ตอนที่แล้วตอนที่ 4 หนูเป็นคนขี้อาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 หนูยังเป็นเด็กอยู่นะ

ตอนที่ 5 หาวิธี


ตอนที่ 5 หาวิธี

ติ๋ง...ติ๋ง...

และเมื่อมีสายลมพัดผ่านมาที่บั้นท้ายอันเปียกชุ่มของเธอ

หวิว! หวิว!

ในคืนที่มืดมิดและเงียบสงัดเช่นนี้ทำให้เสียงน้ำที่หยดลงบนรองเท้าหนังนั้นช่างคมชัดเสียจนทำให้เธอรู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

แต่ในชั่วพริบตาสภาพแวดล้อมก็สงบลงในทันใด โดยหลงเหลือเอาไว้เพียงแค่เสียงโหยหวนของสายลมในยามค่ำคืนเท่านั้น

แต่สิ่งที่ยังกลุ้มใจอยู่ในตอนนี้คือ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในวัยสิบแปดปีของเธอจะมีวันที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากเช่นนี้ได้

โดยมีคนมากมายเห็นเหตุการณ์นี้แล้วต่อไปเธอจะกล้าสู้หน้าผู้คนได้ยังไง?

มิหนำซ้ำตอนนี้เธอยังอยู่ในอ้อมแขนของฮัวซุ่ยเฉิงอีก!

เมื่อเธอมองขึ้นไปก็เห็นใบหน้าของฮัวซุ่ยเฉิงที่เปลี่ยนไป ขณะที่เขาขบฟันกรามแน่นและดวงตาคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างท่วมท้น ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความอดทนของเขามาถึงขีดสุดแล้ว

มันจึงทำให้คิ้วของฮัวลี่ลี่ย่นอย่างเคร่งเครียดด้วยความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้แต่มันกลับไม่มีน้ำตา

เพราะฮัวซุ่ยเฉิงนั้นเป็นคนโหดเหี้ยมและก้าวร้าวอีกทั้งยังเอาแต่ใจ โดยในช่วงก่อนที่จะตั้งหลักได้อย่างมั่นคงในโลกธุรกิจนั้น เขาใช้วิธีที่สกปรกโดยถือคติที่ว่าปลาตัวใหญ่มักจะกินปลาตัวเล็ก จากนั้นปลาตัวเล็กก็กินกุ้งต่อไป

และด้วยวิธีนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้มีกี่บริษัทแล้วที่เขาผนวกเข้ามาเป็นของตัวเอง

อีกทั้งในช่วงเวลาต่อมาความทะเยอทะยานของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

โดยเขาได้ทำสิ่งที่เลวร้ายมากมายเพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองให้อยู่ในจุดสูงสุดของระบบอุตสาหกรรม หรืออาจกล่าวได้ว่าเขาใช้วิธีหาเงินอย่างผิดกฎหมาย

และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ตอนนี้เธอกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะถูกพ่อของเธอโยนลงบนพื้น

ซึ่งบางทีเธออาจจะตายที่นี่ก็ได้!

แต่อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธออายุแค่สามเดือนเท่านั้นนะ! แล้วจะให้เธออั้นฉี่เป็นเวลานาน ๆ ได้ยังไง?

ทำไมเขาต้องโกรธเธอด้วย?

เพราะเธอก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เหมือนกัน

และเมื่อฮัวลี่ลี่รู้สึกกลัวมากจนไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ยังไงดี ทันใดนั้นเธอจึงใช้สิทธิพิเศษของความเป็นลูกโดยการเริ่มร้องให้ออกมาด้วยโทนเสียงที่สูงมากจนแสบแก้วหู

ท่ามกลางความเงียบสงบเช่นนี้ทำให้เสียงร้องของเด็กน้อยมีความชัดเจนและดังมากอีกทั้งยังมีความแหลมเล็กที่ช่างรุนแรงดังกึกก้องในคืนที่เงียบงัน

ขณะที่จี้ซูหยางรู้สึกหนักใจมากเมื่อได้ยินเสียงร้องของฮัวลี่ลี่จึงกัดฟันและพยายามที่จะลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปากของตนเองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกล่าวออกมาอย่างไม่เกรงกลัวว่า

“ฮัวซุ่ยเฉิง! นี่เป็นลูกของน้องสาวฉัน ในเมื่อคุณไม่ชอบน้องสาวฉัน...ฉันก็จะดูแลเด็กคนนี้เอง คุณไม่ต้องกังวลนะ เพราะฉันจะไม่บอกหรอกว่าพ่อของเธอคือใครและฉันจะไม่ให้เธอปรากฏตัวต่อหน้าคุณเด็ดขาด”

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสและมีรอยฟกช้ำอยู่ทั่วทั้งร่างกาย อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าพวกอันธพาลมีความเป็นมืออาชีพมากเพราะอาการเหล่านั้นไม่ใช่การบาดเจ็บที่ร้ายแรงซึ่งมันเป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนังเท่านั้น

แม้ว่าชายตรงหน้าจะกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำแต่ฮัวซุ่ยเฉิงกลับทำเป็นไม่ได้ยินคำกล่าวของจี้ซูหยาง โดยก้มลงมองกางเกงของตนเองที่เปียกชุ่มกับแขนเสื้อที่มีรอยเปื้อนฉี่ด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านที่ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

หลังจากส่งฮัวลี่ลี่ให้กับชายที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ข้างหลังตนเองแล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าหน้าอกเพื่อเช็ดหลังมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย

หลังจากนั้นเขาก็ถอดแจ็คเก็ตของตัวเองออกแล้วนำมันมาพันรอบตัวของฮัวลี่ลี่

ฮัวลี่ลี่:

“…”

บะ..เบา..เบา

อย่ามาใส่ให้ฉัน !!!

เสื้อตัวนี้เปียกฉี่ของฉันแล้ว !!!

จากนั้นร่างของฮัวลี่ลี่ที่ถูกห่อด้วยเสื้อสูทอย่างแน่นหนาจนแทบจะหายใจไม่ออก

เสื้อตัวนี้มันสกปรกแล้วนะ ทำไมถึงไม่โยนทิ้ง? ทำไมต้องเอามาห่อฉันด้วย?

คุณเป็นคนร้ายที่ใจคอโหดเหี้ยมแถมยังไม่ใช่พ่อที่ดีอีกด้วย!

ฮัวลี่ลี่กลั้นหายใจด้วยความรู้สึกหงุดหงิดและวุ่นวายอยู่กับความคิดภายในใจที่ยุ่งเหยิง แทบจะเป็นลมเนื่องจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านมากจนเกินไป

และดูเหมือนตอนนี้กลิ่นที่คุ้นเคยกำลังโชยเข้าจมูกมา

ความรักของคนที่เป็นพ่อมันเป็นแบบนี้เหรอ?

อุเเว๊! อุเเว๊!

โอ๊ย…หายใจไม่ออก เหนอะหนะ...หงุดหงิดด้วย…ใครก็ได้ช่วยที!

เมื่อเห็นว่าฮัวซุ่ยเฉิงกำลังจะพาฮัวลี่ลี่ไปที่รถ จี้ซุยหยางก็คำรามเสียงดังว่า

“ฮัวซุ่ยเฉิงคืนเด็กมาให้ฉัน! เธอยังไร้เดียงสาอยู่! ถ้าคุณไม่ชอบเธอก็ได้โปรดส่งเธอมาให้ฉัน...ฉันจะพาเธอไปเอง! ได้โปรดอย่าทำร้ายเธอ!”

และเมื่อเห็นว่าคำกล่าวเหล่านั้นไม่สามารถช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นมาเลยเขาจึงกล่าวว่า

“ฮัวซุ่ยเฉิงไม่ช้าก็เร็วคุณจะต้องได้รับผลกรรมที่คุณก่อไว้!”

ประโยคที่จีใจดำเช่นนี้ทำให้ฮัวซุ่ยเฉิงที่ยืนอยู่หน้าประตูและกำลังจะก้าวขาขึ้นรถก็เบิกตากว้างขึ้นพร้อมกับฉายแววแห่งเย็นชาขณะที่ตะโกนว่า

“หักขาของเขา”

ฮัวลี่ลี่:

“?”

…มันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?

ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเหตุใดจู้ซูหยางจึงเป็นตัวร้ายที่ไม่สามารถอยู่รอดได้จนถึงตอนจบของเรื่อง นั่นก็เป็นเพราะว่า เขาไม่รู้จักวิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ย่ำแย่โดยเฉพาะในตอนที่ศัตรูมีจำนวนมากกว่าตนเองซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถที่จะสู้ได้ โดยเขาก็ยังคงดื้อรั้นและพูดจายั่วยุเช่นนี้!

และตอนนี้แม้ว่าเธอจะถูกบังคับให้ต้องผ่านประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นไปพร้อมกับเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นลุงหรือพ่อ เธอก็ไม่ต้องการให้ขาของใครหักทั้งนั้น

เธอต้องหาวิธี

ทันใดนั้นเด็กน้อยก็ร้องจ้าขึ้น

อุแว้! อุแว้!...







———

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด