ตอนที่แล้วทะลุมิติเทพศาสตรา EP.83 ตำหนักเจ๋อเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทะลุมิติเทพศาสตรา EP.85 ชิ้นส่วนคัมภีร์หลอมกระดูกมังกร

ทะลุมิติเทพศาสตรา EP.84 ไม่เจอกันนานเลยนะ เสี่ยวซี!


EP.84 ไม่เจอกันนานเลยนะ เสี่ยวซี! 

จวนขุนนางเมืองซีไห่ ภายในห้องโถงด้านหลังตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม

การเสด็จมาขององค์หญิงฉินอินทำให้เหล่าคนรับใช้ตื่นตระหนก ถึงขั้นลือกันว่าองค์จักรพรรดิทรงเป็นห่วงความปลอดภัยของฉินอิน จนเกือบจะเสด็จมาทรงเยี่ยมพระธิดาที่จวนชีไห่แล้ว ทำเอาคนทั้งจวนตื่นเต้นที่ได้รับการโปรดปราน

ส่วนถังเสี่ยวซีจดจ่ออยู่กับการจัดการเนื้อกวางชิ้นโต มือซ้ายถือตะเกียบ มือขวาถือมีดสั้นแล่เนื้ออย่างคล่องแคล่ว ใบหน้างามเต็มไปด้วยความพออกพอใจแล้วยิ้มกล่าว “เนื้อกวางจิ้มน้ำจิ้มหวานนี่อร่อยมากเลย เสี่ยวอินเจ้าทานเยอะๆ ล่ะ!”

ฉินอินยิ้มขำ มองสหายรักคนนี้อย่างรักใคร่แล้วกล่าว “เจ้านี่นะ ป่านนี้ยังอยู่ขอบเขตปฐพีชั้นที่สาม ต้องพยายามหน่อยแล้วนะ!”

ถังเสี่ยวซียู่ปากน้อยใจ “เจ้ายังจะพูดอีก เจ้าคิดว่าทุกคนมีพรสวรรค์และฉลาดแบบเจ้าอย่างนั้นหรือ จะว่าไป วิญญาณยุทธ์ของเจ้าคือโซ่เทวะอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่วิญญาณยุทธ์ของข้าเป็นแค่จิ้งจอกอัคคีอันดับสองเท่านั้นเอง จริงสิ ตอนนี้พลังของเจ้าอยู่ระดับไหนแล้วเหรอ”

เฟิงจี้สิงที่อยู่ด้านข้างตอบ “องค์หญิงเข้าสู่ขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งระดับห้าสิบเจ็ดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เอ๋?”

ถังเสี่ยวซีอ้าปากเล็กๆ กำหมัดพูด “นึกไม่ถึงเลยว่าข้าจะถูกเสี่ยวอินนำห่างไปไกลขนาดนั้น ข้าก็ต้องพยายามมากๆ แล้วล่ะ...แต่ขอทานให้อิ่มก่อนก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นข้าไม่มีแรงฝึก”

ฉินอินและเฟิงจี้สิงอดยิ้มไม่ได้

“ไม่รู้ว่ามู่มู่เป็นอย่างไรบ้าง จะเป็นหรือตายก็ไม่รู้...” ถังเสี่ยวซีกินอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็พึมพำขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำ

เฟิงจี้สิงชะงัก แต่ไม่ได้พูดอะไร

กลับเป็นฉินอินที่พูดขึ้น “เสี่ยวซี หากหลินมู่อวี่สำคัญต่อเจ้ามากขนาดนั้น ข้าจะไปทูลขอเสด็จพ่อ ให้อภัยโทษหลินมู่อวี่ก็แล้วกัน แค่สังหารขุนนางเมืองเล็กๆ ตายเท่านั้นเอง”

ถังเสี่ยวซีมองนางด้วยความตื้นเต้นดีใจ “ได้จริงๆ หรือ”

ฉินอินพยักหน้าแรงๆ “อือ!”

ด้านข้าง ฉินเหลยที่กำลังกินเนื้ออยู่ก็เงยหน้าขึ้นมา “องค์หญิง ฝ่าบาทเคยตรัสว่า กฏหมายของจักรวรรดิ ใครก็ไม่อาจได้รับการยกเว้น ประโยคนี้ฝ่าบาททรงตรัสเมื่อวันที่ทรงขึ้นครองราชย์ ท่านไปฉีกพระพักตร์ฝ่าบาทแบบนี้คงไม่ดีกระมัง...”

ฉินอินถลึงตาใส่เขา “ท่านพี่ฉินเหลยนิสัยไม่ดีเลยจริงๆ!”

ถังเสี่ยวซีพยักหน้า “อือ”

ฉินเหลยเป็นบุตรของอ๋องจี้หนิง บุตรของชินหวัง (ชินหวังหรือชินอ๋อง คือตำแหน่งขององค์ชายที่เป็นพี่น้องกับจักรพรรดิ) ความจริงแล้วเป็นพระญาติผู้พี่ของฉินอิน เขายิ้มซื่อๆ “งั้น...ก็ลองดูเถอะ ไม่แน่ฝ่าบาทอาจจะอภัยโทษให้เจ้าเด็กนั่นจริงก็ได้!”

เฟิงจี้สิงมองอยู่ข้างๆ อยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้เสียก่อน

หลังมื้ออาหาร ฉินอินมาชมดอกไม้ในสวนด้านหลังจวน ฉินเหลยในฐานะหัวหน้าองครักษ์อวี้หลิน จึงพกอาวุธมาคุ้มกันอยู่ด้านข้างด้วยตนเอง ภารกิจเดียวที่องค์จักรพรรดิมอบให้เขาก็คือคุ้มกันความปลอดภัยขององค์หญิงฉินอิน

“องค์หญิงซีพ่ะย่ะค่ะ”

เฟิงจี้สิงถือดาบ ส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล

ถังเสี่ยวซีที่อยู่บนระเบียงไม้จึงหยุดฝีเท้า หันกลับมาถาม “แม่ทัพเฟิง มีเรื่องอะไรหรือ”

เฟิงจี้สิงกระแอมแล้วกล่าว “องค์หญิงซี เอ่อ...หลินมู่อวี่สำหรับท่านแล้วสำคัญมากจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ถังเสี่ยวซีชะงัก หน้าแดงน้อยๆ “เขา...เขาถือว่าเป็นเพื่อนรักของข้ากระมัง”

“อย่างนี้นี่เอง...”

เฟิงจี้สิงยิ้ม “งั้นกระหม่อมเฟิงจี้สิงขอพูดสักสองสามประโยคตรงนี้ หลังจากพูดจบแล้ว คำพูดเหล่านี้จะสลายไปตามลม องค์หญิงซีช่วยทำเหมือนไม่เคยได้ยินคำพูดเหล่านี้มาก่อนเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

ถังเสี่ยวซีงง “อืม อะไรหรือ”

เฟิงจี้สิงเอ่ยเสียงเบา “หลายวันก่อน มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินทางไกลมาจากเมืองหยินซาน ใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน เผชิญความยากลำบากจากป่าสัตตะดาราจนมาถึงป่าล่ามังกร ต่อมาได้เข้ามาในเมืองหลันเยี่ยน ด้วยการแนะนำของกระหม่อม เขาเข้าไปฝึกอยู่ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว เปลี่ยนชื่อเป็น”หลินจื้อ“บางทีที่วิหารศักดิ์สิทธิ์อาจจะมีคำตอบที่องค์หญิงต้องการอยู่ก็ได้”

“อา...”

ร่างอรชรของถังเสี่ยวซีสั่นเทา ผ้าพันคอไหมสีเงินรอบคอปลิวไปตามสายลม และตกลงในสระบัว นางเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาคู่งามมองเฟิงจี้สิง “เรื่องจริงหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เฟิงจี้สิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “องค์หญิงซีโปรดวางใจ เฟิงจี้สิงไม่เคยโกหก องค์หญิง ผ้าพันคอของท่านปลิวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

……

ในห้องซ้อม โอวหยางชิวยกกระบี่ด้ามหนึ่งขึ้นมา กระบี่เล่มนี้ไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา คมกระบี่มีพลังน้ำแข็งไหลเวียนอยู่ อย่างน้อยมันก็เป็นอาวุธวิญญาณเหมือนกัน ไม่ด้อยไปกว่ากระบี่เหลียวหยวนของหลินมู่อวี่เท่าใดนัก

“กระบี่ไร้ตา ท่านหลินจื้อระวังด้วย หากทำร้ายท่านเข้า ข้าคงรับผิดชอบไม่ไหว”

โอวหยางชิวกล่าวอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมา เป็นวิญญาณยุทธ์ประเภทสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายงูพิษ ขณะเดียวกันรอบกระบี่ก็เริ่มมีประกายของปราณยุทธ์ออกมา นี่เป็นสิ่งที่เขาได้เปรียบหลินมู่อวี่ ปราณยุทธ์กับปราณปกติ เป็นพลังที่ห่างชั้นกันมาก

หลินมู่อวี่ไม่พูดอะไร เพียงแต่รีบเรียกกำแพงน้ำเต้าออกมา แล้วเพิ่มปราการเกล็ดมังกรและกระดองเต่าทมิฬด้วย ถึงจะบอกว่าเป็นแค่การฝึกซ้อม แต่ลึกๆ แล้วเขารู้ว่าการสู้ครั้งนี้สำหรับเขาเป็นศึกที่เป็นตายเท่ากัน จังหวะที่โอวหยางชิวชักกระบี่ เขาก็ไม่อาจปิดบังจิตสังหารของตนเองได้ ในห้องฝึกมีกันอยู่แค่สองคน โอกาสจะฆ่าคนง่ายๆ แบบนี้ไม่มีอีกแล้ว

“โปรดชี้แนะด้วย!”

โอวหยางชิวพลิกข้อมือฉับพลัน กระบี่ยาวโจมตีรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ พลังการโจมตีของมือกระบี่อันดับหนึ่งแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ปราณกระบี่สะเทือนใส่ปราณยุทธ์ แผดเสียงแหลมสูงออกมากลางอากาศ

ทักษะกระบี่ของหลินมู่อวี่มีแค่ทักษะกระบี่วายุกับพิฆาตอสนีบาต พิฆาตอสนีบาตเป็นกระบวนท่าสำหรับสังหารศัตรู ถ้าจะตั้งรับจริงๆ ที่เหมาะสมคือทักษะกระบี่วายุ แต่ทักษะกระบี่วายุนั้นต้องใช้การควบคุมลมและความเร็ว ในเวลานี้หลินมู่อวี่ลืมฐานะผู้ช่วยฝึกของเขาหมดสิ้น เขาใช้ฝีเท้าดาวตกเคลื่อนที่ กระบี่เหลียวหยวนระเบิดเปลวเพลิงออกมา “เกร๊ง” ปะทะคมกระบี่ของอีกฝ่าย “ฉวับ ฉวับ ฉวับ” โจมตีด้วยพิฆาตอสนีบาตใส่หน้าอกของโอวหยางชิวติดกันสามครั้ง เขาชิงบุกเข้าโจมตีก่อน!

“ยอดเยี่ยม!”

โอวหยางชิวอดที่จะตะโกนชื่นชมไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง ถึงแม้จุดยืนจะต่างกัน แต่ความลุ่มหลงในการฝึกยุทธ์ทำให้เขาอดชื่นชมคู่ต่อสู้ไม่ได้

“เกร๊งๆ ๆ” เสียงดังขึ้นติดกันสามครั้ง การชิงโจมตีก่อนของหลินมู่อวี่นั้นถูกกันไว้ได้อย่างรวดเร็ว ความเร็วในการโต้กลับของโอวหยางชิวรวดเร็วเกินไปแล้ว หลังจากตั้งรับสามกระบี่ เขาก็วาดกระบี่ตอบโต้กลับทันที กระบี่ที่มีปราณยุทธ์ฟันเข้ากระดองเต่าทมิฬเสียงดังปัง ขณะเดียวกันวิญญาณยุทธ์ก็แผ่กว้าง พ่นพิษร้ายกาจออกมา

“เฮ้ย!?”

หลินมู่อวี่รีบถอยหลังทันที และเรียกกำแพงน้ำเต้ามากันของเหลวพิษ แต่ด้านหลังกลับสั่นสะท้าน การก้าวย่างของโอวหยางชิวมหัศจรรย์มาก กระบี่ยาวฟันเข้าที่แผ่นหลังเขาสามครั้งจนเกิดเป็นรูปสามเหลี่ยมขึ้น

หันกลับก็ช้าไปเสียแล้ว กระดองเต่าทมิฬชั้นแรกถูกทำลายแล้ว!

โอวหยางชิวเร่งปราณยุทธ์ทั่วร่าง หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แล้วรีบพุ่งตัวเข้ามา แทงเข่าเหล็กหนักๆ เข้าปราการเกล็ดมังกรซึ่งเป็นชั้นที่สอง ปราณยุทธ์ถึงกับสั่นสะเทือน หลินมู่อวี่เลือดลมปั่นป่วน กระโดดถอยหลังไปทันที เขาเงยหน้าขึ้น เห็นโอวหยางชิวกระโจนเข้ามา กระบี่ยาวเปลื่ยนไปเป็นกระบี่นับสิบเล่ม นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเคล็ดหมื่นกระบี่ที่เจิ้งฟางเคยใช้มาก่อน!

ปราณกระบี่ของเขาแข็งแกร่งเกินไป ปราการเกล็ดมังกรก็ต้านไม่อยู่แล้ว!

เขาจึงรีบใช้ทักษะของวิญญาณยุทธ์ พ่นพิษ!

พลังปราณรวมเข้าเป็นรูปดอกน้ำเต้าแล้วพ่นของเหลวพิษออกมา

โอวหยางชิวไม่รู้ว่ามันคืออะไร เป็นธรรมดาที่ไม่กล้าปะทะเข้าไปตรงๆ รีบสลายการโจมตีของเคล็ดหมื่นกระบี่ แล้วพลิกตัวกลางอากาศถอยหลบไป เห็นแต่ของเหลวพิษตกลงพื้น ส่งเสียงดังซี่ๆ

“ร้ายกาจนักนะ!” เขายิ้มเยาะ

“ท่านก็เช่นกัน”

หลินมู่อวี่ควงกระบี่ฉวยโอกาสโจมตีก่อน ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอีกครั้ง

สู้กันไปมาเช่นนี้เกือบๆ ห้าสิบรอบ บนร่างกายของทั้งสองฝ่ายล้วนปรากฏบาดแผลมากขึ้น แต่ที่ต่างกันคือโอวหยางชิวถูกแทงที่แขนสองครั้ง เลือดไหลเป็นทาง ส่วนหลินมู่อวี่ก็ถูกโจมตีเข้าที่จุดสำคัญบริเวณหน้าอกสองครั้ง แต่เป็นแผลถลอก เลือดไหลไม่เยอะ แค่ซึมออกมาพอให้เห็นที่เสื้อด้านนอกเท่านั้น ดังนั้นจึงดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งความจริงแล้วบาดแผลของโอวหยางชิวนั้นสาหัสกว่า นี่น่าจะเป็นผลของการก่อชั้นผิวกระมัง!

โอวหยางชิวยิ่งสู้ยิ่งร้อนใจ เขารู้ว่าหลินมู่อวี่เป็นแค่ปราชญ์สงครามระดับห้าสิบเท่านั้น แต่ตัวเขาเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งกลับไม่ได้ได้เปรียบมากนัก

ดังนั้นความโมโหจึงทะลักขึ้นมา พร้อมปราณยุทธ์ที่ไร้ขอบเขต ปราณยุทธ์ไหลออกมาไม่ขาดสาย ทำให้ฟื้นฟูพลังกลับมาได้จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น นี่คือจุดที่ปราณยุทธ์แข็งแกร่งกว่าปราณปกติ สู้กันอีกสิบกว่ายก ใบหน้าหลินมู่อวี่เริ่มซีดขาว ท่าทางไม่ค่อยดีแล้ว ร่างกายมีแผลถูกกระบี่แทงเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง

“ฉึกๆๆๆ...”

โอวหยางชิวยิ่งโจมตียิ่งร้อนรน กระบี่ที่ยาวราวกับงูพิษเขมือบโจมตีเข้าที่หัวใจ ลำคอและจุดตายของหลินมู่อวี่ จิตสังหารของโอวหยาวชิวระเบิดออกมาทั้งหมด

“เจ้าคิดจะฆ่าข้า!?”

หลังจากโจมตีด้วยหมัดเสียงปีศาจออกไปอย่างรุนแรง เลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากของหลินมู่อวี่ เขาเงยหน้ามองคู่ต่อสู้ พูดอย่างเยือกเย็น “เจิ้งฟางต้องการสังหารข้ามากขนาดนั้นเลยหรือ”

โอวหยางชิวยิ้มเยาะ “ไม่ใช่ท่านอ๋องน้อยที่ต้องการให้เจ้าตาย แต่เป็นเพราะเจ้าสมควรตาย เดรัจฉานตัวเล็กๆ อย่างเจ้าเป็นนักโทษประกาศจับ ถือดีอะไรมาฝึกวิชาอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ รีบตายไปซะเถอะ!”

กระบี่ยาวลอยอยู่กลางอากาศ เป็นการโจมตีร้ายกาจสิบกว่าครั้งอีกแล้ว

หลินมู่อวี่เร่งปราณให้ก่อรวมขึ้นเป็นปราการเกล็ดมังกรอย่างสุดพลัง แต่ก็ถูกทำลายลงอีกในพริบตา เพราะระดับพลังห่างชั้นกันมาก แม้แต่ตอนนี้เขายังรู้สึกว่าตนเองอ่อนแรงแล้ว  

“เปรี้ยง!”

แผ่นหลังกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง กำแพงห้องซ้อมนี้หนาอย่างน้อยหนึ่งเมตร แต่การโจมตีที่รุนแรงนี้ทำให้ผิวกำแพงแตกละเอียดเป็นผง ร่างของหลินมู่อวี่ฝังเข้าไปในกำแพงเกือบยี่สิบเซนติเมตร

“เคร้ง!”

โอวหยางชิวไม่ใช้กระบี่ แต่กลับกางมือซ้ายที่เหมือนกรงเล็บเหล็กตะปบเข้าที่ลำคอของหลินมู่อวี่อย่างแรง เขาหัวเราะก๊าก “ว่ายังไง น้ำเต้าของเจ้าไม่ใช่เป็นอันดับหนึ่งเรื่องการป้องกันในวิหารศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ ตอนนี้ทำไมไม่ขลังแล้วล่ะ ร่างกายของเจ้าฝึกก่อผิวมาไม่ใช่รึไง ฮ่าๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าแก่เหลยหงจะถ่ายทอดวิชาก่อผิวให้สวะอย่างเจ้า แต่กลับไม่ถ่ายทอดให้พวกข้า ช่างลำเอียงซะจริง!”

พูดจบ เขาก็กดปลายกระบี่ลงที่หน้าอกของหลินมู่อวี่ ค่อยๆ ดันเข้าไป ตอนที่ปลายกระบี่แทงเข้าไปในผิวหนัง เห็นหน้าตาเจ็บปวดของอีกฝ่าย โอวหยางชิวอดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ “เป็นยังไงบ้างล่ะ ทำไมก่อชั้นผิวของเจ้าไม่มีผลแล้วล่ะ หลินจื้อ เจ้าคงไม่อยากตายแบบนี้ใช่ไหม ฮ่าๆ ๆ สวะอย่างเจ้าก็ต้องตายแบบนี้เท่านั้นแหละ!”

……

“ต้านมันไว้! ต้านมันไว้สิ!”

จู่ๆ ในใจก็มีเสียงคำรามโกรธแค้นออกมา หลินมู่อวี่ตัวสั่น แขนทั้งสองข้างมีพลังลึกลับจำนวนมหาศาลทะลักเข้ามา เขารู้สึกคุ้นเคยอยู่นิดหน่อย ใช่แล้ว เป็นพลังเจ็ดประทีป! และในตอนนี้เอง ไม่คิดว่าพลังที่ช่วยชีวิตนี้จะปรากฏออกมาอีกครั้ง!

เขายกแขนซ้ายขึ้นมา กระแทกกระบี่ยาวของโอวหยางชิวกระเด็น ร่างของหลินมู่อวี่มีพลังงานสีดำไหลทะลักออกมา นัยน์ตาเป็นประกายสีเลือด ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน พลันหมุนตัวกลับแล้วกลายเป็นโอวหยางชิวที่ถูดกดอยู่กับกำแพงที่แตกกระจุย มือขวากำหมัดแน่น พูดเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าว่าใครเป็นสวะ”

หมัดส่องประกายแวววาว พลังเจ็ดประทีปชั้นที่หนึ่ง หนึ่งประทีบพิฆาตชีวัน!

……

“ปัง!”

หมัดหนักๆ กระแทกเข้าที่ท้องของโอวหยางชิว หลินมู่อวี่ใช้แรงมากเกินไป จึงพาโอวหยางชิวพุ่งทะลุกำแพงหนาๆ ออกไปด้วยกันทั้งคู่!

แต่หลังจากใช้พลังเจ็ดประทีปแล้ว ร่างกายก็เข้าสู่สภาพอ่อนเพลียมากทันที ส่วนโอวหยางชิวก็อ่อนระทวยล้มอยู่บนพื้น

“มู่มู่!”

ได้ยินเสียงหวานสดใสเรียกที่ข้างหู

เขาเงยหน้ามอง กลับเห็นขาเรียวยาวขาวดุจหิมะใต้กระโปรง เมื่อมองไปอีกครั้ง ใบหน้างดงามของถังเสี่ยวซีก็สะท้อนเข้ามาในนัยน์ตา

……

ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เสี่ยวซี!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด