ตอนที่แล้วChapter 12: เจ้าชายเป็นนักล่าแม่มด -2 (ส่วนที่ 2)  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 14: เจ้าชายเป็นนักล่าแม่มด – 3 (ส่วนที่ 2)  

Chapter 13: เจ้าชายเป็นนักล่าแม่มด -3 (ส่วนที่หนึ่ง)


ชาวบ้านทั้งหมดต่างกลั้นหายใจกันทั้งหมด เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘เนโครแมนเซอร์’ ออกมาจากปากของฉัน หลังจากที่สบตากันเอง พวกเขาต่างจับอุปกรณ์ทำฟาร์มในมือแน่นกว่าเดิม

ดวงตาของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความดุร้าย

เอาเถอะ พวกเขาพึ่งจะตระหนักได้ถึงไอ้สารเลวที่ทำลายชีวิตของพวกเขา และบ้านของพวกเขาที่อาศัย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความโกรธของพวกเขาคงจะร้อนระอุมากแค่ไหน

“พวกเราทำยังไงกับชาร์ลอตต์ดี?”

กริลมองไปที่เด็กสาว ยังไงก็ตามเธอก็ส่ายหัว

ปากของเธอที่ปิดสนิทก็เผยอขึ้นเล็กน้อย “ฉัน....จะไปกับคุณ”

“มันอันตรายมากนะ ทางที่ดีเธอควรที่จะ..”

“ฉันจะไปกับคุณ”

“ชาร์ลอตต์ เธอกำลังทำให้พวกเราตกที่นั่งลำบากนะ อย่าดื้อเลย เธอควรที่จะ…”

เธอจ้องไปที่กริลด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย ดวงตาสีแดงเลือดของเธอไม่ไหวติง

“ฉันจะไปกับคุณ”

บรรยากาศรอบข้างดูตึงเครียดมากกว่าเดิม

นี่คือบรรยากาศที่เด็กสาวสามารถดปลดปล่อยออกมาได้ แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นมันก็ยังคงเป็นบรรยากาศที่กดดันต่อคนอื่นอยู่ดี คนที่รู้สึกกดดันมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกริล เขาทำได้เพียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากแค่นั้น

ในระยะเวลาอันสั้น ชาวบ้านทั้งหมด รวมทั้งกริลด้วยต่างหันหน้าหนี เพื่อหลบสายตาของเธอ

“เข้าใจแล้ว…”

เมื่อพบเจอกับงูร้ายที่จ้องกระหายเลือดแบบนี้ พวกลูกหมาน้อย-ชาวบ้านพวกนี้ก็ทำได้เพียงตัวแข็งทื่อ

เธอหันมาถามฉันอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร เหมือนกับว่าเธอได้ลืมคำอนุญาตจากพวกผู้ใหญ่ไปแล้ว “ฉันจะไปช่วยคุณเอง มันโอเคไหมคะ?”

ฉันไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉันเอาแต่ศึกษาเธอ แม้ว่าสายตาของเราจะสบกัน เธอก็ไม่ได้หลบตาฉันไปไหน เอาเถอะ เธอใช้ทำครัวสู้กับซอมบี้มาก่อนด้วยซ้ำ ดังนั้นเรื่องแค่นี้มันยังเข้าใจได้

ถ้าพวกเราวิ่งไปพบกับซอมบี้ทีหลัง ถ้าอย่างงั้นเด็กสาวคนนี้น่าจะน่าเชื่อถือได้กว่าเจ้าพวกชาวบ้านสุขภาพดีเหล่านี้ นอกจากนี้แล้ว เธอยังเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยฉันได้ เมื่อความสูงของพวกเรามันใกล้เคียงกัน

กริลสามารถที่จะแบกฉันได้ แต่ถ้าเขาพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว ฉันก็อาจจะถูกฆ่าตายได้เลย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เขาจะไม่ทำอย่างแน่นอน

ฉันกำลังเลือกตัวเลือกของฉันอย่างระมัดระวัง แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็ใช้ความเงียบของฉันเป็นคำตอบ เธอพูดขึ้น “เอาละ ถ้างั้นไปกันเถอะ”

เธอพยุงฉันและเดินต่อไป แน่นอนว่าชาวบ้านต่างเดินตามฉันมาด้วยเช่นกัน

แล้วมันก็เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้ พวกเราไม่ได้เดินไปเจอกับซอมบี้ตัวไหน ซอมบี้หมีน่าจะเป็นการป้องกันด่านสุดท้ายของเจ้าเนโครแมนเซอร์ที่น่ารังเกียจนั่น มันช่างน่าโล่งใจอย่างมาก – ถ้าสัตว์ประหลาดที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเจ้าหมีนั่นปรากฏตัวขึ้นมา พวกเราคงจะถูกฆ่าล้างบางอย่างแน่นอน

เพียงเวลาไม่นาน พวกเราก็ได้มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดในถ้ำ

“ดูสิ พวกเรามาถึงแล้ว”

พวกเราก็เห็นประตูไม้ที่อยู่ด้านในถ้ำ

ชาวบ้านกริลและนักล่าฮานส์ต่างยืนอยู่หน้าประตู พวกเขาสบตากันเองและเปิดประตูอย่างระมัดระวัง

ชาวบ้านทั้งหลายต่างตึงเครียด พวกเขาต่างกำอุปกรณ์ในมือไว้แน่น

ด้านในมันค่อนข้างที่จะมืด ดังนั้นชาวบ้านจึงยกคบเพลิงของพวกเขาขึ้นและส่องแสงให้ภายในมันสว่างขึ้น พวกเราต่างได้พบกลับกลิ่นอันไม่น่าพึงประสงค์ ซึ่งมันลอยมาจากศพที่เหม็นเน่า ซึ่งมันนอนกองอยู่ทั่วทุกแห่ง อีกทั้งยังมีม้วนกระดาษและตำราไสยเวทที่มีอักขระรูนวางกระจัดกระจายไปทั่วพื้น

“ฉันว่าพวกนักเวทย์ไม่ค่อยชอบจัดของกันสินะ” ฉันพูดออกมา

เอาเถอะ พวกเรากำลังพูดถึงเนโครแมนเซอร์กันอยู่ แม้ว่าจะเป็นพวกนักเวทย์แล้ว เนโครแมนเซอร์น่าจะเป็นพวกที่บ้าคลั่งมากที่สุดแล้ว เมื่อพวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องมืด ไม่ก็สถานที่มืดสักแห่ง

หลังจากนั้นกริลก็ร้องออกมา “โอ้พระเจ้า!”

ชาวบ้านรีบวิ่งไปที่มุมหนึ่งภายในห้อง ด้านบนกำแพงหินในถ้ำ พวกเราพบกับหญิงที่นอนเปลือยที่ถูกจับอยู่ ซึ่งแขนของเธอถูกล็อคไว้บนกำแพงและขาเธอห้อยต่องแต่งกลางอากาศ

ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เหมือนกับว่าเธอถูกทรมานมาก่อนหน้านี้

“ใคร...กัน?”

เธอเปิดตาออกมาอย่างยากลำบาก เธอถามออกมา มันเหมือนกับว่าสายตาของเธอยังไม่คุ้นชินกับแสงสว่างที่มาจากคบไฟ เธอไม่สามารถที่จะแยกแยะได้ว่าพวกเขาคือใคร

คำถามของเธอทำให้ได้รับการตอบกลับกันอย่างดังก้องจากกริลและชาวบ้านคนอื่น

“ฉันเอง กริลไง! โมเรียน! ฉันมาช่วยเธอแล้ว!”

“นายพูดอะไรของนายกัน?! นี่ฉันไงฮานส์! เพื่อที่จะช่วยเธอ ฉันยอมที่จะเสี่ยงชีวิตมาเลยนะ!”

ฉันตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าฉัน

ฉันรู้ดีว่าพวกเขาคงจะตื่นเต้นอยู่ แต่พวกเขาควรที่จะมีสติกันมากกว่านี้ไหม?

“เฮ้ พวกเจ้า ก่อนที่จะพูดอะไรแบบนั้นออกมา ทำไมพวกเจ้าไม่ปลดเชือกของเธอก่อนละ? มันเหมือนว่าเธอโดนทรมานมาหนักมากเลยนะ”

“อ๊า! นั่นสิ เจ้าชายก็มาช่วยเธอเหมือนกันนะ!”

ชาวบ้านต่างรีบปลดเชือกและช่วยเธอให้ออกมาจากตรงกำแพง

“เจ้า..เจ้าชายงั้นเหรอ?”

เธอมองมาที่ฉันด้วยท่าทางประหลาดใจ

เธอค่อนข้างที่จะสวยเลย ใบหน้าที่ซีดเซียวที่สะอาดหมดจด ผิวที่สวยงาม รวมทั้งผมและดวงตาสีดำที่ซึ่งหาได้ยากในทวีปแห่งนี้

เธอน่าดึงดูดจริงๆนั่นแหละ

ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างของเธอเลย หน้าอกที่ใหญ่โต เอวคอด และบั้นท้ายที่สวยงามของเธอ มันเหมือนกับรูปปั้น

ชายหนุ่มที่เลือดร้อนคนไหนก็ตามก็คงจะชอบมัน พวกเขาคงต้องการที่จะร่วมรักกับเธอสักครั้งในชีวิต

แต่ว่านะ...

ฉันเริ่มที่จะนวดหน้าผากอีกครั้งหนึ่ง “ไอ้หลานเวรนี่มัน..”

ฉันก่นด่าเจ้าของร่างเดิมของฉัน

เอาเถอะ สายตาของเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้มันเต็มไปด้วยตัณหากาม เขาตามืดบอดโดยการเจอกับสาวงามเช่นนี้ แต่เอาจริงดิ? หญิงคนนี้อายุสามสิบต้นๆแล้วนะ..... เมื่อคิดว่าเขาพยายามฆ่าตัวตาย เพราะเขาโดนปฏิเสธจากผู้หญิงที่อายุมากกว่าเขาถึงสองเท่าแบบนี้แล้ว นี่มันอะไรวะเนี่ย?

ฉันอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เมื่อฉันคิดถึงเรื่องนี้

แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างโผล่ขึ้นมาในความคิดของฉัน ดังนั้นฉันจึงหันกลับไปมองเธออีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะใช้ [เนตรจิต] กับเธอ

[ ชื่อ : มอร์กาน่า

อายุ : 63 ปี

ความสามารถพิเศษ : นารีพิฆาต , เนโครแมนเซอร์ , แยกศพ , สาป , ลอบสังหาร

+ อยู่ในสถานะตึงเครียดและตื่นเต้น

63ปี??? เนโครแมนเซอร์? สาป???? และลอบสังหารนี่นะ?????

“เจ้าชายมาช่วยฉัน…?” เธอแสดงท่าทีประหลาดใจขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หญิงสาวคนนี้แหวกตัวผ่านชาวบ้านและเดินมาหาฉัน “มันเป็นเรื่องจริงเหรอคะ? ท่านมาที่นี่เพื่อที่จะช่วยฉัน…?”

เธอเขินอายเล็กน้อย แสดงท่าทีเป็นเหมือนกับสาวงามที่พบรักแรก เธอสวมกอดฉันไว้

รอยยิ้มของเธอน่าดึงดูดมากจนหัวใจของชายหนุ่มคนไหนก็ตามที่เห็นเธอคงจะกลายเป็นบ้าอย่างแน่นอน

“อา อ๊า! ฝ่าบาทคะ ขอบคุณมากจริงๆ!

ฉันผลักเด็กสาวผมเงินออกไปและกำพลั่วในมือแน่น ฉันใช้แรงทุกส่วนที่ฉันมีทุบลงไปที่หัวของหญิงสาว

....

(มุมมองบุคคลที่ 3)

มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไมชาวบ้านถึงร้องตกใจและต่างตัวแข็งทื่อกัน แม้แต่เด็กสาวผมเงินยังเปิดตากว้าง

หญิงสาวคนนี้โซซัดโซเซจากการโดนทุบ ก่อนที่จะล้มลงกับพื้น

มือที่สั่นเครือของเธอจับไปที่หัวของเธอ บางทีเธอยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากเธอเอาแต่จ้องมาที่ ‘เจ้าชาย’ อย่างมึนงง

“อ๊า ฉันควรใช้ปลายพลั่วแทนมากกว่านะ”

เสียงบ่นพึมพำของเจ้าชายทำให้โมเรียนหน้าซีด เธอรีบยื่นมือขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านคนอื่นและร้องออกมา “ช่วยฉันด้วย!! เจ้าชาย...เจ้าชายเสียสติไปแล้ว!!”

เจ้าชายเดินไปหาเธอ “ฉันคิดแล้วละว่ามันแปลกๆ ถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้แล้ว ฉันควรที่จะตรวจชาวบ้านทุกคนให้ละเอียดมากกว่านี้” เจ้าชายบิดคอ บิดไหล่ และจับพลั่วในมือแน่น เขาจ้องไปที่หญิงสาวและยิ้มเยาะเย้ยออกมา “ฉันควรทำอะไรกับเธอดีนะ? กระทืบเธอให้จมดินและมัดเธอไว้อีกรอบดีไหม? หรือว่า ฉันจะฝังเธอไว้ใต้ฝ่าเท้าที่น่ารักๆของฉันสักหกเมตรดีละ? ดังนั้นเธอจะได้ไม่ต้องวางแผนทำร้ายฉันอีกดี?”

หญิงสาวคนนี้กรีดร้องออกมาเสียงดังก้อง

มันเป็นถึงจุดที่ชาวบ้านเริ่มฟื้นสติได้และก้าวขึ้นมาปกป้องเธอ พวกเขาต่างยืนเผชิญหน้ากับเจ้าชายและพูดขึ้น

“เจ้าชายครับ! ท่านทำอะไรกันครับ! ทำไม...ทำไมท่านถึงทำแบบนี้กัน!?”

“ท่านใช้พลั่วทุบหญิงสาวบอบบางแบบนี้ได้ยังไงกัน?!”

เพียงเวลาไม่นานที่ชาวบ้านยืนขึ้นปกป้องเธอ โมเรียนรีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพวกเขา และร่างกายของเธอสั่นไหวดั่งกับลูกแมวที่ตื่นตระหนก

ในเวลาเดียวกัน เจ้าชายมีสีหน้าที่ตกตะลึงและสายตาของเขากวาดสแกนชาวบ้านทุกคน “หลีกทางไปซะ ฉันจะจัดการให้มันจบเอง หรือไม่อย่างงั้น พวกโง่อย่างพวกเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ”

ชาวบ้านต่างส่ายหัวกันทั้งหมด สำหรับพวกเขาแล้ว เจ้าชายตอนนี้ได้เสียสติไปแล้ว

สายตาที่ดุร้าย คำพูดและน้ำเสียงที่หยาบคายของเขานั้นเหมือนกับพวกนักเลงข้างบ้าน ไม่ต้องพูดถึงเจ้าชายเลย เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะพวกตัวบัดซบ แต่ไม่นานนี้ พวกเขาคิดว่าเจ้าชายคงพัฒนาตัวดีขึ้นแล้ว แต่มันกลับกลายว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

ตัวบัดซบก็ยังคงเป็นตัวบัดซบอยู่วันยันค่ำ

แต่สิ่งที่เจ้าชายพูดออกมามันทำให้พวกเขาต่างตกใจ “พวกเจ้าคิดว่ามันเป็นหญิงสาวที่บอบบางงั้นเหรอ? ยัยเวรนี่อายุ 63ปีแล้ว เธอแก่พอที่จะเป็นแม่ของพวกเอ็งได้เลย”

สีหน้าของโมเรียนแข็งทื่อทันที ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด