ตอนที่แล้วตอนที่ 12: ครีมเค้ก (ส่วนที่ 2 )
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14: เนื้อสัตว์ปราณย่าง (ส่วนที่ 2)

ตอนที่ 13: เนื้อสัตว์ปราณที่น่าอร่อย


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

--------------------------------------------------------------------------------------------

หลินฟ่านหยิบลูกแก้วปราณออกมา. ถ้าหากวางมือบนลูกแก้วปราณนี้แล้วมีแสงสว่างขึ้นมาแสดงว่าคนๆนั้นมีความสามารถพอที่จะฝึกวิชาได้. มีธาตุอยู่ทั้งหมด5ธาตุ, เหล็ก, ไม้, น้ำ,ไฟและดิน. แต่ละธาตุนั้นมีสีที่ต่างกันและเป็นตัวบ่งบอกว่าคนๆนั้นมีพลังปราณธาตุใด.

 

เสี่ยวฉีได้แสงสีน้ำเงินตอนที่เธอวางมือลงบนลูกแก้วปราณนั่นแสดงว่าเธอมีปราณธาตุน้ำ. แต่เมื่อคนอื่นๆวางมือลงบนลูกแก้วแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย. ขนาดชิยูเองก็ไม่มีเหมือนกัน.

 

พวกเด็กๆดูผิดหวังกันแต่ก็ทำใจไว้ก่อนแล้ว. คนที่มีพลังปราณนั้นเป็นหนึ่งในหมื่น. แค่มีคนนึงจากเด็ก5คนก็นับว่าดีแล้ว. เพราะถึงยังไงก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝึกวิชาได้.

 

ความแตกต่างระหว่างเหล่าผู้ฝึกวิชาซิ่วเจิ้นนั้นก็คือธาตุเหล่านี้นี่แหละ. หากไม่มีพลังปราณแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกวิชา. แต่หลินฟ่านนั้นประหลาดใจมากๆเมื่อชิยูวางมือเธอลงบนลูกแก้วแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น.

 

ตลอดเวลามานี้เขาคิดเสมอว่าชิยูคือผู้ฝึกวิชาซิ่วเจิ้น เพียงแต่เธอแค่ซ่อนพลังเอาไว้. หลินฟ่านเอาลูกแก้วออกมาเพื่อจะทดสอบพลังของชิยูแต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากไป - ชิยูเป็นคนธรรมดาจริงๆ.

 

เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว หลินฟ่านก็เตรียมตัวลากลับพร้อมกับลู่หยาน.

 

ในตอนนั้นเองประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกถีบออกอย่างรุนแรง. ทันทีที่เธอเห็นสิ่งที่ถีบประตูนั้นเธอก็แทบจะผวาเลยทีเดียว. ด้านหน้าของพวกเขานั้นคือสัตว์ปราณขนาดมหึมา. เจ้าสัตว์ตัวนี้ดูคล้ายเสือ มันแยกเขี้ยวใส่ทุกคนแล้วก็คำราม.

 

“สัตว์ปราณหนิ!” หอกเล่มหนึ่งโผล่ออกมาที่มือของหลินฟ่านทันที. เขาหันมันไปทางสัตว์ตัวนั้นแล้วตะโกน “เจ้าสัตว์ร้าย ถอยไปซะดีกว่านะ!”

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆๅ, ที่แท้ก็ไอ้กระจอกหลินฟ่านนี่เอง!” มีเสียงคนพูดหยามดังขึ้นมา.

 

ตอนนั้นเองชิยูก็สังเกตุเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่หลังสัตว์นั่น. เขาสวมชุดคลุมสีน้ำเงินรอบๆตัวเขามีกลุ่มผู้ติดตามอยู่กลุ่มหนึ่ง. เขาพูดดูถูกทันทีที่เห็นหลินฟ่าน.

 

“ชั้นก็สงสัยอยู่ว่าใครปล่อยมันมา ที่แท้ก็แกเองสินะที่เป็นคนควบคุมสัตว์ปราณตัวนี้” หลินฟ่านเสกดาบเล่มหนึ่งออกมาแล้วโยนมันไปทางประตู. ดาบนั้นปักลงไปที่พื้นอย่างลึกพร้อมกับเสียงดังเก๊ง.

 

“เจา ฉางชิง! ตระกูลเจาไม่ได้จับสัตว์ปราณนี้มาให้นายขี่ได้ง่ายๆนะ. มันไม่ได้มีไว้ให้นายทำร้ายผู้อื่นด้วย”

 

เจา ฉางชิง ร้องเหอะออกมา “ถ้าเป็นหลิน หยานล่ะก็ชั้นคงจะไว้หน้าเขาแล้วก็กลับไป. แต่แก, หลินฟ่าน, ไอ้คนกระจอก. ชั้นก็แค่พาเจ้าเสือลายดาวนี่มาเดินเล่นเท่านั้น. ถ้าแกโดนมันกินล่ะก็คงโชคไม่ดีน่าดูเลยนะ”

 

หลิน หยานคือคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในสำนักตระกูลหลิน. เขาอยู่ระดับพื้นฐานที่ 7 ณ ตอนนี้และเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหลินอย่างมาก. หลายๆคนคิดว่าเขาจะได้กลายเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปแน่ๆ.

 

ตอนนั้นเองความสนใจของชิยูก็ไปตกที่ชื่อของชายที่อยู่ด้านนอกนั่น, เจา ฉางชิง.

 

เจ้าหมอนี่มันพวกใคร่เด็กที่ฆ่าเสี่ยวฉีหนิ?

 

ชิยูค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆหลินฟ่านแล้วกระซิบ “ถ้านายฆ่าเจา ฉางชิงได้ล่ะก็ ชั้นจะเป็นหนี้นายครั้งใหญ่เลย”

 

หลินฟ่านตกใจกับคำขอนี้มาก. ชิยูดูน่ารักมากๆ. เขาจ้องเธอแล้วก็ตอบตกลง.

 

“โอ้แล้วก็ถ้านายฆ่าเจ้าสัตว์นี่ได้แล้ว อย่าลืมส่งเนื้อมันมาให้ชั้นด้วย. ชั้นจะทำของอร่อยสุดยอดให้นายเอง” ชิยูเตือนความจำเขา.

 

หลินฟ่านมองไปที่เจ้าสัตว์ปราณเสือลายดาว. เขารู้สึกสงสารมันขึ้นมา. นอกจากจะทำให้ชาวบ้านกลัวไม่ได้แล้วยังจะกลายเป็นอาหารให้ชาวบ้านอีก.

 

พอพูดเสร็จชิยูก็พาพวกเด็กๆไปที่ห้องหลังครัว.

 

การต่อสู้ของทั้งสองนั้นควรปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเขาดีกว่า. คนธรรมดาควรอยู่ให้ห่างๆไว้เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน.

 

ทันทีที่พวกเขาเข้าห้องไป เสียงต่อสู้ก็ดังขึ้นไปทั่ว. เสียงมันดังมากและร้านทั้งร้านก็สั่นสะเทือนจนฝุ่นตกลงมาจากเพดาน.

 

พอผ่านไปซักพักหนึ่งในที่สุดมันก็เงียบลง.

 

เมื่อชิยูออกมาดู เจา ฉางชิงก็อยู่ใต้เท้าหลิน ฟ่านไปแล้ว. ส่วนเจ้าสัตว์ปราณนั้นก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นกับกองเลือด. มันไม่หายใจแล้ว น่าจะตายแล้วล่ะ.

 

“ว้าวสุดยอดเลย!” เสี่ยวหลิวดีใจ “เสี่ยวฉีในอนาคตเธอจะเป็นแบบพี่หลินฟ่านมั้ย?”

 

เสี่ยวฉีมองไปที่หลินฟ่าน. ดวงตาของเธอเปล่งประกาย.

 

จบแล้ว!

ชิยูปวดหัวมาก. นี่คือสิ่งที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย. เสี่ยวฉีเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ. ตอนนี้ในสายตาเธอหลินฟ่านคงดูหล่อเท่ไปแล้ว. ในอนาคตถ้าหลินฟ่านเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเสี่ยวฉีคงไม่มีวันชอบผู้ชายคนอื่นได้แน่.

 

ก็เหมือนกับการเล่นเกมนั่นแหละ ถ้าได้เจอคนที่แกร่งมากๆล่ะก็คนที่เหลือก็จะกลายเป็นอากาศธาตุไป เว้นซะแต่จะมีคนที่แกร่งกว่าโผล่ออกมา.

 

แต่ในโลกนี้มีน้อยคนนักที่แกร่งกว่าหลินฟ่าน. ถึงตอนนี้พวกเขาจะแกร่งกว่าแต่ในอนาคตพวกเขาจะต้องเทียบเขาไม่ติดแน่นอน. ก็เขาเป็นพระเอกในนิยายของเออกูหนิ.

 

ชิยูกุมขมับ.

 

เธอไม่สามารถควบคุมชีวิตของเสี่ยวฉีได้จึงทำได้แค่มองดูเท่านั้น.

 

หลังจากเจา ฉางชิงถูกหลินฟ่านสั่งสอนไป เขาก็สบถออกมาแล้วรีบเผ่นไป.

 

หลินฟ่านหันกลับมาแล้วถามพวกเขา “ชั้นว่าพวกนั้นต้องกลับมาแก้แค้นเธอแน่. ชั้นว่าพวกเธอกลับไปที่สำนักตระกูลหลินกับชั้นดีกว่ามั้ย? ชั้นจะแจ้งเรื่องนี้ให้พ่อทราบแล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยตกลงกันใหม่. คิดว่าไง?”

 

ชิยูคิดอยู่พักหนึ่ง. ตอนนี้แผนนี้เจ๋งสุดแล้ว.

 

คืนนั้นทุกๆคนจัดกระเป๋าแว่บเดียวแล้วกลับไปกับหลินฟ่านทันที.

 

ตำหนักตระกูลหลินนั้นใหญ่มากๆ. หรือจะพูดดีว่าตำหนักทุกตำหนักในโลกนี้ใหญ่หมด? ที่ฝึกวิชานั้นก็เป็นห้องโถงที่ใหญ่มากๆ.

 

ชิยู, พวกเด็กๆกำพร้าและคุณตามาถึงตอนเที่ยงคืนและไม่ได้ส่งเสียงรบกวนใคร. พวกเขาทุกคนตามหลินฟ่านไปที่เรือนส่วนตัวของเขาแล้วก็เข้าห้องไปพักผ่อนกัน.

 

ในโลกใบนี้ ตระกูลส่วนใหญ่นั้นไม่มีกฏอะไรมากมาย. ถ้ามีกฏ ก็มีไว้เพื่อผู้ที่อ่อนแอ. ผู้แข็งแกร่งสร้างกฏขึ้นมาเอง.

 

ชิยูกอดเสี่ยวฉีแล้วค่อยๆหลับไป. บางทีอาจจะเป็นเพราะต่างสถานที่แต่ชิยูก็รู้สึกสบายใจและสงบมากๆ. อาการวิตกกังวลที่เธอเคยเครียดก็หายไปแล้ว.

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอมีคนคอยคุ้มภัยให้แล้วก็ได้.

 

วันต่อมา ทุกๆคนก็ต้องตื่นเพราะมีเสียงดังมาจากด้านนอกห้องพวกเขา.

 

ยังรุ่งสางอยู่แต่ศิษย์ทุกคนในสำนักหลินรวมถึงหลินฟ่านก็มารวมกันที่ลานฝึกเรียบร้อย แล้วพวกเขาก็เริ่มฝึกวิชากัน. ทุกๆคนตั้งใจฝึกมากแถมเหงื่อออกเยอะมากด้วย. พวกเขาเคลื่อนไว้ซ้ำไปมาหลายรอบเกือบ100ครั้งเห็นจะได้. แต่ก็ไม่มีใครซักคนยอมแพ้เลย.

 

การที่จะได้พลังมานั้นไม่ใช่เพียงแค่โชคช่วยอย่างเดียว. ในโลกใบนี้มีคนอยู่มากที่มีความพยายาม. ถ้าไม่พยายามแล้วก็จะไม่มีวันแข็งแกร่งขึ้นได้.

 

ขณะยืนอยู่ด้านนอกลานฝึกชิยูก็รู้สึกมีความสุขมากๆ. เธอรู้สึกโชคดีจริงๆที่หันไปพึ่งการทำอาหารเพื่อฝึกวิชา. ถ้าเธอไปเรียนวิทยายุทธเพื่อฝึกวิชาเหมือนหลายคนที่นี่ล่ะก็ ถ้าเธอไม่ตายก็คงไม่มีแรงทำอย่างอื่นแน่ๆ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด