะมองไปยังเจมส์ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังล่อพวกอสูรใกล้ๆ   "เจออะไรมั้ย" โทมัสถาม แต่เจมส์แค่ทำเพียงส่ายหัวก่อนจะเอาผ้าเช็ดมือเช็ดเลือด

"โชคดีไป แต่จริงๆแล้วอสูรในพื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ล้วนแต่อ่อนแอนัก   ... ตัวพิเศษที่เราพบก็คือวานรแมลงที่กองอยู๋บนพื้นนี่ แต่มันก็แค่ระดับ  ... " เจมส์เริ่มมองไปยังอิมพ์ที่กำลังจะรับประทานมื้อหรูของมัน อยู่

“จริงสิ ... ว่าแต่มันอยู่ระดับไหนกัน?” เจมส์ถามในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อถามสิ่งหนึ่งและจากนั้นทั้งสามคนก็มองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนที่ทั้งเจมส์และโทมัสจะหันไปหาเอวาลินโดยเฉพาะ

“เจ้ายังไม่ได้ตรวจสอบงั้นรึ” โทมัสถาม แต่เอวาลินก็เพียงพยายามเอาเลือดออกจากคอเท่านั้นพร้อมกับส่ายหัว   "ไม่ อย่างที่ข้าบอกไปข้าไม่ได้ทำให้มันเชื่องดังนั้นข้าจึงไม่สามารถตรวจสเตตัสหรือระดับทักษะของมันได้ โดยพื้นฐานแล้วในฐานะเจ้านายข้าทำได้เพียงสั่งให้มันทำตามเราและไม่ให้มันโจมตีเราเท่านั้น การตรวจสอบเบื้องต้นที่ข้าเห็นนั้นไม่มีอะไรนอกจากเผ่าพันธ์ของมัน  " เมื่อเธออธิบายดังนั้น โทมัสก็เริ่มเกาแก้มของเขาเล็กน้อยก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อตระหนักถึงบางสิ่งที่สำคัญ

"เดี๋ยวก่อน เจ้าเริ่มสอนวิธีพูดให้มันแล้วใช่ไหม ? เช่นนั้นเจ้าช่วยสอนวิธีอ่านและเขียนให้ด้วยได้หรือไม่ ? ถ้ามันสามารถเขียนสเตตัาให้เราดูได้เราก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบมันด้วยตวเอง " โทมัสแนะนำ แต่เอวาลินก็ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ

"ความเข้าใจภาษาระดับเริ่มต้นนั้นไม่ช่วยในเรื่องการอ่านหรือเขียน เห็นได้ชัดว่ามันช่วยในระดับเบื้องต้นเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนรู้ได้โดยปราศจากการช่วยเหลือของทักษะและจริงๆแล้วมันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นหากเราใช้กระตุ้นทักษะกับมัน   แต่ ... นั่นก็จำเป็นต้องใช้เวลาสักพัก เอาเป็นข้าจะพยายามให้ดีที่สุดแล้วกัน " เธอตอบ และเจมส์ก็แค่ถอนหายใจเบา ๆ

"เราจำเป็นต้องสอนเรื่องนี้ให้กับอิมพ์จริง ๆ  เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราจะต้องขายมันแล้ว   " เจ้าสีดำบ่น แต่โทมัสกลับตบไหล่ของเขาเบา ๆ พร้อมกับยิ้ม "และนั่นเป็นเหตุผลไงหละ  ยิ่งสเตตัสหรือทักษะของมันสูงมากเท่าไหร่แม้ว่ามันจะเป็นอิมพ์แต่ก็คุ้มค่า ยิ่งตอนนี้เมื่อมันได้รับค่าประสบการณ์จากวานรแมลงมา มันก็อาจจะเพียงพอแล้วที่ทำให้มันวิวัฒนาการก็ได้  " เขาชี้ไปที่อิมพ์น้อยก่อนจะหันกลับมา

"ลองคิดดูสิ ... เรานั้นสามารถยืนยันได้ว่ามันเป็น 'อิมพ์ชั้นต่ำ' อิมพ์ชั้นต่ำนั้นถูกจัดให้อยู๋ในกลุ่มของอสูรไพร่ระดับสูง สหายลองคิดดูนะ…..ถ้าหากอสูรไพร่มีสติปัญญาสูงเท่าอสูรสามัญขั้นสูงจะเป็นยังไง ? ไม่ใช่ว่ามันหายากยิ่งกว่าอสูรขุนนางชั้นต่ำอีกรึ?” โทมัสอธิบายพร้อมกับมีรอยปรากฏบนใบหน้าของเขา

"เห็นด้วยไหม?" เจ้าตัวสีดำและสีน้ำเงินก็พยักหน้าให้กัน  จากนั้นมันก็ตอบว่า"เห็นด้วย" แม้ว่าอิมพ์จะไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็รู้ว่าต้องมีบางอย่างแน่ๆ เมื่อพิจารณาจากรอยยิ้มที่มีความสุขของเจ้าโง่ทั้งสองแล้วมันต้องเป็นเรื่องที่ดีกว่าการที่พวกมันแสดงสีหน้าเศร้าแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด