ตอนที่แล้วบทที่ 197 ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 199 วิหารล่องหน [2]

บทที่ 198 วิหารล่องหน [1]


แจ้งเปลี่ยนชื่อจาก ‘แพนธีออนที่มองไม่เห็น’ เป็น ‘วิหารล่องหน’

---------------------------

ซีเว่ยเป็นนีท แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับก็ตาม หลักฐานก็คือเขาออกจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพียง 3 ครั้งในนิยายที่มีความยาวเกือบ 200 ตอน

ความจริงเขายังคงอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง แม้เขาจะสังหารเทพเจ้าไปองค์หนึ่ง โดยใช้เวลารอให้เป้าหมายมาหาและรอเชือด

หลังจากตัดสินจากพฤติกรรมของเขา ซีเว่ยก็ยอมจำนนและยอมรับว่าเขาเป็นนีท แม้เขาจะย้ายมาอยู่ต่างโลกและกลายเป็นเทพเจ้าไปแล้วก็ตาม

“มันมีเหตุผลที่ข้าปิดตัวอยู่ในบ้าน นี่คือวิธีที่ข้าใช้เชื่อมต่อกับผู้ศรัทธาของข้า ข้าใช้จิตวิญญาณทุกวินาทีเพื่อรับฟังคำอธิษฐานของพวกเขา และช่วยเหลือพวกเขาเมื่อพวกเขาต้องการ จากนั้นก็ปูเส้นทางไปสู่อนาคตเพื่อพวกเขา!”

“ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นี้ ผู้ศรัทธาของข้าจะไม่มีวันหยุด ศาสนจักรแห่งเกมจะไม่หยุดนิ่ง และเส้นทางสู่การเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ก็จะขยายออกไปเรื่อย ๆ!”

“ดังนั้นท่านต้องเข้าใจข้า ข้าอยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของข้าเพื่อผู้ศรัทธาที่น่ารักของข้า!” ซีเว่ยประกาศอย่างไม่เห็นแก่ตัว “ไม่ใช่เพราะ 'ข้าเป็นนีท' แต่เพราะ ‘ข้าต้องเป็นนีท’! นั่นคือความทุกข์ของการเป็นเทพเจ้าแห่งเกม อัสลาน!”

ขณะเดียวกันสิงโตกำลังเช็ดน้ำลายบนหน้าเขา “ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าปฏิเสธเข้าร่วมการชุมนุมพบปะระหว่างสมาชิกของวิหารล่องหนเรา”

อัสลานมาตามซีเว่ยไม่นานหลังจากที่เขาเปิดคลาสพาลาดิน และขอให้เขาเข้าร่วมการประชุมของวิหารล่องหน

แต่ซีเว่ยที่ไม่เคยพบเทพเจ้าองค์อื่น ๆ (การติดต่อกับลูน่าก็เหมือนกับการโทร) นอกจากอัสลาน และเป็นผู้เล่นโซโล่ที่ซับซ้อน เขาแสดงปฏิกิริยารังเกียจอย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ลังเลเลยที่จะปฏิเสธ

ถึงกระนั้นสิงโตก็ยังไม่ยอมแพ้

“ชิ”

ซีเว่ยเริ่มกลิ้งไปมาในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา เพื่อประท้วงและต่อต้านการประชุมอย่างเงียบ ๆ

อย่างที่บอก เขาไม่ได้กลัวสังคม เขาแค่คิดว่ามันยุ่งยากเกินไป

เมื่อเทียบกับการพบปะและสนทนากับเทพเจ้าองค์อื่น เขาค่อนข้างชอบอยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง และสร้างความบันเทิงด้วยการดูเรื่องตลกโง่ ๆ ของผู้เล่นมากกว่า

ชีวิตของเทพเจ้าแห่งเกมช่างน่าเบื่อและน่าเบื่ออย่างแท้จริง

“แม้ข้าจะไม่สนใจมารยาทระหว่างเทพมากนัก แต่เจ้าจะหยาบคายเกินไปไหม?” อัสลานไม่ค่อยพอใจนัก

“เมื่อตอนที่ท่านชวนข้าเข้าร่วมวิหารล่องหน ท่านบอกข้าว่ากลุ่มของเราอยู่กันอย่างสบาย ๆ และไม่มีกิจกรรมบังคับ!” ซีเว่ยเถียงอย่างไม่ลังเล

“ก็อย่างที่ข้าพูด นี่ไม่ใช่การบังคับ แต่เจ้าก็ควรไปพบพันธมิตรของเจ้าสักครั้งในฐานะสมาชิกใหม่ใช่ไหม?” อัสลานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “หลังจากมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เจ้าควรรู้ว่า หลายครั้ง

เทพเจ้าองค์เดียวไม่สามารถแก้ปัญหาในศาสนจักรของตนได้ แต่ถ้าเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ สิ่งต่าง ๆ ก็จะง่ายขึ้นมาก นั่นคือเหตุผลที่พันธมิตรนี้ก่อตั้งขึ้น”

เรื่องนี้ทำซีเว่ยพูดไม่ออก

เป็นเรื่องจริงที่เขาต้องการความช่วยเหลือจาก ‘สตอฟฟ์’ เทพเจ้าแห่งงานฝีมือและไวน์ชั้นดีระหว่างกิจกรรมเกาะมนุษย์เงือก และเขาก็ได้ขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากลูน่า ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งจันทร์สีเงินในตอนนี้

และเหตุผลที่เขาสามารถขอความช่วยเหลือได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะพวกเขาเป็นพันธมิตรของวิหารล่องหนเหมือนกัน

“ดี…เนื่องจากท่านว่าอย่างนั้น”

ซีเว่ยกล่าวอย่างไม่มีความสุข “ข้าก็จะเข้าร่วม”

ราชาสิงโตพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

***

งานพบปะระหว่างเทพเจ้า ปกติแล้วจะไม่ถูกจัดขึ้นในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของสมาชิกตนใดตนหนึ่งของวิหารล่องหน

เมื่อไปถึงพิกัดที่ไม่มีเจ้าของที่สิงโตพามา ซีเว่ยก็รู้ว่าที่นี่เป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งร้าง!

“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล มีเทพเจ้าจำนวนมากที่ล่มสลายไป ดังนั้นจึงมีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทอดทิ้งเช่นนี้อยู่เต็มไปหมด” อัสลานอธิบายเมื่อเห็นความตกใจของซีเว่ย “แม้ว่าเทพที่เป็นเจ้าของจะตายไปแล้ว แต่พลังและอิทธิพลของพวกเขาที่มีต่อโลกยังไม่หายไปในทันที และนั่นก็เป็นเหมือนกันสำหรับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ การดำรงอยู่ของมันขึ้นอยู่กับศรัทธาและการปรากฏตัวของเทพที่เป็นเจ้าของ

มันต้องใช้เวลาประมาณร้อยกว่าปี ก่อนที่อาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่นี้จะหายไปอย่างสมบูรณ์”

จากคำพูดนั้น ซีเว่ยก็จำอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้ากระดูกเน่าซึ่งเขาใช้เป็นดันเจี้ยนได้

เป็นความจริงที่ว่ามันไม่ได้สลายหายไป แม้ว่าเทพเจ้ากระดูกเน่าจะตายไปแล้ว

เดิมทีซีเว่ยคิดว่าเป็นเพราะเขาสามารถควบคุมอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองได้ในเวลาเดียวกัน แต่เมื่ออัสลานพูดอย่างนั้น เขาก็พบว่าไม่ใช่เพราะเขาเก่ง แต่เป็นเพราะเทพเจ้าทั้งหมดนั้นยอดเยี่ยมมาก...

พวกเขาไม่ใช่คนแรกที่มาถึง มีเทพอีกองค์หนึ่งได้มาถึงก่อนแล้ว

เป็นเทพเจ้าที่มีลักษณะคล้ายคนแคระที่มีเคราอันเป็นเอกลักษณ์ รูปร่างเตี้ย แข็งแรง และกล้ามแน่น เขามีสายตาที่แหลมคมซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายและซื่อสัตย์ของเขา

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่ซีเว่ยก็เดาได้ว่าเขาคือสตอฟฟ์ เทพเจ้าแห่งงานฝีมือและไวน์ชั้นดีที่เคยช่วยเหลือเขามาก่อน!

ในขณะที่ซีเว่ยกำลังจะขอบคุณสตอฟฟ์ เทพคนแคระก็ดูงงงวยเมื่อเห็นซีเว่ย และพูดขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้ขอบคุณว่า

“อัสลาน…เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้ากำลังนำพันธมิตรใหม่มาหรือ? ทำไมเจ้าถึงเอาลูกบอล...หรือไข่มา”

“ปู่แกสิเป็นลูกบอล!” ซีเว่ยด่าอย่างไม่ลังเล

“ไข่ด่าได้ด้วย!” สตอฟฟ์ผงะ

“ปู่แกสิเป็นไข่!” ซีเว่ยสบถอีกครั้ง

"พอ สตอฟฟ์ นี่คือซีเว่ยเทพเจ้าแห่งเกม และสมาชิกใหม่ล่าสุดของวิหารล่องหน” อัสลานขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว เขากลัวว่าเทพทั้งสองจะยั่วโมโหกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

สตอฟฟ์เงียบไปพักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็สามารถยิ้มกว้างจนหน้าย่นได้ “เอาเถอะ ยินดีต้อนรับ!”

ซีเว่ยคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะยืดหนวดออกไป

ใบหน้าของสตอฟฟ์ดูแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเขาก็หันไปหาอัสลานซึ่งกำลังส่งสัญญาณว่า 'เจ้ามองอะไร รีบจับมือสิ'

ดวงตาของสตอฟฟ์ยังคงกระตุก เมื่อเขาเขย่าหนวดที่ลื่นและเย็นของซีเว่ย เทพเจ้าองค์อื่นก็มาถึงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้

------------------------------------------------------------------

เพจ FC-Translate

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด