ตอนที่แล้วตอนที่ 20 พ่อและลูกชาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 สมบัติที่ซ่อนอยู่ของเมิ่งต้าเจียง

ตอนที่ 21 ระดับชำระแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์


ตอนที่ 21 ระดับชำระแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์

“ข้าไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับเจ้าจริงๆ” หลิวเย่ป๋ายส่ายหน้าและยิ้ม เพื่อนที่ดีของเขาทำให้เขาพูดไม่ออก

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาชื่นชมกันและกันที่ยอมให้พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีเช่นนี้หรอกรึ

“เข้าไปในเมืองกันเถอะ” เมิ่งต้าเจียงกล่าว

พวกเขาสองคนมาถึงเมืองหอี๋ฟ่างอย่างเงียบๆ เป็นเวลาดึกและประตูเมืองก็ปิดไปแล้ว ยามพากันลาดตระเวนบนกำแพงเมือง อย่างไรก็ตามเมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋าย พากันแยกย้ายเป็นสองเงาพร่ามัว ที่ค่อยกระโดดขึ้นไปสูงกว่ากำแพงเมืองนับร้อยก้าว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหมอกสีดำจางๆ ล้อมรอบตัวพวกเขาทำให้การตรวจจับในความมืดทำได้ยากขึ้น

ด้วยการกระทำเช่นนั้น ทั้งคู่ก็ได้เหินร่อนอยู่เหนือกำแพงเมืองกว่าร้อยก้าวอย่างเงียบๆ

“นายท่าน”

“นายท่าน” ที่บนกำแพงเมือง หวังเฉียนฝานได้นำผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนตรวจสอบกำแพงเมือง บรรดายามต่างพากันให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นหวังเฉียนฟานก็ขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้น “โอ”

“นายท่าน มีอะไรผิดไปรึ” รองหัวหน้าถามอย่างสงสัย

“ให้แน่ใจว่าทุกคนระมัดระวัง อย่าปล่อยให้อสูรแอบเข้ามา” หวังเฉียนฟานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม เขาเป็นจอมยุทธระดับไร้ตำหนิที่เข้าใจถึง “พลัง” และเป็นส่วนหนึ่งของกองทหารของเมืองอี๋ฟ่าง ไม่มีใครที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทพอสูร สามารถหลบหนีความรู้สึกของเขาได้ แต่ถ้าเป็นเทพอสูรหรือราชันอสูรขึ้นมาจริงๆ …

ไม่มีความหมายสำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเขาที่จะหยุดยั้งตัวตนเหล่านั้น

“ขอรับ” รองหัวหน้าตอบรับทันที

วืด

เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายแอบเข้าไปในเมืองอี๋ฟ่าง

“หัวหน้ากองทหารของประตูเมืองเป็นจอมยุทธที่รู้ถึงเคล็ดของ”พลัง“หากเราประมาทเราจะถูกเขาค้นพบ” หลิวเย่ป๋ายกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเราถูกค้นพบเราคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน”

“ข้าทำให้เจ้าติดร่างแหมาด้วย” เมิ่งต้าเจียงกล่าว

“ทำไมพูดเช่นนั้นในระหว่างพวกเราด้วย” หลิวเย่ป๋ายถาม

คนรับใช้ในคฤหาสน์เมืองอี๋ฟ่างต่างก็รู้ดีว่าเพื่อนที่ดีสองคนของเจ้านายของพวกเขาได้มาเยี่ยมและเจ้านายก็จะต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น

“เอาล่ะเจ้าไปได้แล้ว” หลิวเย่ป๋ายสั่ง

"ขอรับ” นักธุรกิจที่ร่ำรวยนั้นเชื่อฟังเป็นอย่างดี

มีเพียงหลิวเย่ป๋ายและเมิ่งต้าเจียงหลงเหลืออยู่ในห้องโถง เมิ่งต้าเจียงจ้องมองไปที่แพะย่างขณะที่กำลังกิน ข้างกายมีเนื้อวัวจำนวนมาก

ง่ำ ง่ำ เมิ่งต้าเจียงอ้าปากกว้างและไม่ว่ากระดูกจะแข็งแค่ไหน เขาก็สามารถบดพวกมันให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้อย่างง่ายดาย เขากินเนื้อและบางครั้งก็หยิบน้ำเต้าขึ้นมาดื่มเหล้าที่อยู่ภายในนั้น

“ต้าเจียง เห็นเจ้ากินแบบนี้ทำให้ข้าหิว” หลิวเย่ป๋ายนั่งอยู่ที่นั่นและรินเหล้าให้กับตัวเอง เขาดื่มช้าๆและยิ้ม “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความอยากอาหารของเจ้านับว่าสุดยอดที่สุดในเมืองตงหนิง เจ้าสามารถจัดการเนื้อทุกอย่างกว่าห้าสิบกิโลกรัมให้หมดไปได้”

“เจ้าอิจฉาข้ารึ” เมิ่งต้าเจียงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาหยิบไหขึ้นมาเติมน้ำเต้า เมื่อเต็มแล้วเขาหยิบขวดลายครามออกมาและใส่ยาสามเม็ดลงไปในน้ำเต้า

“ไม่ว่าอย่างไรข้าไม่เคยได้ยินวิธีการฝึกฝนวิชาของเจ้ามาก่อน แข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยการกิน” หลิวเย่ป๋ายกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

เมิ่งต้าเจียงดื่มขณะกิน

หลังจากจัดการเนื้อเสร็จแล้ว เขาก็มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณห้ากิโลกรัม

“สิ่งนี้จะทำให้ความเร็วในการฟื้นตัวของข้ารวดเร็วยิ่งขึ้น ข้าได้หายจากอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของวันนี้แล้ว” เมิ่งต้าเจียงกล่าว “และพรุ่งนี้ข้าก็จะหายเป็นปกติ อย่างไรก็ตามข้าได้เผาผลาญน้ำหนักมากเกินไปในการต่อสู้ครั้งก่อน การฟื้นตัวสู่สภาวะสูงสุดของข้านั้น ข้ายังต้องกินอาหารอีกห้าถึงหกวัน”

“กินช้าๆ ไม่ต้องเร่งรีบ” หลิวเย่ป๋ายยิ้ม “เมิ่งชวนจะเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดได้เร็วที่สุดก็พฤษภาคม ยังมีเวลาเหลือเฟือ”

"ได้" เมิ่งต้าเจียงพยักหน้า

ในขณะที่อยู่ในคฤหาสน์เป็นเวลาหกวันนั้น หลิวเย่ป๋ายก็ได้จัดการเรื่องต่างๆอย่างลับๆ เมิ่งต้าเจียงนั้นกินดื่มและฝึกฝนอยู่ทุกวัน หลังจากหกวันไปแล้ว น้ำหนักของเขาก็เพิ่มขึ้นประมาณสี่สิบกิโลกรัม เขากลับไปเป็นคนอ้วนจากรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาก่อนหน้านี้

เมื่อความแข็งแกร่งของเขากลับคืนสู่จุดสูงสุด เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายก็ออกจากเมืองอี๋ฟ่างอย่างเงียบๆ

"เกิดอะไรขึ้น" พ่อค้าผู้ร่ำรวยและคนรับใช้ทั้งหกในคฤหาสน์สุดหรูสะดุ้งตื่นจากความฝัน พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ฝันมาตลอดหกวันที่ผ่านมา ส่วนที่ว่าพวกเขาฝันถึงอะไรนั้นพวกเขาจำอะไรไม่ได้เลย

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายก็กลับไปถึงเมืองตงหนิง

"พวกเรากลับมาแล้ว" ทั้งสองต่างรู้สึกมีความสุขเหลือเกินเมื่อมองไปที่คฤหาสน์กระจกทะเลสาบตระกูลเมิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

เมิ่งต้าเจียงสัมผัสกล่องหยกที่เขาเก็บไว้ใกล้หน้าอกของตนเอง ข้างในเป็นผลใจน้ำแข็ง เขาแลกมันมาโดยใช้แต้มจากการผจญภัยเสี่ยงตายมาเป็นเวลาหลายปี

“นายท่าน นายท่านหลิว” ยามที่ประตูมีท่าทางดีใจ

คนรับใช้รีบไปรายงานทันที “นายน้อย คุณหนู นายท่านทั้งสองกลับมาแล้ว”

เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายเข้าที่พักไปด้วยกัน ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่กำลังทานอาหารกลางวัน พวกเขาประหลาดใจอย่างมากที่เห็นพ่อของพวกเขากลับมา

“พ่อ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว เป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้วที่ท่านจากไป” หลิวชีเยว่วิ่งไปกอดหลิวเย่ป๋าย พ่อของเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้า

"ข้ากลับมาแล้ว" หลิวเย่ป๋ายยิ้มขณะลูบผมของลูกสาว “ชีเยว่ เจ้าสูงขึ้นอีกแล้ว อีกไม่นานเจ้าก็จะทันข้า”

"พ่อ" เมิ่งชวนเดินไปหาพ่อ

“ข้าไปนอกเมืองเพื่อที่จะทำงาน ข้าเอาผงปลาบัวกลับมาด้วย” ใบหน้าอวบอิ่มของเมิ่งต้าเจียงเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาตบกระเป๋าบนหลังแล้วหัวเราะเบาๆ “การจับปลาตากให้แห้งแล้วบดนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องใช้เวลา”

“พ่อ ท่านลุงหลิว ข้าคิดว่าพวกท่านยังไม่ได้กินข้าว มาร่วมกับพวกเรา” เมิ่งชวนอารมณ์ดีหลังจากพ่อของเขากลับมา

“ใช่ไปกินข้าวกันเถอะ” เมิ่งต้าเจียงกล่าวอย่างร่าเริง

“เมื่อพูดถึงเรื่องการกิน พ่อของเจ้าย่อมมีความสุข” หลิวเย่ป๋ายกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“เจ้าเป็นแค่คนกินน้อย ดูสิ เจ้าผอมแค่ไหนแล้ว” เมิ่งต้าเจียงเลิกคิ้วและเดินเข้าไปในห้องโถง

ในคืนวันที่ 11 พฤษภาคม เมิ่งชวนได้หลอมรวมร่างกาย จิตใจ และวิชาของเขาจนสมบูรณ์ ก้าวเข้าสู่ระดับชำระแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม เมิ่งต้าเจียงพาเมิ่งชวนไปที่คฤหาสน์บรรพบุรุษ

เมิ่งเซียนกูกำลังกินของว่างอย่างสบายๆ ขณะที่เธออ่านหนังสือในมือ

"ท่านย่าทวด" เมิ่งชวนทักทายเมิ่งเซียนกู

“เจ้าได้ทำให้ระดับชำระแก่นแท้สมบูรณ์แล้วรึ” เมิ่งเซียนกูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เธอหยิบขวดลายครามและส่งให้เมิ่งชวน “ข้างในมีไขกระดูกหยกหนึ่งหยด เมื่อเจ้าเริ่มฝึกฝนวิชาร่างเทพอสูร เจ้าก็สามารถที่จะกินมันได้ เจ้าต้องกินมันภายในสามเดือนหลังจากที่ฝึกฝนร่างเทพอสูร หากผ่านพ้นเวลานั้นไป เจ้าจะพลาดช่วงเวลาสำคัญในการสร้างรากฐานเทพอสูร”

"ขอรับ" เมิ่งชวนรับคำอย่างเคร่งขรึม นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลเมิ่งทุ่มทรัพย์สมบัติเกือบทั้งหมดเพื่อแลกมา

“เจ้าวางแผนที่จะฝึกฝนวิชาร่างเทพอสูรแบบไหน” เมิ่งเซียนกูถาม “การเลือกร่างเทพอสูรนั้นมีความสำคัญสูงสุด เมื่อเจ้าเลือกได้แล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าเจ้าจะกลายเป็นเทพอสูรในอนาคตเจ้าก็จะต้องเดินตามเส้นทางเดิมนั้นไปตลอด”

“ตัวอย่างเช่นหากเจ้าเลือกร่างเทพอสูรเพลิง เจ้าจะสามารถเลือกได้เฉพาะร่างเทพอสูรที่คล้ายกับร่างเทพอสูรเพลิงเมื่อเจ้ากลายเป็นเทพอสูรในอนาคต และไม่มีทางเปลี่ยนเส้นทางของเจ้าได้อีก” เมิ่งเซียนกูกล่าว

แน่นอนว่าเมิ่งชวนรู้

ร่างเทพอสูรที่ฝึกฝนในระดับก่อกำเนิดจะเป็นรากฐาน ที่ให้คนผู้นั้นด้วยส่วนหนึ่งของพลังเทพอสูร

นอกจากได้เป็นเทพอสูรในอนาคตเท่านั้นจึงจะได้รับร่างเทพอสูรที่สมบูรณ์ได้

“มีร่างของเทพอสูรจำนวนมาก” เมิ่งเซียนกูกล่าว “มีร่างที่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมหาศาล สามารถเรียกได้ว่าเป็นร่างกายที่ไม่สามารถทำลายได้ นอกจากนี้ก็ยังมีร่างเทพอสูรที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งมาก ซึ่งสามารถแม้กระทั่งงอกแขนที่ถูกตัดขาดได้ ยังมีร่างที่มีพละกำลังมหาศาล ทั้งยังมีร่างที่เร็วมาก อีกทั้งมีร่างที่เก่งกาจในการตรวจจับและการลาดตระเวน บางร่างเก่งในการสร้างอิทธิพลต่อพื้นที่ ร่างเทพอสูรทุกตัวมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง”

“และเมื่อเจ้าเลือกได้แล้วเจ้าจะต้องเดินตามเส้นทางนี้ไปตลอดชีวิต”

“ตระกูลเมิ่งของเรามีวิธีสร้างร่างเทพอสูรพื้นฐานทั้งหมดสิบหกร่าง” เมิ่งเซียนกูถามว่า “เจ้าคงเคยอ่านมาก่อนใช่ไหม”

“ข้าได้อ่านทั้งหมดแล้ว” เมิ่งชวนพยักหน้า วิชาสร้างร่างพื้นฐานของเทพอสูรนั้นสามารถฝึกฝนได้ก่อนที่จะกลายเป็นเทพอสูรเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับตระกูลเทพอสูรทุกตระกูลในการรวบรวมพวกมันไว้ทั้งหมด

“เจ้าวางแผนที่จะฝึกฝนร่างเทพอสูรตัวไหน” เมิ่งเซียนกูถาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด