ตอนที่แล้วบทที่ 5 ผู้สืบสายเลือดของไวท์เคานต์รากันต์ (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 มุ่งหน้าสู่ลาเมอร์ (2)

บทที่ 6  มุ่งหน้าสู่ลาเมอร์ (1)


บทที่ 6  มุ่งหน้าสู่ลาเมอร์ (1)

ลุคสั่งให้ผู้ที่ดูแลเรื่องอสังหาริมทรัพย์และค่าใช้จ่ายของตระกูลนำเอาเอกสารมาให้เขา เมื่อเขาอ่านเอกสารแต่ละฉบับสีหน้าของเขาก็เริ่มแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยวไป

“นี่มันเ*ยอะไรเนี่ย พวกเรากำลังจะล้มละลาย!”

แม้สมุดบัญชีที่บันทึกรายรับรายจ่ายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลจะยังไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก แต่จำนวนเงินที่เขาต้องหามาใช้หนี้นั้นมันก็นับได้ว่าเป็นอะไรที่มากโข

“ไอ้พวกลูกหลานของตำนานนักรบผู้โค่นราชาปีศาจนี่ มันไม่มีตำนานสมบัติที่ถูกซ่อนบ้างรึไงนะ”  แม้ว่าเขาจะพยายามค้นหาข้อมูลมากแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีวี่แววของสมบัติที่ถูกซ่อนอยู่เลย

ในตอนนี้ลำพังเงินที่พวกเขาถือครองอยู่เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่อยู่อาศัยก็ยังมีไม่ถึง 1 ใน 100 ของ 30,000 เปโซเลยด้วยซ้ำ

“นี่มันใช่ตระกูลของนักรบในตำนานจริงๆเหรอวะเนี่ย แม้แต่ก็อบลินที่เดินผ่านมาเห็น มันก็คงจะหัวเราะเยาะจนท้องแข็งตายแน่นอน”

จากที่ลุคได้ไปศึกษาในพงศาวดารของตระกูลรากันต์ หลังจากที่รากันต์ฆ่าเขาได้แล้ว เขาก็ได้ถูกแต่งตั้งเป็นมาร์ควิส และที่ดินอันกว้างใหญ่ทางตอนใต้ของอาณาจักรลิเบียย่า

แต่เมื่อพิจารณาจากจุดที่รากันต์อยู่แต่แรกแล้ว เขาก็นับเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความสำเร็จนั้นจะไม่ได้อยู่คงทนนัก เมื่อเกิดการก่อกบฏขึ้นของดยุกบาล็อค  มันทำให้รากันต์ผู้ซึ่งไม่สามารถเมินเฉยต่อการก่อกบฏและความอยุติธรรมได้ ได้ทำการต่อสู้กับเขา แต่เนื่องจากรากันต์นั้นกำลังเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงพ่ายแพ้ให้กับดยุกบาล็อค

โชคยังดีที่บาล็อคไม่สามารถฆ่าเขาได้เพราะเขาเป็นอัศวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทวีป นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ดยุกบาล็อคตัดสินใจลดฐานะของเขาให้เหลือแค่ ไวเคานต์ และกีดกันพวกเขาให้ไปอยู่ในที่ดินรกร้าง

สิ่งนี้ทำให้รากันต์รู้สึกหดหู่และตามบันทึกหลังจากผ่านไปได้ 1 ปี พวกลูกหลานของเขาต่างก็พากันคิดว่าเขานั้นโดนคำสาปโดยราชาปีศาจเซย์ม่อน

“สรุปนี่เจ้าโดนฆ่าตายโดยคนที่สั่งให้เจ้ามาฆ่าข้าเนี่ยนะ?”

ลุคเอ่ยถามขณะที่มองไปยังรูปปั้นของรากันต์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในสวน

รูปปั้นของรากันต์เป็นสีทองเปล่งประกายและอยู่ในท่วงท่าที่สง่าผ่าเผย แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา

รูปปั้นนั้นคืออนุสรณ์ที่ปู่ของลุคสร้างขึ้นมาเมื่อ 50 ปีก่อน

เหล่าลูกหลานของรากันต์นั้นต่างก็พยายามดิ้นรนอย่างหนัก เพื่อให้ตระกูลของพวกเขากลับมายิ่งใหญ่ตามเดิม แต่แน่นอนว่าลูกหลานของพวกเขาต่างก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ

ลูกหลานบางส่วนตายไปเพราะไม่สามารถทนต่อพิษของโรคร้ายได้ ขณะที่บางส่วนก็ไปทำสงครามและไม่ได้กลับมา

รุ่นของลุคนั้นเป็นรุ่นที่โชคร้ายทีสุด เขาพึ่งอายุได้ 17 ปี แต่เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งการพัฒนาและการฟื้นฟูชื่อเสียงของตระกูลท่ามกลางผลกระทบที่เลวร้ายจากวิกฤตการณ์เหล่านั้น

เขาได้อ่านหนังสือมากมายและค้นพบวิธีการที่จะพัฒนาที่ดินของเขาในที่สุด และแม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่อ่อนแอแต่เขาก็ยังคงจับดาบและเลือกที่จะเรียนรู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของบรรพบุรุษของเขา

และไม่นานมานี้เขาก็พยายามที่จะควบคุมกิกันท์แต่เนื่องจากการทำงานที่ผิดปกติของเครื่องยนต์มันจึงทำให้เขาประสบอุบัติเหตุในท้ายที่สุด

แม้เขาถูกวินิจฉัยว่าการทำงานของสมองตายไปแล้วและมีภาวะมานาไหลย้อน แต่แล้วในวันถัดมาเขาก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา

“ไม่ เขาตายไปแล้วแน่นอน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้วิญญาณของฉันสามารถเข้ามาในร่างนี้ได้”

เซย์ม่อนทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวของตระกูลรากันต์และเรื่องราวที่เขาได้ยินจากคนรับใช้ เขานั้นรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ลุคต้องเผชิญ เพราะรากันต์เป็นคนเดียวที่เขามีความบาดหมางด้วย เขาไม่ได้มีความแค้นหรือบาดหมางอะไรกับลูกหลานของรากันต์

ในความเป็นจริงลุคเป็นเพียงเด็กยากจนที่ถูกบดบังด้วยรัศมีอันเจิดจรัสของรากันต์ผู้นำตระกูลเขาเท่านั้น เขานั้นต้องรับภาระอันหนักอึ้งในการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของตระกูล แม้ว่าเขาจะต้องการเพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายก็ตาม

อย่างไรก็ตามแทนที่เขาจะหลบหนีจากโชคชะตา เขากลับเลือกที่จะยอมรับมันอย่างจริงจังและเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูลชั่วคราวแทน

เซย์ม่อนไม่ได้รู้สึกเหมือนกับลุคเป็นคนอื่นไกล

“แม้ว่าตอนเด็กฉันจะไม่ได้กำพร้าและทุกข์ยากอะไรมาก แต่เราก็มีชื่อเหมือนกัน”

ใช่แล้ว ชื่อเดิมของเซย์ม่อนก็คือ ลุค เหมือนกัน แต่อาจารย์ที่สอนเวทมนตร์ให้กับเขาได้บอกว่า ชื่อของเขานั้นฟังดูไม่เหมือนกับพ่อมดเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น เซย์ม่อน ตามชื่อของนักปราชญ์โบราณ

“มันเป็นความจริงสินะที่บ้านหลังนี้มันไม่มีสมบัติอะไรซ่อนเอาไว้เลย”  ตามปกติแล้ว มันควรจะมีสมบัติซ่อนอยู่ในบ้านของขุนนางไม่มากก็น้อย

ที่ดินของเขาในตอนนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่น เพราะพวกเขาก็ต้องนำเอารายได้และภาษีส่วนหนึ่งส่งกลับไปให้กับพระราชาของจักรวรรดินี้

อย่างไรก็ตาม ตระกูลของรากันต์นั้นก็เป็นขุนนางประเภทที่มีความยากจนข้นแค้น มันมีเพียงขุนนางไม่กี่คนในจักรวรรดิแห่งนี้เท่านั้นที่ยากจนเหมือนกับขุนนางตระกูลรากันต์

หากมันมีอัศวินที่รักความยุติธรรมคนไหนเดินผ่านมา พวกเขาก็จะตะโกนออกมาว่า

“สวัสดี ครอบครัวของอัศวินผู้ทรงเกียรติ”

และลุคก็มักจะตะโกนกลับไปเช่นกัน

“*งเป็นบ้าอะไรกัน! ไอ้เจ้ารากันต์นั่น อย่างน้อยมันก็ควรที่จะทิ้งเงินไว้ให้ลูกหลานมันหน่อยสิ”

และแย่ไปกว่านั้นรากันต์ได้ถลุงทรัพย์สมบัติและเงินทุนของตระกูลไปจนหมดสิ้น  แม้ว่าเขาจะใช้มันเพื่อหยุดการรุกรานของกลุ่มกบฏแต่ลุคก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการตัดสินใจของรากันต์ซักเท่าไหร่

หากรากันต์เหลือเงินไว้ให้ตระกูลของเขาซักเล็กน้อย ปัญหาแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก

“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะ ไอ้โง่งี่เง่าไร้ความคิดรากันต์แท้ๆเลย.. ฟิ้ว ไม่ได้ๆ ข้าควรที่จะสงบสติอารมณ์ เมื่อข้าสงบสติได้แล้วเดี๋ยวความคิดดีๆก็จะผุดขึ้นมาในหัวเอง”

แม้ว่าเขาจะรู้ตัวว่าควรสงบสติอารมณ์ แต่สถานการณ์รอบข้างนั้นก็เร่งเขา จนเขาไม่สามารถทำได้

การฟื้นขึ้นในร่างของหนุ่มสาวนี้ดูเหมือนจะทำให้เขาเต็มไปด้วยความใจร้อน ความใจร้อนที่เขาไม่เคยมีปัญหาในการควบคุมในสมัยยังอยู่ในร่างเซย์ม่อนมาก่อน

“สถานการณ์นี้มันเลวร้ายจริงๆ”

สถานการณ์เช่นนี้เป็นอะไรที่ทำให้เขาตื่นตระหนกอย่างมาก และเมื่อผนวกเข้ากับความจริงที่เขาไม่มีแม้กระทั่งงานทำ

“ช่างมัน.. ข้าควรที่จะไปที่ไหนหรือพึ่งพาใครดี..”

จำนวนเงินในตอนนี้ก็มีน้อยกว่า 30,000 เปโซ

“ข้าควรที่จะขายกิกันท์หรืออะไรดีนะ... ใช่แล้ว!”

เมื่อนึกถึงกิกันท์ ลุคก็กระโดดขึ้นมาจากที่นั่ง

แต่วิธีการที่เขาจะใช้ทำเงินมันติดใจเขาอยู่สักหน่อยก็เถอะ

ลุคมองไปยังด้านข้างของเขา และรอยยิ้มที่น่ากลัวก็เริ่มปรากฎออกมาให้เห็น

“ใช่แล้ว! สิ่งนี้มันจะต้องทำเงินได้แน่นอน!”

ติดตามอ่านก่อนใครได้ที่เพจ : นอนน้อย โนเวล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด