ตอนที่แล้วบทที่ 49 ค้นหาโรงเลื่อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51 เริ่มลงมือทีละขั้นตอน

บทที่ 50 ผู้ใดที่เซรอนเกรงกลัว?


บทที่ 50 ผู้ใดที่เซรอนเกรงกลัว?

(**ผมขอเปลี่ยนAvlee 'เอลฟ์อาฟรี่' เป็น ‘เอลฟ์เอฟรี่’ นะครับ)

แม้ว่าอาณาเขตของเอลฟ์เอฟรี่จะมีต้นไม้อยู่ทุกหนทุกแห่งแต่หาพวกเขาจะนำต้นไม้ที่เพิ่งโค้นมาใช้งานแล้วนั้น พวกเขาก็จำเป็นต้องแปรรูปพวกมันเสียก่อน และนี่คือสาเหตุที่เซรอนสั่งให้รอยออกตาหาโรงเลื่อยไม้ในบริเวณนี้

รอยสุ่มเลือกทิศทางก่อนจะเดินนำออกไปทั้งยังบอกให้เสืออ้วนคอยระมัดระวังศัตรูระหว่างทาง จากนั้นรอยก็ถอดตัวออกมาเดินตามอย่างเงียบๆเพื่อครุ่นคิดถึงแผนการของเขา

รอยรู้สึกว่าสาเหตุที่หน่วยอัศวินเพกาซัสตัดสินใจเข้าโจมตีกองทัพปีศาจอย่างแลกชีวิตนั้นเป็นเพราะว่า อาจมีเมืองหรือป้อมปราการห่างออกไปไม่ไกลจากจุดนี้

และเมื่อเหล่าอัศวินเพกาซัสค้นพบว่ากองทัพปีศาจเดินทางมาพร้อมกับเครื่องมือโจมตีเมืองจำนวนมาก พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามสร้างความเสียหายให้มากที่สุดเพื่อถ่วงเวลาสำหรับเตรียมการป้องกันการรุกรานครั้งนี้

นี่เป็นตรรกะง่ายๆที่รอยไม่ต้องคิดมากรอยเชื่อว่าเซรอนน่าจะทราบถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน การที่เซรอนไม่เลือกเดินทัพต่อไปแต่เขากลับหยุดการเดินทัพเพื่อซ่อมแซมเครื่องมือโจมตีเมืองที่เสียหายนั่นหมายความว่าเซรอนคงมีความตั้งใจที่จะทำลายเมืองอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งที่รอยต้องการให้เกิดขึ้น รอยไม่ได้กังวลว่าพวกเอลฟ์จะล้มตายไปมากเพียงใดแต่เขาไม่ต้องการให้กองทัพของเอลฟ์มาให้ความสำคัญกับการปกป้องเมืองของพวกเขา

จากสถานการณ์ปัจจุบันกองทัพเอลฟ์ยังคงไม่ทราบถึงแผนการที่แท้จริงของกองทัพปีศาจ พวกเขาคงคิดว่าปีศาจเพียงแค่เข้ามารุกรานดินแดนของพวกเขาเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเซรอนและพรรคพวกมีเป้าหมายหลักก็คือการสังหารราชินีมังกรทองที่เป็นกำลังรบที่ทรงพลังที่สุดแทน

หากเหล่าเอลฟ์ยังคงคาดการ์ณผิดต่อไปแล้วละก็พวกเขาจะกระจายกำลังกองทหารออกไปตามเมืองต่างๆเพื่อป้องกันการรุกราน ซึ่งผลที่จะตามมาก็จะทำให้การปกป้องของราชินีมังกรทองอ่อนแอลงและเมื่อถึงเวลานั้นมีความเป็นไปได้มากว่าพวกเขาอาจถูกทำลายโดยกองทัพปีศาจ

ด้วยเหตุนี้แล้วรอยจึงรู้สึกว่าเขาต้องทำให้พวกเอลฟ์ตระหนักถึงเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามปัญหาคือตัวเขานั้นเป็นปีศาจ และถ้าเขากล้าปรากฏใกล้กับเมืองของเอลฟ์แล้วละก็เขาคงจะถูกยิงจะพรุนโดยไม่มีโอกาสได้พูดอะไรซักคำ

ในสายตาของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่างก็มองว่าปีศาจคือเครื่องหมายของการโกหกและความชั่วร้าย แม้ว่าบางครั้งปีศาจจะพูดความจริงแต่คำพูดของปีศาจก็จะถูกละเลยอย่างแน่นอน

ในโลกใบนี้นั้นตัวตนของทุกสิ่งมักถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกอยู่เสมอ..

รอยหันไปรอบๆขณะที่เขาคิดว่าตัวเขายังคงโชคร้าย ดูเหมือนว่าจะไม่มีโรงเลื่อยเลยซักแห่งในบริเวณนี้ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเดินทางกลับไปก่อนที่จะออกค้นหาในทิศทางอื่น

เนื่องจากเขาไม่มี GPS เขาจึงไม่กล้าเสี่ยงเดินไปมั่วๆมากเกินไปและทำได้แค่เดินกลับไปที่ค่ายก่อนจะออกสำรวจอีกครั้ง

ในที่สุดขณะที่รอยออกบินสำรวจบนท้องฟ้าอยู่ซักพักในที่สุดก็พบโรงเลื่อยเสียที

นี่คือโรงเลื่อยที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าและมันก็ซ่อนตัวอย่างมิดชิดมาก หากไม่สังเกตว่ามีบางส่วนหายไปบริเวณกลางป่าแล้วละก็รอยก็คงไม่สามารถหามันพบได้ และเนื่องจากมันถูกพรางตัวไว้อย่างดีโรงเลื่อยไม้แห่งนี้จึงไม่มีกองทหารประจำการอยู่เลย

เมื่อรอยและกลุ่มของเขามาถึงก็พบว่ามีคนตัดไม้ราวยี่สิบคนกำลังทำงานอยู่ ซึ่งพวกเอล์ฟตื่นตระหนกทั้งทีเมื่อพบเห็นกลุ่มของปีศาจเดินเข้ามาก่อนจะพากันวิ่งหลบหนีอย่างวุ่นวาย

อย่างไรก็ตามเฮลฮาวด์และปีศาจน้อยต่างทำหน้าที่ของพวกมันได้เป็นอย่างดี พวกมันระงับความกระหายเลือดในขณะที่ตามจับตัวกลุ่มช่างไม้มาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ขย่ำพวกเขาต่างไปเสียก่อน

ในตอนท้ายกลุ่มคนงานกลุ่มนี้ก็ถูกจับมารวมตัวกันตรงหน้ารอยด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา

“ไม่กลัวไปตราบใดที่พวกเจ้าให้ความร่วมมือกับข้าก็จะไม่มีใครตาย” รอยพูดขณะมองลงไปที่กลุ่มคนตัดไม้

“ตอนนี้ที่นี้จะอยู่ภายใต้การปกครองของปีศาจข้าต้องการให้พวกแกทำงานต่อไป!”

แม้ว่ารอยจะพูดกับพวกเขาด้วยรอยยิ้มแต่คนตัดไม้เหล่านี้กลับหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

ด้วยความกลัวตายกลุ่มคนตัดไม้ทั้งหมดจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของรอย และไม้ที่พวกเขาผลิตขึ้นมาก็ถูกถูกลากกลับไปที่ค่ายปีศาจโดยพวกเฮลฮาวด์สิบตัวและปีศาจตัวน้อยอีกยี่สิบตัว

ประสิทธิภาพการผลิตของคนงานเพียงไม่กี่คนมีไม่สูงนักเพราะทุกอย่างถูกทำด้วยมือโดยไม่ได้ใช้เครื่องจักร และก่อนที่จะผลิตไม้ได้อย่างเพียงพอรอยจำเป็นต้องรอยคอยอยู่ที่นี่

จากการสังเกตุของรอยพบว่ากลุ่มคนงานทั้งหมดเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา พวกเขาทั้งหมดเป็นเอลฟ์แต่ส่วนใหญ่สูงอายุแล้ว ซึ่งภายใต้การควบคุมของรอยได้ทำให้พวกเขากังวลมากจนมีคนงานบางคนเกือบหวาดกลัวจนเกือบหัวใจวาย

รอยไม่สนใจว่าพวกเขามีอาการอย่างไรเขาใช้นิ้วชี้ไปที่หัวหน้าคนงานก่อนจะเปิดปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคม

“เจ้าเข้ามาหาข้า..”

หัวหน้าคนงานตกใจจนเนื้อตัวสั่นไปหมดขณะที่ค่อยๆเดินเข้ามา “ทะ.. ท่านปีศาจท่านต้องการอะไรหรือขะขอรับ”

“เจ้าอ่านเขียนได้หรือไม่?” รอยถาม

“ภาษาของพวกเจ้ารู้วิธีอ่านเขียนหรือไม่”

“นะ แน่นอนขอรับ!” หัวหน้าคนงานพยักหน้าอย่างรุนแรง

"ดี! ไปหาแผ่นกระดาษหรืออะไรที่ใช้เขียนตัวอักษรได้ออกมาจากนั้นเขียนสิ่งที่ข้าพูดเป็นภาษาของพวกเจ้า แล้วมีคำถามอะไรเพิ่มเติมไหม?" รอยถาม

“ไม่ขอรับ” แน่นอนหัวหน้าคนงานไม่มีคำถามใด เขาจะไม่มีข้อสงสัยใดๆตราบใดที่รอยยังไม่อยากกินเขา

หลังจากที่เอลฟ์นำกระดาษมาพร้อมกับปากกาขนนกรอยก็เริ่มพูด

“เขียนสิ่งนี้.. เหล่าเอฟลีผู้หยิ่งผยอง…”

เมื่อได้ยินประโยคแรกหัวหน้าคนงานก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจขณะที่มองไปที่รอย นี่ปีศาจอย่างพวกเจ้าคิดว่าพวกเราเอฟรีเรียนหยิ่งผยองขนาดไหน? ชาวเอฟรีเรียนหยิ่งผยองเหมือนปีศาจรึเปล่า?

เมื่อพบกับการรอยจ้องมองอย่างเย็นชาของรอยหัวหน้าคนงานก็กลับมามีสติทั้งที่เหงื่อไหลพรั่ก เขารนลานขยับปากกาขนนกอย่างรวดเร็วเพื่อบันทึกคำพูดของรอย

“เหล่าเอฟรีเรียนผู้หยิ่งผยอง! เจ้ากล้าขวางทางกองทัพปีศาจที่ต้องการไปยังอาณาจักรเอราเทียได้อย่างไร? ตอนนี้ในนามของข้าปีศาจระดับสูงลอร์ดเซรอน ข้าขอประกาศในที่นี้ว่าข้าจะตัดสินให้เหล่าเอลฟ์เอฟรี่ทั้งหมดต้องตาย กองทัพปีศาจจะทำลายเมืองของพวกเจ้าและก่อนหน้านั้นพวกข้าจะสังหารราชินีแห่งมังกรทองที่น่ารังเกียจที่กล้าเข้ามาขัดขวางลงเสียก่อน ตราบใดที่พวกเจ้ายังคงยืนยันที่จะขวางทางกีบเหล็กของกองทัพปีศาจอินเฟอโน่การสังหารจะไม่หยุดลง! โลกทั้งใบจะต้องลุกเป็นไฟใต้กีบเท้าของข้า!”

รอยคิดสักครู่ก่อนจะเสริมในตอนท้าย

“ข้าคือปีศาจ!”

หัวหน้าคนงานสะดุ้งเมื่อเขาได้เสียงตะโกนสุดท้ายของรอย แต่เขาก็กัดฟันบันทึกคำพูดทั้งหมดของรอยเป็นภาษาเอลฟ์และในที่สุดเขาก็ยื่นมันให้กับรอยด้วยมือทั้งสองข้าง

รอยหยิบมันขึ้นมาและเห็นอักขระที่เขียนอย่างสวยงามเรียงตัวกันอยู่บนนั้น แม้เขาจะไม่รู้ว่าในนี้เขียนว่าอะไรแต่เขารู้ดีว่าหัวหน้าคนงานคงไม่กล้าเขียนอะไรพล่อยๆ

นี่เป็นจดหมายท้าทายที่รอยต้องการจะมอบให้กับเหล่าเอลฟ์ รอยแอบอ้างชื่อของเซรอนเพราะเขารู้ดีว่าพวกเอลฟ์จะไม่เชื่อถ้าหากรอยใช้ชื่อของตนแทน พวกเอลฟ์อาจคิดว่ามันเป็นแผนการหนึ่งของปีศาจที่ต้องการให้พวกเขามุ่งเน้นไปกับการป้องกันเมืองแทน

ดังนั้นรอยตั้งใจเขียนจดหมายท้าทายที่แสดงความหยิ่งยะโสของปีศาจ มีแค่เพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เหล่าเอลฟ์ให้ความสำคัญกับมันเมื่อกองทัพของพวกเขาได้รับข้อความนี้

ทว่าปัญหาเดียวที่ก็คือเขาจะส่งจดหมายท้าทายฉบับนี้อย่างไรดี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด