ตอนที่แล้วตอนที่ 1 : จัดสรรจับคู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 : ตลาด

ตอนที่ 2 : ติดตามอาการ


เรื่อง : รัตติกาลไม่สิ้นแสง (长夜余火 Embers Ad Infinitum)

ตอนที่ 2 : ติดตามอาการ

* * * * * * * * * * * * * * *

เมื่อเข็มวินาทีของนาฬิกาแขวนเรือนเก่าคร่ำคร่าจนเหมือนจะหยุดเดินได้ทุกขณะที่แขวนไว้ในศูนย์กิจกรรมดังเอี๊ยดอ๊าดผ่านไปสามรอบครึ่ง ในที่สุดบนหน้าจอ LCD ก็มีข้อความปรากฏขึ้นมา

เมิ่งเซี่ยและคนอื่นๆ ต่างรีบมองหาชื่อของตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยถอนหายใจกันอย่างโล่งอก

ส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายหรือตื่นเต้นอะไร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีเช่นกัน สำหรับพวกเขาแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการทำข้อสอบ ขอเพียงผลที่ออกมาไม่ได้ย่ำแย่จนเกินไปก็ถือว่าดีแล้ว นอกจากนั้นแล้วทั้งพ่อแม่ปู่ย่าตายายของพวกเขาเองก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วเช่นกัน

คนที่เหลือต่างก็ทวีความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น นั่นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าคนที่จะต้องแต่งงานด้วยนั้นเป็นใคร มาจากชั้นไหน พ่อแม่ทำงานอยู่แผนกอะไร แม้ว่าพวกเขาจะได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยและได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น แต่คนที่พวกเขารู้จักนั้นก็ยังคงจำกัดอยู่เพียงแค่เพื่อนร่วมห้องเรียนและ ‘เพื่อนบ้าน’ ที่พักอยู่ชั้นเดียวกัน

หลงเยว่หงที่กวาดสายตามองขึ้นลงอย่างละเอียด อดพึมพำขึ้นไม่ได้

“ทำไมถึงไม่มีชื่อฉันล่ะ?”

“ก็ชื่อนายมันไม่ดีพอ” ซางเจี้ยนเย่าที่ยืนอยู่ข้างเขานั้น ยังคงมีสีหน้าอารมณ์ไม่เปลี่ยนไปจากก่อนหน้า

“…” หลงเยว่หงอยากจะแย้ง แต่น่าเศร้าที่เขาพบว่าตัวเองก็เห็นด้วยกับข้อสรุปของอีกฝ่าย

การจัดสรรจับคู่แต่งงานในครั้งนี้มีหลายพันคนที่ถูกบังคับให้เข้าร่วม มีชายมากกว่าหญิงเพียงแค่สองคนเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะชะตาชีวิตไม่ดี ชื่อตัวไม่ดี โชคไม่ดี ไหนเลยจะได้เป็นสองผีดวงกุดแบบนี้?

หลงเยว่หงนิ่งไปชั่วครู่ แล้วโพล่งขึ้น

“ชื่อนายก็ไม่มี!”

เขาไม่เห็นว่าชื่อของซางเจี้ยนเย่าจับคู่กับผู้หญิงคนไหนได้

ซางเจี้ยนเย่าเลิกคิ้วขวาแล้วพูด

“ก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง? ฉันแจ้งความประสงค์ไปแล้วว่าไม่ขอเข้าร่วมการจับคู่แต่งงานในครั้งนี้”

“นี่… นี่… จริงดิ? ไหงบริษัทถึงได้อนุมัติ…” หลงเยว่หงทั้งอึ้งทั้งงง รู้สึกเหมือนโลกพลิกกลับตาลปัตรไปแล้ว

เขามีชีวิตมา 21 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็เคยได้ยินว่ามีคนที่ถึงเกณฑ์แล้วแต่ไม่ได้เข้าร่วมการจัดสรรจับคู่แต่งงาน แต่นั่นก็เพราะมีสาเหตุอยู่ อีกฝ่ายนั้นป่วยติดเตียงนอนแบ็บไม่รู้ตายวันตายพรุ่ง หรือไม่ก็อยู่ในทีมสำรวจโลกภายนอกของแผนกความมั่นคง ที่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาได้หรือเปล่า

คนทั่วไปที่สุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ ย่อมต้องทำตามกฎของบริษัท ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน

นี่เป็นหนึ่งในภาระหน้าที่ของผู้ที่เป็นพนักงานบริษัท

ความโศกเศร้าของหลงเยว่หงถูกขจัดปัดเป่าทิ้งไปเพราะเรื่องนี้ เขามองซางเจี้ยนเย่าแล้วพูด

“นายเตรียมใจรับการถูกตัดการปันส่วนพลังงานแล้ว?

“นั่นยังไม่แย่เท่าไหร่ ที่น่ากลัวที่สุดก็คือถูกตัดแต้มความร่วมมือ นายจะมีอาหารไม่พอยาไส้! พวกเราที่เป็นระดับ D1 ได้รับเพียงแค่ 1,800 แต้มต่อเดือนเท่านั้น แต่ละสัปดาห์ได้กินเนื้อเพียงครั้งเดียว แต่ละครั้งสามส่วนถูกลดไปหนึ่งส่วน คิดอะไรของนายกันเนี่ย?”

“บริษัทยอมรับเรื่องนี้ ไม่โดนตัดแต้ม” ซางเจี้ยนเย่าตอบด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง…” หลงเยว่หงพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่ง

ถ้าหากว่าซางเจี้ยนเย่าไม่ได้เข้าร่วมการจัดสรรจับคู่แต่งงานในรอบนี้ งั้นก็แปลว่าผู้ชายที่เข้าร่วมก็มีมากกว่าผู้หญิงเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

มากกว่าแค่คนเดียวเท่านั้น…

ฉัน… ฉันก็คือไอ้คนดวงกุดคนนั้น… หลงเย่วหงอ้าปากค้าง ความโศกเศร้าอย่างรุนแรงพลุ่งพล่านอยู่ในใจ

ตอนนี้หน้าจอแสดงผลเปลี่ยนไป กลายเป็นหน้าแนะนำข้อมูลพื้นฐานโดยสังเขปของผู้อาศัยในชั้นนี้ที่จับคู่ได้สำเร็จ เพื่อที่จะได้หาอีกฝ่ายเจอและไปจดทะเบียนสมรสที่ “สำนักงานตรวจสอบความเรียบร้อย” แต่ละสาขาของ “แผนกตรวจสอบความเรียบร้อย”

“เมิ่งเซี่ย สามีเธอเป็นคนภายนอก!” แต่ละคนมองดูหน้าจอกันมาสักพักแล้วจู่ๆ หญิงสาวด้านข้างก็ร้องอุทานขึ้น

เมิ่งเซี่ยท่าทางเงียบขรึมลงนิดหน่อย ดวงตาที่จ้องมองอยู่ขยับเล็กน้อยและพูดพึมพำ

“จางเหล่ย - เพศชาย - ชาติกำเนิด คนเร่ร่อนแดนร้าง - อายุ 25 ปี - ถูกบริษัทดูดซับไว้เมื่อสามปีก่อน ทำผลงานได้ดี - ไม่มีปัญหาสุขภาพ - ที่อยู่ ชั้น 622 เขต A ห้อง 192 - ระดับพนักงาน D4 - หมายเลขบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 04311029189…”

“มีคนภายนอกจริงๆ ด้วย…” หลงเยว่หงก็ถูกเรื่องนี้ดึงดูดความสนใจ เริ่มพูดคุยกับสหายข้างกาย

พวกเขาต่างก็รู้ว่าบริษัทจะทำการดูดซับผู้เร่ร่อนจากแดนร้างเข้ามาเป็นระยะเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรและความสมบูรณ์ของยีนส์ แต่เนื่องจากผู้ที่อาศัยอยู่ในชั้นนี้ไม่เคยร่วมงานกับคนภายนอกมาก่อน ทั้งยังไม่เคยมีใครแต่งงานกับพวกเขาด้วย ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจอยากรู้อยากเห็น

“เมิ่งเซี่ย เรื่องนี้ก็ไม่ได้แย่หรอกนะ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนภายนอก แต่ตอนนี้เขาได้เป็นพนักงานระดับ D4 แล้ว อายุก็เพิ่งจะ 25 นี่ว้าวมากเลยนะ!” หญิงสาวเสื้อเขียวกางเกงน้ำเงินปลอบเพื่อน

ระดับ D4 นั้นแปลว่าเขาไต่เต้าจากพนักงานธรรมดาขึ้นเป็นระดับอาวุโส เป็นพนักงานชั้นสูง สามารถดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าโครงการวิจัยขนาดเล็ก หัวหน้าสายการผลิตของโรงงาน รองหัวหน้าทีมรักษาความมั่นคงปลอดภัย หรือไม่ก็เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของเขตๆ หนึ่งได้เลย แต่ละเดือนก็ยังได้รับแต้มความร่วมมือมากกว่าระดับ D1 ไม่ต่ำกว่า 2,000 แต้ม

“แต่ว่าการปรับปรุงพันธุกรรมในผู้ใหญ่นั้นมีผลไม่มากนัก…” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ หลงเยว่หงอีกด้าน พูดพึมพำ

แล้วเขาก็มองเห็นข้อมูลของคนที่ถูกจับคู่กับตนเอง

“โจวฉี - เพศหญิง - ชาติกำเนิด พนักงานภายใน - อายุ 30 ปี - เคยมีสามีหนึ่งครั้ง เสียชีวิตเมื่อ 5 ปีก่อน กำลังเลี้ยงดูบุตรชายหนึ่งคน - สมัครเข้าร่วมการจัดสรรจับคู่แต่งงานในครั้งนี้ - ไม่มีปัญหาสุขภาพ - ที่อยู่ ชั้น 569 เขต B ห้อง 27 - ระดับพนักงาน D4 - หมายเลขบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 01609052558…”

“หยางเจิ้นหย่วน เมียนายแก่กว่านาย 10 ปี…” หลงเยว่หงก็เห็นข้อมูลเช่นกัน

หยางเจิ้นหย่วนก็เหมือนกับเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ของเขาในบริษัท ใบหน้าขาวสะอาด ร่างกายกำยำ รูปร่างไม่เลว เพียงแต่ว่าลักษณะกระเดียดไปทางสาวนิดหน่อย และมองดูเหมือนเป็นคนเก็บตัว

พอได้ยินหลงเยว่หงพูดเช่นนั้น หยางเจิ้นหย่วนก็หน้าแดง แล้วเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อทุกคนต่างจดจำข้อมูลของตนเองได้แล้วก็ทยอยเดินออกจากศูนย์กิจกรรมไปคนแล้วคนเล่า เพื่อเตรียมตัวไปหาว่าที่คู่ชีวิตของตัวเอง ไม่ก็กลับบ้านไปรอให้อีกฝ่ายเดินทางมาหา

ในตอนนั้นเอง ภายในห้องโถงอาคารซึ่งเหลืออยู่เพียงแค่ห้าหกคน ก็พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ใครคือหยางเจิ้นหย่วน?”

“ผมเอง มีอะไรเหรอ?” หยางเจิ้นหย่วนที่กำลังคุยอยู่กับหลงเยว่หงและซางเจี้ยนเย่าก็หันไปมองที่ประตูโดยอัตโนมัติ

ผู้ที่เดินผ่านประตูเข้ามาในศูนย์กิจกรรมเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง รูปลักษณ์เป็นหญิงสาวที่เติบใหญ่และมีเสน่ห์ แม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย แต่ก็ไม่อาจบดบังรูปร่างอันน่าตรึงใจของเธอได้

“ฉันคือโจวฉี” หญิงสาวมองที่หยางเจิ้นหย่วนแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ไปบ้านคุณคุยกันดีไหม?”

ตอนแรกหยางเจิ้นหย่วนรู้สึกประหลาดใจ แต่แล้วก็รีบพยักหน้าโดยเร็ว

“ได้ ได้”

“จะไปตอนนี้เลยไหม?” โจวฉียิ้มแย้มราวดอกไม้ผลิบาน

“ได้ ได้” หยางเจิ้นหย่วนพูดพลางรีบเดินไปพลาง

หลงเยว่หงมองดูคนทั้งคู่เดินออกไปจากศูนย์กิจกรรม อดทอดถอนใจไม่ได้

“ฉันจะทำอะไรต่อไปดี?”

ซางเจี้ยนเย่าหันมามองเขาอย่างเคร่งขรึม

“มีเรื่องใหญ่รอนายอยู่”

“…” กล้ามเนื้อบนใบหน้าหลงเยว่หงถึงกับกระตุก “พูดจาภาษาคนหน่อยสิ!”

ซางเจี้ยนเย่ายิ้มแล้วพูดว่า

“รอการจัดสรรจับคู่ปีหน้า”

“แหงล่ะ” หลงเยว่หงทอดถอนใจ “เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะได้จัดสรรบรรจุงานในตำแหน่งที่ดีๆ แล้วก็นะ ฉันรู้สึกว่านายไม่ค่อยปกติขึ้นทุกที หมายถึงสมองน่ะ”

พูดแล้วเขาก็ชี้ไปที่ขมับตัวเอง

สิ่งสำคัญที่สุดถัดจากนี้สำหรับพวกเขาก็คือการบรรจุงาน ซึ่งนี่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตพวกเขาโดยตรง ยกเว้นว่าใครมีทักษะความเชี่ยวชาญพิเศษในบางเรื่องและถูกแผนกที่เกี่ยวข้องจองตัวไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับสูงแล้วก็ล้วนต้องรอรับเข้าบรรจุงานทั้งสิ้น

ซางเจี้ยนเย่ายังไม่ทันได้ตอบอะไร หลงเยว่หงก็เห็นเฉินเสียนอวี่ที่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบศูนย์กิจกรรมชั้นนี้ปิดหน้าจอแสดงผล ในมือเขาถือแก้วน้ำโลหะทรงกระบอกที่ขุดคุ้ยมาจากซากปรักหักพังจากโลกเก่าเดินก้าวเข้ามา จึงถามขึ้นอย่างประหม่า

“ปู่เฉิน ปู่คิดว่าพวกเราน่าจะได้เข้าไปอยู่แผนกไหนเหรอ?”

เฉินเสียนอวี่กระแอม

“เท่าที่ฉันรู้นะ พวกที่เพิ่งแต่งงาน กับที่กำลังจะมีลูก จะได้รับการบรรจุเข้าตำแหน่งภายในที่ค่อนข้างปลอดภัย ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกจับคู่ หรือยังไม่จำเป็นต้องมีลูกตอนนี้ ก็จะถูกบรรจุในตำแหน่งชั่วคราวที่อาจมีอันตรายบ้าง”

หลงเยว่หงแทบทรุด

“ฉัน… ฉันต้องรีบกลับบ้านไปบอกพ่อแม่เรื่องผลการจับคู่แต่งงาน”

เขาไม่รอคำตอบจากซางเจี้ยนเย่า รีบเดินออกจากศูนย์กิจกรรมด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“พ่อแม่นายยังไม่เลิกงาน…” ซางเจี้ยนเย่าพูดพึมพำแล้วเดินออกจากห้องไปสู่ทางเดินด้านนอก

ที่นี่คืออาคารใต้ดินชั้น 495 ไม่มีท้องฟ้า มีเพียงเพดานสูงสี่เมตร มีหลอดไฟยาวติดอยู่เป็นระยะเพื่อให้ความสว่าง

สำหรับพนักงานภายในของบริษัท ช่วงเวลาที่ไฟส่องทางเปิดนั่นหมายถึงเวลากลางวัน ถ้าดับก็แปลว่าเป็นเวลากลางคืน

ซางเจี้ยนเย่ามองที่ไฟส่องทางเบื้องหน้าก่อนที่จะเดินเลี้ยวเข้าไปในสถานที่อื่นของเขต C

ทั้งสองฝั่งของทางเดินเป็นห้อง แต่ละห้องนั้นอยู่ใกล้ๆ กัน มีช่องว่างราวสองเมตร สร้างยาวต่อเนื่องไปตลอดแนว พวกมันถูกสร้างเลียนแบบรังผึ้งที่เขียนไว้ในหนังสือเรียน

เมื่อเทียบกันแล้ว ศูนย์กิจกรรมนั้นมีพื้นที่กว้างขวางเป็นลานจตุรัส

หลังจากเดินไปตาม “ถนน” สองเส้นแล้ว พื้นที่กว้างเบื้องหน้าซางเจี้ยนเย่าก็ปรากฏให้เห็น มีลิฟต์ติดตั้งอยู่ 12 ตัว

พวกนี้คือลิฟต์ที่พาไปยัง “เขตค้นคว้าวิจัย”

นี่ล้วนเป็นการสร้างจากวิธีของโลกเก่า เพื่อไม่ให้แออัดและป้องกันอุบัติเหตุ ดังนั้น “เขตที่อยู่อาศัย” กับ “เขตโรงงาน” “เขตค้นคว้าวิจัย” และ พื้นที่เล็กแต่สำคัญมากอย่าง “เขตนิเวศน์ภายใน” จึงสร้างแยกจากกันกระจายอยู่ในเขตต่างๆ

“เขตการจัดการ” และ “เขตพลังงาน” ถูกรวมไว้กับ “เขตค้นคว้าวิจัย” ต้องใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์รูดเพื่อยืนยันสิทธิ์ ถึงจะสามารถเข้าไปได้

ซางเจี้ยนเย่ารอชั่วขณะก่อนจะเข้าไปในลิฟต์ตรงกลาง จากนั้นกดที่เลข 21 ด้วยท่าทีสบายๆ

เนื่องจากเป็นช่วงเวลาทำงาน ลิฟต์จึงไม่ต้องหยุดกลางทาง มันเลื่อนลงไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอตลอดเส้นทาง

จากนั้นซางเจี้ยนเย่าก็หยิบบัตรอิเล็กทรอนิกส์แล้วรูดไปที่พื้นที่ที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นก็กดปุ่มโลหะซึ่งแสดงถึงชั้น 3

ลิฟต์ยังคงเลื่อนลง แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็หยุดจอด

ซางเจี้ยนเย่าออกจากลิฟต์ เลี้ยวซ้าย มองเห็นบานประตูโลหะซึ่งปิดสนิทอยู่ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธครบมืออยู่สี่นาย สวมชุดเกราะไบโอนิกทำให้ดูเหมือนกิ้งก่าที่ยืนตัวตรง

ซางเจี้ยนเย่าไม่ได้พยายามเข้าไปใกล้ประตูโลหะบานนั้น เขาเดินไปตามทางเดินด้านนอก แล้วไปทางขวา

เดินจนสุดทางเดินมีหลายห้องตั้งเรียงเป็นแถว แต่ว่าไม่มีห้องไหนขึ้นป้ายบอกไว้

ภายใต้แสงสว่างเรืองจากไฟเพดาน ซางเจี้ยนเย่าเคาะที่มุมประตู

“เข้ามาได้” น้ำเสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดังออกมา

ซางเจี้ยนเย่าจับที่จับประตูแล้วหมุนบิด ผลักเปิดประตู มองเห็นหญิงสาวในเสื้อคลุมสีขาวผู้หนึ่ง

สุภาพสตรีผู้นี้นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้สีไม้ธรรมชาติ อายุราวสามสิบปี แว่นตากรอบทองวางอยู่บนดั้งจมูก

เส้นผมถูกม้วนขมวดไว้อย่างเรียบร้อย มีเพียงปอยผมไม่กี่เส้นร่วงห้อยลงมา

“คุณนั่นเอง” หญิงสาวมองมาที่ซางเจี้ยนเย่า ยิ้มให้แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “นั่งสิ”

ซางเจี้ยนเย่านั่งลง ยิ้มราวกลับว่าได้กลับมาบ้าน

“ทิวาสวัสดิ์ครับ คุณหมอหลิน”

“ทิวาสวัสดิ์ ซางน้อย” หมอหลินเหน็บปอยผมแล้วหยิบเอาแฟ้มข้างกายขึ้นมาเปิดออก

จากนั้นก็ควงปากกาหมึกซึมสีดำในมือเล่น พูดแบบสบายๆ

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”

“ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นนิดหน่อย นอนหลับสนิท ร่างกายแข็งแรงดีครับ” ซางเจี้ยนเย่าตอบพลางยกแขนเบ่งกล้ามให้ดู

หมอหลินผงกศีรษะ

“หมอยื่นเรื่องขอยกเลิกการจัดสรรจับคู่แต่งงานให้แล้ว คุณรู้ผลแล้วหรือยัง?”

“ครับ ขอบคุณมาก” ซางเจี้ยนเย่าตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมร้องเพลงขอบคุณคุณหมอดีไหมครับ?”

“ไม่ต้องหรอก” หมอหลินรีบส่ายหน้าตอบอย่างไม่ลังเล

เธอจรดปากกาลง

“ที่จริงแล้วหมอก็อยากรู้นะ ว่าทำไมคุณถึงขอยกเลิกการจัดสรรจับคู่ อาการคุณก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนี่”

ซางเจี้ยนเย่าท่าทางจริงจัง พูดเสียงหนักแน่น

“เพื่อช่วยมนุษยชาติครับ”

“…” หมอหลินยกปากกาขีดเขียนวงกลมลงในเอกสารเบื้องหน้า

ข้อความที่อยู่ในวงกลมนั้นคือ

“ความผิดปกติทางจิตระดับปานกลาง (คาดว่าเป็นอาการหลงผิด รอสังเกตอาการเพิ่มเติม)”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด