ตอนที่แล้วตอนที่ 14: เนื้อสัตว์ปราณย่าง (ส่วนที่ 2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16: เต้าหู้เหม็น (ส่วนที่1)

ตอนที่ 15 เนื้อสัตว์ปราณ (ส่วนที่3)


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

--------------------------------------------------------------------------------------------

เนื้อสัตว์ปราณนั้นเป็นวัตถุดิบพลังปราณชั้นดีจริงๆ. เมื่อสุกแล้วมันชุ่มช่ำมากแถมไม่มันเยิ้มด้วย.

 

แค่กินชิ้นเล็กๆอย่างช้าๆก็เหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลย.

 

ชิยูลองชิมดูแล้วก็ต้องอึ้งไปเลย. เธอมองไปทางหลินฟ่านและลู่หยาน ทั้งสองเองก็ประหลาดใจเช่นกัน.

 

ด้านในสำนักตระกูลหลินนั้น หัวหน้าสำนักหลิน จานกำลังหารือกับท่านผู้เฒ่าอยู่ พอกลิ่นหอมโชยเข้ามา ทุกๆคนก็ตั้งสมาธิไม่ได้เลยทีเดียว.

 

“กลิ่นนี้มัน….” หลินจานดมกลิ่นแล้วหันไปทางผู้เฒ่า “ท่านรู้สึกไหมว่ากลิ่นนี้มันคุ้นๆ?”

 

ท่านผู้เฒ่าตกใจ. เขาไม่นึกเลยว่าหลินจานจะหันมาถามเขา. ไม่กี่ปีมานี้ทั้งสองไม่ชอบขี้หน้ากันเพราะไม่ลงรอยกันว่าทิศทางของสำนักจะไปทางไหน. เขาจึงไม่คิดเลยว่าหลินจานจะอารมณ์ดีแบบนี้.

 

ขณะที่เขาตะลึงอยู่นั้น หลินจานก็ลุกขึ้น “กระผมจำวันนั้นได้ วันที่ได้เข้าฝึกที่สำนักตี๋โต่ว ท่านเป็นคนที่ส่งข้าไป. ตอนนั้นท่านนำเนื้อย่างที่อร่อยที่สุดในโลกมาให้กระผมกิน. กระผมไม่คิดเลยว่าจะได้ดมกลิ่นแบบเดียวกันนี้อีกหลังจากผ่านมาหลายปี”

 

ผู้เฒ่าคนนั้นรู้สึกปลื้มใจมาก.

 

นี่เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องลูกชายตัวเองหลินฟ่านงั้นหรอ? เขาอยากจะใช้ช่วงเวลาดีๆในวันวานมาเพื่อเอาชนะใจรึไง?

 

ขณะที่ท่านผู้เฒ่านึกถึงเรื่องวันวานของกันและกัน สมัยที่ยังไม่บาดหมางกัน, เขาก็รู้สึกซึ้ง.

 

“ไปหากลิ่นนี้ด้วยกันเถอะ!” หลินจานเดินออกไปนอกห้องเรียบร้อยแล้ว.

“ห้องนั้นอยู่ไม่ไกลจากห้องส่วนตัวของหลินฟ่านซักเท่าไหร่. ขณะที่พวกเขาเดินไปใกล้ห้องหลินฟ่านมากขึ้น กลิ่นก็หอมมากขึ้นไปอีก.

 

“ท่านพ่อ, ท่านผู้เฒ่า” หลินฟ่านลุกขึ้นแล้วทักทาย, จากนั้นเขาก็แนะนำคนอื่นๆ “นี่คือเพื่อนของผมชิยูกับครอบครัวของนาง”

 

สายตาของหลินจานไปตกที่ชิยู เธอจึงรู้สึกอึดอัด.

 

โชคดีที่ลู่หยานหยิบเนื้อออกมาชิ้นหนึ่งแล้วส่งให้พวกเขาไป “ท่านลุงคะ โปรดลองดูสิคะ. เนื้อนี้ชิยูเป็นคนย่างเอง. รสชาติเหลือเชื่อมากค่ะ”

 

หลินจานมาที่นี่ก็เพื่อเนื้อย่างโดยเฉพาะ. เขารับเนื้อมาแล้วกินเข้าไปด้วยความสุข. จากนั้นก็ดูผิดหวังหน่อยๆ “ถึงรสชาติจะไม่ได้แย่นักแต่ก็แตกต่างกับที่ชั้นคิดไว้. แต่ก็นะ, ฝีมือทำอาหารของหนูนี่ยอดเยี่ยมขนาดว่าทำให้เนื้อสัตว์ปราณธรรมดาๆ อร่อยขนาดนี้ได้. ถ้าหนูได้ไปที่เมืองตี๋โต่วล่ะก็คงเป็นที่นิยมไม่น้อยเลย”

 

ชิยูยิ้มแล้วถาม “ที่เมืองตี๋โต่วมีอาหารอร่อยๆเยอะมั้ยคะ?”

 

“แน่นอน! หลายๆคนได้กินอาหารที่นั่นแล้วก็ไม่เคยมีใครลืมรสชาติไปได้ตลอดชีวิตเลย!”

 

ตาของชิยูโตขึ้นด้วยความประหลาดใจ. ตอนแรกเธอไม่ได้คิดเรื่องวิชาทำอาหารในโลกนี้มากนัก เพราะอาหารที่เธอชอบคงหาไม่ได้ในเมืองชิงฉาน.

 

แต่นั่นไม่ใช่เพราะโลกใบนี้ไม่มีของที่เธอชอบ. มันแค่ไม่มีอยู่ในเมืองนี้ต่างหาก.

 

เนื้อย่างนี้อาจจะไม่ดีที่สุดถ้าพูดถึงเรื่องรสชาติแต่เธอก็ได้ทำมันสุดความสามารถแล้ว. แต่มันกลับเป็นที่นิยม ‘เล็กน้อย’ เท่านั้นที่เมืองนั้น.

 

เมืองตี๋โต่วเป็นเมืองแบบไหนกันนะ?

 

ไหนหลินจานก็มาที่นี่แล้ว เขาจึงถือโอกาสนั่งหารือกับผู้เฒ่าที่นี่ซะเลย. ขณะเดียวกันก็มีความสุขไปกับเนื้อย่างและเหล้า. ชิยูก็ไปย่างเนื้อมาเพิ่ม.

 

ด้านนอกคฤหาสน์นั้น พวกลูกศิษย์สำนักหลินก็ต่างพากันมากรูที่ประตู.

กลิ่นนี่แม่มยั่วดีจริงๆ! แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปขอกิน. ไม่ใช่เพราะหัวหน้าสำนักกับท่านผู้เฒ่าอยู่ในนั้น แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมลดตัวไปขอเนื้อกินจากพวกที่เขาดูหมิ่นว่าเป็นพวกชั้นต่ำ.

 

สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้แค่ยืนน้ำลายหกกัน. น้ำลายพวกเขาหยดลงบนพื้นจนมันเปียกไปหมด.

 

หลังจากหลินจานและท่านผู้เฒ่าออกไปแล้ว เนื้อก็หมดไปเยอะมาก. ชิยูนั้นไม่ได้แข็งแรงมากมายแถมยังเป็นแค่คนธรรมดาอีกด้วย. เธอจึงฟุ่บลงกับพื้นเพราะความเหนื่อยล้าแล้วนั่งพัดตัวเอง “ฮู้ว!”

 

“แล้วเธอจะทำอะไรต่อ?” เธอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นหลินฟ่านจ้องมา.

 

ชิยูยิ้มเจื่อนๆ “ชั้นว่าชั้นจัดการเนื้อสัตว์ปราณไม่ได้ในเร็วๆนี้แหง”

 

ใครจะไปรู้ล่ะว่าอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ปราณมันยังมีพลังปราณเหลืออยู่? ถ้าคนธรรมดากินเข้าไปก็คงโดนผลข้างเคียง เช่นหน้าของคุณตาแดงขึ้น.

 

สำหรับพวกผู้ฝึกวิชาแล้ว พลังปราณนั้นถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายโดยตรงและทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น. นั่นแปลว่าการกินเนื้อพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการกินยาอายุวัฒนะเลย. ไม่สิ, น่าจะดีกว่าอีกมั้ง. ปกติแล้วต้องเป็นยาระดับสูงๆถึงจะให้พลังปราณแก่ร่างกายได้ แต่เธอสามารถทำแบบนั้นได้ด้วยเนื้อสัตว์ปราณระดับต่ำๆเลย!

 

ถ้าพวกสำนักอื่นๆรู้เข้าล่ะก็ พวกเขาคงจะมาลักพาตัวเธอไปแล้วบังคับให้ทำอาหารให้. ชิยูก็ไม่มีพลังพอจะปกป้องตัวเองด้วยนี่สิ.

 

นั่นคือเหตุผลที่หลินฟ่านถามเธอทันที.

 

“ฝีมือเธอเก่งขนาดนี้ไม่นานเธอก็คงจะโด่งดังขึ้น. แล้วตอนนั้นคงมีคนมาขอให้เธอทำอาหารปราณให้แน่. เธอจะทำยังไงล่ะ?” หลินฟ่านถาม.

 

“ไม่เป็นไรน่า. เดี๋ยวชั้นก็ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเองแหละ” ชิยูถาม “เอ้อนี่, หลังงานประลองของสำนักตระกูลนายแล้ว นายจะไปไหนล่ะ? นายจะไปที่สำนักตี๋โต่วนึป่าว?”

 

หลินฟ่านพยักหน้า “พ่อกับแม่ของชั้นเจอกันที่นั่น” แม่ของหลินฟ่านหายตัวไปหลังจากที่เขาเกิดมา. เขาเลยอยากไปที่นั่นเพื่อหาเบาะแส.

 

“อ๋อเข้าใจละ” ชิยูพยักหน้าแล้วจ้องไปที่ลู่หยาน “งั้นนายก็ควรคิดถึงคนที่เคียงข้างนายด้วยนะ. นายไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันมากเท่าไหร่”

 

หลินฟ่านคิดว่าเธอหมายถึงครอบครัวเขา “อย่าห่วงน่า ชั้นคิดถึงอยู่แล้ว!”

 

……

 

พอถึงตอนบ่ายชิยูก็พาครอบครัวเธอกลับบ้าน. เรื่องร้านนั้น เสี่ยวฉี เล่าเอ๋อและเธอได้บอกหลินฟ่านไปหมดแล้ว. ตอนนี้หลินฟ่านก็จำเป็นต้องไปบอกครอบครัวเขา จะได้เตรียมสัญญากันไว้.

 

แต่พอพวกเขากลับมาถึงร้าน พวกเขาก็ต้องตะลึงที่เห็นว่ามันกลายเป็นแค่เถ้าธุลีไปแล้ว. ทุกๆคนชี้นิ้วไปที่ร้านแล้วพูดอะไรซักอย่างกันอยู่.

 

“เจาฉางชิง!” ไม่ต้องเดาเลยว่าใครทำ.

 

“มาเถอะ รีบไปที่บ้านแล้วตรวจดูกัน”

 

พวกเขารีบไปที่บ้าน, บ้านนั้นก็เหลือแต่เศษซากเหมือนกัน. แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ๆด้านนอกนั้นก็ถูกเผาจนดำไปหมด.

 

พอเห็นแบบนั้น ชิยูก็โมโหมากจนตัวสั่นเพราะความโกรธ. น้ำตาก็ไหลออกมาจากตาของเธอด้วย.

 

ทั้งบ้านและทั้งร้านที่เธออุตส่าห์สร้างมาเพื่อพวกเด็กกำพร้าและตัวเธอเองสูญสลายไปทั้งอย่างงี้! เธอเก็บเงินทีละเล็กทีละน้อยตั้งหลายเดือนเพื่อของพวกนี้.

 

เธอโกรธมาก แต่ก็ไม่มีพลังพอจะจัดการกับคนร้ายที่ทำเรื่องนี้.

 

โชคดีที่ครอบครัวเธออยู่ในบ้านของตระกูลหลิน ไม่งั้นแล้วล่ะก็พวกเขาก็คงกลายเป็นธุลีไปด้วยแน่.

 

“เจาฉางชิง!” ชิยูกัดฟัน. เธออยากจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆจริงๆ. เธอหันหลังไปเผื่อไม่ให้คนอื่นๆเห็นความโกรธและชิงชังของเธอ.

 

“ไม่นะ, ไม่ได้การแล้ว! พวกเราไปเร็ว กลับไปที่บ้านตระกูลหลิน!” ชิยูตะโกนออกมาทันที.

 

ตระกูลเจานั้นค่อนข้างมีอำนาจ. ถ้าเจาชางฉิงอยากจะฆ่าพวกเขาล่ะก็ เขาน่าจะส่งคนมาคอยดูลาดเลาหรือไม่ก็คงไปแจ้งเจาฉางชิงเรียบร้อยแล้ว ตอนที่พวกเขาออกจากบ้านตระกูลหลินมา.

 

เป็นอย่างที่คิดพวกเขายังไม่ทันได้หนีเลย ชายกลุ่มหนึ่งที่ท่าทางชั่วร้ายเดินเข้ามาทางพวกเธอ.

 

พวกเด็กกำพร้าหันหลังกลับและจะวิ่งไปทางอื่น แต่ที่ทางนั้นก็มีคนขวางไว้อยู่เช่นกัน.

 

เห้อ, เออ กู! ทำไมแกโหดร้ายจังวะ?

 

นี่พวกชั้นหนีโชคชะตาที่นายขีดไว้รอพวกเราไม่ได้หรอ? เราต้องตายกันวันนี้หรอ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด