ตอนที่แล้วChapter 8: เจ้าชายเป็นคนหัวหมอ -3  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 10: เจ้าชายเป็นนักล่าแม่มด -1 (ส่วนที่ 2)

Chapter 9: เจ้าชายเป็นนักล่าแม่มด -1 (ส่วนที่ 1)


“โดนซอมบี้ลักพาตัวหรอ?”

ด้วยสีหน้าสับสน ฉันมองผ่านหน้าต่างวัด ตอนนี้มันน่าจะเป็นช่วงกลางวันแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณพายุฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ข้างนอกจึงค่อนข้างมืด

เนื่องจากข้างนอกมีแสงสลัวมาก ระยะการมองเห็นจึงไม่ค่อยดีตามไปด้วย มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าซอมบี้ใช้ประโยชน์จากสภาพอากาศ แต่ไม่ใช่การฆ่า มันกลับเป็นการลักพาตัวแทน

เอาหล่ะตามปกติแล้ว ซอมบี้คงไม่พยายามจะบ่มเพิ่มอายุคนก่อนที่จะกินเหมือนกับการบ่มไวน์คุณภาพดี ดังนั้นพวกมันต้องมีเป้าหมายอื่นแน่ๆ

อย่างไรก็ตาม แค่ชาวบ้านคนเดียวหรอ?

“เจ้าบอกว่าแค่คนเดียวใช่ไหม?”

กริลพยักหน้า เขาพูดต่อด้วยความลุกลี้ลุกลนอย่างเต็มที่ “ครับ แค่คนเดียว! เป็นหญิงสาวที่ย้ายมายังหมู่บ้านใกล้ๆเมื่อประมาณสามเดือนก่อน คือว่าเธอ.... เป็นคนที่ท่านก็รู้จักครับ.... ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ท่านพยายามจะตามจีบด้วย....”

“ฉันเคยพยายามจะทำอะไรนะ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องนี้

กริลชำเลืองมองรอบๆก่อนที่จะกระซิบข้างหูฉัน “ก็นะครับ....ถึงเธอจะมีหน้าตางดงาม ข้าไม่มั่นใจว่าท่านจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้รึเปล่า แต่หลังจากที่ถูกเธอปฏิเสธ ความอับอายก็นำพาท่านไปสู่....การแขวนคอตัวเอง....”

“...”

ฉันอดหลับตาปี๋ไม่ได้

อ้ากกก.... นี่มันโคตรจะน่าอายเลย

ที่เจ้าโง่นี่ฆ่าตัวตายไม่ใช่เพราะรู้สึกสิ้นหวังกับชะตากรรมที่พังทลายของตัวเอง แต่เป็นเพราะถูกผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ปฏิเสธเนี่ยนะ?

ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ถึงทิ้งเจ้าหลานโง่นี่

เนื่องจากเขาน่าจะให้ความสำคัญกับเกียรติยศของตระกูลมากกว่าชีวิตของเขา ดังนั้นเขาคงอยากลืมเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับหลานตัวบัดซบนี่อย่างแน่นอน

ฉันคร่ำครวญอย่างสิ้นหวังในขณะที่นวดขมับของตัวเอง “โอเค แล้วเธอถูกลากตัวไปได้ยังไง?”

“ขอโทษนะครับ? ค คือว่า...”

กริลดูไม่มั่นใจและกระวนกระวาย

อันที่จริง คนที่รู้สึกกระวนกระวายมากกว่าเขาก็คือฉัน

ตอนนี้มีชาวบ้านคอยยืนเฝ้ายามอยู่ข้างนอกวัด ดังนั้น การอยู่ข้างในวัดจะปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวออกไปข้างนอกในตอนนี้ความคิดในหัวก็คงจะผิดปกติอย่างแน่นอน

“ท่านก็คงรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นคนจิตใจดีครับ นิสัยของเธอไม่ยอมปล่อยให้เธอมองข้ามคนเจ็บไปได้ และนี่ก็คือสาเหตุที่เธอบอกว่าจะออกไปเก็บสมุนไพรมาทำยารักษาแล้วจากนั้นก็....”

การพัฒนาที่น่ารำคาญนี้มันอะไรกันเนี่ย?

แผลโดนกัดจะไม่ทำอันตรายอะไรกับคนที่จิบน้ำศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแล้ว แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้ก็ยังจะออกไปหาสมุนไพรมาทำยาอีกเนี่ยนะ?

กริลพูดต่อ “นี่คือสาเหตุที่ชาวบ้านอยากจะจัดตั้งทีมค้นหาขึ้นมาครับ”

“พวกเจ้ากลัวซอมบี้ไม่ใช่รึไง?”

“เธอเป็นนักเก็บสมุนไพรของหมู่บ้านและคนมากมายก็ได้รับความช่วยเหลือเนื่องจากความขยันของเธอครับ พวกเราหลายคนเป็นหนี้เธอกันทั้งนั้น แล้วก็....เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในหมู่บ้านด้วย แถมยังโสดอยู่นะครับเจ้าชาย”

แบบนี้ก็หมายความว่า... ผู้ชายที่หลงไหลเธอทุกคนอยากจะช่วยเธอสินะ?

อันที่จริง เรื่องนี้มีบางอย่างกวนใจฉันด้วย ถ้าซอมบี้ลักพาตัวจริงๆ ฉันก็น่าจะสืบหาได้ว่าพวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่ ฉันจำเป็นต้องสืบหาดูว่านี่เป็นแค่การลักพาตัวธรรมดาหรือว่าผู้หญิงคนนี้กับซอมบี้จะมีความเกี่ยวข้องกันในรูปแบบที่น่าสงสัย

“เข้าใจหล่ะ แต่พวกเจ้าสามารถตามรอยเธอได้ด้วยหรอ?”

“พวกเรามีนักล่าที่มีประสบการณ์ชื่อว่าฮานส์อยู่กับพวกเราครับ ถ้าเป็นเขา ก็น่าจะพอมีความเป็นไปได้อยู่ แล้วท่านจะเอายังไงครับ เจ้าชาย?”

“จัดตั้งทีมค้นหาซะ ฉันจะไปด้วย”

“ท่านจะไปกับทีมค้นหาหรอครับ?”

กริลแสดงสีหน้าประหลาดใจ ก็แน่หล่ะนะ เขาน่าจะตกตะลึงจากความจริงที่ว่า ‘เจ้าชาย’ อยากจะไปช่วยผู้หญิงที่เคยปฏิเสธเขามาก่อน และมันยิ่งน่าประหลาดใจโดยเฉพาะในตอนที่เขารู้ว่านิสัยของเด็กชายเป็นเช่นไร

“ไม่ว่าเธอจะเคยปฏิเสธข้ารึเปล่าก็ช่างมันเถอะ ถึงยังไงข้าก็จำไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ ชีวิตคนสำคัญกว่า เจ้าไม่เห็นด้วยหรอ?” สำหรับตอนนี้ฉันพูดอะไรที่มันฟังดูค่อนข้างมีคุณธรรมออกมา

แต่ถ้าเอาตามตรง ฉันกำลังคิดว่ามันต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ๆที่ซอมบี้ไม่กินผู้หญิงคนนั้นในทันที แต่ลากเธอไปที่อื่นแทน

แค่บางทีนะ แต่ฉันคิดว่าการค้นหาผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวคนนี้น่าจะชักนำพวกเราไปสู่การไขวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ บางอย่างมันชวนให้ฉันรู้สึกตะงิดใจ ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำไมฉันต้องออกไปสืบสวนมัน

**

ทีมค้นหาถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ทางนี้! ที่นี่แน่....!”

ในขณะที่สวมรองเท้าและเสื้อคลุมหนังเพื่อให้ความอบอุ่น ฉันก็ได้เดินเท้าผ่านป่าที่เปียกชุ่มจากน้ำฝน ตำแหน่งที่สมาชิกทีมค้นหาสิบคนมาถึงในขณะที่ถือคบเพลิงอยู่นั้น ก็คือถ้ำที่ตั้งอยู่ห่างจากวัดค่อนข้างไกล

นักล่าที่ชื่อฮานส์พยักหน้าในขณะที่เขามองเนื้อและเลือดสดๆที่เป็นคราบเหลืออยู่บนหญ้า เช่นเดียวกับพื้นโคลนที่มีรอยเท้าอยู่ “ต้องเป็นที่นี่แน่”

“ว้าว นายหาตำแหน่งเจอเร็วชะมัดเลยไม่ใช่หรอ?” ฉันพูดแดกดัน

อันที่จริง ฉันคิดว่ามันไม่น่าใช่ ‘หาตำแหน่งเจอเร็ว’ แต่น่าจะเป็น ‘ถูกล่อ’ มายังที่แห่งนี้ หรืออะไรประมาณนั้นมากกว่า ซอมบี้พวกนี้ฉลาดเป็นกรด ดังนั้นพวกมันต้องตั้งใจทิ้งร่องรอยพวกนี้ให้พวกเราตามแน่

ว่าแต่พวกมันมีเป้าหมายอะไรกันแน่นะ? คิดจะใช้แผนเบี่ยงเบนเพื่อแยกพวกชาวบ้านหรอ? หรือถ้าไม่ ก็อาจจะล่อไปทีละกลุ่มเล็กๆแล้วล่าที่ละกลุ่มใช่ไหม?

ฉันมองเข้าไปข้างในถ้า ในหัวของฉันยังคงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

มันค่อนข้างเป็นพื้นที่ไม่น่าไว้ใจที่แสงภายนอกไม่สามารถเข้าไปถึงได้ แต่ไม่ว่ามันจะลึกแค่ไหน มันก็ล้มเหลวในการปกปิดกลิ่นเหม็นของศพเน่าที่กำลังติดจมูกของฉัน นอกจากนี้แม้ว่ามันจะเบาบาง แต่ฉันสัมผัสถึงพลังมารได้ด้วย

ไม่ต้องสงสัยเลย พวกเราเจอรังซอมบี้เข้าแล้วหล่ะ

“มันคือที่นี่แน่ๆ”

และต้นตอของโรคระบาดก็ต้องเป็นที่นี่เหมือนกัน

ช่างเรื่องหนูซอมบี้ไปได้เลย มีโอกาสสูงมากที่จะเจอซอมบี้มนุษย์กับซอมบี้สัตว์อยู่ข้างใน การที่พวกเราเดินเข้าไปในถ้ำนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการไปเสนอตัวเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ให้ซอมบี้ได้เพลิดเพลิน

ไม่มีความจำเป็นต้องไปเปิดกับดักถ้ารู้ว่ามันกำลังรออยู่

“ให้ฉันกลับไปเอาน้ำมันสำหรับทำพิธีเผาศพมาจากวัดก่อนดีกว่าไหม? ถ้ามีมัน ฉันน่าจะสามารถกำจัดซอมบี้ได้ในครั้งเดียว”

ถ้ำนี้มีลักษณะเป็นทางลาดลงด้วย ถ้าเกิดจุดไฟแล้วปล่อยให้มันไหม้ซักครึ่งวัน บางทีอาจจะจัดการไม่ได้ทั้งหมดแต่พวกเราน่าจะฆ่าซอมบี้ที่อยู่ข้างในไปได้ซักครึ่งนึง

อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของฉันได้ก่อให้เกิดคำถามอันน่ากังวลจากชาวบ้าน

“เจ้าชาย ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับโมเรียนหล่ะครับ?”

“โมเรียนหรอ?”

ในตอนที่ฉันพูดชื่อที่ไม่คุ้นเคยออกมา กริลที่อยู่ข้างๆก็กระซิบตอบ “ชื่อของผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวไปไงครับ”

ถึงขนาดนี้แล้วยังคิดว่าเธอจะรอดอยู่หรอ?

เห็นได้ชัดว่าผู้ชายกลุ่มนี้เริ่มรู้สึกกังวลในขณะที่พวกเขาเดินอย่างกล้าๆกลัวๆ

ผู้หญิงคนนี้คือผู้มีพระคุณของพวกเขา และยังเป็นคนที่พวกเขาหลงไหลด้วย ดังนั้นมันก็นะ พวกเขาควรจะรู้สึกกังวลอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถเอาทุกคนมาเสี่ยงแค่เพื่อช่วยเหลือคนๆเดียวได้

ฉันยกคบเพลิงขึ้นแล้วชี้ไปทางข้างในถ้ำ “ดูให้ดีสิ แค่มองปาดเดียวพวกนายก็น่าจะเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าที่แห่งนี้ไม่น่าไว้ใจเลย ซึ่งมันก็หมายความว่าที่นี่อันตรายจริงๆ มันคือที่ที่อันเด็ดจะได้รับบัฟเพิ่มนะ รู้รึเปล่า?”

“....บัฟหรอครับ?”

พวกผู้ชายเอียงคอด้วยความฉงน พวกเขากำลังรู้สึกสงสัยในคำพูดแปลกๆนี้

ฉันตอบกลับ “...มันคือที่ที่อันเดทจะแข็งแกร่งขึ้นยังไงหล่ะ”

ยิ่งไปกว่านั้น ในนั้นมันมืดมากจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลย ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ พวกซอมบี้ที่เดินเตร่อยู่ข้างในก็จะยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก

อย่างน้อยที่สุด ฉันก็ไม่มีเหตุผลให้เสี่ยงกับความไม่แน่นอนมากขนาดนี้

กริลศึกษาปฏิกิริยาของเพื่อนชาวบ้านก่อนที่จะกลับมากระซิบกับฉัน “แล้วท่านจะเอายังไงต่อครับ เจ้าชาย?”

ถ้ำแห่งนี้น่าสงสัยเกินไป

“อืมม ฉันหวังว่าจะไม่มีซอมบี้หมีหรือตัวเบ้งๆแบบนั้นอยู่ข้างใน”

ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน ซอมบี้หมีหรอ? ตัวฉันในตอนนี้คงไม่สามารถจัดการกับเจ้าตัวแบบนั้นได้หรอก ฉันไม่ใช่นักรบด้วยซ้ำ ดังนั้นฉันจะไปจัดการกับมอนส์เตอร์แบบนั้นได้ยังไงหล่ะถ้ามันโผล่มาจริงๆ?

ตอนนี้พวกชาวบ้านกำลังมองมาที่ฉัน ฉันคิดว่าพวกเขาคงอยากให้ฉันทำการตัดสินใจสุดท้าย แม้แต่พวกเขาก็ยังมองว่ามันอันตรายเกินกว่าที่จะรีบเดินดุ่มๆเข้าไปในถ้ำ

“ตอนนี้ พวกเราถอยกลับกันก่อนน่าจะดีที่สุดนะ”

ในเมื่อพวกเราไม่รู้ว่าต้นตอของโรคระบาดอยู่ที่ไหน พวกเราก็ควรจะไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อน พวกเราจะไม่เสียสละชีวิตคนสิบคนเพื่อช่วยชาวบ้านคนเดียว

“ตอนนี้พวกเรากลับไปที่วัดกันก่อนเถอะ ฝืนตรงเข้าไปเลยก็มีแต่จะไปตายโดยไม่จำเป็นเท่านั้น.....”

มันคือตอนนั้นเองที่จู่ๆกลิ่นเหม็นรุนแรงก็ลอยมาเตะจมูกของฉัน ในขณะที่กำลังอึ้งกับมันอยู่ ฉันก็หันไปมองข้างหลังตามสัญชาตญาณ แล้วนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกเย็นวาบไปจนถึงสันหลัง

แค่ฉันย้ายสายตาไปมองทางป่า เงามืดก็เข้ามาตะครุบแล้วกัดเข้าที่ไหล่ของฉัน

กร๊วม!

เขี้ยวอันคมกริบฝังเข้ามาข้างในแล้วฉีกเนื้อของฉัน ผิวหนังที่อ่อนนุ่มถูกกระซวกออกแล้วกล้ามเนื้อของฉันก็ถูกแซะออกมา กระดูกไหล่ของฉันเองก็ถูกขยี้ตามไปด้วย

“อ้ากกก!!”

ฉันส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น

จากนั้น ทัศนวิสัยของฉันก็กลับตาลปัตร มีบางอย่างกำลังบังคับลากฉันเข้าไปในถ้ำในขณะที่กัดไหล่ของฉัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด