ตอนที่แล้วSign in Buddha's palm 20 จิ่วชื่อซานเหริน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSign in Buddha's palm 22 ปีศาจออกจากหอคอย

Sign in Buddha's palm 21 การเปลี่ยนแปลงในหอคอยสะกดมาร


Sign in Buddha's palm 21 การเปลี่ยนแปลงในหอคอยสะกดมาร

หอคอยสะกดมาร

เป็นพื้นที่หวงห้ามอีกแห่งที่วัดเส้าหลินสร้างไว้เพื่อปราบปรามกักขังหมู่มารให้แยกตัวออกจากยุทธภพโดยเฉพาะ ซึ่งแบ่งเป็นชั้นๆ ไว้ทั้งหมดเก้าชั้น

ทั้งเก้าชั้นนี้ไม่ได้สร้างไว้เหนือผืนดิน แต่สร้างทอดยาวลงไปใต้พื้นดิน

ชั้นแรกไปจนที่ชั้นที่สามเอาไว้ใช้กักขังเหล่ามารร้ายสามระดับล่าง ชั้นที่สี่ถึงชั้นที่หกใช้เพื่อกักขังมารร้ายสามระดับกลาง และในชั้นที่เจ็ดถึงเก้าใช้เพื่อกักขังเหล่ามารในสามระดับบน

อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนี้หอคอยสะกดมารได้กักขังเหล่ามารร้ายในสามระดับบนไว้น้อยมาก

ในตอนนั้นเอง ที่ชั้นสองของหอคอยสะกดมาร มีชายคนหนึ่งที่เอนตัวพิงมุมผนังอยู่ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แสงสีแดงเข้มสาดประกายออกมา ให้ความรู้สึกถึงความบ้าคลั่งกดขี่ข่มเหง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

“มารเฒ่าผู้นี้ในที่สุดก็ลอบเข้ามาจนได้สักที”

ชายคนนี้จ้องมองไปที่เหล่ามารร้ายคนอื่นๆ ที่ถูกคุมขังไว้ในหอคอยสะกดมาร ดวงตาฉายแววแห่งความโล�

เขาคือมารร้ายผู้โด่งดัง ผู้คนต่างเรียกขานเขาว่า มารเฒ่ากลืนโลหิต

หลายปีก่อนมันปลอมแปลงหน้าตาแล้วจงใจให้ตนโดนจับกุมโดยวัดเส้าหลินเพียงเพื่อต้องการจะเข้ามาในหอคอยสะกดมาร

พวกจอมยุทธฝ่ายมารมักจะชอบดูดกลืนพลังชีวิตของผู้อื่นมาเติมเต็มพลังของตนเองอยู่แล้ว

เรื่องราวนี้เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริงเมื่อพูดถึง มารเฒ่ากลืนโลหิต

การฝึกตนของมารเฒ่าตนนี้คือการสูบเลือดของผู้อื่นเพื่อเพิ่มระดับ และจะบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว

ยิ่งความแข็งแกร่งของเป้าหมายที่ถูกกลืนกินแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็จะเสริมพลังให้มารเฒ่ากลืนโลหิตได้มากเท่านั้น

ดังนั้นมารเฒ่าจึงเริ่มเบนความสนใจไปทางจอมยุทธมากกว่าคนธรรมดา

กระนั้นจอมยุทธปกติแล้วย่อมไม่โง่เง่า เมื่อพบเจอการลอบโจมตีของมารเฒ่ากลืนโลหิต พวกเขาล้วนตื่นตัวและเรียกหาพรรคพวกมากลุ้มรุมมารเฒ่า

หลังจากเกิดความสูญเสียขึ้นกับตนอยู่สองสามครั้ง มารเฒ่าก็ล้มเลิกความคิดนี้

แต่ในตอนนี้

มารเฒ่ากลืนโลหิตพลันนึกขึ้นมาได้ว่าหอคอยสะกดมารของวัดเส้าหลินเป็นที่คุมขังของเหล่ามารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน

มารร้ายพวกนี้จะถูกปราบและขังอยู่ในหอคอยแบบนั้นไปตลอดชีวิตจนสุดท้ายตายไปด้วยความชรา

หลังจากที่ตระหนักถึงความจริงอันนี้ มารเฒ่าก็คิดว่าถ้าเขาแอบเข้าไปในหอคอยสะกดมารแล้วกลืนกินพลังจากเหล่ามารร้ายเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมไปเลยหรอกหรือ?

เมื่อนึกได้แบบนี้มารเฒ่าก็วางแผนการว่าจะเข้าไปในหอคอยสะกดมารได้อย่างไร

วัดเส้าหลินเป็นถึงหนึ่งในสุดยอดพรรค จะบุกเข้าไปตรงๆ ก็คงไม่ได้

ทางเดียวที่มีคือต้องถูกวัดเส้าหลินจับตัวโดยสมัครใจและคุมขังไว้ในหอคอยสะกดมาร

เพื่อกระทำการนี้ มารเฒ่ากลืนโลหิตต้องทำสองสิ่งเพื่อให้มั่นใจ

ประการแรกคือ วัดเส้าหลินจะค้นพบตัวตนของเขาไม่ได้

ไม่เช่นนั้นพระสงฆ์ในสามระดับบนจะเริ่มต้นด้วยการทำลายฐานการฝึกฝนของมารเฒ่าก่อนเป็นอย่างแรก แล้วแผนการทั้งหมดของเขาก็จะล้มเหลว

ประการที่สองคือต้องหาทางเข้าและหนทางหลบออกมาจากหอคอยสะกดมาร

มิเช่นนั้นแล้วการที่มารเฒ่ากลืนโลหิตจะเข้าไปแล้วสูบกลืนพลังมาทั้งหมดจะได้อะไร หากไม่สามารถหลบหนีออกไปได้

ประการแรกนั้นง่ายที่จะกระทำ

ในเส้นทางสายอธรรมมีเคล็ดวิชาลับที่แปลงโฉมรูปลักษณ์ของผู้คนได้

เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด มารเฒ่ากลืนโลหิตก็เก็บงำความแข็งแกร่งและแสร้งว่าตนเป็นมารร้ายในสามระดับล่าง

ในส่วนของประการถัดมา...

มารเฒ่ากลืนโลหิตค้นพบข้อความในหนังสือโบราณกล่าวว่าทุกๆ คืนเดือนเพ็ญ กลไกของหอคอยสะกดมารจะเผยช่องโหว่ขึ้นชั่วคราว

เมื่อแก้ไขได้ทั้งสองจุดแล้ว มารเฒ่าก็เริ่มแผนการของเขาและถูกนำตัวไปคุมขังที่ชั้นที่สองของหอคอยสะกดมารได้เป็นผลสำเร็จ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

“อาหารพวกนี้ทำเอาข้าน้ำลายสอเสียแล้ว...”

มารเฒ่ากลืนโลหิตเลียริมฝีปาก มองไปยังเหล่ามารร้ายที่ถูกขังอยู่ในชั้นสองของหอคอยสะกดมารด้วยความโลภโมโทสัน

ฟิ่ว!

มารเฒ่ากลืนโลหิตพุ่งตรงไปปรากฏตัวที่หน้ามารร้ายตนหนึ่ง คว้าจับเข้าที่ลำคอ

เฮือก!!!

มารเฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มที่

ความหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้าของมารร้ายผู้นั้น ร่างกายของมันแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพียงไม่กี่นาทีก็กลายเป็นซากศพแห้งๆ

“แกไม่รู้หรอกว่ามารเฒ่าผู้นี้ลงทุนไปมากเท่าไหร่เพื่อที่จะเข้ามาในนี้รวมถึงต้องซ่อนตัวตนจากกลุ่มลาหัวโล้นวัดเส้าหลินพวกนั้น”

“ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว”

ไอพลังของมารเฒ่าแพร่กระจายออกไปทั่วทิศทางอย่างคลุ้มคลั่ง

เหล่ามารร้ายจากชั้นที่สองของหอคอยก็ถูกสูบกลืนพลังกันทีละตนจนกลายเป็นซากศพ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

มารร้ายตนอื่นๆ ตระหนักได้ถึงสิ่งผิดปกติและเริ่มเคลื่อนตัวหนีจากมารเฒ่าในทันที

“ไม่ดีแล้ว”

“มีคนกำลังพยายามสูบกลืนพลังจากพวกเรา!” มารร้ายที่อาวุโสในสถานที่นี้คำรามลั่น

“มารเฒ่ากลืนโลหิต?”

“บัดซบ ทำไมมันถึงมาอยู่ที่ชั้นสองได้?”

เหล่ามารร้ายต่างแปลกใจปนกับโกรธเกรี้ยว ในขณะที่การแสดงออกส่อให้เห็นว่ากำลังตื่นตระหนก

ด้วยความแข็งแกร่งของมารเฒ่ากลืนโลหิต แม้ว่าจะถูกจับกุมมาได้โดยวัดเส้าหลิน มันก็ควรจะถูกคุมขังอยู่ในหอคอยสะกดมารชั้นที่เจ็ดเป็นอย่างน้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ? จะหนีไปไหนได้เล่า?”

“มาร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมารเฒ่าผู้นี้เถิด”

“ตัวข้าผู้นี้รีบร้อนนัก ยังมีธุระให้ต้องสะสางในชั้นต่อไป”

มารเฒ่ากลืนโลหิตหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองไปที่เหล่ามารร้าย สายตาไม่ได้แยแสในชีวิตของพวกมัน

ตั้งแต่ที่เขาคิดที่จะเข้ามายังหอคอยสะกดมาร เป็นธรรมดาที่ไม่ได้หวังจะมาสูบกลืนพลังจากเหล่ามารพวกนี้เพียงแค่ชั้นเดียวแน่ๆ

เป้าหมายที่แท้จริงของมารเฒ่ากลืนโลหิตคือพวกมารร้ายที่อยู่บนชั้นเก้า

ยามมืด

ดวงจันทร์ลอยสูงเด่นบนท้องนภา

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ หายใจเข้าลึกหายใจออกยาว

หากมีผู้เยี่ยมยุทธสามระดับบนอยู่บริเวณนี้จะต้องตกใจเป็นแน่เมื่อพบว่าการสูดลมหายใจของซูฉินแต่ละครั้งสูดเอาพลังฟ้าดินจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย

พลังฟ้าดินที่ซูฉินสูดหายใจเข้าไปในแต่ละครั้งเพียงพอที่จะระเบิดร่างของผู้เชี่ยวชาญสามระดับบนทั่วๆ ไปได้แล้ว

ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญสามระดับบนจะสามารถเปิดสะพานเชื่อมระหว่างตนเองกับพลังปราณโลกได้ เพื่อชักนำพลังภายนอกเข้ามาชำระล้างร่างกายภายใน

แต่การทำแบบนั้นจะต้องค่อยเป็นค่อยไป

ให้เปรียบเสมือนสายน้ำไหลไปตามสายธารเล็กๆ ค่อยๆ ไหลเอื่อยๆ

แต่ตอนนี้การกระทำของซูฉินเหมือนกับก่อเกลียวคลื่นดึงดูดมวลน้ำจากทะเลสาบ ปริมาณมันไร้ที่สิ้นสุด

แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับต้นๆ พอมาเห็นซูฉินปล่อยไอฟ้าดินออกมาแบบนี้ก็ต้องขนลุกชันไปทั่วศีรษะ

พลังปราณของโลกอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าพลังปราณโลกจำนวนมหาศาลไหลบ่าเข้าสู่ร่างกาย ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งหากประมาทไปเพียงเล็กน้อยก็อาจทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บได้เหมือนกัน

เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่มาจากปราณโลก ปัญหาต่างๆ จะตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ดังนั้นจึงไม่มีผู้เยี่ยมยุทธคนใดกล้าจะทำแบบนี้

“[กายาวัชระคงกระพัน] สมกับที่เป็นผลงานชิ้นเอกในด้านกำลังภายนอกของวัดเส้าหลิน”

ซูฉินลืมตาขึ้นมา กล่าวชมเชยอยู่ในใจ

ร่างกายที่ไปถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ใน [กายาวัชระคงกระพัน] ทำให้ซูฉินดูดซับพลังฟ้าดิน พลังปราณโลกได้โดยไม่ต้องกังวลอันตรายใดๆ ที่ซุกซ่อนอยู่

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ข้าคงคิดว่า [กายาวัชระคงกระพัน] นั้นสมบูรณ์แบบและไม่มีข้อบกพร่อง”

“แต่ยามนี้ ข้ามี [ดวงตาแห่งสัจจะ] มาใช้สังเกตตนเอง ข้อบกพร่องของ [กายาวัชระคงกระพัน] จึงปรากฏให้เห็นได้ชัดเจน...”

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ รู้สึกนับถือในพลังของ [ดวงตาแห่งสัจจะ] มากขึ้น

[กายาวัชระคงกระพัน] เป็นแก่นแท้แห่งพลังหยางที่ทรงพลังที่สุด ดั่งหินผาสูงชันที่ไม่สามารถทำลายลงได้

อย่างไรก็ตามทุกสิ่งในโลกล้วนไม่ได้มีเพียงหยินหรือหยางแค่อย่างเดียว มีหยินอย่างเดียวไม่พัฒนา หยางเพียงอย่างเดียวก็ยากที่จะเติบโตจนสุด!

เพื่อความยืนยงอย่างแท้จริง หยินและหยางต้องสอดคล้องประสมประสานกัน

[กายาวัชระคงกระพัน] เสริมแกร่งร่างกายได้มากจนสามารถใช้เพียงร่างกายก็ต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญสามระดับบน

แต่มันสุดโต่งเกินไป

หากซูฉินต้องการก้าวข้ามไปอีกขั้นและบรรลุระดับ'อรหันต์' เขาจะไม่สามารถขัดเกลาร่างกายจนไปถึงขีดสุดได้โดยการใช้แค่ [กายาวัชระคงกระพัน] อย่างแน่นอน

ซูฉินต้องตามหาเคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างกายที่มีคุณลักษณะธาตุหยินอีกสักชนิดเพื่อผสานเข้ากับวิชา [กายาวัชระคงกระพัน]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด