ตอนที่แล้วตอนที่ 38: ใครกำลังปั่นหัวใครกันแน่ 1 (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39: ผู้ที่เก่งกาจต่างก็เคยเป็นคนธรรมดามาก่อนทั้งนั้น 1 (อ่านฟรี)

ตอนที่ 38: ใครกำลังปั่นหัวใครกันแน่ 2 (อ่านฟรี)


และในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็ได้วางเดิมพันลงไปแล้ว แต่ทว่า พนักงานประจำโต๊ะก็เผยท่าทีลังเล  ทันทีที่เห็นเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็รีบตะโกนขึ้นมา “เปิดเลยสิ! จะให้พวกเราเล่นหรือไม่เล่นกันล่ะเนี่ย? อย่าบอกนะว่าที่ไม่ยอมเปิดก็เพราะนายกำลังจะโกงพวกเรา?”

ทันทีที่เห็นเหล่านักพนันจำนวนมากตะโกนกดดันและหันไปเห็นว่าหัวหน้างานของตนกำลังนั่งคุยโม้กับสาวสวยคนหนึ่งอยู่ พนักงานประจำโต๊ะผู้น่าสงสารก็ไม่รู้ว่าตนจะต้องทำอย่างไรต่อไป อีกทั้ง แรงกดดันจากบรรดานักพนันที่เข้ามาร่วมโต๊ะก็พลันเพิ่มขึ้น และในตอนนี้ พนักงานผู้น่าสงสารก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเปิดถ้วยขึ้นมา

ทันทีที่เซินเหยาเห็นว่าเสี่ยวเฉิงได้ชิปมามากกว่าหนึ่งแสนหยวนแล้ว เธอก็แสร้งทำเป็นว่ามีสายเข้ามาและหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า "สวัสดีค่ะ? เดี๋ยวฉันขอออกไปคุยข้างนอกก่อนนะคะ สัญญาณข้างในไม่ค่อยดีเลย รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปหาที่เงียบกว่านี้ก่อน” หลังจากนั้น เธอก็เดินจากไปโดยไม่ได้สนใจพนักงานเจ้าปัญหาเลยแม้แต่น้อย

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงได้เงินแสนตามที่ต้องการแล้ว เขาก็รีบมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการ ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงพลันก็ทุบถ้วยลูกเต๋าที่ถูกผลิตมาด้วยกรรมวิธีพิเศษเพื่อการโกงลงพื้นด้วยความโกรธ

เมื่อเสี่ยวเฉิงวางชิปหนึ่งแสนหยวนลงบนโต๊ะ เขาก็เม้มริมฝีปากและมองไปยังฉางเหรินพร้อมกล่าวคำพูด “ปล่อยเขาได้หรือยังล่ะ? ฉันเพิ่มเงินให้อีกสองพันสี่ร้อยหยวนด้วย ถือว่าแทนคำขอโทษจากทางฝั่งเรา อีกอย่าง ช่วยคืนเงินให้บัตรเครดิตก่อนหน้านี้ให้ฉันด้วยก็แล้วกัน เงินทอนอีกสี่แสนที่เหลือในบัตรยังคงเป็นของฉันอยู่”

ท่านซานพลันมองไปยังชิปมูลค่าหนึ่งแสนหยวนบนโต๊ะและจ้องไปที่เสี่ยวเฉิงด้วยสายตาสุดอันตราย เขาไม่ได้คาดหวังเอาไว้ว่าเสี่ยวเฉิงจะทำสำเร็จ ทันใดนั้น ความรู้สึกโกรธก็พลันถาโถมเข้ามาในจิตใจ อันที่จริง ท่านซานอยากจะให้พวกลูกน้องรุมกระทืบเสี่ยวเฉิงตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ทว่า เขาก็ต้องกลั้นความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ทันทีที่นึกถึงพวกผู้คุมกว่ายี่สิบคนที่ยังคงนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาล

นอกจากนี้ ยังมีพวกเศรษฐีและผู้มีอำนาจอีกมากที่รู้เห็นเรื่องข้อตกลง หากท่านซานผิดคำพูด หลายสิ่งหลายอย่างก็อาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงเรียงนามของแก๊งเสือขาว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของคาสิโนแห่งนี้เป็นแน่

แต่ในฐานะผู้อาวุโส เขาต้องกำจัดความโกรธของตัวเองออกไป หลังจากนั้น ท่านซานก็พลันกล่าวคำพูดเพื่อเตือนเสี่ยวเฉิง “หนุ่มน้อย... อย่าทระนงตัวจนเกินไปล่ะ”

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงเองก็พลันพูดแทรกขึ้นมา "ผู้แพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองสิ ยังไงก็เถอะ ฉันจะถามอีกครั้งเดียวนะ นายคิดจะปล่อยเขาไปไหม?"

ท่านซานพลันกัดฟันและมองไปยังเสี่ยวเฉิงพร้อมตอบกลับด้วยเสียงทุ้ม "ระวังคำพูดและท่าท่าของตัวเองให้ดีล่ะ นายอาจจะทำให้แก๊งเสือขาวอย่างพวกเรารู้สึกขุ่นเคืองได้"

"ยังไงพวกนายก็มาจากสังคมดำมืดสุดอันตรายอยู่แล้ว ส่วนฉันเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราสองเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เพราะแบบนั้น ไม่ต้องมาพูดเลยว่าใครจะทำให้ใครขุ่นเคือง เพราะไม่ช้าก็เร็ว พวกนายทุกคนจะต้องถูกฉันเล่นงานแน่” เสี่ยวเฉิงกล่าวคำพูดออกมาอย่างเย็นชา

"แค่นายคนเดียว?" ท่านซานเผยเสียงหัวเราะเยาะออกมา “ระวังตัวเอาไว้หน่อยก็แล้วกัน อนาคตคนเรามันไม่แน่ไม่นอนนักหรอก อนาคตของนายจะต้องเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์แน่”

สิ่งที่เรียกว่าความเซอร์ไพรส์นั้นน่าจะหมายความว่าเสี่ยวเฉิงจะต้องใช้ชีวิตในทุก ๆ วันด้วยความกลัว

"ผิดแล้ว" เสี่ยวเฉิงเผยเสียงหัวเราะ “นั่นเป็นคำที่ฉันจะต้องพูดกับนายต่างหากล่ะ อีกอย่าง สังคมดำมืดของพวกนายก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเปิดเผยต่อคนผู้คนภายนอกได้ เพราะแบบนั้น ภาวนาอย่าให้ฉันหาหลักฐานสุดดำมืดที่นายซ่อนเอาไว้เจอก็แล้วกัน ไม่งั้นพวกนายนั้นแหละจะต้องใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์!”

ทันใดนั้น ท่านซานก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง "เจ้าหน้าที่หลายคนก็เคยพูดกับฉันแบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้พวกมันก็คงจะถูกฉลามแทะจนเหลือแต่กระดูกแล้วมั้ง"

"งั้นเหรอ?" ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็รู้ได้ทันทีว่าชายตรงหน้ากำลังดูถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็ทุบหมัดข้างหนึ่งลงไปบนโต๊ะไม้มะฮอกกานีทันที โต๊ะทำงานของท่านซานถึงกับแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับชุดน้ำชาเซรามิกที่เคยวางไว้อยู่บนโต๊ะ

“ลองคิดว่าหมัดชุดนี้ไปบนใบหน้าของนายดูสิ… เดี๋ยวเราได้รู้กันแน่ว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นคนที่ถูกฉลามแทะจนเหลือแต่กระดูก...” ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปถีบกลางอกของผู้คุมสองคนที่ยืนอยู่ข้างฉางเหรินจนลอยกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็รีบดึงเชือกที่มัดมือของฉางเหรินจนขาดกระจาย เขารีบพาตัวฉางเหรินออกไปจากคาสิโนพร้อมกับทิ้งท่านซานเอาไว้ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการเยาะเย้ยและนินทาของบรรดานักพนันในคืนนั้น

ในหนึ่งคืน ชายคนหนึ่งได้เข้ามาในคาสิโนถึงสองครั้ง เขาได้ทำตามทุกอย่างตามที่ตนต้องการ อีกทั้งยังสามารถเดินออกไปจากคาสิโนแห่งนี้ได้โดยที่ไม่มีใครหยุดเอาไว้ได้หรือได้รับบาดเจ็บอะไรเลย

ด้วยเหตุนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นความอัปยศอดสูของแก๊งเสือขาวอย่างแท้จริง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด