ตอนที่แล้วบทที่ 198 วิหารล่องหน [1]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 200 ซีเว่ยเปิดใช้งาน Talk No Jutsu

บทที่ 199 วิหารล่องหน [2]


ในแง่หนึ่ง วิหารล่องหนก็ถือได้ว่าเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของเหล่าทวยเทพ แต่นอกจากอัสลานแล้ว สมาชิกผู้ก่อตั้งทั้งหมดก็ได้เกษียณในสงครามแห่งเทพเจ้าและปีศาจไปแล้ว

แม้ซีเว่ยจะรู้ว่าตอนนี้วิหารล่องหนมีสมาชิกอยู่ 7 ตนในขณะนี้ แต่นอกเหนือจากตัวเขาเองและสิงโตผู้ยิ่งใหญ่อัสลาน สตอฟฟ์เทพเจ้าแห่งงานฝีมือและไวน์ชั้นดี กับลูน่าเทพธิดาแห่งจันทร์สีเงิน เขาก็ยังไม่รู้ว่าเทพเจ้าอีก 3 องค์คือใคร

และตอนนี้เทพธิดาอีกองค์ก็ได้มาถึงแล้ว เธอแต่งกายด้วยชุดสีขาวทั้งตัว สวมมงกุฏดอกไม้และถือคทาสีเงิน ที่ปลายคทามีลูกบอลแสงหมุนวนซึ่งดูไม่ต่างอะไรจากซีเว่ยเลย

เธอก้าวผ่านอุปสรรคของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งร้าง และลงจอดอย่างสง่างาม ขณะที่ยิ้ม สายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่ซีเว่ย

จากนั้นเธอก็ถามขึ้นมาว่า

“ทำไมที่นี่ถึงมีปลาหมึก”

ซีเว่ย: …

'ฉันเป็นแค่ลูกบอลที่มีหนวดไม่กี่เส้นเอง! ปลาหมึกบ้านXXXหน้าตาแบบนี้เหรอ?!'

ขณะเดียวกันสตอฟฟ์ก็ถอนมือที่กำลังเขย่าหนวดซีเว่ยออกอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไปแล้วหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ขณะที่เอามือกุ้มท้องแล้วทรุดลงไปนอนทุบพื้น

เขาดูเหมือนคนอ้วนหนัก 200 ปอนด์ที่กินเหล้าปลอม

ซีเว่ย: …

‘นี่เอ็งเป็นเทพจริง ๆ เหรอ? ความเชื่อของผู้ศรัทธาเอ็งจะไม่พังทลายทันทีที่เห็นสารรูปนี้ของเอ็งเร๊อะ?’

"พอ รูปร่างหน้าตาของซีเว่ยเป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง อย่าทำให้เขาอับอายเพราะค่านิยมความงามของเรา”

อัสลานที่เป็นคนกลางทำสีหน้าจริงจัง

แต่ซีเว่ยกลับรู้สึกว่าเขากำลังดูถูกสุนทรียภาพของเขาอย่างจริงจัง

“ลูน่า สการ์เล็ตล่ะ” อัสลานถามเทพธิดาที่เพิ่งมาถึง และลืมเรื่องสุนทรียภาพของซีเว่ย

“เธอบอกว่าคืนนี้สีของดวงจันทร์ดูไม่ดี เธอจึงไม่มาร่วมงานประชุมของเรา” เทพธิดาแห่งจันทร์สีเงินยิ้ม

"งั้นรึ ถ้าอย่างนั้นคงช่วยไม่ได้” อัสลานพยักหน้า

“เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อน! ข้อแก้ตัวนั้นไม่ฟังดูแย่เกินไปหน่อยหรือ” ซีเว่ยอดไม่ได้ที่จะประท้วง “ก่อนหน้านี้ข้าปฏิเสธอย่างหมดหวัง แต่ท่านยืนกรานจะให้ข้ามาให้ได้ แล้วตอนนี้เทพที่ชื่อสการ์เล็ต เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจท่านเลย แต่ท่านกลับปล่อยไปอย่างนี้เลยเหรอ?”

“ในฐานะเทพเจ้า เจ้าควรมีเส้นกั้นในใจของเจ้าเองว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ” อัสลานพูดกับลูกบอลเรืองแสงที่ส่งเสียงดังอย่างเคร่งขรึม “นี่คือวิถีแห่งการเป็นพระเจ้าของพวกเรา!”

“แม้สิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้อาจฟังดูมีความหมาย แต่วิธีที่เจ้าใช้พูดมันหยาบคายมาก!”

'นี่มันคืออะไร? การกลั่นแกล้งน้องใหม่เหรอ?!'

นั่นคือตอนที่เทพเจ้าอีกองค์มาถึง เมื่อเขาเห็นซีเว่ยหมุนตัวอยู่บนพื้นเขาก็ถึงกับผงะ

“ทำไมที่นี่ถึงมีลูกข่าง?”

ซีเว่ย: …

สุดท้ายมีเพียง 5 ใน 7 เทพแห่งวิหารล่องหนเท่านั้นที่มาถึง

คนสุดท้ายที่มาถึงคือ ‘กูลู่’ เทพเจ้าแห่งการล่า

นอกเหนือจากสการ์เล็ตที่เขาไม่ทราบบัญญาของพระเจ้าแล้ว อัสลานยังบอกว่าเทพเจ้าอีกองค์ที่ไม่เข้าร่วมคือ ‘ฟลินท์แมน’ หัวขโมยไฟ เนื่องจากเขากำลังหลบหนีการตามล่าของเทพอัคคี เขาจึงไม่มีเวลามาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้

ตอนแรกซีเว่ยเดาว่างานประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างเทพเจ้า จะเป็นอะไรที่มีสาระ เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เห็นเทพเหล่านี้ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของศาสนจักรตัวเองเหมือนคนทั่วไปเมื่อพบหน้ากัน หัวข้อส่วนใหญ่วนเวียนเกี่ยวกับ 'ผู้ศรัทธาของเจ้าไม่เลว' 'แม้ว่าเทคโนโลยีของผู้ศรัทธาเจ้าจะยังเด็ก แต่ก็มีศักยภาพ' 'ให้ข้าดูผู้ถูกเลือกที่เจ้าเพิ่งได้รับมาหน่อยสิ'

ถ้าเขาไม่รู้ว่าพวกนี้เป็นใคร เขาอาจจะคิดว่าพวกเขากำลังอยู่ระหว่างการพบปะออฟไลน์ครั้งสำคัญ

ในที่สุด ซีเว่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาดัง ๆ

“ข้าคิดว่าในฐานะที่เราเป็นเทพเจ้า เรื่องที่เราคุยมันควรจะยิ่งใหญ่กว่านี้ไม่ใช่เหรอ?”

“ยิ่งใหญ่กว่านี้?” เทพธิดาแห่งจันทร์สีเงินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“โอ้ พูดมา!”

ซีเว่ยกระโดดลงจากที่นั่ง และเชื่อมต่อพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้ากับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งร้าง “อัสลาน ข้าขอควบคุมอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้หน่อย”

อัสลานไม่ปฏิเสธ เขาเริ่มสนใจว่าซีเว่ยจะทำอะไร

สิ่งแรกที่เขาทำคือปิดไฟ

การมีแสงสว่างหรือไม่มีแสงสว่าง ไม่มีความแตกต่างกับเทพเจ้ามากนัก แต่ด้วยเหตุผลบางประการ อาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าส่วนใหญ่จะสว่างไสวไปชั่วนิรันดร์ ยกเว้นพวกเทพชั่วร้ายและเทพบางองค์ที่มีความสัมพันธ์กับความมืด

และซีเว่ยก็ไม่ต่างกัน แต่นั่นเป็นเพราะอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ที่เขาอาศัยอยู่ หากมันสว่าง มันก็จะสะดวกกว่า

แต่นี่คือการรวมตัวกันของเทพเจ้า!

ในฐานะผู้บงการที่กำลังควบคุมโลก เทพเจ้าจะมาพบกันภายใต้แสงสว่างได้ยังไง!

จากนั้นเขาก็เสกโต๊ะสี่เหลี่ยมยาว และให้ทุกคนนั่งตามการจัดอันดับของพวกเขา โดยมีสิงโตตัวใหญ่นั่งที่ตำแหน่งประธาน

“ปิดเอฟเฟกต์แสงและเสียงของท่านด้วย!” ซีเว่ยเรียกร้อง

เทพเจ้าองค์อื่น ๆ ต่างงงงวย แต่สมาชิกของวิหารล่องหนวันนี้อารมณ์ดี และยอมทำตามคำสั่งของซีเว่ย พวกเขาปิดออร่าศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องสว่างอยู่เบื้องหลัง และเก็บของที่เปล่งประกายใส่กระเป๋า

เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พบว่าตอนนี้มีตัวเลขและสัญลักษณ์แปลก ๆ กำลังส่องแสงอยู่ตรงหน้าพวกเขา

“เอาล่ะ ตอนนี้เรามาคุยเกี่ยวกับอนาคตของโลกใบนี้กัน” ซีเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างจงใจ ขณะลอยไปนั่งบนที่นั่งของเขา และปิดแสงเหมือนกับเทพตนอื่น ๆ

“แต่อนาคตของโลกไม่เกี่ยวกับเรา” กูลู่พูดขัด “อนาคตของโลกนี้ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยอำนาจของเราเพียงฝ่ายเดียว”

แม้ว่าเทพเจ้าองค์อื่นจะพบว่าสถานการณ์ตอนนี้ดูแปลกใหม่ และสนุกที่ได้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด และมีเพียงตัวเลขหรือสัญลักษณ์แปลก ๆ ที่แสดงถึงตัวตนของพวกเขาลอยอยู่ แต่พวกเขาทั้งหมดก็เห็นด้วยกับกูลู่

ท้ายที่สุด ไม่มีเทพที่ยิ่งใหญ่ในวิหารล่องหน และพวกเขาก็แทบจะไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับเทพที่ทรงพลังกว่าได้ นับประสาอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางของโลก

“นั่นเป็นอดีตไปแล้ว” การที่เขาเปลี่ยนรูปแบบการประชุม ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะสไตล์นี้ตรงกับรสนิยมส่วนตัวของเขามากกว่า ส่วนอีกครึ่งคือความประทับใจแรกของเขานั้นดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ เมื่อเขามีร่างกายเป็นเพียงลูกบอลเรืองแสง

การซ่อนตัวอยู่ในความมืด จะทำให้คำพูดของเขามีพลังมากขึ้น และเพิ่มความรู้สึกน่าเชื่อถือได้ดี แม้ว่าเทพเจ้าองค์อื่นจะไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไรก็ตาม

นี่แหละคือผลของความลึกลับ มันน่าดึงดูดเสมอ!

“ข้าเชื่อว่าทุกคนคงสังเกตุเห็นแล้วว่าโลกนี้กำลังเปลี่ยนไป แม้แต่ในหมู่เทพเจ้าเองก็มีเทพหลายตนที่เปลี่ยนไป…เวลาเปลี่ยนไปแล้ว! นี่เป็นวิกฤตอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็เป็นโอกาสเช่นกัน และมีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเราพันธมิตรแห่งวิหารล่องหนควรทำ นั่นคือการยึดช่วงเวลานี้ เพื่อขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยุคสมัย!”

ซีเว่ยพูดอย่างจริงจัง

‘แม้แต่หมูก็บินได้ ถ้าพวกมันยืนอยู่เหนือกระแสลม!’

------------------------------------------------------------------------

เพจ FC-Translate

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด