ตอนที่แล้วบทที่ 54 ยินดีค่ะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 56 มันคงจะเจ็บไม่น้อย

บทที่ 55 เริ่มการแข่งขัน


ร่างกายของฉันอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยความโกรธที่ถูกระงับความคิดที่ว่าต้องอยู่ในคลาสเดียวกับลูคัสและยิ่งไปกว่านั้นคือคลาสต่อสู้แบบทีม มันเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันอย่างเจ็บแสบที่คนทรยศอย่างลูคัสเลือกที่จะเรียนในชั้นเรียนที่เน้นการทำงานร่วมกันเป็นทีมในการต่อสู้ มันทำให้ฉันอยากจะหัวเราะ

สายตาของเราสบกัน แต่เขามองมาที่ฉันอย่างเฉยเมยเหมือนฉันเป็นแมลงบนพื้นดิน

"ดีละ! ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว!” ทันใดนั้นเสียงอันดังก็กึกก้องไปทั่วสนาม ในขณะที่นักเรียนทุกคนเริ่มหันศีรษะเพื่อค้นหาว่าเสียงนั้นมาจากไหนฉันมองตรงไปเห็นสัตว์มานาที่มีรูปร่างคล้ายกับเหยี่ยวขนาดใหญ่บินโฉบอยู่เหนือสนาม

สัตว์มานาตัวนี้มีความยาวอย่างน้อย 4 เมตรและปีกของมันยาวกว่า 8 เมตร ด้วยกรงเล็บอันแหลมคมที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ มันค่อยๆเคลื่อนตัวลงมาเผยให้เห็นหญิงสาวรูปร่างสันทัดที่มีดาบขนาดยักษ์รัดอยู่บนหลังของเธอยืนอยู่บนหลังของเหยี่ยว

“ยินดีต้อนรับ! ฉันศาสตราจารย์กลอรี่และฉันจะเป็นคนสอนพวกคุณทุกคนในชั้นเรียนนี้! แฟลร์ฮอคตัวนี้มีชื่อว่าทอร์ช เขาเป็นสัตว์ที่ผูกพันอันล้ำค่าของฉัน”

สิ่งแรกที่ฉันทำคือการวัดระบบแกนมานาของศาสตราจารย์ของเราอยู่ที่ แต่เมื่อพยายามตรวจสอบระดับของเธอฉันรู้สึกปวดหัวอย่างฉับพลันขณะที่ศาสตราจารย์กลอรี่จ้องมาที่ฉัน เธอยิ้มให้ฉันอย่างมั่นใจและจ้องมองมาที่ฉัน เธอกระโดดลงจากแฟลร์ฮอคของเธอและเดินไปรอบๆ กลุ่มนักเรียนในชั้นเรียนของเธอ จากการศึกษานักเรียนแต่ละคนที่เธอเดินผ่านเธอมองดูพวกเขาบางคนอย่างใกล้ชิดก่อนจะเดินมาหาฉัน

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเวทย์จะสร้างการป้องกันโดยเฉพาะคนที่อยู่ระดับสูงแล้ว นอกจากนี้ยังยากกว่ามากที่จะซ่อนว่าพวกเขาใช้องค์ประกอบใดเนื่องจากอนุภาคมานาขององค์ประกอบของพวกเขามักจะล้อมรอบพวกเขาตามธรรมชาติ คนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องซ่อนคุณสมบัติของธาตุดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้ว่าพวกเขาจะทำไม่ได้ แต่ถึงไม่จำเป็นต้องพูด มันก็น่าแปลกใจที่เห็นว่าการป้องกันของศาสตราจารย์กลอรี่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด

ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าเธออยู่ในระดับไหนหรือแม้แต่คุณลักษณะขององค์ประกอบของเธอ ในขณะที่ฉันสามารถปิดบังระดับแกนของฉันได่แต่ฉันจำเป็นต้องใช้ตราประทับเพื่อซ่อนคุณสมบัติองค์ประกอบของฉันอย่างสมบูรณ์ ฉันไม่แน่ใจว่าเธอใช้ตราประทับเหมือนฉันหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือเธอรู้ว่าฉันกำลังตรวจสอบเธออยู่

“ฉันต้องบอกเลยว่าพวกคุณทุกคนมีมาตรฐานที่สูงพอสมควรเมื่อเทียบกับชั้นอื่นๆ” เธอประกาศหลังจากตรวจสอบลูคัส เธอใช้เวลาค่อนข้างนานในการตรวจสอบคณะกรรมการวินัยและสมาชิกสภานักเรียนและเธอก็พยักหน้าทุกครั้ง

“นั้นไม่ใช่เพื่อนร่วมงานคนล่าสุดของฉันหรืออาเธอร์เลย์วิน ดีใจที่ได้พบคุณที่นี้” ศาสตราจารย์กลอรี่ยิ้มให้ฉันอย่างขี้เล่นราวกับว่าเธออยากแกล้งฉัน

นักเรียนเริ่มบ่นพึมพำในกลุ่มด้วยความสับสน

หนึ่งในรุ้นพี่ผู้ชายยกมือขึ้น “ศาสตราจารย์กลอรี่เพื่อนร่วมงานของคุณมันหมายความว่าอย่างไรครับ?”

"อา! พวกคุณส่วนใหญ่อาจเห็นเขาตอนเช้าวันนี้ แต่เด็กคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่คณะกรรมการวินัยน้องใหม่ เป็นอัจฉริยะจริงๆถ้าฉันจะขอเสริมด้วยตัวเอง นอกจากนี้เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ใหม่สำหรับชั้นเรียนการจัดการมานาเชิงปฏิบัติซึ่งพวกคุณทุกคนเข้าได้ร่วมในช่วงชั้นปีแรกของคุณ” เธอตบหลังให้ฉันแน่น

"อะไรนะ?!!"

“อาจารย์ล้อเล่นหรือเปล่าครับ!”

“ถ้าเจ้าเด็กนั่นเป็นศาสตราจารย์ผมก็เป็นราชาแล้ว!”

“สถาบันนี้มันยังไงกันแต่งตั้งรุ้นน้องให้เป็นถึงศาสตราจารย์?”

“มันเป็นไปได้ยังไง? แม้แต่รุ่นพี่ที่เก่งๆในทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้รับเลือกให้เป็นศาสตราจารย์เลย แต่เจ้าปีแรกนั้นทำได้อย่างไร?”

เสียงประท้วงต่างๆทำให้ฉันถอนหายใจ มันเป็นเรื่องที่พวกเขาจะรู้อยู่แล้วในสักวันหนึ่ง แต่สำหรับรุ้นพี่ข่าวนี้อาจจะต้องใช้เวลานานขึ้นหน่อยเนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับข้อมูลมากนักเกี่ยวกับนักเรียนที่อยู่ในชั้นที่ต่ำกว่า

“กรอดดดดด ~” ขนของซิลวียืนขณะที่เธอคำรามเพื่อเตือนกลุ่มนักเรียน ‘ปะป๊าแข็งแกร่งกว่าพวกแกทุกคนรวมกันอีก!’

ทุกคนเคยเห็นซิลวีมาแล้วไม่ว่าจะเป็นจากการผ่านสถานศึกษาหรือในพิธีเริ่มต้นในวันนี้ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจมากนักเกี่ยวกับสัตว์มานาตัวเล็กๆ บนศีรษะของฉันที่จริงๆแล้วตัวใหญ่พอที่จะกลืนพวกเขาทั้งตัวได้

“เอาละเอาละ! ก่อนที่จะมีการบ่นไปมากกว่านี้เราควรมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของผู้อำนวยการ เขามีคุณสมบัติพอโดยการเอาที่เขาเอาชนะศาสตราจารย์ที่สอนในชั้นเรียนก่อนหน้านี้ได้!” เธอกระพริบตาให้ฉัน

“แต่ศาสตราจารย์กลอรี่! อาจารย์ที่สอนพวกชั้นปีหนึ่งก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว! ผมพนันได้เลยว่าพวกนักเรียนรุ่นพี่บางคนที่นี่สามารถเอาชนะพวกเขาได้!” มีการบ่นกันอีกรอบจนทำให้ฉันถึงกับง่วงนอน ต้องเป็นเพราะอาหารจากมื้อกลางวัน

“ฮ่าฮ่า! พูดตามตรงฉันเองก็อยากจะทดสอบว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหนนะเด็กๆ! แต่น่าเสียดายที่ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้บอกชัดเจนแล้วว่าเราจะไม่ทำเช่นนั้น ดังนั้น! นักเรียนในห้องนี้จะเป็นคนที่ทดสอบเขาแทนฉัน!” เธอวางมือไว้บนสะโพกของเธอและยิ้มด้วยความคาดหวัง

ตอนนี้ฉันสังเกตเห็นไฟที่ลุกโชนขึ้นอย่างกะทันหันในสายตาของนักเรียนชายบางคนขณะที่พวกเขามองมาที่ฉัน ฉันแทบจะเห็นคำที่พวกเขาคิดฝังอยู่บนใบหน้าของพวกเขา

‘ฉันอยากจะฆ่ามัน’

‘มันนี้คิดว่ามันเป็นใคร?’

‘ตายมันต้องตาย ตายยยย…’

'ฉันและอิจฉามันจริง ทำไมมันต้องเกิดมาหน้าตาดีด้วย? มันต้องตาย '

ในทางกลับกันฝ่ายนักเรียนหญิงก็มีสายตาที่ทำให้ฉันกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก การจ้องมองของพวกเขาทำให้ฉันนึกถึงไฮยีน่าที่กำลังมองดูเนื้อสดในขณะที่พวกเขาน้ำลายไหลไปกับ ‘สินค้า’ ที่ฉันเป็นในสายตาของพวกเธอ

เมื่อมองไปที่เทสฉันสังเกตเห็นว่าเธอดูประหลาดใจ ริมฝีปากของเธอโค้งงอขึ้นเล็กน้อยด้วยความภาคภูมิใจ แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นว่าฉันมองเธอ เธอก็เหลือบไปอย่างรวดเร็วและหูของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย

เฮ้อ…รู้ไหมเทส มันไม่แปลกเลยที่คุณจะเข้ามาคุยกับฉัน

ในทางกลับกันไคลฟ์ทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจในขณะที่ลูคัสมองมาที่ฉันพร้อมกับยกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจราวกับว่าฉันได้รับการเลื่อนขั้นจากแมลงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

“ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้บอกให้ผมทำตัวให้สบายๆในชั้นเรียนของรุ้นพี่จนกว่าผมจะปรับตัวเข้ากับห้องเรียนได้และนี่ก็เป็นวันแรกของผมด้วย” ฉันพยายามเอาตัวเองออกจากสิ่งนี้ การต่อสู้กับวัยรุ่นที่ยังเต็มไปด้วยฮอร์โมนพวกนี้จะไม่จบลงด้วยดีแน่นอน

"ไม่เอาน่า! มันจะไปสนุกอะไรใช่ไหม? อีกอย่างการที่จะได้รับความเคารพคุณจำเป็นต้องแสดงทักษะออกมาบ้างนะรู้มั้ย? เป็นเพียงการพิสูจน์ให้เราเห็นว่าคุณมีความสามารถพอที่จะเรียนชั้นเรียนของรุ้นพี่นี้ได้จริงๆ ใช่ไหมเด็กๆ?” เธอตะโกน

"ใช่แล้ว!"

นี่เป็นค่ายฝึกทหารหรืออะไรกันนี้? เหตุใดจึงต้องมีเหตุผลที่จะพิสูจน์ตัวเองเสมอ?

“เฮ้อ…ศาสตราจารย์กลอรี่ครับ คุณคิดจะทำอะไรครับ?” ฉันพูดด้วยความพ่ายแพ้ เรื่องนี้จะไม่จบลงและฉันก็ไม่อยากเสียลมหายใจเถียงกับคนที่ไม่อยากฟังเหตุผล

“อย่ากลัวไปเลย! ฉันเป็นผู้หญิงที่ยุติธรรม!” เธอบ่น

ยุติธรรม ยุติธรรมบ้านป้าเธอสิ!

ฉันรู้สึกราวกับว่าเธออ่านใจฉันได้เพราะเธอโอบแขนที่ฝึกมาอย่างดีไว้รอบคอของฉันและเริ่มบีบ มันแตกต่างจากหน้าอกของแองเจล่าของกลุ่มทวินฮอนตรงที่เธอมีแต่กล้ามเนื้อแข็งๆที่ไม่ต่างจากของผู้ชายมากนัก

“เราจะเริ่มชั้นเรียนแรกในเทอมนี้ด้วยการเล่นเกมเล็กๆก็แล้วกัน! ฉันใจดีมั้ย?” จากรูปลักษณ์บนใบหน้าของเธอ เธอเป็นคนที่รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอพูดต่อไปว่า “งั้น! เราเล่นเกมอะไรดีนะ…ต่อสู้แบบทีม? สงคราม?”

“ศาสตราจารย์ครับ ทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการวินัยสามคนอยู่ในทีมเดียวกันเลยละครับ? ผมรู้สึกว่านั่นอาจเป็นวิธีที่ดีที่จะให้เราได้ลองทำงานเป็นทีม” เคอร์ติสยกมือขึ้นขณะที่แคลร์พยักหน้าเห็นด้วยข้างๆเขา

“อืมมันก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่!” เธอตอบในขณะที่ถูคางของเธอ

“แต่ศาสตราจารย์ครับ ทั้งเคอร์ติสและแคลร์ต่างก็เป็นนักเรียนชั้นดีเด่นในสถาบันแห่งนี้! มันคงไม่ยุติธรรมที่จะให้ทั้งสองคนอยู่ในทีมเดียวกับเขา” วัยรุ่นผมดำร่างสูงแย้ง

“นั่นก็เป็นเรื่องจริง… อ๊าาา! ฉันรู้แล้ว! สำหรับทีมของคณะกรรมวินัยเราจะให้อาเธอร์รับบทเป็นพระราชาในการแข่งขัน มันส่งผลให้ปรับแพ้ทันทีหากเขาถูกทำให้ออกจากสนามรบ ฉันคิดว่านี้น่าจะยุติธรรมพอ แล้วทีมอื่นๆละว่ายังไงบ้าง?” ราวกับว่าเธอกำลังพูดกับตัวเองเธอเริ่มพึมพำกับผู้อาสาที่เป็นไปได้เมื่อยกมือขึ้น

"ศาสตราจารย์ครับ ผมขอเสนอให้สภานักเรียนเป็นคู่ต่อสู้กับคณะกรรมวินัยครับ” ไคลฟ์แนะนำ

"อะไรนะ?" เทสหันหน้าไปหาไคลฟ์ด้วยความประหลาดใจ แต่ก่อนที่เธอจะมีโอกาสคัดค้านศาสตราจารย์กลอรี่ก็ประกบมือของเธอ

“โอ้ว! แบบนี้สิถึงจะน่าสนใจ! แต่มันคงไม่ยุติธรรมที่จะมีแค่พวกคุณสองคนสู้กับพวกเขาสามคน” เธอมองไปรอบๆ กลุ่มนักเรียน

“ฉันคิดว่าประธานกับผมก็เพียงพอแล้ว หากมีการนำกฎที่ปรับแพ้หากอาเธอร์เลย์วินถูกทำให้ออกจากสนาม” เขากล่าวอย่างจริงจัง

“ผมขอเป็นอาสาสมัครในทีมของสภานักเรียนครับ” ลูคัสไวค์สพูดอย่างใจเย็นขณะที่พิงไม้เท้าของเขา

“อืมคุณไวค์ส อัจฉริยะอีกคนของเรา…ดีมาก! มันเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นความสามารถของพวกคุณในทางปฏิบัติเช่นกัน!” ฉันบอกได้เลยว่าเธอมีความสงสัย บางทีเธออาจจะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขา

นักเรียนคนอื่นๆ บางคนคร่ำครวญด้วยความผิดหวังที่พวกเขาไม่มีโอกาสเอาได้อัดฉันและอยู่ทีมเดียวกับประธานสภานักเรียน แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนตื่นเต้นที่จะได้เห็นการแข่งขัน

“การแข่งขันจะมีเวลาจำกัดที่ 30 นาทีซึ่งเราจะมีการพูดคุยกันสั้นๆในรายละเอียดของการแข่งขันในหลังจากจบการแข่งขั้น ทุกคนเตรียมพร้อม!” หลังจากที่เธอพูดจบสิ่งที่ดูเหมือนอุปกรณ์ออกกำลังกายก็หล่นลงมาที่พื้นจากวงแหวนมิติของศาสตราจารย์กลอรี่

เธอเริ่มอธิบายอย่างจริงจัง “นี่คืออุปกรณ์พิเศษที่ออกแบบเพื่อวัดปริมาณความเสียหายที่เกิดขึ้น อุปกรณ์นี้จะเปิดใช้งานและส่งเสียงเตือนหากความเสียหายที่เกิดขึ้นผ่านเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ หากใครเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำเตือนนี้และยังคงต่อสู้หรือร่ายเวทย์ต่อ ฉันจะไล่คนๆนั้นออกจากชั้นเรียนของฉันโดยทันทีและจะมีผลอื่นๆตามมาเช่นการอยู่ที่นี่ในฐานะนักเรียน กฎนี้มีไว้สำหรับคลาสต่อสู้ระดับสูงในสถาบันการศึกษาทุกคลาส ดังนั้นจงฝังมันไว้ในสมองของพวกคุณ พวกคุณทุกคนอยู่ในระดับที่การปกป้องตัวเองได้ด้วยมานาและไม่น่าจะเป็นปัญหา ขอย้ำอีกครั้งอุปกรณ์นี้ไม่สามารถปกป้องคุณได้ดังนั้นอย่าคิดว่ามันเป็นเกราะป้องกัน” เธอประกาศกับคนอื่นๆในชั้นเรียนด้วยเช่นกัน ศาสตราจารย์กลอรี่ตะโกนออกมาอีกครั้ง “ได้ยินกันชัดเจนไหม?!”

"ครับค่ะ!""

"ดี! พวกคุณทั้งหกคนเตรียมตัวให้พร้อม” เธอไปหาสัตว์มานาของเธออีกครั้งในขณะที่นักเรียนที่เหลือมุ่งหน้าไปยังเวทีรับชม

เคอร์ติสเดินมาหาฉันแล้วตบหลังฉันก่อนจะหยิบเกียร์ของเขาขึ้นมา “ดูเหมือนว่าเราจะได้ฝึกซ้อมกันไวกว่าที่คิดนะ! ทำให้ดีที่สุดนะอาเธอร์ ฉันยังจำได้ว่านายต้องการดาบในตอนนั้น มาดูกันว่านายเก่งขึ้นแค่ไหนแล้ว!”

“เราทำให้ชื่อเสียงของคณะกรรมการวินัยต้องอับอายไม่ได้ใช่ไหม? ฉันจะฝึกฝนให้หนักเป็นพิเศษสำหรับใครที่ไม่ผ่านเกณฑ์!” แคลร์ยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะที่คว้าอุปกรณ์ของเธอ

ไคลฟ์และลูคัสเดินผ่านฉันไปโดยไม่สนใจฉันขณะที่ฉันเดินตามพวกเขาไปเพื่อหยิบอุปกรณ์ของฉัน อุปกรณ์ประกอบไปด้วยเสื้อแจ็คเก็ตรัดรูปและชุดสายรัดที่พันรอบขาและแขน

ฉันมีปัญหาในการใส่ที่พันแขนเมื่อเทสเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ และช่วยมัดสายรัดรอบแขนขวาให้ฉัน

“จะดีหรือที่เจ้าหญิงเทสเซียจะช่วยผมแบบนี้?” ฉันยิ้มเยาะในขณะที่เธอกำลังช่วยฉัน

เธอยิงสายตาดุร้ายขณะที่เธอกระชับสายรัดที่แขนให้ฉัน “จะไม่ช่วยได้ยังไงละคุณอัจฉริยะน้อย ก็พวกเขาอยู่ตรงนั่นกันหมดแล้ว เฮ้อ…ฉันทนทำตัวเหมือนว่าฉันไม่รู้จักนายไม่ได้หรอก” การจ้องมองของเธออ่อนลง

“คุณรู้อยู่แล้วว่าสักวันพวกเขาก็จะรู้ ทำไมต้องพยายามอย่างหนักที่ซ่อนมันด้วย?” ฉันยักไหล่

“คุณหมายถึง…คุณไม่สนใจมันเลยเหรอ? คุณยายซินเทียบอกกับฉันเกี่ยวกับที่คุณอยากอยู่แบบโลโปรไฟล์ดังนั้นฉันจึงคิดว่า…” ใบหน้าของเธอเสียความสงบขณะที่เธอเริ่มพูดติดอ่าง

“เออ …ฉันทำมันได้แย่มากจนถึงตอนนี้ไม่ใช่หรือ?” ฉันอดไม่ได้ที่จะขำกับตัวเองจนทำให้เทสสับสนยิ่งขึ้นไปอีก

"ไม่เป็นไร มีแค่ไม่กี่อย่างที่ฉันต้องการจะซ่อนจริงๆ ตราบใดที่สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นความลับส่วนที่เหลือก็ไม่สำคัญ อีกอย่างคุณสังเกตเห็นอะไรไหม?” ฉันยื่นหน้าอกออกมาเพื่อให้เธอวิเคราะห์ตัวฉัน

“ฉันไม่เข้าใจ…อ๊ะ! ทำไมฉันไม่รู้สึกถึงธาตุ...!”

เธอเสียงดังเกินไปฉันเลยต้องปิดปากเธอ ฉันกระซิบใกล้ๆกับใบหน้าของเธอ “ใช่นั่นและตัวตนที่แท้จริงของซิลวีด้วยเช่นกัน ตอนนี้ฉันเก็บความสามารถส่วนใหญ่ไว้เป็นความลับดังนั้นคุณต้องทำในส่วนของคุณด้วย บางทีการเก็บข้อเท็จจริงที่ว่าฉันเคยไปอาศัยอยู่ในอาณาจักรของคุณไว้เป็นความลับอาจเป็นความคิดที่ดี แต่คุณไม่จำเป็นต้องเย็นชาใส่ฉันนะเทส” ฉันปล่อยปากของเธอและตบหัวเธอทำให้เธอหน้าแดงและผลักฉันออกไปจากเธอ

“นายเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว” เทสพึมพำภายใต้ลมหายใจของเธอขณะที่เธอเอียงศีรษะลง

“พวกคุณจีบกันเสร็จหรือยัง?” เสียงของศาสตราจารย์กลอรี่ที่มาจากด้านบนทำให้เราทั้งคู่ประหลาดใจขณะที่ฉันปรับสายรัดให้เสร็จอย่างรวดเร็ว

"อา..อีกอย่าง! อาเธอร์ฉันขอแนะนำให้คุณแยกพันธะของคุณไว้ในที่ที่ปลอดภัยถ้าหากเธอไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ในระหว่างการต่อสู้เหมือนพันธะของเคอร์ติส” เธอชี้ไปที่ชานชาลา

“คยู!” ซิลวีร้องประท้วง

“ฉันคิดว่าจะดีกว่าถ้าคุณไม่มีส่วนร่วมในครั้งนี้นะซิลวี” ฉันพูดพร้อมกับตบหัวเล็กๆ ของเธอ

‘อ๊ะ…โอเค’ เธอกระโดดลงจากหัวฉันก่อนจะลนลานออกจากสนาม

เทสใส่อุปกรณ์ของเธอเสร็จแล้วขณะที่ฉันเดินเข้าไปหาเธอ “ขอให้เราทั้งคู่ทำมันให้ดีที่สุด ฉันอยากเห็นว่าคุณเก่งขึ้นมากแค่ไหน”

เธอยิ้มอย่างมั่นใจให้กับฉันและเธอพูดกลับมาว่า “งั้นนายก็ควรจะระวังตัวเอาไว้ให้ดี” ก่อนจะวิ่งหนีไปอีกด้านหนึ่งของสนามที่ไคลฟ์และลูคัสอยู่

ฉันมุ่งหน้าไปยังเคอร์ติสและแคลร์ แคลร์กำลังยืดตัวขณะที่เคอร์ติสนั่งอยู่บนหลังของเวิร์ลไลออนกราว์เดอร์

“แม้เราจะมีกราว์เดอร์แต่เราก็ยังเสียเปรียบเพราะพวกเขามีคอนเจอะเรอร์สองคนและไคลฟ์ก็เป็นออกเมนเตอร์ที่มีความถนัดระยะไกล ความจริงที่ว่ามันเป็นการพ่ายแพ้ในทันทีสำหรับเราหากอุปกรณ์ของนายดังขึ้น นั้นทำให้เรามีตัวเลือกที่จำกัดจริงๆ” แคลร์เอนตัวลงบนดาบที่ชักออกมาแล้วของเธอในขณะที่เหยียดขาไปข้างหลัง

"เธอพูดถูก แคลร์และฉันยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสไตล์การต่อสู้ของนาย ดังนั้นเราจะไปตามจังหว่ะของนาย เราจะให้ความสำคัญในการปกป้องนายในขณะที่เราอยู่ในระยะที่สร้างความเสียหายได้ ” เคอร์ติสตอบขณะที่ลูบคลำกราว์เดอร์

ฉันมองหาเทสไคลฟ์และลูคัสและเห็นพวกเขาอยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร ดูเหมือนว่าเราจะกลายเป็นเป้าซ้อมสำหรับพวกเขาจนกว่าเราจะอยู่ในระยะที่โจมตีได้ เรื่องนี้ชักจะสนุกแล้วสิ

ฉันอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มขณะที่เลือดของฉันเดือด มันคงจะรู้สึกดีไม่น้อยที่จะได้อัดลูคัสสักสองสามครั้งในระหว่างการแข่งขันแม้ว่าฉันจะรู้อยู่แล้วว่าทั้งลูคัสและไคลฟ์ต่างก็คิดเหมือนกัน

ฉันหยิบดอนบัลลาดออกมาตรวจสอบให้แน่ใจว่าฉันไม่ได้ถอดฟักออก จากนั้นทั้งเคอร์ติสและแคลร์ก็เตรียมอาวุธของพวกเขา

“นั่นเป็นดาบที่สวยงามมากนะอาเธอร์” แคลร์ผิวปากขณะที่เธอจ้องไปที่ดาบของฉัน จากนั้นเธอก็ปล่อยออร่าในการต่อสู้ที่ดุเดือดในขณะที่เธอผสมมานาของธาตุลมและไฟเข้าสู่ร่างกาย

ฉันต้องยอมรับว่าเคอร์ติสดูน่าประทับใจมากเมื่อเขาใช้ดาบคู่ของเขาในขณะที่ขี่อยู่บนหลังของพันธะของเขา

ฉันวิ่งไปข้างหน้าเช่นกันโดยเสริมมานาของลมและดินในร่างกายและดาบของฉัน ผมและเสื้อผ้าของฉันกระพือขณะที่พื้นข้างใต้ฉันเต้นตามคำสั่งของฉัน

เสียงอันทรงพลังของศาสตราจารย์กลอรี่ดังก้องไปทั่วสนามรบเพื่อส่งสัญญาณให้เราเริ่มการแข่งขัน

“เริ่มการแข่งขันได้!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด