ตอนที่แล้วตอนที่ 36 เซอร์ไวเซนาสเช่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 รอบปฐมทัศน์

ตอนที่ 37 บทวิจารณ์


โจชัวไม่ให้คำอธิบายมกานักเพราะการปล่อยให้ไวเซนาสเช่ดูด้วยตัวเองเป็นวิธีการอธิบายที่ดีสุด ดังนั้น โจชัวจึงเปิดกระเป๋า นำเอาเทปต้นฉบับของ'โฉมงามกับเจ้าชายอสูร'ออกมา จากนั้นก็มองหาผนังเรียบในห้อง เริ่มแสดงมัน

เมื่อภาพยนตร์จบลง โจชัวก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาต้องคุยกับไวเซนาวเช่ถึงการฉายหนังในโรงละครเขา

แต่ ไวเซนาสเช่กลับยังไม่ได้สติ

'เอ่อ...ข้า..ข้าขออภัย..ท่าน"

ไวเซนาสเช่ถือผ้าช็ดหน้าขณะเช็ดน้ำตาซ้ำๆที่มุมหางตา เครื่องสำอางของเขายังโดนลบไปด้วย

มันทำให้เขาดูเป็นเหมือนผู้หญิงมากขึ้น

โจชัวเคยเห็นผู้คนหลั่งน้ำตาหลังชมจนจบ แต่ไวเซนาสเช่ได้หลั่งน้ำตาตอนกลางของภาพยนตร์ ที่เจ้าชายอสูรช่วยเบลล์ตอนนางโดนหมาป่าล้อม

อารมณ์ของผู้อยู่ในแวดวงศิลปะกับวรรณกรรมมากล้นเหรอ?

"เขามีรูปลักษณ์เป็นปีศาจ แต่กลับมีจิตใจที่งดงามมาก ถึงกับทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อให้คนรักได้อยู่ต่ออย่างมีความสุข นั่นคือรักแท้"

ไวเซนาสเช่เช็ดน้ำตาขณะท่องโคลงสั้นๆตามเนื้อหาจริงของเรื่องราว ทำให้โจชัวตกใจ

ไม่ช้าโจชัวก็ตระหนักว่ามีเหตุผลที่ขุนนางผู้นี้มาเป็นเจ้าของโรงละคร

ในฐานะผู้กำกับเอง ธีมหลักของโจชัวคือ'อย่าตัดสินคนตามรูปลักษณ์ภายนอก'แต่เซอร์ไวเซนาสเช่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่าโจชัวซะอีกหลังดูจบ

บทวิจารณ์ภาพยนตร์คืออะไร?นี่แหละมัน!

ไวเซนาสเช่ใช้เวลาไม่กี่นาทีเพื่อฟื้นตัวจากบรรยากาศที่เขาสร้าง

"ท่าน..การแสดงนี้..มันไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นโลกใหม่ที่ถูกนำเสนอต่อข้า ถ้าสามารถ ท่านช่วยบอกชื่อผลงานนี้กับข้าได้หรือไม่?"

ไวเซนาสเช่ไม่เข้าใจหลักการเบื้องหลังภาพเคลื่อนไหว เมื่อเขาดูภาพยนตร์ มันเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่ยืนดูอะไรบางอย่างในอีกโลก

ทุกฉากสมจริง ไม่มีอุปกรณ์ประกอบฉากอะไรบนเวที แม้แต่มุมการรับชมก็ยังไม่ไกลเท่าระยะทางจากผู้ชมละครถึงเวที

ไวเซนาสเช่อดเอื้อมไปแตะเฟอร์นิเจอร์ที่ขยับในภาพยนตร์ไม่ได้

ประสบการณ์นี้เป็นอะไรที่ไวเซนาสเช่ไม่คิดฝันมาตลอดชีวิต

"มันคือภาพยนตร์"

คำว่า'ภาพยนตร์'ถือเป็นศัพท์ใหม่ต่อเขา

"ภาพยนตร์..ภาพยนตร์  มันเป็นไปตามที่ท่านพูด มันจะสร้างยุคใหม่"

ไวเซนาสเช่พูดซ้ำสิ่งที่โจชัวพูด ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความหมายของโจชัวแล้ว

ภาพยนตร์เหนือกว่าละครเวทีในแง่ของการบรรยายและการแสดงบท

ภาพยนตร์สามารถดึงผู้ชมเข้าเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์...แตกต่างจากละครเวที ซึ่งต้องมีการจัดฉากและเครื่องแต่งกายรวมถึงม่านเปลี่ยนช่วงพัก สิ่งสำคัญสุดคือภาพยนตร์จะทำให้ศิลปะการแสดงอำลาเวทีได้อย่างสมบูรณ์!

"โฉมงามกับเจ้าชายอสูร'นำไวเซนาสเช่ไปยังหลายสถานที่ ตั้งแต่หมู่บ้านเงียบสงบ จนถึงป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะและปลาสาทน่ากลัวแต่อบอุ่น

นอกจากความชื่นชมและความทึ่งในภาพยนตร์ เขายังรู้สึกได้ถึงความเศร้า

เหตุผลก็คือการเริ่มต้นยุคใหม่จะหมายถึงจุดจบของยุคก่อนหน้าและการปรากฏของภาพยนตร์ก็จะทำให้ละครเวทีลดลง และเหมือนกับโรงละครของเขา วันหนึ่งมันจะถูกลืมไม่ว่าอดีตจะเคยรุ่งโรจน์แค่ไหน

แต่ทว่า ความเศร้าก็ถูกลบออกไปอย่างรวดเร็วด้วยการปรากฏของโฉมงามกับเจ้าชายอสูร

"ท่านวางแผนที่จะ..แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงละครของข้าจริงหรือ?"

เขามีความรู้สึกว่าวินาทีที่ภาพยนตร์นี้ปล่อยตัว มันจะถูกจารึกลงประวัติศาสตร์ของโลก!

"ข้าไม่คิดว่าโรงละครแห่งชาตินอร์แลนด์จะต้อนรับข้า"

โจชัวยกถ้วยชาดำร้อนขึ้นจิบ ในฐานะโปรแกรมเมอร์ตัวจริง เขาชอบกาแฟมากกว่าชา แต่เครื่องดื่มที่เขาโปรดปรานคือชาเขียวกับโคล่า

เขาไม่รู้เลยว่าโลกนี้จะมีเมล็ดกาแฟอะไรเหมือนกัน

"ท่านพูดถูก!คนเหล่านี้เป็นพวกกลุ่มนักต้มตุ๋นไร้ยางอาย...เป็นพ่อค้าที่ไม่เข้าใจศิลปะ!"

ไวเซนาสเช่โกรธมากที่คิดว่าโรงละครของเขาจะโดนอีกฝ่ายยึด

อย่างไรก็ตาม เขาลุกขึ้นใหม่ได้แแล้ว แม้กระทั่งศิลปินที่ร่ำรวยสุดก็ยังต้องพึ่งพาเงินเพื่อเอาชีวิตรอด และการขาดทุนอย่างต่อเนื่องของโรงละครก็ทำให้ไวเซนาสเช่ตระหนักถึงประเด็นนี้ ดังนั้น เขาจึงรู้ว่าการเจรจาในอนาคตไม่ใช่ระหว่างศิลปิน แต่เป็นนักธุรกิจ

"ท่าน...การแสดงภาพยนตร์ที่นี่...ข้าจะรับผิดชอบการเตรียมการอย่างเต็มที่ รวมถึงการส่งเสริมและเผยแพร่ สำหรับรายได้จากการขายตั๋ว 70-30พอหรือไม่?"

ถ้าเซอร์ไวเซนาสเช่ไม่ขาดเงินมากจนถึงขั้นไม่สามารถจ่ายเงินให้พนักงานได้ เขาคงขอให้โจชัวรับเงินเต็มร้อยตราบเท่าที่ภาพยนตร์สามารถเล่นในโรงละครเขาได้

"ไม่มีปัญหา"

เทียบกับภาพยนตร์ที่เผยแพร่บนโลก ผู้จัดทำภาพยนตร์จะได้รับรายได้หลังพวกเขาจ่ายค่าส่งเสริมการขายและภาษีต่างๆเท่านั้น ดังนั้น ข้อเสนอของไวเซนาสเช่จึงถือว่าดี

ไม่ต้องพูดถึงว่าโจชัวไม่ได้ลงทุนเลยในการสร้างภาพยนตร์

"ถ้าเป็นเช่นนั้น โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปนำปากกามาทำสัญญา แถม ท่านอาจอยากไปหานายทะเบียนสิทธิบัตรเพื่อรับลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้และสิทธิบัตรสำหรับเทคโนโลยีที่ใช้"

นอร์แลนด์เป็นประเทศที่เคารพเรื่องสัญญาและอย่างน้อยสุด กฏของนอร์แลนด์ก็ค่อนข้างครอบคลุม

"ได้ ข้าจะทำ แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากเยี่ยมชมที่นี่"

โรงละครมีขนาดใหญ่พอสมควรและการตกแต่งภายในก็หรูหรา แต่ของเหล่านี้มีไว้สำหรับละครเวที สถานที่จัดงานเองอาจเตรียมไว้สำหรับการแสดงละครเวทีเท่านั้น

ยังคงมีความแตกต่างระหว่างโรงหนังและโรงละคร ก่อนภาพยนตร์จะออกฉาย โจชัวจำเป็น้ตองเปลี่ยนโรงละครให้เป็นโรงหนังก่อน

"เชิญตามข้ามา"

ไวเซนาสเช่ยืนขึ้น พาโจชัวไปทัวร์โรงละครเป็นการส่วนตัว

วินาทีที่เขาผลักเปิดประตู โจชัวก็เห็นซิริกับไฮร์แลนผู้รออยู่ด้านนอกเกือบสองชั่วโมง

พนักงานหาโต๊ะกับเก้าอี้สองตัวให้พวกนาง มีชาดำและของว่างบนโต๊ะ และดูเหมือนสองสาวจะเพลิดเพลินกับพวกมันอย่างมาก...รวมถึงการเล่นป็องอีกร้อยรอบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด