ตอนที่แล้วEp.703 - กลับสู่เป่ยหัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.705 - คัดเลือกนายพล

Ep.704 - เทคนิคฝึกฝนเลเวล S


4/5

Ep.704 - เทคนิคฝึกฝนเลเวล S

ตัวเลขหนึ่งผุดออกจากปากซางฮัน และจำนวนนี้ เทียบเท่ากับจำนวนครึ่งหนึ่งที่ฉินเฟิงเก็บรวบรวมมาได้ ช่วงที่เขาอยู่กับตงหยางพร้อมเลเวล A คนอื่นๆ

กล่าวได้ว่ามันไม่เป็นจำนวนมากพอให้ฉินเฟิงต้องเก็บมาใส่ใจ ช่วงเวลานั้นเขาลดทอนความเร็วในการเก็บรวบรวมทรายลง ซึ่งเมื่อเทียบกับทรายธารเวลาที่ฉินเฟิงรวบรวมเอง หรือได้มาจากปีศาจขุนเขาและพรายทารกครวญในตอนท้าย ปริมาณที่ซางฮันขอมันเป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง!

แต่ฉินเฟิงยังแสดงท่าทีขมวดคิ้วเหมือนคิดหนัก และกล่าวว่า “งั้นทางผมจะได้รับหุ้นเท่าไหร่?”

ซางฮัน “5%!”

ฉินเฟิงหัวเราะฮ่าทันที จากนั้นกล่าวเสียงหม่น “ข้อตกลงนี้ผมเสียเปรียบไม่น้อยเลย คนเราเวลาทำธุรกิจ ไม่มีใครเขายอมรับข้อเสนอที่ขาดทุนหรอกนะครับ”

แต่ซางฮันชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย เร่งเปิดปากกล่าวว่า “รายได้จากภาษีประจำปีของเมืองเป่ยหัวอยู่ที่ 100 ล้านล้าน ส่วนของคุณ 5% ก็เท่ากับ 5 ล้านล้าน! นั่นคือจำนวนเงินที่เลเวล B ต้องใช้เวลานานหลายปีในการสะสม!”

ฉินเฟิงปรามอีกฝ่ายและกล่าว “คุณค่าของทรายธารเวลาไม่ธรรมดา หากผมเอาสิ่งนี้ออกชาย มูลค่าของมันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านล้านแน่นอน ขณะเดียวกันถ้าผมทำสัญญากับจ้าวพรมแดนซาง ผมจะต้องใช้เวลา 20 ปีถึงจะได้รับเงินก้อนนี้คืน ไหนคุณลองบอกผมอีกที ว่าแบบนี้ใครเป็นฝ่ายเสียเปรียบ?”

“ฉินเฟิง ฉันสามารถเปิดสิทธิ์อื่นๆเพิ่มเติมแก่คุณได้ ตัวอย่างเช่น บ้านสมบัติของเมืองเป่ยหัว ที่นั่นมีกระบวนท่าวรยุทธชั้นสูงเก็บรวบรวมเอาไว้มากมาย!”

ฉินเฟิงถาม “นั่นรวมไปถึงส่วนของเลเวล S ด้วยรึเปล่า?”

คราวนี้ กลายเป็นซางฮันอับจนถ้อยคำ

กระบวนท่าวรยุทธหรือเทคนิคอบิลิตี้เลเวล S ของภูมิภาคเหนือมีไม่มากนัก ไม่ต้องกล่าวถึงพวกมันทั้งหมดล้วนเป็นรากฐานของที่นี่!

หรือสามารถพูดได้อีกอย่างว่า … พวกมันคือสมบัติของตระกูลซาง มิใช่ของเมืองเป่ยหัว

“ตอนนี้คุณยังเป็นแค่เลเวล B กระบวนท่าวรยุทธเลเวล S สำหรับคุณ มันยังห่างไกลเกินไป”

ฉินเฟิงหัวเราะและกล่าว “มันอาจจะไกลเกินไปจริงๆ แต่จ้าวพรมแดนซางดูเหมือนจะยังไม่เชื่อมั่นใจตัวผม ผมสามารถรับประกันได้ว่าภายในหนึ่ง ผมจะขึ้นไปเหยียบเลเวล A ได้แน่นอน ดังนั้นข้อตกลงจะเป็นแบบนี้ ผมจะไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปมากกว่านี้อีก”

ซางฮันพอได้ยินคำของฉินเฟิง สีหน้าของเธอต้องแปรเปลี่ยนไป

เธอไม่รู้ว่าที่ฉินเฟิงกล่าวคือเรื่องโม้เหม็นขี้ฟัน หรือมีความมั่นใจจริงๆกันแน่ ทว่าท่ามกลางความรู้สึกที่กำลังกระหน่ำในใจซางฮัน จู่ๆเธอกลับเชื่อในตัวฉินเฟิงขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ซางฮันกัดฟันกล่าว “ก็ได้ ฉันจะเปิดสิทธิ์นั้นให้คุณด้วย แต่คุณไม่สามารถนำพวกกระบวนท่าวรยุทธออกไป อนุญาตให้แค่คัดลอกเท่านั้น! และหลังจากเรียนรู้ คุณต้องทำลายพวกมันทันที และห้ามส่งต่อให้คนอื่นเด็ดขาด”

“ผมรับปาก!” ฉินเฟิงพยักหน้า เพราะคำขอเหล่านี้ของซางฮันไม่ได้มากเกินไป

นับตั้งแต่ฉินเฟิงเกิดใหม่จนถึงปัจจุบันนี้ เขาครอบครองเทคนิคฝึกยุทธเลเวล S แค่ทักษะเดียว นั่นคือทักษะลับกลืนดารา

ส่วนกระบวนท่าวรยุทธเลเวล S ที่เหลือในโลกใบนี้ ล้วนไม่เคยได้รับมันเลย คุณสามารถจินตนาการได้ว่ามันมีค่าเพียงใด

ในแง่ของวรยุทธโบราณ ฉินเฟิงอาศัยเพียงเทคนิคมีดผลาญสวรรค์ , เทคนิคก้าวมังกร ฯลฯ แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา กระบวนท่าวรยุทธเหล่านี้เริ่มไม่มีประสิทธิภาพแล้ว

หากไม่มีมีดกษัตริย์คราม , กำลังภายในที่มากกว่าผู้อื่นหลายเท่า และประสบการณ์ต่อสู้จากชีวิตก่อนนับสิบปี อาศัยเพียงกระบวนท่าของฉินเฟิงในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะโค่นศัตรู

จากนั้น ฉินเฟิงกับซางฮันได้ลงนามทำสัญญากัน ในความเป็นจริงแล้วหุ้นจำนวนนี้ มีเพื่อซื้อสิทธิ์แก่ฉินเฟิงให้เข้าถึงกระบวนท่าเลเวล S เท่านั้น

เพราะสิ่งที่กล่าวมา มันคือการดำรงอยู่ระดับตำนาน ดังนั้นต้องทะนุถนอมเป็นอย่างดี

“ยินดีที่ได้ร่วมมือ!”

“ยินดีที่ได้ร่วมมือ!”

เซ็นสัญญาเสร็จสิ้น ฉินเฟิงแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นกระบวนท่าวรยุทธซึ่งเป็นสมบัติของเมืองเป่ยหัว

“แต่ยังมีเรื่องที่ฉันอยากให้คุณเป็นนายพลอีก ดังนั้นพวกเราคงต้องรีบ ฉันคงต้องขอพาตัวคุณไปเดี๋ยวนี้”

ว่าจบซางฮันก็หยิบศิลาสีฟ้าที่ดูเป็นเอกลักษณ์ออกมา ฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงความผันผวนของอักษรรูนมิติที่ลอยอยู่บนมัน นี่คล้ายกับบัตรหยกสุสานเทพสงครามในมือฉินเฟิง

จากนั้น ซางฮันก็มอบมันให้แก่ฉินเฟิงชิ้นหนึ่ง

“ไป๋หลี รอฉันที่นี่ก่อนแปปนึง”

“ตกลง ไปดีมาดีล่ะ”

ซางฮันกับฉินเฟิงถ่ายเทกำลังภายในของตนลงไปยังศิลาฟ้า ไม่นานทั้งสองก็ถูกล้อมรอบไปด้วยอักษรรูนมิติ ลืมตาขึ้นอีกที ก็โผล่มาอีกสถานที่หนึ่งแล้ว

ที่นี่คือศาลา อันที่จริงแล้วคงต้องเรียกว่าศาลากลางน้ำ ปรากฏหอคอยสูงอยู่ไกลๆ

ซางฮันเดินนำทางให้เขา ทั้งสองตรงเข้าสู่หอคอยสูงอย่างรวดเร็ว

“สถานที่แห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นห้องสมุดของเมืองเป่ยหัว มันเก็บเฉพาะกระบวนท่าวรยุทธและเทคนิคอบิลิตี้เหนือเลเวล C ขึ้นไป ห้องสมุดจะแบ่งเป็นทั้งหมดสามชั้น ยอดปลายแหลมด้านบนสุดคือที่เก็บหนังสือเลเวล S ซึ่งในเมืองเป่ยหัวทั้งหมด มันมีแค่สามเล่ม!”

ฉินเฟิงพอได้ฟังว่ามีแค่สามเล่ม ก็ต้องขมวดคิ้วทันที

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมีเท่านี้ ถ้าเป็นในกรณีนั้น มีโอกาสสูงมากที่จะไม่พบทักษะที่เหมาะกับฉินเฟิง

“ไปดูกัน!”

เมื่อมาถึงยอดหอคอย ซางฮันก็หยิบมันออกมาและแสดงแก่ฉินเฟิง

ชั่วพริบตา ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่โถมเข้าใส่ ปรากฏว่ามันทะลักออกมาจากหนังสือทั้งสามเล่ม

นี่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร นั่นเพราะหนังสือทั้งสามเล่ม ทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นจากหนังของสัตว์ร้ายเลเวล S !

ในอาณาเขตเมืองเป่ยหัวที่ซางฮันอาศัยอยู่ ครั้งอดีตเคยถูกก่อตั้งขึ้นโดยเลเวล S ดังนั้นหนังสือเลเวล S ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ก็สมควรเป็นสิ่งที่คนๆนั้นเคยเป็นเจ้าของ ผู้ก่อตั้งเมืองแข็งแกร่ง มีความสามารถกระทั่งสังหารสัตว์ร้ายเลเวล S แล้วจัดการเลาะหนังของมันมาทำหนังสือ เพื่อให้กลายเป็นมรดกตกทอด คงอยู่มาช้านาน

ฉินเฟิงยื่นมือออกไป จับหนังสือเล่มแรกขึ้นมา

เพียงแค่เริ่มเปิดอ่าน ฉินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหนาแน่นของทะเล ไหลผ่านใบหน้าเขา

ฉินเฟิงมองเห็นอักษรใหญ่เขียนเอาไว้บนปก : ทักษะเสมือนนที

“ทักษะเสมือนนที เป็นทักษะฝึกฝนกำลังภายในเลเวล S ที่ตกทอดกันมาของตระกูลซาง หากฝึกฝนจนบรรลุ ความแข็งแกร่งจะทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด นั่นคือสาเหตุสำคัญว่าทำไมตระกูลซางของพวกเราจึงสามารถครอบครองภูมิภาคเหนือได้ตลอดมา พ่อของฉันเอง ก็สามารถขึ้นเป็นเลเวล A ได้ก่อนอายุ 30 ปี ทั้งยังเคยได้รับการวิเคราะห์ว่าจะกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S ได้ภายในระยะเวลา 10 ปี!”

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่พ่อของซางฮัน ดันจบชีวิตลงในหุบเหวตอนเหนือ!

“พรสวรรค์ของฉันไม่ดีเท่าพ่อ กว่าจะขึ้นเป็นเลเวล A อายุก็ปาเข้าไป 40 ปีแล้ว และกว่ามาถึง A5 อายุก็ล่วงเลยถึง 55 ปี การฝึกฝนโดยทักษะเสมือนนที หากมีอายุมาก ก็ยิ่งยากจะตัดผ่านในแต่ละระดับ ดังนั้นมันจึงเป็นทักษะยุทธที่ทั้งยากและง่ายในเวลาเดียวกัน กล่าวว่าแม้ครอบครองเทคนิคฝึกฝนเลเวล S แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฝึกฝนมันไปถึงเลเวล S ได้ หากให้เวลาฉันอีกสัก 30 ปี บางทีฉันอาจทำได้”

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของโลกล้วนไม่เที่ยง ยากจะคาดเดา ท่ามกลางหายนะยุคโลกาวินาศ ใครกันจะสามารถรับประกันว่าชีวิตตนจะมั่นคง อยู่รอดปลอดภัยไปอีก 30 ปี?

ในชีวิตก่อนของฉินเฟิง ช่วงเวลาที่เขาเสียชีวิต ซางฮันยังไม่สามารถไปถึงเลเวล S อิงตามเวลา ฉินเฟิงตายในปี 226 ยุครอยแยกมิติครั้งใหญ่ แต่ตอนนี้ก็เป็นปี 219 แล้ว แม้ในอีก 7 ปีต่อจากนี้ ซางฮันก็ยังยกระดับได้แค่ผู้ใช้พลังเลเวล A7 เท่านั้น

ซึ่งนี่สอดคล้องกับการคาดเดาของซางฮันเอง ว่ากว่าจะเข้าถึงเลเวล S คงใช้เวลา 30 ปี แต่ก็นั่นแหละ ในยุคสมัยนี้ ใครจะรู้ว่าอีก 30 ปีต่อมา เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร?

“คุณต้องใช้เวลานานถึง 30 ปีเพื่อก้าวสู่เลเวล S … ก่อนหน้านี้คงใช่ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานถึงขนาดนั้นแล้ว!” ฉินเฟิงกล่าว

ซางฮันแสดงออกถึงสีหน้าสงสัย

ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าลืมสิว่าคุณยังมีทรายธารเวลา!”

ขนาดตงหยางที่แก่หงำเหงือกยังสามารถยกระดับขึ้นเป็นเลเวล S ได้เลย แล้วซางฮันจะทำไม่ได้ ได้อย่างไร?

พูดก็พูดเถอะ อายุ 55 ปีแล้วไง มันยังไม่สายเกินไป!

ฉินเฟิงวาง ‘ทักษะเสมือนนที’ ลง เห็นได้ชัดว่าเทคนิคกำลังภายในนี้ไม่เหมาะกับเขา เพราะฉินเฟิงยังมีทักษะลับกลืนดาราอยู่

จากนั้น ฉินเฟิงก็มองไปยังหนังสืออีกสองเล่ม พบว่าหนึ่งเป็นเทคนิคฝ่ามือ อีกหนึ่งเป็นเทคนิคดาบ แต่ไม่มีอันไหนเหมาะกับฉินเฟิงเลย

ไม่คาดคิดเลย ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้

เมื่อเห็นฉินเฟิงวางหนังสือทั้งสามเล่มลง ซางฮันบังเกิดความงงงวย “ฉินเฟิง ไม่มีอันไหนที่คุณสนใจเลยหรือ? ฉันนึกว่าหนังสือวิชาฝ่ามือจะเหมาะกับคุณเสียอีก”

เทคนิคฝ่ามือนี้ เป็นเทคนิคฝึกฝนฝ่ามือแบบคู่ขนาน แน่นอนว่าฉินเฟิงสามารถใช้มันฝึกยุทธได้

อย่างไรก็ตาม หากโลภมากเกินไปคุณจะเคี้ยวเนื้อชิ้นใหญ่ได้ไม่พอดีคำ ฉินเฟิงมีหลายสิ่งมากเกินไปในตอนนี้ แต่ยังไงซะเขาควรแลกเปลี่ยน

“ถึงแม้มันจะผิดหวังไปบ้าง แต่นั่นไม่สำคัญ อีกอย่างผมคิดว่า … ผมน่าจะสามารถค้นหาเทคนิคฝึกยุทธที่เหมาะกับตัวเองได้!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด