ตอนที่แล้วบทที่ 31 ก้าวสุดท้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 ไดเออะทูม 2

บทที่ 32 ไดเออะทูม


เมื่อก้าวเข้าไปในดันเจี้ยนใต้ดินฉันรู้สึกว่าอุณหภูมิลดลงอย่างกะทันหันเมื่อเราลงไปตามทางลาดชันทีละน้อย ฉันยืนอยู่ติดกับแบรลด์ซึ่งถือโล่ขึ้นมาและชักดาบออกมา

จัสมินกับฉันได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับดันเจี้ยนไดเออะทูมที่เราอยู่ในตอนนี้ มันเป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนใครแม้จะอยู่ท่ามกลางดันเจี้ยนลึกลับก็ตาม สัตว์มานาได้สร้างบ้านของพวกเขาที่นี่ได้รับการอธิบายไว้ในบันทึกว่าเป็นพวก "อันเดด" ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสัตว์มานาที่สามารถกลับมามีชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้หนึ่งในแง่มุมที่ยากที่สุดในการเคลียร์ดันเจี้ยนนี้จึงดูเหมือนจะมีสัตว์มานาสายอันเดดเยอะจนไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อขุดลึกลงไปนักผจญภัยและกิลด์นักเวทย์บางคนถึงกับคาดเดาว่าด้านล่างของดันเจี้ยนนี้อาจมีไอเทมพิเศษที่สามารถทำให้สัตว์มานาที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพ แต่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้

การเคลียร์ดันเจี้ยนหมายความว่าต้องสำรวจพื้นที่นั้น มันแตกต่างจากการพิชิตดันเจี้ยนที่จัดการสัตว์มานาที่อยู่ข้างในและยึดสมบัติมา

ดันเจี้ยนนี้ถูกเคลียร์หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งแบลด์ค้นพบทางที่ซ่อนอยู่ - มันไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน

“เรากำลังเข้าใกล้ด่านแรกของดันเจี้ยนดังนั้นโปรดระวัง สัตว์มานาที่นี่ไม่ได้แข็งแกร่ง แต่จะมีจำนวนมาก อย่าเสียเวลาไปกับการรวบรวมคอร์มานาจากสัตว์ร้าย…พวกมันไม่มีคอร์”

แบลด์ประกาศพร้อมกับลดท่าทางลง

ฉันได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ จากโอลิเวอร์ผู้รักษาของเราซึ่งเริ่มบ่นว่าเค้าจะไม่รับรางวัลจากดันเจี้ยนนี้

ในขณะที่เป้าหมายในการเอาชนะดันเจี้ยนโดยปกติแล้วคือการได้รับสมบัติที่สัตว์มานาระดับสูงได้สะสมมาตลอดชีวิตของพวกเขาแต่ผลกำไรส่วนใหญ่มักมาจากการรวบรวมแกนสัตว์ร้ายระหว่างทาง

ในกรณีส่วนใหญ่แม้ว่าฝ่ายต่างๆจะไม่สามารถเอาชนะหรือแม้แต่เคลียร์ดันเจี้ยนได้ แต่พวกเขาก็ยังคงได้รับผลกำไรมหาศาลจากแกนสัตว์มานาซึ่งสามารถขายได้ในราคาขึ้นอยู่กับระดับของพวกมัน

สาเหตุหนึ่งที่ดันเจี้ยนนี้ไม่เป็นที่นิยมและทำไมปาร์ตี้ของเราเป็นเพียงปาร์ตี้เดียวในดันเจี้ยนก็เพราะว่าสัตว์มานาที่นี่ไม่มีแกน นี่หมายความว่ารายได้ก้อนใหญ่จากการพยายามเคลียร์ดันเจี้ยนนี้จะหายไป

ทันใดนั้นเสียงคำรามที่มั่นคงดังขึ้นเต็มห้องโถงดันเจี้ยน

หรี่ตาลงฉันจดจ่อกับที่มาของเสียง เราเพิ่งมาถึงจุดสิ้นสุดของทางลงและเข้าไปในถ้ำใต้ดินที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกินห้าสิบเมตร

เมื่อมองไปรอบๆ ถ้ำทั้งถ้ำเรืองแสงเป็นสีฟ้าสลัว เหนือพวกเรา ถ้ำถูกปกคลุมไปด้วยหินย้อย มันคุกคามเราด้วยปลายอันแหลมคมที่ส่องแสง

ออกมาจากช่องว่างระหว่างหินงอกหินย้อยมีสัตว์มานา20กว่าตัวที่ดูเหมือนค้างคาวขนาดใหญ่ยกเว้นมันมีแขนขาสี่ข้างแทนที่จะเป็นปีก ร่างกายกลวงของสัตว์มานาที่มีลักษณะคล้ายค้างคาว มันมีซี่โครงที่มองเห็นได้อย่างเต็มที่และข้างในนั้นซึ่งแกนของสัตว์มานาพวกนั้นควรจะเป็นเพียงหิน

ฉันเดาว่ามันเป็นเรื่องจริง

“แบทรันเนอร์! พวกมันไม่แข็งแกร่งแต่จะโจมตีเป็นกลุ่ม ลดการใช้มานาอย่างสิ้นเปลืองจะเป็นกุญแจสำคัญในดันเจี้ยนนี้! เตรียมพร้อม!”

แบลด์คำรามใส่พวกแบทรันเนอร์ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะกระโจนใส่ได้ทุกเมื่อ ขนของพวกมันยืนขึ้นชี้ที่ปลายและพวกมันแยกเขี้ยวจนเห็นฟัน

“จงรวมตัวกันและทรมานเหล่าศัตรู ! ไซโคลนเพลิง!”

ฉันได้ยินเสียงตะโกนจากข้างหลังฉันและฉันก็รู้ว่าเป็นลูคัสที่เป็นคนร่ายมนตร์

ทันใดนั้นไฟสี่ดวงหมุนวนขึ้นมามีชีวิตรอบๆตัวเราเติมถ้ำด้วยคลื่นความร้อน

เมื่อพายุไซโคลนที่ลุกเป็นไฟกระจายออกไปเสียงร้องแหลมและเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังสะท้อนออกมาจากสัตว์มานาพวกนั้น

แบทรันเนอร์หลายตัวถูกพายุทอร์นาโดเพลิงกลืนกินจนไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่าน ตัวที่โชคดีพอที่รอดพ้นจากพายุทอร์นาโดได้หนีไปและพยายามล้อมรอบและโจมตีเรา

ฉันได้ยินเสียงเดาะลิ้นของแบรลด์ เขาไม่พอใจที่ลูคัสเพิกเฉยต่อคำสั่งของเขาและร่ายเวทย์มนตร์ที่ไม่จำเป็น

พายุไซโคลนได้คร่าชีวิตแบทรันเนอร์ส่วนใหญ่และส่วนที่เหลือก็ถูกไฟไหม้อย่างรุนแรงทำให้ง่ายในการเอาชนะ

“คราวหน้าทำตามคำสั่งและอย่าเสียมานาไปแบบนั้น คาถาของคุณใช้มานามากเกินไป”

แบลด์คำรามขึ้นก่อนที่จะเดินไปข้างหน้า

ลูคัสกลอกตา

“ฉันไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ฉันฆ่าพวกมันเร็วและจะให้คนอื่นๆประหยัดมานาของพวกเขาได้”

แบรลด์ส่ายหัวและพาเราไปที่ปลายอีกด้านของถ้ำ ในขณะที่เราเดินต่อไปยังที่ตั้งของห้องถัดไปเสียงที่ค่อนข้างน่ากลัวของกระดูกที่เสียดสีกันและเสียงลำไส้บิดไปมาทำให้เราหันหลังกลับมามอง

ด้วยความประหลาดใจและน่าขยะแขยง พวกแบทรันเนอร์ที่เพิ่งถูกฆ่าก็เริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ร่างกายของพวกมันก็หักเข้าหากันส่วนตัวที่ถูกเผาดูเหมือนจะลุกขึ้นอีกครั้งจากกองขี้เถ้า

ไดเออะทูม …ช่างเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับดันเจี้ยนนี้

เราเลือกที่จะเพิกเฉยต่อพวกมันและก้าวเข้าไปในห้องถัดไปในขณะที่ อาไลจาห์สร้างกำแพงดินปิดทางเข้าอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้แบทรันเนอร์ตามเรามา

อีกด้านหนึ่งของถ้ำทำให้เราผ่านทางเดินมืดๆ อีกแห่งที่กว้างพอสำหรับคนสี่คนที่จะผ่านไปได้ในคราวเดียว

ฉันบอกได้เลยว่าทุกคนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อออกมาจากถ้ำแรก แต่ฉันไม่สามารถสั่นคลอนความรู้สึกที่ไม่สบายใจได้

ราวกับฉันได้คำตอบ เสียงคลิกที่แทบไม่ได้ยินและเสียงนกหวีดแผ่วเบาก็ดึงดูดความสนใจของฉัน

ฉันชักดาบออกทันทีและปกป้องซาแมนธาโดยยื่นข้างหน้าเธอ

ดายสั้นของฉันพร่ามัวในขณะที่ฉันปัดเป่าการจู่โจมที่เล็งไปที่ซาแมนธาโดยสัญชาตญาณเสียงปะทะของโลหะที่แหลมคมสะท้อนผ่านทางเดินที่มืดสลัว

“ขอบคุณ ...”

ซาแมนธาพึมพำอย่างไม่ใส่ใจ แม้จะอยู่ภายใต้แสงไฟสีฟ้าสลัวฉันก็บอกได้ว่าใบหน้าของเธอซีดเซียวเหมือนกับเหล็กแหลมที่เกือบจะฆ่าเธอที่ตกลงบนพื้นอย่างไม่เป็นอันตรายข้างๆเท้าของเธอ

“มีบางอย่างผิดปกติ…ครั้งที่แล้วมันไม่มีกับดัก”

แบลด์หยิบเหล็กแหลมขึ้นมาเพื่อศึกษาแต่ก็งุนงง

" ฉันไม่คิดว่าพวกมันเป็นกับดัก แต่น่าจะเป็นสัตว์มานาอย่างหนึ่งซึ่งมันไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย”

ฉันพูดโดยสังเกตเห็นการหลบหนีของสัตว์มานาตัวเล็กๆบนกำแพง

“ระวังตัวด้วยนะทุกคน”

แบลด์พูดพร้อมกับเตะเหล็กแหลมไปด้านข้าง จัสมินมีมีดสั้นคู่ของเธอที่คอยปกป้องชีวิตของเธอก่อนที่เรจินัลด์และครีออลจะเตรียมอาวุธของพวกเขา

ซาแมนธาเข้ามาใกล้ฉันอีกนิดมือของเธอบีบแขนเสื้อฉันขณะที่มือข้างที่ว่างของเธอกำไม้กายสิทธิ์ไว้แน่น

โชคดีที่เราไปถึงสุดทางของห้องโถงโดยไม่เจอกับดักอื่นใดมาขัดขวางเรา ถ้ำถัดไปคล้ายกับถ้ำก่อนหน้านี้ แต่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นสองเท่าและมีหลุมที่น่าสงสัยอยู่ทั่วพื้น

“อย่าเข้าใกล้หลุม มันเป็นน้ำพุร้อนที่ยิงก๊าซที่ร้อนออกมา มันน่าปลอดภัยตราบเท่าที่คุณไม่ได้อยู่ใกล้ระเบิดโดยตรง”

แบลด์ประกาศขณะที่เราทุกคนมองหาสัญญาณของสัตว์มานา

ราวกับว่ามันรู้ ถ้ำได้สั่นสะเทือนและเขย่าหินงอกหินย้อยที่แหลมคมที่อยู่บนศีรษะของเราเพื่อกระทบกระเทือนจิตใจ ฉันมุ่งความสนใจของฉันไปที่หนามที่โยกเยกและจู่ๆก็มีร่างใหญ่ที่ลอยขึ้นจากพื้น

“มันอยู่ที่นี้ในครั้งที่แล้วหรือเปล่าแบรลด์?”

ครีออลที่กำลังกลัวถามด้วยน้ำเสียงกังวลขณะที่เราทุกคนมองดูสัตว์รมานาตัวนั้น

สิ่งมีชีวิตนั้นมีลักษณะคล้ายกับหนอนยกเว้นว่ามันใหญ่พอที่จะกลืนพวกเราทุกคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย ด้วยหนังสีแดงเรืองแสงและฟันจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบๆรูที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นปากของมัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเดาว่าสิ่งมีชีวิตนี้อยู่มานานแค่ไหนเนื่องจากร่างกายของมันส่วนใหญ่ยังอยู่ใต้ดิน

“ไม่ไม่ ฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันไม่สมเหตุสมผลที่สัตว์มานาชนิดใหม่จะมาอาศัยอยู่ดันเจี้ยนเช่นนี้”

หัวหน้าที่หล่อเหลาของเรามีรูปลักษณ์ที่หวาดกลัวหน้ากากแห่งความมั่นใจที่เขามีได้หายไปแล้ว

“เช๊ะก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มันเป็นแค่แมลงขนาดใหญ่เท่านั้น”

ลูคัสพูดจากด้านหลัง

เราเตรียมตัวหลบจากการโจมตี แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือหนอนแดงตัวมหึมาไม่ได้โจมตีเรา แต่สัตว์ร้ายกลับขุดหลุมกลับลงไปใต้ดินและทิ้งหลุมไว้ตามทางของมัน

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ตามเรามา”

อาไลจาห์พึมพำในขณะที่ดวงตาที่คมกริบของเขามองดูรูที่หนอนยักษ์ทิ้งไว้

ตอนนี้เจ้าหนอนแดงกำลังมุดตัวเข้าไปในผนังถ้ำและสร้างโพรงเพิ่มขึ้นจากมุมต่างๆ แต่มันไม่ยอมเผชิญหน้ากับเรา

“พวกเราจะไปยืนดูหนอนขุดหรือว่าเราจะไปข้างหน้าต่อ”

โอลิเวอร์อิมิตเตอร์จอมขี้เกียจของเราผลักแบลด์ออกไปให้พ้นทางและเดินนำอย่างไม่เกรงกลัวขณะที่เขาเดินไปยังอีกด้านหนึ่งของถ้ำ

เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่สำหรับฉันแต่กับคนอื่นๆด้วย โอลิเวอร์พยายามแสดงทัศนคติออกต่อหน้าสมาชิกปาร์ตี้ว่ามันไม่น่ากลัว

“กลับมานี่! เราต้องประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่จะไปต่อ!”

แบลด์ตะโกน ใบหน้าของเขาเกรี้ยวกราดเพราะความเย่อหยิ่งของคอนเจอะเรอร์คนนั้น ในขณะที่หัวหน้าของเราก้าวไปข้างหน้าเพื่อตามเขาไปเสียงกึกก้องก็สั่นสะเทือนขณะที่ทั้งถ้ำถูกกลบด้วยเสียงคลายๆกาน้ำร้อนกำลังเดือด

“ลูคัส! กำแพงไฟเดี๋ยวนี้!”

ฉันตะคอกใส่ขุนนางผมบลอนด์ที่กำลังสับสน

ขณะที่ฉันตะโกนออกคำสั่งควันก็เริ่มออกมาเต็มโพรง

หลุมที่อยู่ที่นี่ตั้งแต่เริ่มต้นและหลุมที่สร้างโดยหนอนยักษ์ทั้งหมดสั่นสะเทือนก่อนที่จะปล่อยก๊าซพิษร้ายแรงออกมา

“ไอ้บ้าเอ่ย”

ฉันด่า หนอนยักษ์ตัวนั้นเจาะรูเพื่อที่จะฆ่าเราและเราก็ปล่อยให้มันทำ

ฉันจัดการดึงแบรลด์ที่อยู่ห่างแค่แขนของฉันกลับเข้ามาก่อนที่เขาจะมีโอกาสวิ่งตามโอลิเวอร์

ในขณะที่กำแพงถูกสร้างขึ้นเสียงระเบิดของก๊าซสีเหลืองมัสตาร์ดก็ถล่มเรา กำแพงเวทย์ของลูคัสสั่นสะท้านเมื่อเทียบกับแรงกดดัน แต่ซาแมนธาสามารถรวบรวมไหวพริบของเธอได้ทันเวลาเพื่อช่วยเขาโดยการสร้างกำแพงน้ำของเธออีกชั้น

กำแพงทั้งสองขององค์ประกอบของฝ่ายตรงข้ามร้อนระอุและทำให้พื้นที่ภายในเป็นเหมือนห้องซาวน่าชั่วคราว อย่างไรก็ตามแม้จะมีการทำงานเป็นทีมที่เข้ากันได้ไม่ดีนัก แต่กำแพงก็แค่ทำให้เราเหงื่อออกและปลอดภัยจากแก็สพิษจนก๊าซทั้งหมดเริ่มบรรเทาลง

อย่างไรก็ตามเนื่องจากความแรงของการระเบิดของก๊าซที่เต็มโพรงทำให้ฉันมองไม่เห็นโอลิเวอร์จอมงี่เง่าของเรา

เมื่อทั้งลูคัสและซาแมนธาปลดกำแพงออกพร้อมกับถอนหายใจ ฉากที่น่าสยดสยองก็ปรากฏขึ้น

สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของโอลิเวอร์คือกระดูกเนื่องจากเลือดและชิ้นเนื้อยังคงติดอยู่ที่ส่วนต่างๆของโครงกระดูกที่ไหม้เกรียมของเขา สมบัติทั้งหมดของเขาถูกทำลายโดยก๊าซที่มีฤทธิ์เป็นกรดยกเว้นอัญมณีสีเขียวมรกตที่เคยฝังอยู่ที่ปลายไม้เท้าของเขา

"เหี้ย!"

แบลด์ขบฟันขณะที่ซาแมนธาสะดุดถอยหลังจากสายตาที่น่ากลัว

โอลิเวอร์ไม่ได้มีความหมายกับเรามากนักในฐานะคนๆ หนึ่งแต่เขาคือทีมของเรา เขางี่เง่าและวิ่งเข้าไปโดยไม่ได้ร่ายเวทย์ป้องกันตัวเองด้วยซ้ำ

“เราย้ายออกไปกันเถอะ!”

ฉันสั่งขณะที่ทุกคนยังคงเงียบสนิด ฉันเดินไปหยิบอัญมณีขึ้นมาศึกษาก่อนที่จะเปรียบเทียบกับอัญมณีที่ลูคัสและซาแมนธามีอยู่ในอาวุธ

อัญมณีที่ฝังอยู่บนไม้เท้าของลูคัสมีคุณภาพสูงกว่าอัญมณีของโอลิเวอร์มาก อย่างไรก็ตามมีข้อบกพร่องที่เห็นได้ชัดบนอัญมณีแซฟไฟร์ที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของซาแมนธาฉันจึงโยนหินมรกตให้เธอและบอกให้เธอใส่มันแทนที่ด้วยอัญมณีของเขา

“โน็ตพูดถูก เราต้องย้ายก่อนที่จะเกิดการปะทุขึ้นอีกครั้ง เจ้าหนอนยักษ์ตัวนั้นกำลังสร้างรูมากขึ้น ฉันไม่คิดว่ากำแพงของเราจะสามารถป้องกันเราได้ในครั้งนี้”

ผู้นำของเรากล่าวขณะที่เขาก้าวเข้ามารับผิดชอบอีกครั้ง

ฉันมองกลับไปที่จัสมินที่พยักหน้าให้ฉันอย่างเคร่งขรึม แม้ว่าใบหน้าของเธอจะไม่แสดงออก แต่ข้อนิ้วของเธอก็ขาวซีดจากการกำมีดสั้นของเธอแน่นเกินไป ไม่ใช่แค่ฉันที่ผิดหวังกับเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้

เรามาได้ครึ่งทางของถ้ำเมื่ออาไลจาห์ซึ่งอยู่ข้างหลังฉันถามว่า

“นายรู้ได้อย่างไรว่าถ้ำจะระเบิดพร้อมกับไอน้ำแบบนั้น”

สายตาของทุกคนเลื่อนมาที่ฉันรอคำตอบของฉัน

“ฉันไม่รู้”

ฉันตอบโดยไม่หันหลังกลับ

“ฉันแค่รู้ว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”

หนอนยักษ์ที่มุดเข้าและออกจากถ้ำอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดรูมากขึ้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเราและขวางทางออก โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้ามันสะบัดหัวไปข้างหน้าและทุบที่พื้นที่เรายืนอยู่

ครีออลซึ่งอยู่ในตำแหน่งด้านหลังพุ่งไปข้างหน้าและด้วยความกลมกลืนอย่างน่าประหลาดใจกับซาแมนธาที่ได้สร้างกำแพงน้ำที่รองรับแรงกระแทกก่อนที่พวกเขาจะโจมตี อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ทำให้อาไลจาห์มีเวลามากพอที่จะสร้างวงแหวนหินขนาดใหญ่เพื่อรัดและบีบตัวหนอนลงกับพื้น

“อิมแพคบลาส!” เรจินัลด์ร้องเสียงหลงเมื่อค้อนยักษ์ของเขาเปล่งแสงสีเหลืองสดใส เขากระโดดขึ้นและหมุนตัวเพื่อสร้างแรงผลักดันก่อนที่จะทุบค้อนของเขาไปที่หัวของหนอน

ด้วยการระเบิดที่เสียงดัง ร่างกายของหนอนสั่นไปทั้งตัวขณะที่การโจมตีด้วยมานาของเรจินัลด์ส่งคลื่นกระแทกไปที่ร่างของสัตว์มานาสร้างระลอกคลื่นบนเปลือกสีแดงของมัน

อย่างไรก็ตามการโจมตีนั้นทำได้เพียงแค่ทำลายการพนึกที่อาไลจาห์เสกไว้ทำให้หนอนยักษ์พ้นจากมัน สัตวมานาขนาดยักษ์สะบัดร่างของมันกระแทกเรจินัลด์และแบรลด์ซึ่งอยู่ใกล้ๆมัน

ฉันจัดการดึงอาไลจาห์ให้พ้นจากอันตรายก่อนที่จะชาร์จไปที่สัตว์มานาด้วยตัวเอง หนอนยักษ์ตัวสั่นแล้วปล่อยน้ำกรดสาดใส่ฉัน

ฉันกลบเสียงตะโกนของสหายที่กำลังตื่นตระหนกและบอกให้ฉันวิ่งหนีขณะที่ฉันก้าวไปหาเจ้าหนอนนั้น ฉันลดตัวลงและหลบน้ำลายสีเหลืองอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ห่างจากร่างของฉันเพียงไม่กี่นิ้ว

เมื่อฉันเข้าใกล้มากพอฉันก็ชักดาบสั้นของฉันและเคลือบเปลวไฟที่ใบมีดขณะที่ฉันเปิดใช้งานการหมุนของมานา

“ร่วงโรยซะ”

ฉันพึมพำใต้ลมหายใจ

เปลวไฟที่ล้อมรอบใบมีดของฉันพุ่งออกไปทำให้ดาบนั้นเรืองแสงเป็นสีแดงเพลิง

ฉันเหวี่ยงใบมีดสีแดงของฉันไปที่น้ำลายที่พ่นออกมาและกระจายมันออกไปโดยใช้ด้านแบนของใบมีดของฉัน น้ำลายกรดของสัตว์ร้ายกระจัดกระจายและบางส่วนได้เผาเสื้อผ้าของฉันไหม้แต่ฉันไม่ได้รับอันตรายใดๆ

การแทงครั้งสุดท้ายของฉันฉีกผ่านด้านล่างของตัวหนอนและสร้างบาดแผลขณะที่ใบมีดของฉันไหม้ทะลุเนื้อของมัน

เจ้าหนอนส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนขณะที่มันเริ่มกระพือปีกอย่างรุนแรง จัสมินตามมาและกระโดดข้ามฉันในขณะที่เธอแทงมีดสั้นสองเล่มของเธอเข้าไปในรอยแผลที่ฉันเพิ่งสร้างขึ้น

ด้วยเสียงกรีดร้องอีกครั้งเจ้าหนอนยักษ์ก็หนีกลับเข้าไปในรูที่โผล่ออกมา

“ตัวใหญ่เสียเปล่าดันไม่แข็งแรงเลย”

ลูคัสส่ายหัวอย่างผิดหวังเมื่อจู่ๆเราก็ได้ยินเสียงดังก้องอีกครั้ง

ฉันกลัวสิ่งนี้ที่สุด เจ้าหนอนไม่ได้พยายามจะฆ่าเรา - มันพยายามถ่วงเวลาให้เราโดนระเบิดอีกครั้งจากหลุมพวกนั้น

เสียงหอนที่คุ้นเคยของกาต้มน้ำเดือดดังก้องอีกครั้งทั่วทั้งถ้ำ

ฉันส่ายหัวไปที่ลูคัส แต่เพียงแค่แวบเดียวฉันรู้ว่าเขาไม่สามารถสร้างกำแพงกั้นได้ทันเวลาขณะที่เขาจ้องมองไปที่กำแพงอย่างว่างเปล่า

พึมพำคาถาฉันกระโดดไปหาเจ้าเด็กผมบลอนด์

[ผ้าคุมแห่งฟีนิกซ์]

ไฟสีแดงเข้มล้อมรอบร่างกายของฉันปกป้องฉันและลูคัสจากก๊าซมรณะ ฉันมองย้อนกลับไปด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าจัสมินได้สร้างลมที่หมุนวนรอบตัวเธอซึ่งทำให้น้ำกรดไหลกระจายหายไป

ในขณะที่เสียงหอนของแก๊สเงียบลง ทีมของฉันก็เริ่มกลับมามองเห็นทีละคน

ครีออลมองเห็นเป็นคนแรก; เขาสามารถปกป้องอาไลจาห์ภายใต้โล่ขนาดมหึมาของเขาที่เสริมด้วยน้ำ ทั้งคู่มีแผลสีแดงตามร่างกายและบางส่วนบนใบหน้า แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บมาก

แบรลด์โผล่ขึ้นมาที่พื้นแขนขวาของเขากำแขนอีกข้างที่ฉันมองไม่เห็น เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะอุทาน ดูเหมือนว่าแบรลด์จะเสริมโล่ของเขาด้วยธาตุไฟแทนที่จะเป็นทั้งตัวเพื่อปกป้องซาแมนธาเพราะแขนที่ถือดาบของเขาบาดเจ็บจนถึงข้อศอก เรจินัลด์ดูแย่กว่าครีออลและอาไลจาห์เล็กน้อยและแบรลด์อยู่ในสภาพที่แย่ที่สุด

ดาบของผู้นำของเราตกลงบนพื้นขณะที่ปลายแขนของเขาถูกเผาเป็นสีดำ

"ไปกันเถอะ!"

แบลด์ตะโกนผ่านฟันที่เขากัด เขาเหวี่ยงโล่ไปบนหลังของเขาและหยิบดาบขึ้นมาด้วยมือที่ยังใช้งานได้ของเขา

เราหยุดพักทันทีเพื่อไปยังโถงทางเดินที่มืดสลัวอีกแห่งหนึ่งซึ่งกว้างกว่าทางสุดท้ายมาก

ทุกคนยังคงเงียบขณะที่เราพยายามรวบรวมลมหายใจ ซาแมนธาฉีกเสื้อคลุมส่วนหนึ่งออกและกำลังทำผ้าพันแผลให้กับแบรลด์ ครีออลทรุดตัวลงพิงโล่ขณะที่เรจินัลด์และจัสมินนั่งตัวตรงพิงกำแพงหิน

เมื่อมองไปรอบๆ ใบหน้าของทุกคนก็จมลง เรายังไปไม่ถึงครึ่งทางของดันเจี้ยนเลยแต่กลับได้รับความเสียหายดังกล่าวไปแล้วโดยที่นักเวทย์สายฟื่นฟูของเราเสียชีวิตและหัวหน้าของเราได้รับบาดเจ็บสาหัส

“นี่คือเหตุผลที่ฉันบอกว่าให้นายระวังไงลูคัส! หากนายมีสมาธิและมีปฏิกิริยาตอบโต้ในการสร้างกำแพงพวกเราจะไม่ตกอยู่ในสถานะเช่นนี้ และฉันจะไม่อยู่ในสถานะนี้!”

แบลด์ด่าออกมาก็จริงแต่มันมีเหตุผลที่ดี อาชีพของเขาในฐานะนักผจญภัยอาจจะจบไปหลังจากนี้ เขาจะถูกลดระดับคราสหากกิลด์ได้ทราบเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่ทำให้เขาถึงกับพิการ

“อย่ามาโทษฉัน! เป็นความผิดของนายที่นายไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ทันเวลาต่างหาก!”

เขาถ่มน้ำลายกลับและยืนขึ้น

“นายพูดเรืองตลกอยู่ใช่ไหม? โน้ตต้องช่วยปกป้องตูดโง่ๆของนาย! นายช่วยตัวเองยังไม่ได้เลยและกำลังบอกว่ามันเป็นความผิดของฉันเหรอ?”

แบรลด์ส่งเสียงคำรามและหยิบดาบขึ้นมา

"พอได้แล้ว!"

ฉันคำรามโดยใช่มานาใส่เข้าไปในเสียงของฉัน ทางเดินขนาดใหญ่สะท้อนไปมาพร้อมกับเสียงของฉันขณะที่แบลด์และลูคัสต่างก็ปิดปากทันทีด้วยความประหลาดใจ

“มีทางเลือกสองสามทางที่เราต้องเลือก ร่างกายของเรจินัลด์ถูกไฟไหม้เล็กน้อย ฉันไม่คิดว่ามันจะแย่ขนาดนั้น แต่แบรลด์คุณต้องตัดสินใจเองว่าคุณต้องการจะไปต่อหรือไม่ เราอยู่ห่างจากพื้นผิวเพียงไม่กี่ชั่วโมงดังนั้นคุณจะสามารถเดินทางกลับได้ด้วยตัวเอง”

ฉันกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่หัวหน้าของเราผ่านรอยตัดของหน้ากาก

“ฉันจะขอไปต่อ นี่อาจจะเป็นดันเจี้ยนสุดท้ายของฉันดังนั้นฉันขอทำมันเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?”

เขาบ่นและประคองตอไม้ด้านขวาของเขา

ฉันหันไปมองเด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่คางยื่นออกมาสูงและภูมิใจราวกับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด

“ลูคัสร่วมพลังกัน ไม่สำคัญว่านายจะอยู่ขั้นสีเหลืองเข้มหรือเป็นพระเจ้าเอง ตอนนี้สิ่งเดียวที่นายเป็นคือตัวถ่วง หากนายจะทำตามใจตัวนายเอง นายก็ไปด้วยตัวเองละกัน”

เขาจ้องกลับมาที่ฉันด้วยแววตาที่ไร้ความปรานี แต่ยังคงเก็บอาการไว้ที่ตัวเองพร้อมกับสะบัดหน้าออกจากกลุ่ม

“ซาแมนธาและอาไลจาห์ พวกเราต้องขอให้พวกคุณจดจ่อและตื่นตัวอยู่ตลอดในการสร้างกำแพงหากมีอะไรเกิดขึ้น”

ฉันพูดต่อโดยได้รับคำยืนยันจากทั้งสองคน

“พักสักสองสามชั่วโมงก่อนที่จะไปต่อกัน”

ฉันนั่งลงข้างๆจัสมินและหยิบกระสอบน้ำออกจากกระเป๋า

ทั้งกลุ่มยังคงเงียบขณะที่สายตาของฉันหันไปหาแบรลด์ ตลอดหลายชั่วโมงที่พวกเราบางคนเคยชินกับการนอนหลับ ผู้นำของเราต้องตกอยู่ในภาวะหวาดกลัวและวิตกกังวล

ทันใดนั้นแบรลด์ก็ลุกขึ้นจากที่ที่เขานั่งแล้วเดินมาหาฉัน

“ฉันคิดว่าคุณควรจะเป็นผู้นำกลุ่มนี้”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาสักครู่ ฉันศึกษาดวงตาที่ไร้ชีวิตของผู้นำของเรา

"ตกลง"

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงเราก็ลุกขึ้นพร้อมกับมานาที่เติมเต็มและเดินต่อไป ห้องโถงนี้ไม่ยาวเท่าห้องก่อนหน้านี้ แต่ในตอนท้ายของห้องโถงนั้นเป็นประตูบานคู่ขนาดใหญ่ที่มีอักษรรูนที่ไม่คุ้นเคยฝังอยู่ทั่วห้อง

“ฉัน...ฉันไม่เข้าใจ แม้แต่ส่วนนี้เองก็แตกต่างไปจากเดิม ที่นี่ไม่เคยมีประตูมาก่อน”

แบรลด์คร่ำครวญและส่ายหัว

“สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมคือถ้ำแรกที่พวกแบทรันเนอร์อาศัยอยู่”

เขาวิเคราะห์อักษรรูนต่อไป เขาพยายามที่จะสัมผัสมัน แต่เมื่อมือข้างที่ถนัดของเขาหายไปเขาก็ทำได้แค่เหวี่ยงไหล่ไปในอากาศ หลังจากที่เขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรเขาก็สบถดังๆ และเดินไปด้านหลัง

“บ่นไปตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”

เรจินัลด์ยักไหล่และยกค้อนขึ้น

“ฉันไม่รู้ว่าอักษรรูนหรือสัญลักษณ์เหล่านั้นคืออะไร มันมีรอยแตกอยู่เต็มไปหมด ฉันสงสัยว่าตอนนี้พวกมันคงจะทำอะไรไม่ได้มากแล้ว”

เขาพูดขณะเหวี่ยงค้อน

ค้อนเงินของเขากระทบกับประตูโลหะเก่าๆทำให้เกิดประกายไฟ เมื่อเสียงดังขึ้น

เรจินัลด์ตกใจอย่างเห็นได้ชัดกับความแข็งแรงของประตูขณะที่มันยังคงสภาพเดิมของมัน

“อิมแพคบลาส!” ครั้งนี้ประตูสั่น แต่ก็ยังมั่นคงอยู่

“อิมแพคบลาส!” การระเบิดครั้งนี้หนักขึ้นและประตูก็คลิกก่อนที่จะเปิดเพียงเล็กน้อย เรจินัลด์ก้าวไปข้างหน้าและใช้มือจับที่ช่องเล็กๆแล้วงัดประตูให้เปิดออก

ฉันมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่อีกด้านหนึ่ง แต่ออกเมนเตอร์ร่างกำยำก้าวถอยหลังขณะที่เขาพึมพำ

“นี้มันอะไรกัน…!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด