ตอนที่แล้วตอนที่ 01
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 03

ตอนที่ 02


ซูจื่อห่าว----- > ซูจือเหยา

บทที่ 2 - ขั้นที่สามของเส้นทางแห่งการต่อสู้

ในขณะที่หลินหยุนลังเล ซูจือเหยาก็หยิบดาบของนางและจากไปโดยไม่ได้รอแม้แต่วินาทีเดียว เด็กชายเดินตามหลังก่อนออกจากห้องเขามองมาที่หลินหยุนด้วยความรังเกียจ

“ให้ตายเถอะ มันชคดีจริงๆที่พี่สาวซูยังให้รางวัลมันด้วยซ้ำ ต้องมียาบำรุงร่างกายสามเม็ดในขวดนั้นแน่ๆไอ้โชคดี!”

“พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพี่สาวซูให้เด็กคนนั้นไปกี่เม็ดในช่วงสองปีที่ผ่านมา ถ้าข้าเป็นมันตอนนี้ข้าคงไปถึงขั้นที่สามของเส้นทางการต่อสู้ได้อย่างง่ายดายไปแล้ว”

“ฮ่า ๆ อย่าอิจฉา มันไม่สามารถไปถึงขั้นที่สามของเส้นทางการต่อสู้แม้ว่าจะมีเม็ดมากมายขนาดนี้ สุดทายมันอาจจะอาเจียนเป็นเลือดจากภาวะซึมเศร้า ..”

"ถูกตัอง.ทาสคือทาส และจะเป็นทาสไปวันตาย ฮ่าๆ”

คนงานทุกคนที่ทำงานในลานของห้องทำความสะอาดดาบเริ่มล้อเลียนหลินหยุนด้วยความอิจฉา

ในฐานะคนงานที่ทำวานเล็กๆน้อยๆ(odd-job workers) พวกเขาสามารถอยู่ใน นิกายฟ้าครามได้เป็นเวลาสองปี หากพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงขั้นที่สามของเส้นทางการต่อสู้ได้ภายในช่วงเวลานี้พวกเขาจะต้องออกจากนิกาย อย่างไรก็ตามมีวิธีให้พวกเขาอยู่ได้ คือ การกลายเป็นทาสเหมือนหลินหยุน

ในโลกนี้ไม่มีใครดื้อรั้นเท่าหลินหยุน การกลายเป็นทาสด้วยความเต็มใจนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนนับประสาอะไรกับอนาคตทั้งหมดของเขา สำหรับคนงานทำงานเล็กๆน้อยๆ เพราะแบบนี้หลินหยุนจึงอยู่ใต้เท้าของพวกมัน

อย่างไรก็ตามหลินหยุนไม่รู้สึกตัวขณะที่เขามองไปที่ขวดหยกอย่างละเอียด เขามีชีวิตอยู่เป็นรอบที่สองเขาไม่ได้ปล่อยให้ความอิจฉาของพวกเขามารบกวนเขา

“เฮ้เจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าไม่ต้องการรางวัลจากพี่หญิงซู?ถ้างั้นข้าจะเอาเอง!” ชายร่างผอมที่ยืนอยู่ข้างๆหลินหยุนยิ้มเยาะขณะที่เขาก้มลงไปคว้าขวด

ในขณะที่เขาสัมผัสขวดมือของเขาก็ถูกเตะออกไปและขวดก็ลอยขึ้นฟ้า ทันใดนั้นหลินหยุนก็ชักขาเขากลับมาและจับขวดขณะที่มันลอยขึ้นไปในอากาศ ชายร่างผอมแทบจะรักษาสมดุลของตัวเองไม่ได้

เมื่อเขายืนขึ้นเขาคำรามขณะที่ชี้ไปที่หลินหยุน“ไอ้เด็กน้อย เจ้ากล้าดียังไง? รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร!? เจ้าอยากตายใช่ไหม!”

ชื่อของเขาคือโจวปิ งศิษย์ชั้นนอกอยู่ขั้นที่สี่ของเส้นทางการต่อสู้ ความจริงแล้วเขาไม่ได้มีพรสวรรค์เป็นพิเศษและเขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการห้องทำความสะอาดดาบเท่านั้นเพราะพ่อของเขาเคยเป็นผู้อาวุโสนอก ในขณะที่ห้องทำความสะอาดดาบไม่สามารถเทียบเคียงได้กับสถานที่เช่นห้องเล่นแร่แปรธาตุห้องบริหารหรือวังสมบัติ แต่ก็มีข้อได้เปรียบตรงที่ไม่มีคู่แข่ง

โจวปิงกลั่นแกล้งหลินหยุนมาระยะหนึ่งแล้วมักจะรับรางวัลที่ซูจื่อเหยามอบให้หลินหยุนด้วยตัวเอง

“ลืมมันไปซะ ข้าจะไม่ลดระดับตัวเองลงไปที่ระดับของเจ้า กฎเดิมมอบเม็ดสองในสามเม็ดในขวดแล้วข้าจะปล่อยเจ้าออกไป” โจวปิงกล่าวขณะที่เขาปัดฝุ่นออกจากร่างกายของเขา เพราะซูจื่อเหยาได้ให้รางวัลนี้แก่หลินหยุนเป็นการส่วนตัวโจวปิงจึงไม่ต้องการที่จะทำอะไรให้ไปไกลเกินไป อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถปล่อยให้หลินหยุนหลุดพ้นจากการกดขี่นี้ได้

ในอดีตการกระทำของโจวปิง มักทำให้เขารำคาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลินหยุนรู้ว่าไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ แต่เวลานี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ใช่หลินหยุนคนเดิมอีกต่อไป เขามาถึงขั้นที่สามของเส้นทางการต่อสู้แล้วเขาไม่จำเป็นต้องกลัวใครอีกปล้ว เมื่อมองไปที่ขวดหยกบนฝ่ามือของเขาหลินหยุนก็กำมือแน่นและหันหน้าเดินออกจากห้องทำความสะอาดดาบ

เมื่อเห็นหลินหยุนไม่สนใจเขาส่งผลทำให้โจวปิงโกรธ“หยุดซะ!”

มีคนงานทำงานเล็กๆน้อยๆมากเกินไปโจวปิงจำเป็นต้องรักษาหน้ของตัวเองไว้าเขาเห็นว่าหลินหยุนไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด และเขายังคงเดินออกไปจากห้องทำความสะอาดดาบ

“วันนี้คือวันตายของเจ้า!”

โจวปิงกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับแขนที่แยกออกจากกัน เขาคล้ายกับนกอินทรีที่ดุร้ายที่พุ่งดิ่งลงไปในทิศทางของหลินหยุน ในเวลาเดียวกันเสียงกระดูกของเขาก็สร้างความปั่นป่วนในอากาศรอบตัวเขา เลือดภายในร่างกายของเขาระเบิดออกพร้อมกับเสียงคำรามดั่งฟ้าร้องขณะที่ออร่าของเขาพุ่งทะยานขึ้น

ความสามารถในการควบคุมออร่าภายในในเลือดของเขาได้ตามประสงค์คือเครื่องหมายของขั้นที่สี่ของเส้นทางแห่งการต่อสู้ เทคนิคนี้คือวิชาฝ่ามืออินทรี ซึ่งเป็นเทคนิคที่อยู่เหนือระดับหมัดพยัคฆ์ดุร้าย เขาสามารถเปลี่ยนฝ่ามือของเขาให้กลายเป็นกรงเล็บและมีพลังมากพอจะฉีกเสือออกเป็นสองส่วนได้

“ฮ่าๆ เจ้าเด็กนั่นงานเข้าแล้ว สงสัยวันนี้สมองของมันคงมีน็อตหลุด มันกล้าทำให้ พี่ชายโจวโกรธ”

“พี่ชายโจวอยู่ในขั้นที่สี่ของเส้นทางการแห่งต่อสู้ ฝ่ามือเดียวของเขามีน้ำหนักเกือบ 500 กิโลกรัม ถึงแม้ว่าเขามีความเชี่ยวชาญเล็กน้อยในศิลปะฝ่ามืออินทรี หากฝ่ามือของเขาโจมตีโดนหลินหยุนจะต้องนอนบนเตียงอย่างน้อยครึ่งเดือน”

“หลินหยุนต้องไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจากปีที่แล้วแน่ๆ ย้อนกลับไปตอนนั้นเขาอารมณ์เสียและต้องพ่ายแพ้ก่อนยอมจำนน”

คนงานทำงานเล็กๆน้อยๆหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำและเริ่มรวมตัวกันด้วยความคาดหวังสำหรับสิ่งที่พวกเขาคิด คือ ฉากที่หลินหยุนโดนทุบตีอย่างหนัก

หลินหยุนสัมผัสได้ถึงลมที่พัดเข้ามาหาและทันใดนั้นหมัดพยัคฆ์ดุร้ายก็กระพริบไปทั่วสมองของเขาและเขาก็หันไปส่งหมัดของตัวเองออกไป นอกจากนี้ยังมีภาพพยัคฆ์ที่คลุมเครืออยู่ด้านหลังหลินหยุนซึ่งส่งเสียงร้องคำราม มันเป็นเพียงการเคลื่อนไหวครั้งเดียว

แต่เมื่อหลินหยุนหันกลับมาเขาก็เห็นโจวปิงทะยานขึ้นไปในอากาศเหมือนนกอินทรีในท้องฟ้า ดวงตาของเขาแหลมคมอย่างน่ากลัว เดิมทีหลินหยุนต้องการทุบกระดูกของเขาเพื่อเพิ่มพลังของเขา แต่เสี้ยววินาทีแห่งความลังเลก็เพียงพอที่จะทำให้พลังของเขาลดลงแทน เขาล้มเหลวในการปลดปล่อยพลังของหมัดพยัคฆ์ดุร้าย

crackle his bones ทาง Eng ใช้คำนี้นะครับ เลยแปลตรงตัว)

ตูม!

หมัดของหลินหยุนต่อยโดนฝ่ามือของโจวปิงจนระเบิดบังคับให้หลินหยุนถอยหลังไปสามก้าวในขณะที่เขาพยายามเพื่อควบคุมร่างกายของเขา

"เกิดอะไรขึ้น? หลินหยุนสามารถป้องกันมันได้หรอ?”

คนงานทำงานเล็กๆน้อยๆทุกคนตกใจ พวกเขาคาดว่าหลินหยุนจะนอนคว่ำหน้าหลังจากการโจมตีดังกล่าว แต่เขาถอยหลังไปเพียงสามก้าว

แม้แต่โจวปิงยังดูประหลาดใจขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม“ไม่น่าแปลกใจที่เจ้ากล้าหาญ เจ้าได้พัฒนาขึ้นบ้างแล้ว”

หลินหยุนคิดถึงการแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ พูดตามเหตุผลเขาควรจะป้องกันมันได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามเขาเพิ่งมาถึงขั้นที่สามของเส้นทางการต่อสู้และยังไม่ได้เริ่มต้นการบ่มเพาะพลังภายในอย่างเป็นทางการไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ เขารู้สึกประหม่าขึ้นมา

แม้จะถูกบังคับให้ถอยหลังสามก้าว แต่ความมั่นใจของเขาก็เพิ่มขึ้น เขาไม่มีอะไรที่ต้องกลัวโจวปิงเลย

“ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเต้นต่อหน้าข้าด้วยความแข็งแกร่งแค่นี้ เจ้ายังไร้เดียงสานัก!” โจวปิงคำรามขณะที่เขาทะยานใส่หลินหยุนอีกครั้งแขนของเขากางออกเหมือนนกอินทรี

กลิ่นอายของเขารุนแรงขึ้น หลินหยุนถูกบังคับให้ถอยหลังไปอีกก้าว แต่หลินหยุนสงบนิ่งขณะที่เขาขยับถอยหลัง การแลกเปลี่ยนครั้งก่อนทำให้เขามั่นใจว่าเขาไม่มีอะไรต้องกลัวโจวปิง ข้อบกพร่องในกระบวนอาจทำให้เจ้าเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองและโจวปิงก็มีมากมาย

สิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามที่โจวปิงคาดหวัง ยกเว้นฝ่ามือสองสามอันในตอนแรกที่โจมตีหลินหยุนได้ ครั้งต่อๆไปหลินหยุนได้ปัดการโจมตีของโจวปิงออกไปอย่างง่ายดายในขณะที่ส่งของเขาถอยหลัง

เกิดอะไรขึ้น? ทำไมหลินหยุนถึงแข็งแกร่งขนาดนี้? ดูเหมือนเขาจะไม่ได้พยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ

โจวปิงตกใจมากขณะที่เขาเพิ่มความเร็ว เขาต้องกำจัดหลินหยุนลงอย่างรวดเร็วมิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถทำตัวเป็นทรราชในลานทำความสะอาดได้อีกต่อไป

“ตรงนัเน!”

โจวปิงฟุ้งซ่านเพียงชั่วครู่ แต่หลินหยุนกลับเตรียมสวนอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาแคบลงและกระดูกของเขาก็ส่งเสียงแตกร้าว ในเวลาเดียวกันออร่าของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง กระดูกของเขาคำรามอย่างไม่หยุดหย่อนขณะที่เขาใช้หมัดพยัคฆ์ดุร้าย - พยัคฆ์คำรน

“เสียงแตกของกระดูก ... เจ้าเด็กนี้ กำลังก้าวหน้า!” โจวปิงไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาได้ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าทาสดาบไร้ค่าจะไปถึงขั้นที่สามของเส้นทางการต่อสู้

อย่างไรก็ตามหลินหยุนไม่สนใจความตกใจของเขา

เขาะใช้ประโยชน์จากความว้าวุ่นใจสั้นๆของโจวปิงส่งหมัดของเขาตรงไปที่หน้าอกของโจวปิงส่งเสียงดังลั่นราวกับกลองศึกที่ประกาศการกำเนิดของราชัน!

แรงระเบิดส่งให้โจวปิงบินออกไปหน้าคลุกฝุ่นขณะที่เขาตกลงบนพื้นกลิ้ง เขาร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดขณะที่เขากำซี่โครงที่เพิ่งหัก

คนงานทำงานเล็กๆน้อยๆจ้องมองด้วยความเงียบงันสำหรับสิ่งที่ดูเหมือนเป็นนิรันดร์ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะฟื้นคืนความสงบ“ขั้นที่สามของเส้นทางการต่อสู้ ... หลินหยุนมาถึงขั้นที่สามของเส้นทางแห่งการต่อสู้แล้วววววววววว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด