ตอนที่แล้วตอนที่ 4 กระตุ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 เลเวลอัพ !

ตอนที่ 5 กินมากเกินไป


ตอนที่ 5 กินมากเกินไป

อิมพ์พูดตามเสียงที่เจ้าตัวสีแดงพูดออกมา

ดูเหมือนว่ากล่องจะปรากฏออกมามากขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังทำเช่นนี้กันอยู่และมันก็ยังคงมากขึ้นเรื่อยๆ อิมพ์น้อยเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันคืออะไรกันแน่ ตอนนี้การเรียนรู้เสียงใหม่เริ่มง่ายขึ้นเรื่อยๆและมันก็ค่อนข้างรู้แล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนหน้านี้มันเพียงพูดซ้ำๆเท่านั้นโดยไม่รู้ด้วยว่ามันมีความหมายว่าอะไร แต่ตอนนี้มันเริ่มเข้าใจความหมายของมันแล้ว

เสียง 'ไฟ' หมายถึงเปลวไฟที่ตัวสีแดงดับไปก่อนหน้านี้  ส่วน 'เอวาลิน' เป็นสิ่งที่ใช้เรียกเจ้าตัวสีแดงและด้วยเหตุผลยางอย่าง เจ้าตัวสีแดง ที่อยู่ในความคิดของมันก็ได้เปลี่ยนเป็นเอวาลินหลังจากที่มันเข้าใจสิ่งนี้  แม้ว่ามันจะไม่ต้องการเรียกเช่นนั้น แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ !

โดยรวมแล้วกระบวนการเรียนรู้เสียงเหล่านี้ทั้งหมดค่อนข้างน่าสนใจสำหรับอิมพ์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้มีกล่องมากมายผุดขึ้นมาในทันทีและพวกมันก็ดูเหมือนกันหมด นี่ทำให้อิมพ์ค่อนข้างกลัว แต่ในที่สุดมันก็คุ้นเคยกับมันและทำราวกับว่าไม่มีมันอยู่

และก่อนที่อิมพ์จะรู้ตัวดวงอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งและเอวาลินก็หันกลับไปทางพระอาทิตย์ขึ้นและพูดออกมาอย่างประหลาดใจ   “เอ๋? ถึงเวลาแล้วรึ.. ?” เธอพึมพำออกมาอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะยืนขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาและก้าวไปยังสองสิ่งที่อยู่นิ่งมาตลอดทั้งคืนซึ่งอิมพ์พบว่าสิ่งนี้ถูกเรียกว่า   'เต็นท์'

เพียงแค่เตะไม่กี่ทีด้านข้างเด็นท์เหล่านั้น เจ้าตัวสีน้ำเงินและสีดำก็ออกมาจากที่นั่นอย่างเหนื่อยล้าและมองไปรอบๆ โดยส่วนใหญ่จ้องไปที่เอวาลิน

“ตื่นแล้วเหรอ .. ?” เจ้าตัวสีดำถามด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและเอวาลินก็พยักหน้าอย่างพอใจและชี้มายังอิมพ์   "อื้ม! อิมพ์กับข้าฝึกฝนด้วยกันเมื่อคืนนี้!  เอาเลยสหายแสดงให้พวกเขาเห็นสิว่าเจ้าทำอะไรได้บ้าง !" เอวาลินอุทานและมองไปที่มันด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม แต่อิมพ์กลับจ้องไปยังสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือชิ้นเนื้อแห้งที่เจ้าตัวสีน้ำเงินกำลังถืออยู่

"เอ๋? เจ้าแสดงให้ข้าเห็นแล้วว่ามันงี่เง่ามากกว่าที่คิดขนาดไหน  แต่นั่นก็ไม่แปลก เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เจ้านั่นเป็นอยู่แล้ว  ... " เจ้าตัวสีดำพึมพำขณะที่มันจับมือของมันไว้ที่คาง แต่แล้วมันก็ต้องประหลาดใจเมื่อ สังเกตเห็นอิมพ์อ้าปาก

"อาหาร..!"อิมพ์อุทานและพยายามชี้ไปที่เนื้อแห้ง จากนั้นก็พยายามก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเนื่องจากเชือกรอบคอที่มัดอยู่ซึ่งบังคับให้มันยืนอยู่ที่เดิม ด้วยความสับสนเจ้าตัวสีดำก็หันกลับไปมองเอวาลินและจ้องไปที่เธออย่างจดจ่อ

"ดูสิว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่งี่เง่า" เธอถามด้วยรอยยิ้มและเจ้าตัวสีน้ำเงินก็ฉีกชิ้นส่วนเนื้อออกมาจากปากแล้วโยนส่วนที่เหลือไปยังอิมพ์ที่พยายามจะเข้ามาคว้ามัน แต่มันก็ไม่สามารถจับไว้ได้และยังสะดุดเท้าตัวเองจนล้มและจบด้วยการเกือบสำลักตาย

"ใช่ ข้ายังคงยืนยันคำเดิมว่ามันนั้นไม่ต่างจากเดิมแม้แต่น้อย  " เจ้าตัวสีน้ำเงินก็ชี้ออกไป แต่เอวาลินกลับตอบด้วยสีหน้าโกรธและรีบเข้าไปหาอิมพ์เพื่อปลดเชือก

และทันทีที่เธอทำเช่นนั้นอิมพ์ก็รีบวิ่งเข้าหาเนื้อแห้งที่เจ้าตัวสีน้ำเงินโยนมาก่อนที่จะทำอะไร มันทำเช่นนั้นก็ด้วยเหตุผลสองประการ อย่างแรกคือหลังจากที่ถูกสวมปลอกคอความหิวของมันก็รุนแรงขึ้นเป็นอย่างมากและมันก็ไม่ได้กินอะไรเลยนับจากที่กินเนื้อของพี่น้องตัวเองไปครั้งที่แล้ว

เหตุผลที่สองคือมันเริ่มคุ้นกลิ่นของเอวาลิน เมื่อเธอเข้ามาใกล้มันตอนนี้อิมพ์ก็จะรู้สึกคุ้นเคยเมื่อมองไปที่เธอ แต่สำหรับตัวอื่นๆมันยังรู้สึกโกรธและเกลียดชังเป็นอย่างมาก

ในขณะที่อิมพ์เพิ่งเริ่มฉีกชิ้นเนื้อแห้งชิ้นเล็กๆ คนอื่นๆก็พร้อมจะออกเดินทางอีกครั้ง หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเจ้าตัวสีดำก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อปลดปลายเชื่ออีกด้านที่ยังติดอยู่บนกิ่งไม้

“เอาล่ะ ออกเดินทางกันเถอะ อีกไม่กี่วันเราก็จะถึงเมืองแล้ว   ... เอิ่ม…. เอวาลินเมื่อคืนเจ้าได้เอาหนังสือไปหรือเปล่า ?” เจ้าตัวสีน้ำเงินก็ถามอย่างสับสนและก่อนที่มันจะรู้ตัว เอวาลินก็เดินจากไปและพยายามเพิดเฉยต่อคำถามของมัน แต่ทั้งดำและน้ำเงินก็มองหน้ากันอย่างรวดเร็วจากนั้นก็มองไปยังอิมพ์ที่พเิ่งลิ้มรสของเนื้อแห้งเพิ่งเสร็จและวิ่งตามหลังเอวาลินไป

"เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่า ... " ทันใดนั้นสิ่งที่เจ้าตัวสีน้ำเงินทำก็คือพลิกไปตามเจ้าของสี่เหลี่ยมซึ่งอิมพ์พบว่าสิ่งนี้ถูกเรียกว่า   'หนังสือ' จนกระทั่งมันหยุดและหันหัวไปหาเอวาลินที่เดินอยู่ด้านข้าง  "ถ้าเจ้าเพิ่งใช้การกระตุ้นทักษะไปกับเจ้าอิมพ์น่ารังเกียจนั่นหละก็ ข้าจะตัดหัวเจ้าออก  ... "

"เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว ...นี่เจ้าจะทำอะไรกันแน่  ?! "ด้วยความสับสนและโกรธบนใบหน้าของมัน เจ้าตัวสีดำก็พุ่งไปตรงหน้าเอวาลินและกางแขนออกเพื่อขวางทางเดินของเธอไว้ " ทำไมเจ้าถึงต้องเสียการกระตุ้นทักษะไปกับเจ้าอิมพ์กัน  ? ! เจ้ารู้ไหมว่าหนังสือเล่มนี้มีราคาแพงแค่ไหน  !” มันตะโกนออกมา แต่เอวาลินกลับม้วนผมสีแดงยาวไปรอบๆนิ้วของเธอ

“แน่นอนว่าข้ารู้ ... แต่ข้าเองก็เป็นคนจ่ายเงินถึงหนึ่งในสามด้วย ดังนั้นข้าจึงสามารถใช้หนึ่งในสามของมันได้ ข้าสอนวิธีการสะกดให้กับมัน  ... และข้าก็กระตุ้นทักษะการใช้ภาษาทั่วไปให้กับเจ้าอิมพ์ก็เพื่อทำให้มันขายได้ราคาดีขึ้นเมื่อเราไปถึงเมือง  ...”เอวาลินอธิบายและด้วยเหตุผลบางอย่างร่างกายของเธอก็เริ่มบิดไปมาอบ่างประหลาดในขณะมองไปยังเจ้าตัวสีดำเพื่อดูการตอบสนอง

"ชิ ...  รอดตัวไปเถอะ แต่ถ้ามันไม่ได้ผลหละก็ ข้าสาบานเลยว่าข้าจะเอาเรื่องของเจ้าไปเผยแพร่   " มันเริ่มพูด แต่ทันใดนั้นเอวาลินก็คว้าบใบมีดขนาดเล็กที่อยู่ข้างตัวขึ้นมาทันทีและจ่อมีดไปที่ลำคอของเจ้าตัวสีดำ การตอบสนองของเธอนั้นเร็วกว่าที่อิมพ์จะรู้สึกได้เสียอีก

"ถ้าเจ้าคิดจะทำเช่นนั้นหละก็ เจมส์ ข้าสาบานกับพระเจ้าเลยว่าข้าจะบอกเจนนิเฟอร์เกี่ยวกับทุกเรื่องที่เจ้าพูดถึงเธอ  " เอวาลินตอบทันที ทันใดนั้นอิมพ์ก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่กลางลำตัว เนื่องจากมันจะได้เรียนรู้ชื่อของหนึ่งในเจ้าพวกนี้อีกแล้ว

มันไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น แต่ดูเหมือนว่าอิมพ์จะไม่สามารถทำให้หูของมันหลุดออกไปหรือไม่ได้ยินได้?

"เฮ้ หยุดเลย!" เจมส์ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ และเอวาลินก็กอดอกและเบือนหน้าหนี  "เจ้าเริ่มก่อนเองหนิ!" เธอตอบ แต่เจมส์ก็ผลักเธอไปด้านข้างในขณะที่มันเดินเข้ามาใกล้อิมพ์ซึ่งตอนนี้กำลังพยายามเขี่ยหูของตัวเองเพื่อไม่ให้ได้ยินเรื่องของคนเหล่านี้มากขึ้น

"หวังว่าสมองของเจ้านี่จะไม่เหมือนนกนะ ถ้าเจ้าใช้กระตุ้นทักษะกับมันแล้วข้าก็ไม่อยากทำให้มันเสียหาย เราต้องรักษามันให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด  !" ชายหนุ่มในชุดดำตะโกนออกมาขณะที่มันบังคับให้อิมพ์เอาแขนตัวเองออกจากหัว จากนั้นเจมส์ก็หันกลับและมองไกลออกไปพร้อมกับถอนหายใจ

" นั่นมันกอร์ดอน -  มีอสูรตัวอื่นอยู่ที่นี่ด้วยรึ ... โทมัสได้ยินไหม?" เจมส์พึมพำพร้อมกับถอนหายใจออกมา ตอนนี้ความรู้สึกเดิมก็ปรากฏในร่างของอิมพ์อีกครั้งหลังจากที่มันได้เรียนรู้ชื่อของเจ้าตัวสีน้ำเงิน

"ข้าเข้าใจแล้ว ... " โทมัสตอบและปลดดาบออกจากด้านข้างของมันและถือโล่ของมันไว้ข้างหน้าตัวเองก่อนที่จะใช้ดาบกระแทกกับโล่สองสามครั้งเพื่อดึงดูดความสนใจของอสูร

อิมพ์จำพวกมันได้อย่างดี ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวที่รู้จักแต่มันก็เคยเห็นบางตัวที่ดูเหมือนพวกนี้มาก่อน พวกมันเป็นอสูรที่น่ารังเกียจเป็นอย่างมาก การดมกลิ่นของพวกมันนั้นหวาดกลัวกว่าเหล่าอิมพ์ด้วยซ้ำ และตอนนี้ดูเหมือนพวกมันจะได้กลิ่นบางอย่าง  ... นี่ค่อนข้างเป็นเรื่องดี เพราะพวกมันดันมาตอนที่อิมพ์กำลังหิวโหยเป็นอย่างมากนั่นเอง

อสูรเหล่านี้เป็นอสูรไพร่ที่มีหน้าเหมือนหมูและมีร่างกายแข็งแรงซึ่งมันมักจะถูกอสูรสามัญบางตนที่แข็งแกร่งใช้ขี่และพลังกัดของพวกมันก็น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมากซึ่งนั่นเป็นสาเหตุมาจากฟันขนาดยักษ์ที่คมกริบของมัน

แต่อิมพ์กลับกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แทน เพราะโทมัสกลับจบเรื่องราวนี้ได้อย่างรวดเร็วโดยการตัดร่างของอสูรไพร่ทั้งสามตัวออกจากกันได้ทันทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นโทมัสก็ถอยหลังออกมาในขณะที่ใช้นิ้วปิดจมูกของตัวเอง

"ไอ้พวกนี้ช่างมีกลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนนัก ... ไปจากที่นี่กันเถอะ ดูเหมือนเราคงหาอะไรไม่ได้จากพวกมัน  ... " โทมัสพึมพำและสะบัดหัวเดินไปตามทาง แต่อิมพ์นั้นต้องการจะทำบางสิ่ง ด้วยเหตุผลบางอย่างแม้ว่ามันจะรู้สึกกลัวที่คิดจะทำเช่นนั้น แต่ด้วยความหิวโหยของมันแล้วมันกลับเอาชนะความกลัวที่มีได้ชั่วครู่ ดังนั้นอิมพ์จึงนั่งลงตรงหน้าอสูรไพร่และทำเพียงฝังฟันของมันไว้ในก้อนเนื้อที่สกปรกและมีกลิ่นเหม็น …. เนื้อนี่ช่างอร่อย

ตอนนี้เองสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความขนะแขยงของทั้งสามคนก็ปรากฏขึ้นเมื่อเห็นอิมพ์ทำเช่นนั้น พวกมันมองหน้ากันและตัวสั่นเล็กน้อยหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น  “มันกินไปได้ยังไง .. ? อี๊…  ข้ารู้สึกแย่กับเรื่องนี้จริงๆ   ...” เจมส์พูดแล้วหันกลับไปและพยายามที่จะไม่มองสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่เอวาลินก็ยังพยักหน้าอย่างช้าๆ

"จริงด้วย... แต่ก็ปล่อยให้มันกินไปเถอะ เราไม่สามารถปล่อยให้มันอดอาหารก่อนไปถึงเมืองได้และเราก็ควรจะปล่อยให้มันได้ดื่มอะไรบ้างที่ริมแม่น้ำ หลังจากที่เห็นมันกินแล้วข้าไม่มีทางให้มันดื่มน้ำจากในกระเป๋าของข้าเด็ดขาด  ... ” เอวาลินพูดด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว โทมัสเองก็ยักไหล่และยืนพิงต้นไม้

“เอาเถอะ หลังจากนี้ค่อยเดินทางก็ได้ ” เมื่อมันพูดเช่นนั้น คนอื่นๆก็พยักหน้าและเดินไปรวมกับโทมัสที่อยู๋ข้างใต้ต้นไม้ ส่วนอิมพ์ก็ยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อย

ในขณะที่ยังกินอาหารต่อกลิ่นที่น่าขยะแขยงที่สุดก็โชยออกมาจากลิ้นและเลือดรอบๆตัวมัน ปากของมันนั้นแทบจะทำให้คนอื่นๆหนีไปได้เลย แต่อิมพ์นั้นไม่สนใจและยังคงทำสิ่งที่ตัวเองทำต่อไป มันนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งสามคนกำลังพูดอะไรกันอยู่ มันรู้เพียงว่านี่เป็นโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งที่มันจะได้กินและนั่นก็หมายความว่ามันต้องกินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่เมื่อกินเนื้อของอสูรไพร่ไปได้ครึ่งตัวมันก็แทบอยากจะโยนมันทิ้งไป แต่นั่นไม่ใช่เพราะมันรังเกียจมันแต่เป็นเพราะมันอิ่มแล้วและไม่สามารถกินต่อไปได้อีกแม้แต่คำเดียว แต่แล้วสิ่งที่มันทำลงไปก็ทำให้มีกล่องปรากฏขึ้นมา

[ท่านกินมากเกินไปเรียนรู้ทักษะ  กินจุ ระดับเริ่มต้น]

ตอนนี้เองดูเหมือนว่าแม้กระทั่งท้องของอิมพ์ก็เริ่มปั่นป่วนหลังจากเสียงเตือนดังขึ้นและมันก็เริ่มลืมไปว่าตัวเองนั้นอิ่มจนกินไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว !  อิมพ์จึงยังคงฝืนกินเนื้อของอสูรต่อไปจนเลือดเนื้อของมันไหลลงคอมันไปจนไม่เหลืออะไร จากนั้นมันก็มองไปยังเจ้าตัวประหลาดทั้งสามก่อนที่เจ้าตัวน้ำเงินจะชี้ไปยังแม่น้ำซึ่งอยู่ห่างจากพวกมันเพียงสิบเมตรเท่านั้น

"ไปทำความสะอาดตัวเองและหาอะไรดื่มซะ" โทมัสพูดพร้อมกับขมวดคิ้วและด้วยความอาฆาตแค้นอิมพ์จึงคิดว่ามันไม่ควรทำในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการแม้ว่ามันจะไม่ได้เข้าใจว่าจริงๆแล้วโทมัสต้องการอะไรก็ตาม แต่ก่อนที่อิมพ์จะเริ่มคิดแบบนั้นร่างของมันก็ถูกกระตุ้นด้วยความกลัวนี้มันจึงไม่สามารถสะกดความกระหายไว้ได้อีก

ทันใดนั้นอิมพ์ก็โงนเงนและวิ่งไปยังน้ำที่ไหลอยู่ข้างๆพวกมัน และเกือบในทันทีมันก็กระโดดลงไปยังพื้นที่ตื้นๆที่พอให้ยืนได้

น้ำกลายเป็นสีแดงอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่อิมพ์กระโดดลงไป แต่ในไม่ช้ามันก็หายไปแม้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นสองถึงสามครั้งหลังจากที่มันเอามือหรือหน้าจุ่มลงไปในน้ำ

และหลังจากนั้นไม่นานเมื่ออิมพ์เติมน้ำให้กับร่างกายของมันจนเท่าที่จะทำได้แล้ว ตอนนี้เจ้าตัวประหลาดทั้งสามก็เคลื่อนไหว ดังนั้นอิมพ์จึงรีบขึ้นจากน้ำและตามพวกมันไปด้วยรู้สึกเกลียดชัง แม้ว่าอิมพ์จะรู้สึกเกลียดเป็นอย่างมากก็ตามแต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด