ตอนที่แล้วChapter 249 -250: รักษานายท่านจาง, พนันหินในเมืองเถิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 253 - 254: เกาอี้และเฉียวหยา, ทานข้าวกับนายท่านถาง

Chapter 251 - 252: ค้ามนุษย์, เพื่อนเก่า


Chapter 251: ค้ามนุษย์

 

หินก้อนที่สองเป็นหินกลวงๆ ไม่มีหยกอยู่ข้างใน จ้าวหยูเฟิงผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้เสียใจเพราะหยก oil green มีมูลค่าหลักล้านหยวน ถือได้ว่าเขาทำกำไรได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตามหินก้อนที่สามมีหยกระดับกลางค่อนสูง หยกประเภทหยกน้ำ

พระเจ้า! กู้หนิงดวงดีสุดๆ! เธอเลือกหินมาสามก้อน สองในสามมีหยกอยู่ข้างใน!

เมื่อเห็นว่าระดับของหยกนั้นค่อนข้างสูง จ้าวหยูเฟิงจึงคิดจะแบ่งปันกับกู้หนิงในภายหลัง

หยกชิ้นที่สามมีขนาดใหญ่กว่ากำปั้นนิดหน่อย มูลค่าของมันราวๆยี่สิบล้านหยวน ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวหยูเฟิงไม่ขาย คงมีคนรอประมูลกันอย่างดุเดือด

“คุณกู้ ผมไม่คิดว่าคุณจะดวงดีขนาดนี้ และผมไม่คิดจะเก็บไว้คนเดียว ทำไมพวกเราไม่แบ่งผลประโยชน์ร่วมกันครับ?” จ้าวหยูเฟิงพูดกับกู้หนิง เขาเป็นผู้ชายใจกว้าง เขาเต็มใจแบ่งผลประโยชน์ให้กู้หนิงซึ่งพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนมีคุณธรรม แต่กู้หนิงไม่คิดขอส่วนแบ่งจากเขา

“คุณจ้าว ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณค่ะ แต่ไม่ดีกว่า”

ไม่ว่าจ้าวหยูเฟิงจะโน้มน้าวเธออย่างไร กู้หนิงก็ยืนยันปฏิเสธ ในตอนท้ายเขาจึงยอมรามือ

หลังจากเลือกซื้อหินเสร็จ กู้หนิงและจ้าวหยูเฟิงก็บอกลากันและแยกกันไปตามทางของใครของมัน

จ้าวหยูเฟิงคิดว่ากู้หนิงน่าจะไปหานายท่านถาง ดังนั้นเขาจึงไม่ชวนเธอกลับกับเขา

กู้หนิงเดินอยู่สักพักก็พบสถานที่ที่ไม่มีคน เธอรีบเอาหินที่ซื้อมาเก็บในห้องเก็บของกระแสจิต

ระหว่างเดินไปตามถนนพนันหิน กู้หนิงเห็นหยกอยู่ในหินเต็มไปหมด เธออยากจะกว้านซื้อให้หมด แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะเท่าไหร่

กู้หนิงเดินไปโบกแท็กซี่ไปยังโรงแรมเถิงเฟย โรงแรมห้าดาวย่านใจกลางเมืองที่ซึ่งนายท่านถางพักอยู่ ดังนั้นพวกเธอจึงนัดเจอกันที่โรงแรม

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมง ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็น กู้หนิงกะว่าจะนอนพักอยู่ในห้องพักโรงแรมก่อนออกไปพบนายท่านถาง

หลังจากนั้นไม่นานกู้หนิงก็สังเกตเห็นว่าคนขับกำลังขับแท็กซี่ไปยังสถานที่ห่างไกล แม้ว่ากู้หนิงจะไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง แต่เธอก็ทราบดีว่าโรงแรมเถิงเฟยตั้งอยู่ในตัวเมือง

ทันใดนั้นกู้หนิงก็ตระหนักว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ก่อนหน้านี้เธอได้ยินมาว่าเมืองเถิงมีปัญหาใหญ่เรื่องค้ามนุษย์ แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัวเอง เธอระงับความพลุ่งพล่านในใจและเอ่ยปากถามออกไปว่า “โทษนะคะ ทำไมเราถึงมาทางนี้ล่ะคะ?”

“โอ้ เป็นทางลัดครับ แปบเดียวก็ถึงแล้วครับ” คนขับแท็กซี่โกหก

กู้หนิงนิ่งคิดอยู่สักพัก เธอคิดว่าอาจมีคนถูกลักพาตัวไปขายหลายคน ครอบครัวของคนเหล่านั้นต้องเป็นห่วงและกระวนกระวายต่อการหายตัวไปของคนในครอบครัว ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจช่วยพวกเขาออกมา

กู้หนิงรู้สึกชิงชัง ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะกวาดล้างการค้ามนุษย์ให้หมดไปในคราวเดียว

วันนี้เธออาจไปตามนัดนายท่านถางไม่ทัน เธอจึงส่งข้อความไปหาเขาแจ้งว่าขอเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้เช้าแทน

นายท่านถางผิดหวังเล็กน้อยที่เขาไม่ได้พบกู้หนิงวันนี้ แต่เข้าใจได้ว่าเธอคงมีเรื่องต้องไปทำ

“พวกเราอยู่บนถนนมาสิบกว่านาทีแล้วนะคะ ทำไมพวกเรายังอยู่นอกเมืองอยู่อีก?” กู้หนิงเอ่ยปากถามอีกครั้ง ราวกับว่าเธอไม่รู้ตัวว่าตกอยู่ในอันตราย

“ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราจะถึงในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้วครับ” คนขับแท็กซี่กล่าว และโล่งใจที่กู้หนิงไม่รู้เรื่องรู้ราว

“อ๋อค่ะ งั้นฉันของีบแปบหนึ่ง ถึงแล้วปลุกฉันด้วยนะคะ” กู้หนิงแสร้งหาวอย่างกับว่าเธอเพลียมาก จากนั้นเธอก็เอนหลังพิงเบาะหลับตา

“ได้ครับ!” คนขับแท็กซี่ยิ่งกว่าเต็มใจ

กู้หนิงไม่ได้หลับตาจริงๆ เธอเพียงหันข้างให้คนขับแท็กซี่ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นหน้าเธอ

ตอนนี้พวกเขาอยู่ในพื้นที่โดดเดี่ยวที่ล้อมรอบด้วยภูเขาเรียบร้อยแล้ว

ไม่กี่นาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็หยุดอยู่ด้านนอกโกดังร้าง คนขับแท็กซี่ปลุกกู้หนิง “นี่ พวกเราถึงแล้ว!”

กู้หนิงแสร้งทำเป็นตื่น และทำหน้าตาตื่นตกใจเมื่อมองออกไปข้างนอก “ที่..ที่นี่ที่ไหน? นี่ไม่ใช่โรงแรมเถิงเฟยนี่!”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ลงไปซะ!” คนขับรถแท็กซี่เปิดประตูหลังออก ลากกู้หนิงออกมา

“มะ ไม่ คุณจะทำอะไร?” กู้หนิงตัวสั่น

“เดี๋ยวแกก็จะรู้เอง”

“ได้โปรด...อย่าทำร้ายฉันเลย”

“ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแกแล้ว แกเห็นผู้ชายกล้ามโตสองคนนั่นไหม?” คนขับแท็กซี่ชี้ไปที่ผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคน “ฉันคิดว่าแกเงียบไว้จะดีกว่าถ้าไม่อยากถูกต่อย”

กู้หนิงขัดขืนพอเป็นพิธี จากนั้นก็ยอมลงจากรถแต่โดยดี

“เข้าไป!” คนขับแท็กซี่ตวาดเสียงดังใส่กู้หนิงให้เข้าไปในโกดัง ครั้งนี้กู้หนิงไม่ขัดขืน

ภายในโกดังค่อนข้างวุ่นวาย

มีชายรูปร่างอ้วนเล็กน้อยหน้าตาธรรมดาอายุประมาณ 40 ปีนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาสูบบุหรี่ด้วยท่าทางผ่อนคลายโดยไขว่ห้างและหลับตา และมีชายฉกรรจ์สองคนยืนอยู่ข้างหลังเขา

ที่มุมหนึ่งมีผู้หญิงสวยกำลังนั่งยองๆ ทั้งคู่แต่งตัวดูดี อายุราวๆสามสิบต้นๆ และยังมีเด็กผู้ชายอายุประมาณ 12 ปี พวกเขาทั้งหมดมีสีหน้าหวาดกลัวตัวสั่นและร้องไห้ด้วยความกลัว

ข้างๆพวกเขามีผู้ชายรูปร่างสูงคนหนึ่งและผู้ชายมีกล้ามอีกคนหนึ่ง พวกเขาคงถูกจับมาค้ามนุษย์ที่นี่ด้วย

กู้หนิงใช้ตาทิพย์สำรวจว่าพวกเขาพกปืนติดตัวด้วยหรือเปล่า โชคดีที่ไม่มีปืน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ปลอดภัยในระดับหนึ่ง

กู้หนิงได้กลิ่นเลือดอยู่ห่างออกไปสิบเมตรทางด้านขวา

พวกมันฆ่าคนและเอาศพไปทิ้งตรงนั้น?

กู้หนิงใช้ตาทิพย์สำรวจทันที และมันทำให้เธอต้องตื่นตะลึง

ผู้ชายและผู้หญิงอายุ 27 ปี สวมชุดดำล้วน ทั้งสองบาดเจ็บ

ต้นขาของชายคนนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง และมีเลือดไหลซึมผ่านผ้าพันแผล

Chapter 252: เพื่อนเก่า

 

ผู้หญิงบาดเจ็บหนักกว่ามาก บาดแผลของเธออยู่ที่ไหล่ใกล้หน้าอกและเลือดยังไหลซึมผ่านผ้าพันแผลจนเปียกชุ่ม ใบหน้าของเธอซีดมากราวกับว่าเธอสามารถตายได้ทุกเมื่อ

 

แต่สิ่งที่ทำให้กู้หนิงตะลึงไม่ใช่อาการบาดเจ็บของพวกเขา แต่เป็นเพราะใบหน้าของพวกเขา

กู้หนิงจำพวกเขาได้ พูดให้เจาะจงเลยก็คือ เธอ เมื่อตอนที่เธอยังเป็นถังอันหนิง จำพวกเขาได้ ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้คุ้นเคยสนิทสนมกัน แต่ก็ทำงานคล้ายกัน

พวกเขาเป็นนักฆ่าเหมือนกับถังอันหนิง ผู้ชายคนนั้นถูกเรียกว่าอินทรีบิน ส่วนผู้หญิงถูกเรียกว่าวิหคสยายปีก พวกเขาไม่ได้อยู่องค์กรเดียวกันกับถังอันหนิง และถังอันหนิงพบพวกเขาตอนที่ฝึกอยู่ที่ป่าอเมซอน พวกเขายังร่วมมือกันทำงานภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย

อินทรีบินและวิหคสยายปีกเป็นคู่รัก พวกเขาเคยบอกถังอันหนิงว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือชีวิตธรรมดา แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากองค์กร

องค์กรของพวกเขาวางแผนจะกำจัดพวกเขาทันทีกรณีที่องค์กรถูกเปิดโปง ดังนั้นพวกเขาจึงหลบหนี ซ่อนตัวอยู่นานซึ่งมันไม่ได้ดีกว่าแต่ก่อน อย่างน้อยตอนอยู่ที่องค์กรพวกเขายังพอมีเวลาว่าง แต่เมื่อหนีออกมาแล้ว พวกเขาไม่มีทางหวนคืน

ถ้ากู้หนิงเดาถูก พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการหลบหนี

“หัวหน้า ผมได้มาอีกหนึ่ง สวยมาก!” คนขับแท็กซี่พูดกับผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

เขาลืมตาขึ้น มองตรงมา

เขาตกตะลึงเมื่อจ้องมองไปที่ใบหน้าของกู้หนิง จากนั้นเขาก็โยนบุหรี่ในมือลงบนพื้นก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินไปหากู้หนิง “คนนี้สวยจริง! ฉันไม่คิดว่าจะขายเธอ”

เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากู้หนิง เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอ กู้หนิงไม่ได้หลบเลี่ยง ขณะที่มือของเขากำลังเข้าใกล้ ข้อมือของเขากะถูกกู้หนิงจับไว้และบิดหักโดยไม่ลังเล เขาตะโกนร้องลั่นอย่างเจ็บปวด

จากนั้นกู้หนิงก็ถีบหน้าท้องของเขาอย่างแรง จนเขากระเด็นปลิวกระแทกกำแพงก่อนจะร่วงลงพื้นเสียงดัง เขาจุกจนพูดไม่ออก

กู้หนิงลงมือรวดเร็วจนผู้ชายกล้ามโตสองคนไม่ทันได้ตอบสนอง

พวกเขาโมโหและเริ่มโจมตีกู้หนิง

ถึงพวกเขาจะตัวโตกว่าแต่ก็เทียบกับความเก่งของกู้หนิงไม่ได้ ในฐานะนักฆ่าเก่าที่มีทักษะการต่อสู้สูงมาก พวกเขาถูกกู้หนิงซัดจนล้มไปนอนกองกับพื้น ร้องโอดครวญ

การเด็กที่สาว ม.ปลาย มีทักษะการต่อสู้ขนาดนี้มันเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก

ตอนนี้คนขับแท็กซี่เกิดเสียใจที่พากู้หนิงมา ถ้าเขารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่มีวันพาเธอมาเด็ดขาด

“ลุกขึ้นแล้วรีบหนีไปซะ!” กู้หนิงพูดกับคนที่ถูกจับมาที่นั่งตัวสั่นอยู่มุมห้อง

พวกเขาได้สติและกล่าวขอบคุณกู้หนิงก่อนจะรีบวิ่งหนีออกจากโกดัง

กู้หนิงหยิบเชือกขึ้นมามัดพวกค้ามนุษย์ จากนั้นก็เดินไปยังด้านขวา

วิหคสยายปีกและอินทรีบินตื่นตระหนกที่กู้หนิงเดินเข้าไปหาพวกเขา พวกเขาพยยามตั้งท่าจะปกป้องตัวเอง น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเขาบาดเจ็บหนัก และเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าก็เก่งมาก ถ้าเธอต้องการทำร้ายพวกเขา พวกเขาคงไม่มีโอกาสเอาชีวิตรอด

กู้หนิงไม่ได้เข้าไปใกล้ เธอหยุดเดินก่อนจะถึงตัวพวกเขา “ฉันได้กลิ่นเลือด ถ้าพวกคุณอยากมีชีวิตรอดก็ต้องไว้ใจฉัน เพราะฉันสามารถรักษาพวกคุณได้”

พวกเขาประหลาดใจกับประสาทรับกลิ่นที่เฉียบไวของกู้หนิงมาก แต่แทนที่พวกเขาจะดีใจกลับกลายเป็นกังวลแทน

กู้หนิงพูดถูกที่พวกเขาบาดเจ็บสาหัสและอาจตายได้ พวกเขาถูกยิง พวกเขากลัวว่ากู้หนิงจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้

ในฐานะนักฆ่า พวกเขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นได้ โดยเฉพาะการเอากระสุนออก แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่มีอุปกรณ์และยา ตรงส่วนที่ถูกยิงอาจแย่ลงกว่าเดิมถ้าพวกเขาสัมผัสบาดแผลอย่างบุมบ่าม

อย่างไรก็ตามพวกเขากำลังจะตาย และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเอาชีวิตรอด

เธอจะสามารถรักษาแผลที่ถูกยิงได้หรือไม่? นี่คือสิ่งที่พวกเขาสงสัยและอยากลองดูสักตั้ง

จากนั้นอินทรีบินก็พูดขึ้นว่า “เธอสามารถเก็บเป็นความลับระหว่างพวกเราได้ไหม?”

“ได้สิ ฉันจะไม่บอกใคร”

“ดี พวกเราไว้ใจเธอ”

กู้หนิงเดินเข้าไปด้านหลังกองเศษหักพัง

มีมีดผ่าตัดยาแก้ปวดและยาห้ามเลือดและอื่น ที่มีประโยชน์ที่เธอเก็บไว้ในช่องเก็บของกระแสจิต

กู้หนิงหยิบกล่องยาขนาดเล็กออกจากกระเป๋าเป้ของเธอทันที และนั่งยองๆข้างหน้าพวกเขาเพื่อเปิดมัน เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องยา ดวงตาของอินทรีบินและวิหคสยายปีกก็พลันสว่างขึ้น ก่อนที่กู้หนิงจะพูดต่อ อินทรีบินก็พูดกับเธอว่า “ทำไมไม่ให้เรายืมกล่องยานี้ล่ะ ฉันสามารถรักษาเธอได้”

เขายังกังวลว่ากู้หนิงจะรู้ว่าพวกเขาถูกยิงมา

กู้หนิงเข้าใจความกังวลของเขา แต่วิหคสยายปีกบาดเจ็บหนัก ถ้ากู้หนิงไม่ช่วยถ่ายทอดพลัง เธออาจตายได้

“คุณมั่นใจหรือว่าจะเอากระสุนออกได้รวดเร็ว?” กู้หนิงถาม

ทั้งสองคนตะหนกและระวังตัว เธอรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาถูกยิง?

ก่อนที่ทั้งสองจะเอ่ยปากถาม กู้หนิงก็ชิงพูดก่อนว่า “ฉันไวต่อกลิ่นมาก ฉันได้กลิ่นดินประสิวจางๆจากตัวของพวกคุณ ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังหรอก ตอนนี้เธอบาดเจ็บหนักมาก คุณไม่มีแรงอย่างนี้แล้วจเอากระสุนออกจากตัวเธอยังไง?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด