ตอนที่แล้วEp.760 - โชคของไป๋หลี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.762 - ความสะเพร่าของกวนจินฮ่าว

Ep.761 - ผู้ใช้อบิลิตี้สี่ธาตุ


5/5

Ep.761 - ผู้ใช้อบิลิตี้สี่ธาตุ

ผลแห่งปัญญาแม้สุกสกาวแวววาว แต่ในความเป็นจริงมันแข็งมาก ทว่าเมื่อเข้าปาก กลับละลายเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง เติมเต็มเข้าสู่ฉินเฟิง

พลังงานกระจายไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย มุ่งตรงไปยังส่วนหัว บังเกิดเสียงฟุ่บบ! คล้ายเจาะผ่านช่องว่างบางอย่าง สุดท้ายมาถึงจักรวาลแห่งจิตสำนึก

ไม่เพียงแค่นั้น แต่แก่นของผลแห่งปัญญาไม่ได้เปลี่ยนเป็นพลังงาน กลับเปลี่ยนรูปเป็นเพชรเม็ดเล็ก ลอยล่องอยู่รอบๆดาวเคราะห์เพชรซึ่งเป็นแก่นพลังสมาธิของฉินเฟิง หมุนวนควบคู่ไปกับศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งวารี

ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงคล้ายบังเกิดความตระหนักรู้ ว่าบทบาทของดาวเคราะห์ดวงน้อยนี้มีไว้เพื่ออะไร

อักษรรูนไฟบินออกมาจากดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง หลั่งไหลเข้าไปรวมเข้ากับดาวเคราะห์เพชรขนาดเล็กดวงนี้ และค่อยๆเปลี่ยนดาวเคราะห์ให้กลายเป็นสีแดงเพลิง

และมันบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ในการรับรู้ของฉินเฟิง เมื่อพลังสมาธิจดจ่ออยู่กับดาวดวงนั้น เขาพบว่าตัวเองได้กลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟอย่างแท้จริง!

“ผู้ใช้อบิลิตี้สองประสาน และมีแก่นพลังสมาธิคู่ ที่แท้ก็มีอยู่จริงในรูปแบบนี้!”

นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงเคยกล่าวมาก่อน ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อัตลักษณ์ที่บางคนสามารถได้รับจากผลแห่งปัญญา ก็คือแก่นพลังสมาธิ!(แก่นอบิลิตี้) และเนื่องจากเขามีมันอยู่แล้ว ทำให้ตอนนี้ฉินเฟิงกลายเป็นผู้ครอบครองความสามารถในการใช้อบิลิตี้ถึงสองธาตุ!

ถึงแม้ว่าฉินเฟิงจะสามารถใช้อบิลิตี้ไฟได้อยู่แล้วก็ตาม แต่เดิมทีอบิลิตี้หลักของเขาคือธาตุมืด ดังนั้นเพื่อที่จะสามารถเรียนรู้และใช้งานธาตุไฟได้ ฉินเฟิงจำเป็นต้องทำให้รูนไฟที่มี ติดเชื้อมืดเสียก่อน

ทว่าปัจจุบัน เขาสามารถบรรลุถึงแก่นแท้ของอบิลิตี้ไฟได้แล้วจริงๆ สามารถใช้งานรูนไฟได้เลยโดยตรง!

ในเวลานี้ ฉินเฟิงเริ่มบังเกิดแรงดลใจ จัดการกลืนกินผลแห่งปัญญาที่เหลืออีก 2 ลูกทันที

เพียงพริบตา ดาวเคราะห์เพชรดวงเล็กอีกสองดวงก็วิ่งเข้าไปในจิตสำนึกของฉินเฟิง

หลังจากนั้น อักษรรูนน้ำก็ออกมาจากดาวเคราะห์ดวงใหญ่ ถ่ายเทมายังดาวเคราะห์เพชรดวงเล็ก

ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งวารีคล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง มันส่งเสียงหึ่งๆ ก่อนเริ่มบินไปยังดาวดวงเล็กสีฟ้าคราม

อักษรรูนที่เกิดจากอบิลิตี้น้ำของฉินเฟิง ด้วยการสนับสนุนของศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งวารีก้อนนี้ อำนาจของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า!

จากนั้น ก็ถึงตาของรูนดินจำนวนหนึ่ง ผุดออกมาหลอมรวมเข้ากับดาวเคราะห์เพชรดวงสุดท้าย

ช่วงเวลานี้ บนดาวเคราะห์เพชรที่ใหญ่ที่สุดของฉินเฟิง หลงเหลือเพียงความมืดมิดอันบริสุทธิ์

โดยรอบกายมัน มีสามดาวเคราะห์โคจรอยู่เป็นเพื่อน!

นี่มิใช่แค่ความสามารถในการเรียนรู้อบิลิตี้เท่านั้น แต่ตราบใดที่พลังสมาธิของฉินเฟิงมากพอ เขาสามารถปลดปล่อยอบิลิตี้จากดาวเคราะห์ดวงต่างๆได้ในเวลาเดียวกัน ตราบใดที่มันไม่ขัดแย้งกันและกัน ก็เป็นไปได้ที่จะสร้าง สองเขตแดน , สามเขตแดน หรือกระทั่งสี่เขตแดน!

ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงได้ก้าวไปอีกขั้นอย่างแท้จริง ถือว่าพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เกรงว่าบางที ในตอนนี้อำนาจอบิลิตี้ของฉินเฟิง จะร้ายกาจไม่แพ้วรยุทธโบราณที่เขามี!

ฉินเฟิงได้กลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้สี่ธาตุ!

ฉินเฟิงยังคงหมกมุ่นอยู่ในจักรวาลแห่งจิตสำนึก ในขณะที่คนอื่นๆ สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวผุดออกมาจากร่างของเขา คนแล้วคนเล่าพากันตกตะลึง

สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องถอนหายใจก็คือ อายุของฉินเฟิงกับไป๋หลีที่ยังเยาว์วัย นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ความจริงแล้วเป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ ดังนั้นล่วงรู้ถึงตัวตนของฉินเฟิงกับไป๋หลี

“นั่นไม่ใช่คนที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลของภูมิภาคเหนือหรอกหรือ?”

“ดูเหมือนว่าภูมิภาคเหนือจะปรากฏผู้แข็งแกร่งขึ้นอีกคนแล้ว แถมความแข็งแกร่งนี้ ต้นไม้ปัญญานิรันดร์เป็นคนมอบให้ อนาคตของเขาย่อมไร้ขีดจำกัด!”

“ฉินเฟิง .. ไป๋หลี … กลุ่มเฟิงหลี .. พวกเขาคือขุมกำลังใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นนี่นา น่าสนใจจริงๆ เพียงแต่ว่าฉันเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B ถ้าไปขอเข้าร่วมกับเขา มันจะไม่เป็นการเสื่อมเสียเกียรติหรอ?”

“เสียเกียรติบ้าอะไร!? นายไม่รู้หรือว่ามีตระกูลมากมายร่วมมือลงทุนกับกลุ่มเฟิงหลี และไม่ใช่จะเข้าร่วมได้ง่ายๆด้วย จำเป็นต้องให้ฉินเฟิงยอมรับ ฉันมีกลุ่มของตัวเองแล้ว ฉะนั้นจะลองขอร่วมทุนกับเขาดู!”

คนพวกนี้ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ความคิดทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีพื้นฐานมาจากผลประโยชน์ของตน ยังไงก็ตาม พวกเขาคงไม่ทันฉุกคิดเลย ว่าฉินเฟิงในปัจจุบัน คร้านจะไล่ชักชวนเลเวล B แล้ว ส่วนเรื่องร่วมทุนน่ะ เฮอะ! ฝันไปเถอะ!

กลุ่มเฟิงหลีสามารถทำเงินมหาศาลได้ในทุกวี่วัน คนเหล่านี้จะไปเข้าใจอะไร

และประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ ความสามารถส่วนบุคคลของฉินเฟิง ในเวลานี้มันแข็งแกร่งมากพอแล้ว!

ช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนยามค่ำคืน ในที่สุดก็ผ่านพ้นไป ระหว่างกลางวัน บางทีอาจเป็นเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ ทำให้ต้นไม้ปัญญานิรันดร์ไม่เปล่งแสงอีกต่อไป ไหนจะเรื่องเสียงดังรบกวนรอบข้าง ทำให้ไม่มีใครคิดฝึกฝนอีก ทั้งหมดทยอยกันออกไปล่าสัตว์ร้าย

ทรัพยากรในที่นี้ล้วนมิใช่สิ่งที่สามารถหาได้ในมิติโลกมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกัน อันตรายจากการล่าในโลกมนุษย์ มันเทียบที่นี่ไม่ติด

กระนั้น คนส่วนใหญ่ไม่ได้ออกล่าไกล เพราะวัตถุประสงค์ของพวกเขาคือต้นไม้ปัญญานิรันดร์ อันดับรองคือการเก็บเกี่ยวสมุนไพรและผลไม้ หากมีอีกกลุ่มเพ่งเล็งเป้าหมายเดียวกัน ก็นำมาซึ่งการต่อสู้

ส่วนจุดประสงค์ของฉินเฟิง มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

หลังถูกฝูงแมมมอธรุมล้อมเมื่อวาน ฉินเฟิงก็ออกไล่ล่า ล้างบางมันทั้งเผ่าพันธุ์ พร้อมใช้งานพลังพิเศษดูดกลืนไปในตัว หากออกล่าในปริมาณนี้อีกสักสี่ห้าเท่า ฉินเฟิงน่าจะสามารถยกระดับก้าวสู่เลเวล B4 ได้

เพิ่งมาถึงเลเวล B3 ได้ไม่นาน ฉินเฟิงก็กำลังจะยกระดับอีกแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณสัตว์ร้ายจำนวนมหาศาลบนเกาะนรก

ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทำให้ฉินเฟิงสามารถออกล่าสัตว์ร้ายได้อย่างต่อเนื่อง กลิ่นสาบเลือดปนเปื้อนบนร่างเขา ยิ่งนานยิ่งหนาแน่น จนเกรงว่าจะไม่สามารถล้างออกได้

วันแรกได้ผ่านพ้นไป ...

สองวันผ่านไป …

สิบวันผ่าน …

ยี่สิบวัน ….

ฉินเฟิงจำไม่ได้อีกต่อไปแล้วว่าเขาสังหารสัตว์ร้ายไปกี่ตัว ภายใต้การล่าสังหารที่เหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดนี้

เงื่อนไขของความแข็งแกร่งทางกายภาพและพลังสมาธิถูกเติมเต็ม

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ต้องออกจากเกาะนรก เหลืออีกสามวันเท่านั้น!

ในคืนเงียบสงัด ใต้ต้นไม้ปัญญานิรันดร์ ทุกคนต่างดำดิ่งไปกับการฝึกฝน หลังฉากที่ฉินเฟิงกับไป๋หลีได้รับผลแห่งปัญญามากมายได้ผ่านพ้นไป ที่นี่ก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ ในระหว่างช่วง 3 - 4 วันมักจะมีคนหนึ่งได้รับความโปรดปรานจากต้นไม้ใหญ่ ปล่อยผลแห่งปัญญาแก่เขา

ระหว่างนั้นมีเลเวล B สองคนถูกสังหารไปเช่นกัน และโดนปล้นผลแห่งปัญญาไป

ฉินเฟิงกับไป๋หลีแม้ไม่ได้รับผลแห่งปัญญาอีกแล้ว แต่ก็ยังเลือกฝึกฝนอยู่ภายใต้ต้นไม้ พยายามรับรู้ถึงความคิด และความเข้าใจใหม่ๆที่ผ่านเข้ามา

ฉินเฟิงยังคงเรียนรู้อบิลิตี้ใหม่อย่างต่อเนื่อง นอกจากธาตุน้ำแล้ว เขายังได้ดูดกลืนแก่นอบิลิตี้ของแมมมอธ สั่งสมอักษรรูนดิน เพื่อทำการเรียนรู้เทคนิคมังกรดิน

แม้ในเขตแดนปฐพีของพวกแมมมอธจะมีแค่เทคนิคหนามพิภพกับเทคนิคอุกกาบาตสวรรค์เท่านั้น แต่อักษรรูนธาตุดินยังเป็นสิ่งจำเป็น

ระหว่างฉินเฟิงกำลังศึกษาอักษรรูนดิน จู่ๆก็ปรากฏเสียงคำรามดังขึ้นจากในความมืดมิด

เสียงคำรามนี้ทรงพลังยิ่ง แม้มาจากสถานที่ห่างไกล แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอำนาจทะลุทะลวงของมัน

เป็นเสียงคำรามของมังกร!

“นี่- นี่มันเสียงของโม่ลี่ไม่ใช่หรอ!”

“เสียงของมันฟังเหมือนกำลังโกรธมาก”

“คงไม่มีใครคิดไปลอบฆ่าโม่ลี่หรอกใช่ไหม?”

“ใครกันที่อาจหาญถึงขนาดนั้น ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร?”

ฝูงชนทยอยกันผุดลุกขึ้น ไม่ได้ฝึกฝนอีกต่อไป ต่างพากันมองไปยังทิศทางของโม่ลี่

บางคนตัดสินใจจากไปอย่างเงียบๆทันที บางคนก็ยังรั้งอยู่ แต่บังเกิดความกังวลเล็กน้อย

ณ ขณะนี้ คนจากคลับมังกรดำก็ตื่นตระหนกเช่นกัน ผู้รับหน้าที่คอยดูแลเกาะนรกอยู่ในตอนนี้คือฟีนิกซ์เพลิง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ใครไปยั่วโมโหโม่ลี่? ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วรึไง ถึงพวกเราจะมีสัญญา แต่ใครก็ตามที่รุกล้ำอาณาเขตของโม่ลี่ ก็ยังถูกมันฆ่าตายอยู่ดี!”

ฟีนิกซ์เพลิงหันมองไปยังทิศทางของภูเขาไฟ ช่วงเวลานี้ บนเส้นขอบฟ้า เริ่มปรากฏจุดสีแดงเพลิงขึ้นมาอย่างกะทันหัน

จากนั้น จุดสีแดงเพลิงก็เริ่มใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ใบหน้าของฟีนิกซ์เพลิงเริ่มกลายเป็นปั้นยาก แม่เธอจะเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ ทว่าบนหน้าผากเธอในเวลานี้ กลับปรากฏเม็ดเหงื่อจากไอร้อนอย่างคาดไม่ถึง

จุดสีแดงเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ปกคลุมไปทั้งผืนฟ้า

ระหว่างชุลมุน พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออกไปทันใด ก่อนตรวจพบความผิดปกติบางอย่างจากเบื้องล่างในตำแหน่งที่โม่ลี่บินอยู่

มันคือร่างเงาของมนุษย์

เป็นทักษะหมื่นภูติที่แสนคุ้นเคย และกำลังมุ่งหน้าตรงมายังป้อมปราการอย่างรวดเร็ว มิใช่ใครอื่น--

--เป็นกวนจินฮ่าว!

**พรุ่งนี้งดประจำสัปดาห์ครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด