ตอนที่แล้วตอนที่ 9 - การต่อต้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 - เซียนอมตะที่แท้จริง

ตอนที่ 10 - ของวิเศษเซียนโบราณ


ตอนที่ 10 - ของวิเศษเซียนโบราณ

สมบัติสูงสุดของตระกูลซูเป็นผ้าห่อศพ สิ่งนี้ทำให้การแสดงออกของเซียนอมตะหวังดูจริงจังเคร่งเครียด หวังต้า, หวังเอ้อและคนอื่นๆรู้สึกหวาดกลัวจนสั่นสะท้าน

สือฮ่าวรู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาชาด้าน เหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงการต่อสู้จากสงครามมาจากที่ใดก็ไม่ทราบ

ผ้าที่ผู้อาวุโสใหญ่ถือนั้นโทรมมากและมันก็ยับยุ่ย มีรูพรุนบนพื้นผิวของมัน ดูเหมือนว่ามันจะพังลงในไม่ช้า

นี่คือของวิเศษประจำตระกูลซู มีร่องรอยเลือดอยู่เต็มไปหมดเวลาที่ผ่านไปยิ่งทิ้งรอยประทับไว้มากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นของวิเศษโบราณ

“ย้อนกลับไปในช่วงการต่อสู้ครั้งใหญ่ในสงครามเซียนโบราณก่อนหน้านี้ เคยเป็นสงครามเลือดที่ถือครองโดยผู้อมตะที่แท้จริงนำกลุ่มต่างๆไปเผชิญหน้ากับกองทัพของอีกฝ่าย…” เซียนอมตะหวังพึมพำกับตัวเอง

แม้เขาจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

“ถูกต้องนี่คือธงเทพสงคราม!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว

ธงสงครามนี้ในอดีตอาจเป็นเพียงธงสงครามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชาอมตะ แต่ความสำคัญในภายหลังนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อราชาอมตะเสียชีวิตมันถูกใช้ห่อศพของเขากลับมา

ยิ่งไปกว่านั้นมันถูกใช้ห่อศพราชาอมตะถึง 2 คน

สามารถเห็นได้ว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายน่าเศร้าเพียงใด ราชาอมตะที่ทรงพลังที่สุดของอาณาจักรถูกสังหารในสนามรบและศพของพวกเขาหายไปหลังจากพ่ายแพ้

ไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตกี่ศพ ซากที่ฝังอยู่ในสนามรบมากมายสุดคณานับ

ธงสงครามผืนนี้ใช้เป็นผ้าห่อศพ ก่อนหน้านี้นำร่างของราชาอมตะสองคนกลับคืนมา ในขณะเดียวกันปราณโลหิตและแก่นพลังของพวกเขาก็แทรกซึมเข้าไปในธงผืนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

วัสดุมีความทนทานเดิมทอจากด้ายล้ำค่า ตอนนี้เมื่อรวมกับปราณโลหิตและแก่นพลังของราชาอมตะที่ไหลผ่านมัน มันก็กลายเป็นของวิเศษที่ไม่ธรรมดา

หลังจากนั้นไม่นานมันก็ปรากฏจิตวิญญาณขึ้นมา

ต่อมามันก็ตกอยู่ในมือของตระกูลซู หลังจากผ่านกระบวนการปลุกเสกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็กลายเป็นสมบัติเซียนอันล้ำค่าเป็นสมบัติประเภทอาวุธ

ในบริเวณนั้นมีสมาชิกตระกูลหวังจำนวนหนึ่งกำลังเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อผู้นำตระกูลพูดถึงความลับเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทุกคนก็ตกใจอย่างมาก

แม้แต่สือฮ่าวก็ยังหวั่นไหว นี่คืออะไร?มันคือธงสงครามเซียนโบราณ!

ของสิ่งนี้มีความสำคัญมากเกินไป ไม่ว่าพลังของมันจะเป็นอย่างไรมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนในอาณาจักรนี้หวั่นไหว

มันไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่มันคือธงที่ใช้ในสงครามในอดีต

ไม่น่าแปลกใจที่มีเสียงการต่อสู้จากสงครามดังขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดทั้งหมดนี้เป็นเพราะความหมายที่แท้จริงที่เก็บไว้ซ่อนไว้ในธงสงครามผืนนี้ มันเกิดขึ้นจากสนามรบที่ชุ่มไปด้วยเลือดของเหล่าผู้แข็งแกร่งในอดีต

เมื่อถึงวันที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอีกฟากธงสงครามผืนนี้จะเป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะสมที่สุดในการปลุกขวัญกำลังใจ วิญญาณแห่งสงครามในอดีตจะอยู่กับพวกเขารอการสังเวยเลือดจากศัตรู!

หากธงสงครามผืนนี้ถูกยกขึ้นอีกครั้งมันจะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนพร้อมด้วยการต่อสู้ที่เดือดพล่าน!

“ตระกูลซูร่วมมือกับเจ้าจริงๆ!” เซียนอมตะหวังกล่าว

ตระกูลซูกับตระกูลหวังเป็นศัตรูเก่าแก่กันมาช้านาน ในสำนักเทพสวรรค์องค์หญิงเหยาเยว่ยืนหยัดต่อสู้กับหวังซีเสมอเห็นได้ว่าคนจากสองตระกูลนี้มีความเกลียดชังซึ่งกันและกัน

ในขณะเดียวกันความไม่ลงรอยกันระหว่างสองตระกูลสามารถสืบย้อนกลับไปสู่ยุคเซียนโบราณ!

ทั้งคู่ต่างก็เป็นตระกูลอมตะดังนั้นแม้เวลาจะผ่านไปอย่างยาวนานแต่ความแค้นของพวกเขานับวันมีแต่จะพอกพูนขึ้น

“สัญลักษณ์จากเซียนโบราณแล้วยังไง? มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้?” มีใครบางคนเฝ้าดูการต่อสู้จากขอบฟ้า เขาเป็นผู้แข็งแกร่งจากตระกูลหวังโดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับสัญลักษณ์สงครามนี้มากนัก

“เฮอะ!”  ผู้อาวุโสใหญ่แค่นเสียงหนัก คนคนนั้นร่างระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดทันที

“เจ้า…” การแสดงออกของเก้ามังกรของตระกูลหวังเปลี่ยนไปความรู้สึกเหมือนเมิ่งเทียนเจิ้งไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ถึงกับกล้าฆ่าคนตระกูลหวังต่อหน้าพวกเขา

“เมิ่งเทียนเจิ้งเจ้าอวดดีเกินไปแล้ว!” วังเอ้อตะโกน

“ตระกูลหวังก็แค่เศษสวะเหมือนกับในอดีต ตอนนั้นไม่เคยสนใจการต่อสู้ของสงครามเซียนโบราณ ตอนนี้ถึงกับกล้าที่จะดูหมิ่นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ห่อศพของราชาอมตะโดยไม่ให้ความสำคัญกับมัน” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว

คราวนี้เซียนอมตะหวังไม่ได้พูดอะไรมีเพียงบางคนในเก้ามังกรที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้

เซียนอมตะวังรู้ถึงความสำคัญของธงสัญลักษณ์สงครามนี้ สำหรับคนอย่างผู้อาวุโสใหญ่มันเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ถึงขนาดที่ว่ามูลค่าของมันยิ่งใหญ่กว่าแผนภาพสิบสิบพิภพ

ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสงครามที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของวีรชนสมัยโบราณและแม้กระทั่งทำหน้าที่เป็นผ้าคลุมร่างราชาอมตะผู้ยิ่งใหญ่ถึงสองคน ธงที่ขาดรุ่งริ่งนี้ผืนนี้ในสายตาของบางคนนั้นเทียบเท่ากับโลกทั้งโลกเลยก็ว่าได้

นั่นคือเหตุผลที่เซียนอมตะหวังไม่ตอบโต้เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเกรงกลัวผู้อาวุโสใหญ่แต่หากตอบโต้ออกไป จะเป็นการบังคับให้อีกฝ่ายตอบโต้กลับมาด้วยความดุร้ายยิ่งกว่า

“อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้” หวังจิ่วพูดพลางส่งเสียงไปยังพี่ชายสองสามคนของเขาที่กำลังมีอารมณ์ร้อนแรง

“ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถสู้กับตระกูลหวังของเราได้ด้วยธงแค่ผืนเดียว!” หวังต้ากล่าวอย่างหงุดหงิด

“มันค่อนข้างลำบากนิดหน่อยธงผืนนี้เป็นได้ทั้งค่ายกลและอาวุธ ตอนนี้ได้ปรากฏตัวในรูปอาวุธเซียน หากลงมือผีผลามจะเป็นการทำลายผู้คนในตระกูลของเราเอง ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าตระกูลซูจะใจกว้างถึงขนาดยอมให้ยืมของสิ่งนี้” เซียนอมตะวังแอบถ่ายทอดเสียงไปยังลูกชายทั้งเก้าของเขา

“นี่…เราจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย?” หวังเอ้อพบว่าเรื่องนี้ยากที่จะยอมรับ แต่เขายังคงไม่ยอมตัดใจที่จะสังหารผู้อาวุโสใหญ่ในวันนี้

“ผ้าห่อศพราชาอมตะหลังจากที่มันถูกขัดเกลาจนกลายเป็นสมบัติล้ำค่า มันจะทำลายทุกอย่างในรัศมีพื้นที่สายตาของผู้ถือครองมัน เมื่อบวกกับแผนภาพสิบพิภพพวกเราอาจหนีรอดไปได้แต่ตระกูลหวังต้องจบสิ้นลงอย่างแน่นอน” เซียนอมตะหวังกล่าว

เขารู้สึกเหมือนว่าแม้ว่าพวกเขาจะทำให้ผู้อาวุโสใหญ่บาดเจ็บสาหัสหรือบางทีอาจฆ่าเขาได้ แต่ตระกูลหวังต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลสุดที่พวกเขาจะแบกรับได้

“ ท่านพ่อข้าว่าพวกเราควรฆ่าเขาทันทีมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเฝ้าดูเขาเดินเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราฆ่าคนตามใจตัวเองแล้วกลับออกไปโดยไม่ทำอะไร? หวังต้าโกรธมาก

ใบหน้าของเซียนอมตะหวังมืดครึ้มอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่นานหลังจากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง เขามองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่แล้วกล่าวว่า“เรื่องของวันนี้ขอจบไว้เพียงเท่านี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป เป็นเพราะข้าเคารพต่อธงสงครามผืนนี้ ข้าไม่ต้องการที่จะต่อต้านมัน”

เมื่อผู้อาวุโสใหญ่ได้ยินดังนั้นเขาก็คำรามด้วยเสียงหัวเราะ ในขณะที่แสดงสีหน้าเยาะเย้ยเขากล่าวว่า“เจ้าเคารพธงสงครามนี้หรือ? พวกเจ้าตระกูลหวังเคยใส่ใจต่อสงครามในครั้งนั้นด้วยเหรอ แล้วคนอย่างเจ้าจะคิดว่าธงผืนนี้เป็นของสำคัญ?”

เขาสามารถบอกได้จากปฏิกิริยาของเหล่าสมาชิกตระกูลหวังซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่ลังเลที่จะสังหารผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังจากตระกูลนี้โดยตรง

จากนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ก็เย็นชา “เจ้าไม่ติดใจในเรื่องนี้และมีความเมตตาให้พวกเราจากไป? อย่างไรก็ตามข้าต้องการให้เจ้ารู้ว่าข้าต้องการจะต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะได้รับคำอธิบายที่เหมาะสม!”

“เจ้า…เมิ่งเทียนเจิ้งอย่าได้ใจเกินไป! ตระกูลหวังของข้าาแสดงความเมตตาแล้ว เจ้าควรรู้ว่าที่นี่คือสถานที่แบบไหน!” วังเอ้อตะโกน

“สถานที่ที่ข้าจะได้รับคำอธิบาย” ผู้อาวุโสใหญ่ตอบอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาปลดปล่อยไอ้สังหารไปที่สมาชิกตระกูลหวังทุกคน

"เจ้าอยากให้เราทำอะไระ?" เซียนอมตะหวัง หันไปถามสือฮ่าว

“เป็นเรื่องง่ายๆต้องการให้เจ้ากับทายาทของเจ้าสาบานว่าจะไม่ทำอันตรายต่อสือฮ่าวในอนาคต”ผู้อาวุโสใหญ่ชิงกล่าว

“เจ้าคิดจะทำให้ท่านพ่อเปล่งคำสาบาน?” หวังต้าโกรธแค้นอย่างแท้จริงปราณเซียนบนร่างกายของเขาพลุ่งพล่าน “เพื่อผลประโยชน์ของมดปลวกเจ้าถึงขนาดที่ต้องการให้พ่อของข้าสาบาน เจ้าคิดว่าตัวเจ้ามีคุณสมบัติพอ!”

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างเย็นชาว่า“เจ้าคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นเหรอในสายตาของข้าเจ้าไม่ต่างอะไรจากมดปลวกอาจเป็นมดปลวกที่แข็งแกร่งกว่ามดปลวกตัวอื่นอยู่บ้างแต่ก็แค่นั้น หลังจากนี้ไม่นานศิษย์ของข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้ายังแน่นอน!”

จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ชี้ไปที่สือฮ่าวกล่าวว่า“เขาเป็นศิษย์ของข้าเหมือนกับที่พวกเจ้ามังกรทั้งเก้าเป็นลูกของเซียนอมตะหวัง ตอนนี้ข้าขอประกาศไว้ตรงนี้ว่าหากตระกูลหวังทำร้ายสือฮ่าวแม้แต่น้อย ข้าจะฆ่าเก้ามังกรในทุกครั้งที่ข้าพบเห็น!”

คำพูดเหล่านี้ดังก้องและอึกทึกดังไปทั่วดินแดนโบราณแห่งนี้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในหลายหมื่นลี้ล้วนได้ยินทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่

ใคร? เขากล้าคุกคามตระกูลหวังจริงๆ!

“สหายเต๋าเจ้าล้ำเส้นแล้ว” เซียนอมตะหวังกล่าว

“ข้าเมิ่งเทียนเจิ้งทุกคำที่ข้าพูดไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ถ้าตระกูลหวังของเจ้ากล้าข้ามเส้นนี้อีกครั้งข้าจะทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ เก้ามังกรอย่างน้อย 2-3 ตัวต้องตายแน่นอน!” คำพูดของผู้อาวุโสใหญ่เป็นเหมือนฟ้าร้องดังก้องไปทั่วดินแดนโบราณแห่งนี้

“เขาคือเมิ่งเทียนเจิ้ง!”

“ผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทพสวรรค์!”

“เขาคุกคามบรรพบุรุษของเราเพื่อฮวง!”

บรรยากาศเริ่มตึงเครียดอย่างยิ่งการต่อสู้พร้อมที่จะปะทุขึ้นอีกครั้ง

“เรื่องแค่นี้กลับทำให้เจ้ามาถึงตระกูลหวัง? ทำไมเจ้าไม่แจ้งให้ข้าทราบผ่านจดหมาย” เซียนอมตะหวังกล่าว

"ท่านพ่อ!" หวังต้าไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้รู้สึกว่าพ่อของเขาไม่แสดงความกล้าออกมา

“ร่างที่แท้จริงของข้ามาแล้ว แต่พวกเจ้าทุกคนยังต้องการที่จะจัดการข้า จดหมายจะไปมีความหมายอะไร?” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าได้รับการตระหนักรู้บางอย่าง ให้เราแลกเปลี่ยนการเคลื่อนไหวเล็กน้อยถ้าข้าแพ้ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามที่เจ้าต้องการ” เซียนอมตะหวังท้าสู้กับผู้อาวุโสใหญ่

“ดี แต่ยังมีอีกอย่างหนึ่ง พวกเจ้าทุกคนต้องจ่ายหนี้ที่ติดค้างไว้ คราวนี้พวกเจ้าทำร้ายลูกศิษย์ของข้าดังนั้นข้าจะปล่อยให้เรื่องจบลงแบบนี้ไม่ได้!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว

“เจ้าต้องการอะไรอีก” วังอมตะกล่าวอย่างเย็นชา

เขาพบว่ามันยากที่จะอดกลั้นในตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะความหวาดกลัวต่อผ้าห่อศพและแผนภาพสิบพิภพรวมถึงอันตรายต่อลูกๆของเขา เขาคงลงมือต่อสู้ไปนานแล้ว

“ศิษย์ข้าเจ้าต้องการอะไร” ผู้อาวุโสใหญ่ถามสือฮ่าว

ในขณะนี้สือฮ่าวกำลังจมอยู่กับความมคิดของตัวเองผู้อาวุโสใหญ่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้และสามารถต่อกรกับตระกูลหวังได้อย่างเท่าเทียมด้วยตัวคนเดียว

“ข้าต้องการตรวจสอบบางอย่างจากวิชาสยบความวุ่นวาย” สือฮ่าวกล่าว

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ทุกคนจากตระกูลหวังก็โกรธ

แม้แต่มุมริมฝีปากของเซียนอมตะหวังก็ยังกระตุกเล็กน้อย

หวังต้า, หวังเอ้อ และคนอื่นๆรู้สึกโกรธอย่างมาก เป็นเพียงเด็กบ้านนอกคนหนึ่งแต่เขากล้าที่จะขอดูคัมภีร์ประจำตระกูลของพวกเขา พวกเขาจะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร!

วิชาสยบความวุ่นวายเป็นณานวิเศษระดับสูงสุดในโลกซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในสามวิชากระบี่ที่ทรงพลังที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มันเป็นคัมภีร์ที่ไม่มีใครเทียบได้

ในช่วงของยุคเซียนโบราณ เพียงอาศัยแค่บุคคลที่สำเร็จวิชานี้เพียงคนเดียวก็สามารถจัดการกับศัตรูทั้งกองทัพ

นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าวิชาสยบความวุ่นวายนั้นน่าอัศจรรย์เพียงใด!

“ไม่ได้” เซียนอมตะหวังกล่าวอย่างเย็นชา

“ไม่ได้เหรอ” สือฮ่าวรู้สึกเสียใจ

ผู้อาวุโสใหญ่พูดไม่ออกเล็กน้อย นี่ใยไม่ใช่เป็นการขอชีวิตของตระกูลหวังเลยเหรอหากพวกเขาต้องการมันจริงๆบางทีเซียนอมตะหวังอาจเสี่ยงชีวิตกับพวกเขาจริงๆ

“เจ้าควรเปลี่ยนคำขอ อย่าลืมข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าได้บางอย่าง” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว เขากลัวว่าสือฮ่าว จะขออะไรที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงขึ้นมาอีก

ผู้อาวุโสใหญ่พูดคุยเรื่องต่างๆเซียนอมตะวังเล็กน้อยจากนั้นทั้งสองก็ลงมือ!

โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่ใช้แผนภาพสิบพิภพกับง้าวสงครามและสิ่งอื่น ๆ เพียงแลกเปลี่ยนณานวิเศษด้วยมือเปล่าใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขา

“ข้าได้ตระหนักรู้บางอย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ดังนั้นเจ้าควรระวังตัวเอง!” เซียนอมตะหวังกล่าวอย่างเย็นชาแล้วลงมือทันที

ทุกคนต่างตกตะลึงทั้งกลัวว่าจะบาดเจ็บจากคลื่นพลังที่กระจายออกมา อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันพวกเขาก็อยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่งโดยต้องการดูผู้แข็งแกร่งระดับเซียนอมตะจะเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตามทุกคนผิดหวัง

เซียนอมตะหวังไม่ได้ปลดปล่อยณานวิเศษและไม่มีกฎธรรมชาติใดๆที่สอดประสานกัน ลมและเมฆสงบนิ่ง เมื่อแขนเสื้ออันใหญ่โตของเขาขยับมือขวาของเขาก็เปลี่ยนเป็นรูปปากนกกระเรียนเจาะเข้าหาผู้อาวุโสใหญ่

นี่คืออะไร? มันไม่ใช่ความสามารถระดับเทพในตำนาน!

อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของผู้อาวุโสใหญ่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความคาดหวังของทุกคน ใบหน้าของเขากลายเป็นจริงจังมาก เขาจ้องไปที่คู่ต่อสู้จากนั้นขาขวาของเขาก็ค่อยๆก้าวไปข้างหลัง เช่นเดียวกับเสือที่ดุร้ายแกว่งหางมันพุ่งออกมาปะทะกับปากนกกระเรียน

"นี้…"

ทุกคนพูดไม่ออก นี่คือการต่อสู้ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก? เหตุใดเทคนิคของพวกเขาจึงดูธรรมดาขาดพลังทั้งยังมีแต่ความสับสนวุ่นวายเต็มไปด้วยความผิดปกติ

จากนั้นเซียนอมตะหวังก็ลอกเลียนท่วงท่าของวานร

ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ทำท่าโอบกอดดวงจันทร์

“ท่านพ่อกำลังทำอะไร ทำไมเขาไม่ใช้วิชาสยบความวุ่นวาย?!” วังต้ากล่าวเบาๆอย่างงุนงง

มีเพียงการแสดงออกของหวังจิ่วเท่านั้นที่จริงจังและเคร่งเครียดอย่างไม่น่าเชื่อแม้แต่การหายใจของเขาก็หยุดชงักขณะที่เขาจ้องมองทั้งสอง เขาเห็นผ่านการรู้แจ้งกล่าวด้วยเสียงเบา ๆ ว่า“พวกเขากำลังเปลี่ยนสิ่งที่ซับซ้อนให้กลายเป็นสิ่งที่เรียบง่ายเปลี่ยนหมื่นดาวของโลกให้เป็นการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเปรียบได้กับวิธีการสูงส่ง!”

“มันดูธรรมดาเพียงเพราะแค่การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว แต่ท่านพ่อได้ผสานวิธีการฆ่าหลายวิธีของสิบพิภพเข้าด้วยกัน เจ้ากำลังบอกว่าสิ่งนี้เรียบง่ายอย่างนั้นเลย?” หวังจิ่วกล่าวด้วยเสียงต่ำ

จากนั้นเขาก็ปิดปากของเขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

เป็นเพราะพวกเขาสองคนใช้สามกระบวนท่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ข้าไม่รู้สึกว่าการโจมตีประเภทนี้มีพลังอะไรเลย” หวังต้าารู้สึกงงงวย

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันทีเพราะภูเขายักษ์ด้านหลังของเขาแตกออกพร้อมกับเสียง คชา จากนั้นมันก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ

อย่าว่าแต่เขาเลยแม้แต่คนอื่นของตระกูลหวังก็ยังหน้าซีดเผือด ภูเขาลูกใหญ่แตกออกจากกันได้อย่างไร?

ต้องเข้าใจว่ามีภูเขาจิตวิญญาณทั้งหมดหมื่นลูกในดินแดนโบราณของตระกูลอมตะแห่งนี้ทุก ภูเขาทุกลูกมีวงเวทย์เซียนสลักอยู่อย่างไรก็ตามตอนนี้ ... หนึ่งในนั้นก็พังทลาย

ทุกคนเข้าใจดีว่าแม้ว่าการต่อสู้ของเซียนอมตะหวังและผู้อาวุโสใหญ่เหมือนจะดูเรียบง่ายแสนสบายราวกับชมก้นเมฆและสายลม แต่พลังกลับไม่เป็นแบบนั้น!

พลังนี้สามารถทำลายสวรรค์ขยี้พิภพได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด