ตอนที่แล้วChapter 20: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลย - 2 (ส่วนที่ 2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 22: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลย - 3 (ส่วนที่ 2)  

Chapter 21: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลย - 3 (ส่วนที่ 1)


“ฉันได้อ่านในหนังสือและพบว่าปืนมันอยู่ในโลกนี้ก็จริง แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะอยู่ในพื้นที่ธรรมดาทั่วไปเช่นนี้เลยแหะ”

ปืนมันน่าจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม และในเวลาเดียวกัน มันเป็นการประดิษฐ์คิดค้นที่เลวร้ายที่สุดที่มนุษย์คิดขึ้นมา

ไม่เหมือนอาวุธอย่างอื่น เช่นดาบและธนู ซึ่งมันต่างต้องมีฝีมือในการใช้งานพวกมัน การใช้งานปืนเป็นอาวุธในสงคราม เป็นเรื่องที่ง่ายกว่ามากในการใช้มันให้คุ้นเคย กับความจริงที่ว่ามันก็เพียงแค่ลั่นไกปืนเท่านั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารใครสักคนหนึ่ง

ยังไงก็ตาม ปืนในโลกใบนี้ต่างถูกปฏิบัติราวกับ ‘ของตกแต่ง’ เสียมากกว่า และมันมีเหตุผลด้วยเช่นกัน

แทนที่มันจะใช้ดินปืน ปืนคาบศิลาเหล่านี้ต่างพึ่งพาแนวคิดในการใช้ ‘พลังมานา’ ในการยิงออกไป ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกมันถึงถูกใช้โดยพวกนักเวทย์เป็นส่วนใหญ่

นั่นหมายความว่ามีแค่พวกนักเวทย์เท่านั้นที่ใช้งานมันได้งั้นเหรอ?

ไม่ละ ผิดแล้ว

ไม่ว่าคุณจะเป็นอัศวิน ทหารรับจ้างหรือจะเป็นคนธรรมดาทั่วไป ตราบเท่าที่คุณใช้พลังมานา พลังศักดิ์สิทธิ์หรือจะเป็นพลังมาร คุณก็สามารถที่จะใช้ปืนเหล่านี้ได้

นักเวทย์และนักเล่นแร่แปรธาตุมากมายต่างใช้เวลากว่าสองร้อยปีหรือมากกว่านั้น ในการคิดค้นวิธีทางในการพัฒนาปืนให้มันดีไปกว่านี้ และด้วยการคิดค้นมากมายเหล่านั้น....มันจึงกลายเป็น ‘ของตกแต่ง’ แทน

รู้ไหมว่าทำไมมันจึงกลายเป็นของตกแต่งกัน

“…..สิ้นเปลืองมานาอย่างไร้สาระชะมัด”

การยิงออกไปครั้งหนึ่ง มันใช้พลังมานาจำนวนมหาศาล

ฉันได้อ่านมาว่า แม้แต่นักเวทย์ที่เก่งกาจมากที่สุดก็ใช้พลังมานาไปทั้งหมดกับการยิงออกไปเพียงห้านัด มันเป็นที่พูดกันว่าคุณจำเป็นต้องใช้เวลากว่าห้านาทีในการรวบรวมมานาเพื่อสร้างกระสุนขึ้นมาสักนัดด้วยเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน ระยะยิงปืนของมันก็ยิ่งน่าอนาถมากกว่านั้นอีก ซึ่งมันมีระยะยิงเพียงแค่ 50 เมตร ซึ่งมันกลายเป็นคำถามว่ามันจะคุ้มค่าไหมพลังทำลายล้างของมัน เมื่อเทียบกับการใช้มานาไปมากขนาดนั้น

ไม่ละ มันผิดอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากที่ยิงออกไป มานาที่รวมกันเป็นก้อนก็จะแตกลงและกระจายไปทั่วกลางอากาศ มันไม่สามารถที่จะทำให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บหนักในระยะ 50 เมตรด้วยซ้ำไป

การใช้เวลากว่า 5 นาทีในการร่ายเวทย์หมู่ มันจะสร้างความเสียหายกับศัตรูได้อย่างหนักหน่วง เมื่อคิดถึงพลังมานาที่ใช้ไป บอกได้เลยว่ามันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

แต่ยังไงก็ตามปืนยังคงมีอยู่ในโลกใบนี้ และมันมีเหตุผลอยู่สองข้อ

เหตุผลข้อแรก มันมีไว้เพื่อ ‘ลดน้ำหนัก’

มันไม่ได้มีข้อชี้ชัดระหว่างไขมันกับมานา แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น ฉันก็รู้มาว่าพวกผู้หญิงจากชนชั้นสูงต่างยิงปืนระยะไกลกัน เพื่อลดน้ำหนัก

อีกหนึ่งเหตุผลคือพวกขุนนางมีงานอดิเรกในการเก็บสะสมของเหล่านี้

ปืนมันก็เป็นของตกแต่งด้วยเช่นกันและขุนนางที่ร่ำรวยต้องการที่จะเก็บ ‘ของจริง’ ไว้ด้วย ดังนั้นฉันจึงคิดว่าพวกนักเวทย์สร้างพวกนี้ขึ้นมาเป็นของตกแต่งราคาแพงเท่านั้น

มันเหมือนว่าสำหรับพวกขุนนางเหล่านี้ค่อนข้างโง่เขลาเป็นบางเวลา พวกเขาต่างใช้เงินไปเป็นจำนวนมาก เพียงแค่ต้องการวางปืนไว้โอ้อวดเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นมันก็ไม่ได้มีเหตุผลอื่นอะไรนอกจากการลดน้ำหนัก

เอาเถอะ คนธรรมดาส่วนใหญ่ต่างเก็บรวบรวมขยะเหล่านี้ ไว้เป็นงานอดิเรก

ฉันสงสัยว่าเจ้าปืนคาบศิลานี้มันมีราคามากเพียงใด? ฉันได้ยินมาว่ามันมีราคาเท่ากับอวัยวะแขนหรือขาของคนสักข้าง...

“มันช่างน่าเสียดายจริง ถ้าฉันรู้วิธีการสร้างผงดินปืน ฉันคงจะหาเงินได้มากขนาดนั้น…”

แล้วฉันจะทำอะไรได้อีกกัน? มันไม่เหมือนกับว่าหมาหรือแมวทุกตัวจะเรียนรู้วิธีการผสมสารเคมีสักหน่อยและฉันก็ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วย เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะถูกโยนเข้ามาสู่อีกโลกแบบนี้

ฉันส่ายหัวและหยิบปืนคาบศิลากลับไปวางไว้บนกำแพง แต่หลังจากนั้นฉันก็หันไปมองรอบๆ

“ฉันลองยิงสักรอบดูก่อนดีไหมนะ?”

ทันใดนั้น ฉันรู้สึกสงสัยอย่างมาก

มันเป็นเรื่องที่น่าสนุกในการเล่นกับปืนคาบศิลาในโลกใบนี้ แต่มันจะน่าสนุกไปมากกว่านี้ ถ้าลองยิงมันดูสักนัด

นอกจากนี้แล้ว ฉันยังพบว่าการใส่พลังศักดิ์สิทธิ์ลงไปนิดเดียวมันก็ไม่ได้ทรงพลังมากสักเท่าไหร่ ฉันคงจะทำให้เฟอร์นิเจอร์เกิดรอยขีดข่วนขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง

พร้อมกับความคิดเหล่านี้ในหัว ฉันแอบหยิบปืนออกมาจากกำแพงอีกรอบหนึ่ง

แทนที่จะใส่ลูกกระสุนลงไปในปากกระบอกปืน เจ้าปืนคาบศิลานี้เป็นปืนประเภทชักเสียมากกว่า มันเป็นเพราะว่าตัวปากกระบอกปืนจำเป็นต้องใช้ระบายความร้อนออกมา หลังจากที่ยิงกระสุนออกไป ดังนั้นฉันจึงดูการออกแบบนี้

ฉันหยิบปืนคาบศิลาและพ่นลมหายใจออกไปตรงที่กระสุนจะต้องใส่เข้าไป หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือมานา

[กระสุนได้ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้พลังศักดิ์…]

[คุณได้เข้าสู่สถานะควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์]

[ออร่าศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกใช้งาน อุปกรณ์จะได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นเวลาชั่วคราว]

หื้อ?

ข้อความโผล่ขึ้นมาเต็มหัวของเขา ตั้งแต่ที่ฉันเห็นพวกมันขึ้นมาก่อน พวกมันไม่ได้ทำให้ฉันตกใจ แต่ ‘ออร่าศักดิ์สิทธิ์’ กลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง

คนที่ถูกรักโดยพระเจ้า หรือคนที่ได้รับการอวยพรจากพระเจ้า ไม่ว่ายังไงก็ตาม – นี่คือหนึ่งในพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งมันสามารถถูกพบได้ทั่วทวีป

แต่ ‘ออร่าศักดิ์สิทธิ์’ นี่มัน….

มันคือความสามารถเหนือธรรมชาติที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ มานา พลังศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่พลังมาร

“มันน่าจะถูกปฏิบัติราวกับสุดยอดพลังของโลกใบนี้ป่าว?”

เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าเจ้าของร่างกายนี้มีพลังนี้มาก่อนที่ฉันจะเข้ามายึดร่างกัน? แน่นอนว่าเขามีสายเลือดที่สำคัญอย่างมาก แต่ฉันกลับไม่ได้คิดว่าเขาจะมีความสามารถเช่นนี้

“มันน่าลึกลับมากจริง...”

เมื่อฉันคิดถึงเรื่องนี้ ฉันก็ได้ใช้พลังนี้ไปโดยที่ไม่รู้ตัว ในขณะที่เผชิญหน้ากับซอมบี้หมี พลั่วของฉันได้รับการเสริมพลังและฉันป้องกันการโจมตีของสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายนั่นได้

“มันสามารถเพิ่มอุปกรณ์ได้ชั่วคราว....”

ฉันเดาว่ามันคล้ายคลึงกับการ ‘เสริมพลัง’

บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้? การใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สูงมากเท่าที่ฉันกลัว ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย มันก็ไม่ได้แย่เหมือนตอนที่ฉันสร้างน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา

ฉันไม่มีปัญหากับการเคลื่อนไหวร่างกายหลังจากนั้น

มันใช้เวลาสร้างกระสุนมาประมาณหนึ่งนาทีหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย

มันอาจจะเป็นเพราะว่าฉันน่าจะสร้างกระสุนขยะขึ้นมาก็ได้ แต่ฉันไม่มีทางรู้ถึงผลลัพธ์ของมันได้เลย แม้แต่นักเวทย์ที่เก่งกาจยังต้องใช้เวลาห้านาทีในการชาร์จ ดังนั้นมันไม่มีทางที่ฉันจะใช้เวลาเพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น

ฉันยกปืนคาบศิลาขึ้นและเล็งไปที่แจกันที่วางอยู่บนชั้นวางของ ฉันสงสัยถึงพลังทำลายล้างของมันมาก

ฉันรู้สึกเหมือนกับเด็กที่ลองเล่นปืนบีบีกันที่พึ่งซื้อมาใหม่ ฉันพึมพำออกมาเล็กน้อยตอนที่ฉันลั่นไกออกไป

“ปัง”

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันตกใจ..

บึ้ม!!

...มันกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่นี่สิ

เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วคฤหาสน์

ฉันล้มก้นจ้ำเบ้ากับใบหน้าที่ตกตะลึง แล้วฉันก็ปล่อยปืนคาบศิลาลงไป ไม่เพียงเพราะความตกใจ แต่มันเป็นเพราะฉันไม่สามารถรับมือกับแรงดีดได้

ฉันได้ยินเสียงร้องของคนรับใช้และสาวใช้ด้านนอกหน้าต่าง พวกเขาต่างตกใจกับเสียงระเบิดที่เกิดขึ้น

ปัง! ปัง!

“ฝ่าบาท! เกิดอะไรขึ้น?”

ในวินาทีต่อมา ฉันได้ยินเสียงตะโกนที่ตกใจของพาลาดินจากด้านหลังประตู เสียงของเขาดูแตกต่างออกไปจากเสียงที่เหมือนกับหุ่นยนต์ก่อนหน้านี้ แน่นอนละว่าเขาคงตกใจกับระเบิดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

แต่ปฏิกิริยาของฉันมันช้าไป พาลาดินตัดสินใจที่จะพังประตูเข้ามาก่อน

“เกิดอะไร…”

ฉันรีบลุกขึ้นยืนและผลักพาลาดินออกไปนอกประตู ก่อนที่เขาจะสามารถก้าวเข้ามาด้านใน

“ไม่มีอะไร” ฉันตอบ

“ครับ? แต่ว่า ฝ่าบาท...”

สายตาของพาลาดินรีบกวาดมองไปทั่วห้อง มันเหมือนกับว่าเขาต้องยืนยันบางอย่างก่อน แต่ฉันใช้แรงทั้งหมดผลักเขาออกไปนอกห้อง

“เห้ย มันไม่ดีเลยนะที่จะบุกรุกห้องของเด็กหนุ่มที่กำลังโตอยู่นะ เข้าใจไหม?”

ฉันใช้แรงขาที่มีเพื่อให้เขาถอยกลับไป แน่นอนมันจะทำให้ขาของฉันปวดขึ้น จากการเตะไปโดนเกราะของเขา ดังนั้นฉันจึงทำได้เพียงวางมือลงไปบนเกราะอกของเขาและผลักออกไป

หลังจากที่ไล่พาลาดินออกไปด้านนอกได้ ฉันก็รีบปิดประตู

ในขณะที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ฉันเหลือบไปมองปืนคาบศิลาที่อยู่บนพื้นและรูขนาดเท่าหัวคนที่อยู่ด้านข้าง ในขณะที่ขมวดคิ้วแน่น

“ของตกแต่งก็เชี่ยละ!!!”

ใครกันที่พูดออกมา? ว่าปืนพวกนี้มันเป็นของตกแต่งไว้ลดน้ำหนักกัน?

ด้วยพลังทำลายล้างขนดานี้ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือซอมบี้ก็จะถูกยิงตายในนัดเดียวอยู่ดี

ติดตามอ่านก่อนใครได้ที่ Rachin Fanpage ครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด