ตอนที่แล้วEp.696 - การระเบิดของศิลามิติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.698 - ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป

Ep.697 - เสียงขับขานและเสียงร่ำไห้


2/5

Ep.697 - เสียงขับขานและเสียงร่ำไห้

ฉินเฟิงพอได้ฟังคำพูดของตงหยาง ก็พบว่าอีกฝ่ายมิได้สงสัยตน ตรงกันข้าม มันกลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายอีกแบบหนึ่ง แต่ไม่นาน ฉินเฟิงก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นเพราะอะไร

ที่แท้ตงหยางกำลังพยายามคืนน้ำใจเพื่อตอบแทนที่ฉินเฟิงเคยช่วยชีวิตเขามาก่อน

เพราะหากมองโดยผิวเผิน ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงอยู่แค่เลเวล B ฉะนั้นหากคิดมายังใจกลางเกาะไม่นับว่าฉลาดเลย และอาจมีแนวโน้มกลายเป็นเหยื่อของพวกระดับสูง

อย่างไรก็ตาม หากมีตงหยางอยู่ที่นี่ คนอื่นๆย่อมไม่กล้าลงมือโดยไม่ยั้งคิด

เพราะมีเลเวล A คอยหนุนหลัง!

ความคิดบางอย่างวาบผ่านมาในใจของฉินเฟิง เขาเอ่ยปากตอบไปว่า “ได้ยินแบบนั้นผมก็โล่งใจ ผมจะใช้รูนมืดซ่อนเร้นตัวตน แล้วตามไปสมทบที่นั่น”

“อา ตกลง ฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่” ตงหยางกล่าว

ทั้งสองตัดสายสนทนา ฉินเฟิงพาไป๋หลีมุ่งหน้าไปยังใจกลางเกาะอีกรอบ

ฉินเฟิงจงใจเดินให้ช้าลง หลังจากผ่านไป 20 นาที เขาก็มาถึงกลางเกาะ ช่วงเวลานี้มีผู้คนมารวมตัวกันได้เกินร้อยคนแล้ว หากไม่นับเลเวล A ก็ยังมีเลเวล B ที่ทรงพลังรวมอยู่ด้วย หลายคนเดินตัวติดกับเลเวล A ให้พวกเขาคอยปกป้อง

ฉินเฟิงกับไป๋หลีมาถึง ก็เห็นตงหยางอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปหา

“จ้าวพรมแดนตง!”

ตงหยางเผยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรแก่เขาทันที แต่เมื่อเห็นไป๋หลี เขากลับบังเกิดความฉงน

“ไม่ทราบสุภาพสตรีท่านนี้คือ ..?”

“เธอชื่อไป๋หลี เป็นแฟนของผม หลังทราบเรื่องเลยมาสมทบกับผมที่นี่” เพราะในการต่อสู้ครั้งก่อน ไป๋หลียังไม่ปรากฏตัว ดังนั้นตงหยางไม่ทราบถึงการเรื่องราวของไป๋หลี นั่นคือสาเหตุที่เขาฉงน

อย่างไรก็ตาม อีกสองคนที่เหลือกับผงะค้าง

“ฉินเฟิง!”

“เจ้าเด็กแสบ เป็นแกจริงๆ!”

สองคนนี้ จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากหนานกงชิกับเก๋อหลาง!

“ท่านผู้ใหญ่หนานกง นายพลเก๋อ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” ฉินเฟิงกล่าวทักทายแน่นอน มิใช่ในทำนองมีไมตรีอบอุ่น หากแต่ยังคงความสุภาพไว้

หนานกงชิกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ฉินเฟิง นี่เธอ … ไม่สิ คุณ คุณยกระดับเป็นเลเวล B แล้ว?”

“ผมบังเอิญได้รับโชคในทะเลนรกน่ะครับ เลยสามารถยกระดับได้” ฉินเฟิงตอบ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นั่นเป็นโชคชนิดสวรรค์จงใจโยนมาหล่นทับเชียวล่ะ เพราะเด็กคนนี้ สามารถสังหารหนึ่งในจักรพรรดิเลเวล A แห่งทะเลนรกได้!”

“ว่ายังไงนะ จักรพรรดิสัตว์ร้าย!?”

“มันคือเขมือบฟ้า ตอนนี้มันถูกทำให้กลายเป็นหุ่น … เอ่อไม่สิ หลังจากมันตาย ก็ได้ถูกดัดแปลงเป็นเรือดำน้ำทะเลลึกไปแล้ว! บอกได้เลยว่าฉินเฟิงมีอนาคตอันสดใส และกลุ่มองค์กรของเขาก็ไม่ต่างกัน!” เดิมตงหยางคิดเอ่ยปากถึงเรื่องหุ่นเชิดแห่งความตาย แต่พอฉุกคิดว่าต้องปกปิดมัน ก็เปลี่ยนไปเอ่ยอีกแบบหนึ่งอย่างรวดเร็ว อธิบายแก่ทั้งสองคน และแสดงท่าทีชื่นชมในเวลาเดียวกัน

แม้กลุ่มพันธมิตรคนอื่นๆจะไม่ทราบว่าตงหยางกำลังพูดถึงอะไร แต่ก็สามารถเห็นได้ ว่าเขาให้ความสำคัญกับฉินเฟิงเป็นอย่างมาก บางทีอาจเป็นลูกน้องคนสนิท ด้วยเหตุนี้เลเวล A คนอื่นๆ เลยเป็นธรรมดาที่จะไม่ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกลำบากใจ

ในทางตรงกันข้าม เป็นเก๋อหลางที่หัวใจของตนไม่สงบ

‘เป็นไปได้ยังไงกัน? ทำไมความแข็งแกร่งของไอ้เด็กนี่ถึงก้าวหน้าเร็วนัก? ถ้านับตั้งแต่ช่วงงานประลองลูกรักของพระเจ้าจนถึงปัจจุบัน ยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ!!’

เก๋อหลางบังเกิดความรู้สึกยากจะยอมรับ

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงเคยมีข้อเบาะแว้งกับเก๋อหลาง แต่ตอนนี้กลับพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้เก๋อหลางรู้สึกถึงวิกฤตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

‘ก่อนหน้านี้มันกล้าหือกับบิดา เพียงเพราะเพื่อช่วยนางสำส่อนซางฮัน แต่ตอนนี้มันแข็งแกร่งขึ้น แล้วแบบนี้ในอนาคตเวลาอยู่ต่อหน้าฉันมันจะไม่โอ้อวดพลังอีกหรือ?’

สายตาของเก๋อหลางสาดประกายมืดมน ดูเหมือนกำลังขบคิด ว่าอย่างไรต้องกำจัดฉินเฟิงซึ่งเป็นลูกรักของพระเจ้าอันดับหนึ่งให้จงได้

แต่ไม่นานก็มีคนมาขัดจังหวะความคิดของเก๋อหลางอย่างกะทันหัน

นั่นเพราะมีใครบางคน ค้นพบวิธีการบรรจุทรายธารเวลาแล้ว

อย่างไรเสีย ทุกคนในที่นี้ล้วนมีความรอบรู้ในเชิงลึก หลายคนก็รู้จักมักคุ้น ดังนั้นร่วมไม้ร่วมมือช่วยเหลือกันและกัน หากอุปกรณ์รูนมิติไม่สามารถบรรจุทรายเป็นจำนวนมากได้ แล้วจะขนเจ้าสิ่งนี้ไปอย่างไร?

ชั้นคริสตัลตรงขอบกองทรายสีทอง ดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างรวดเร็ว เจ้าสิ่งนี้สามารถใช้ยกทรายหนักได้โดยไม่ถูกแรงกดดัน ถือว่าน่าประหลาดมาก

อีกทั้งคริสตัลนี้ยังอ่อนนุ่ม สามารถบีบอัดเป็นรูปร่างได้ตามต้องการ บางคนนวดๆคลึงๆคริสตัลเหล่านี้เป็นชามได้อย่างไม่ยากเย็น จากนั้นก็ตวงทรายธารเวลาลงไป แล้วปิดฝาด้วยคริสตัลอีกที กลิ่นอายของทรายธารเวลา ถูกผนึกไว้อย่างมิดชิด

พวกเขาหยิบอุปกรณ์รูนมิติอีกชิ้นออกมาเพื่อทำการทดสอบ และไม่นานก็ค้นพบว่า ต่อให้พวกเขาใส่ทรายธารเวลาลงไปเป็นจำนวนมาก มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อถึงจุดนี้ ทั้งหมดเลยแน่ใจ ว่าได้ค้นพบวิธีการบรรจุแล้ว!

และประเด็นก็คือ

ผู้คนในที่นี้ส่วนใหญ่ไม่อ่อนแอ พลังสมาธิแข็งแกร่ง ดังนั้นสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน พวกเขาเข้าใจวิธีที่จะเก็บมันได้อย่างรวดเร็ว!

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!” ตงหยางเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ก็ลอบด่าทอตัวเองในใจว่าเมื่อครู่เขานึกไม่ออกได้อย่างไร

“แท้จริงแล้วทุกสิ่งล้วนมีเหตุและผล ความอ่อนนุ่มสามารถสยบความแข็ง ยับยั้งซึ่งกันและกันได้” หนานกงชิกล่าว

“ดีล่ะ หยุดพล่ามไร้สาระกันได้แล้ว รีบไปเก็บมันเถอะ!” เก๋อหลางใจร้อน ก้าวนำไปทันที

“อืม นั่นสินะ ฉินเฟิง คุณเองก็สามารถลองเก็บมันดูได้!” ตงหยางกล่าว “นี่ถือว่าเป็นคำขอบคุณสำหรับผลงานที่สร้างแก่เมืองตงหยางของฉัน!”

ตงหยางขยิบตาเหมือนรู้กัน ใครว่าคนแก่มักเคร่งขรึม บ้างครั้งก็มีอารมณ์ขันเหมือนกัน

ฉินเฟิงเข้าใจความหมายของตงหยาง ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังแสดงความขอบคุณฉินเฟิงเรื่องกำจัดเขมือบฟ้า แต่ขอบคุณเขาที่ช่วยขู่โอเบอร์จนหวาดกลัวแล้วหลบหนีไป

“ตกลง ขอบคุณท่านจ้าวพรมแดน!” ฉินเฟิงกล่าว

จากนั้น ฉินเฟิงก็ขอให้ไป๋หลีเก็บรวบรวมคริสตัลมาทำขวด แต่ขนาดของขวดในคราวนี้ มันเล็กแค่ขวดน้ำหอมเท่านั้น เพราะทำแบบนี้จะช่วยประหยัดวัสดุได้มาก

ฉินเฟิงก็ไม่ได้ขี้เหนียว แจกจ่ายมันให้แก่หนานกงชิกับเก๋อหลาง เรื่องนี้ทำให้สีหน้าของเก๋อหลางดูดีขึ้นมาก

‘บางที ฉินเฟิงอาจจะแค่ทำไปเพื่อซางฮัน แต่จริงๆแล้วยังคงให้ความเคารพต่อฉัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ทำไมฉันต้องไปทะเลาะกับเด็กด้วย!’

แม้ปากจะไม่เอ่ยคำใด แต่ในใจของเก๋อหลาง ลึกๆไม่ต้องการทำให้ฉินเฟิงรู้สึกขุ่นเคือง

เพราะเก๋อหลางทราบดี ว่าการที่ฉินเฟิงสามารถขึ้นเป็นลูกรักของพระเจ้าอันดับหนึ่ง มันเทียบเท่ากับการเป็นจักรพรรดิในหมู่มวลมนุษย์ ในกรณีนี้ นั่นหมายความว่าต่อให้ฉินเฟิงเป็นเลเวล B แต่สมควรสามารถท้าทายระดับที่เหนือกว่าได้

เก๋อหลางสามารถสู้กับฉินเฟิงได้ก็จริง แต่เกรงว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ เฮ้อ!

ด้วยประการฉะนี้ เก๋อหลางเลยหาข้ออ้างแก่ตัวเองว่าฉินเฟิงคงไม่มีเจตนาเป็นศัตรูกับตน ดังนั้นล้มเลิกความคิดกำจัดอีกฝ่าย

จากนั้น หลายร้อยคนที่อยู่ใจกลางเกาะศักดิ์สิทธิ์ เริ่มขุดทรายทองกันอย่างบ้าคลั่ง แม้สถานที่แห่งนี้จะอุดมไปด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณหนาแน่นที่สุด แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม ด้วยเหตุผลบางอย่าง สัตว์ร้ายถึงไม่กล้าเข้ามาใกล้ที่นี่ ดังนั้นทุกคนปลอดภัย เก็บเกี่ยวอย่างมีความสุข

ฉินเฟิงบังเกิดข้อสงสัยอันคลุมเครือ บางทีของดีๆแบบนี้ อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงยีนมากเกินไป จนทำให้เกิดการพังทลายของยีนก็ได้!

ถ้าเป็นในกรณีนี้ พวกสัตว์ร้ายคงไม่มา เพราะพวกมันมีสัญชาตญาณในการแสวงโชคและหลีกเลี่ยงเภทภัย ยังพอระบุได้ว่าอะไรดีกับตัวหรือไม่ดี

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เงียบสงบนี้ ดำเนินต่อมาได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง สุดท้ายก็ถูกทำลายลง

มิใช่เป็นเพราะทรายธารเวลาถูกแบ่งออกไปจนหมด ทรายสีทองนี้มีน้ำหนักมาก ดังนั้นยังคงเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวม หรือพูดง่ายๆว่าต้องใช้เวลาอีกมากนั่นเอง!

แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผู้คนย่อมไม่สามารถเก็บพวกมันทั้งหมด

ช่วงเวลานี้ จู่ๆหูของไป๋หลีพลันตั้งตรง คล้ายพยายามตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเอ่ยปากออกมา “มีพวกคุณคนไหน ได้ยินเสียงอะไรบ้างไหม?”

ฉินเฟิงเงี่ยหูฟัง สักพักกล่าว “เสียงอะไรหรอ?”

“อา มันเป็นเสียงเหมือนกำลังขับขาน แล้วก็ยังดูเหมือนกำลังร้องไห้!”

เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ฉินเฟิงยังไม่ทันตอบสนอง เป็นตงหยางที่ผุดลุกขึ้นและร้องอุทาน สีหน้าของเขาเริ่มหนักอึ้งจนเห็นได้ชัด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด