ตอนที่แล้วตอนที่ 23 สมคบคิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 ปรมาจารย์ค่ายกล

ตอนที่ 24 ทะลวงผ่านอีกครั้ง


หวีด!

แสงสีแดงพุ่งผ่านท้องฟ้ามืด ผ่านประตู เข้าตัวจั๋วฝาน

เขาพ่นลมหายใจ ลืมตาขึ้นด้วยความยินดี โชคดี ทารกโลหิตหลบหนีได้เร็ว ไม่งั้นคงโดนตาแก่หัวล้านทำลาย

เขาไม่คิดฝันว่าจะพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ในตระกูลไช่ แม้เขาจะไม่รู้ระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่าย เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าหลงจิ่ว

และเมื่อทารกโลหิตถูกทำลาย เพราะการเชื่อมต่อของจั๋วฝานกับมัน มันคงเป็นหายนะสำหรับเขาด้วย ต่อให้หัวใจเขาระเบิด เขาก็จะไม่ตายตราบเท่าที่ทาสโลหิตยังมีชีวิต เพราะวินาทีที่เขาผูกมัดกับทารกโลหิต มันจะกลายเป็นหัวใจเขา

“ข้าต้องฝึกให้หนักขึ้นเพื่อพัฒนาพลังข้า”

ประสบการณ์อันกว้างขวางบอกเขาว่าอันตรายกำลังเกิด ตอนนี้ มันเหมือนโหยวหมิงกู่กับศาลาเฉียนหลงกำลังเงียบ แต่ภูเขาลมดำอาจเป็นชนวนให้เกิดหายนะโดยมีตระกูลลั่วอยู่ตรงกลาง

ชะตากรรมของเขาขึ้นอยู่กับการเพิ่มพลังทารกโลหิตให้เป็นระดับหลอมกระดูก นี่คือทางเดียวที่จะมั่นใจได้ว่าเขาจะต้านทานยอดฝีมืออย่างหลงจิ่วได้

จั๋วฝานหลับตา กลั่นปราณและแก่นโลหิตที่ทารกโลหิตรวบรวม

วินาทีต่อมา แสงสีแดงก็ส่องจากหน้าอกเขาขณะที่พลังงานสีแดงไหลผ่านเส้นเลือดไปยังหัวใจเขา เมื่อพลังรวมกันในหน้าอก มันก็เริ่มรักษา การเต้นหัวใจที่อ่อนแรงของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น

ในเวลาแค่ชั่วโมงเดียว หน้าอกเขาหายดี ไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น ถ้าไม่มีใครเห็นว่าหัวใจของเขาระเบิด พวกเขาคงไม่เชื่อเหตุการณ์นี้

เขากลั่นปราณที่ทารกโลหิตรวบรวมมาต่อไป เปลี่ยนเป็นพลังปราณสีดำ ส่วนหนึ่งไหลเข้าตันเถียนเขา อีกส่วนไหลกลับไปหาทารกโลหิต

ผู้เชี่ยวชาญกลั่นปราณไม่น้อยกว่า 50 คนโดนกลั่นและผลักดันจั๋วฝานให้ผ่านกลั่นลมปราณขั้นสามและเกือบเข้าสู่ขั้นสี่

บูม! จั๋วฝานกับทารกโลหิตทะลวงผ่านขั้นสี่พร้อมกัน

จั๋วฝานมีความสุข มันง่ายมากที่จะเพิ่มพลัง มันต้องใช้เวลาแค่สิบวันเท่านั้น

แต่เมื่อเขาอยากเลื่อนเป็นขั้นห้า เขาพบว่าปราณที่ทารกโลหิตเก็บมาหมดไปแล้ว

เขาอยากพัฒนาต่อ แต่นี่ก็น่าพึงพอใจแล้ว

เขามองออกนอกหน้าต่างที่ท้องฟ้าแจ่มใสและเดินออกไปเพื่อยืดเส้น ตอนนี้ที่ภูเขาลมดำกำลังมา เขาต้องหาที่ปลอดภัยให้ตระกูลลั่วหลบ

จั๋วฝานเปิดประตูไปห้องเขาแต่ก่อนจะได้ก้าวเท้า เสียงก็ดังขึ้น บางสิ่งตกลงมาที่เท้าเขา เขามองดู เห็นลั่วหยุนชางกำลังลุกขึ้นอย่างเขินอาย

“เจ้าทำอะไร?”จั๋วฝานขมวดคิ้ว

เขาทุ่มความสนใจกับการควบคุมทารกโลหิตตลอดคืนและจากนั้นก็บ่มเพาะ เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดด้านนอกห้องเลย

[บัดซบ!ข้าประมาทขนาดนี้ได้อย่างไร?ถ้ามันเป็นศัตรู ข้าคงตายไปแล้ว]

เมื่อเห็นเขาดูโกรธ ลั่วหยุนชางก็ขอโทษ“ข้ากังวลว่าบาดแผลของเจ้าจะแย่ลงและจึงมารอด้านนอก ตอนนี้ที่เจ้าไม่เป็นไรแล้ว ข้าก็จะไป”

“หยุดก่อน นี่เจ้ายืนเฝ้าข้าทั้งคืนเลยหรือ?”จั๋วฝานตกใจ

ลั่วหยุนชางหน้าแดง รีบหมุนตัวหนีด้วยความเร่งรีบ

หัวหน้าผางโผล่หัวออกมาพอดี เห็นจั๋วฝานปลอดภัย และส่งเสียงตะโกนลั่น“น้องชายจั๋ว เจ้าหายดีแล้ว บาดแผลของเจ้าทำให้พวกเรากลัวมาก คุณหนูยืนเฝ้าหน้าประตูเจ้าตลอด เอ๊ะ นางไปไหนแล้ว?”

“ไปแล้ว”

จั๋วฝานลูบจมูก พูดอย่างใจเย็น แต่ความอบอุ่นกลับเพิ่มขึ้นในหัวใจ

[เจ้ามารหัวใจบัดซบ!]

จั๋วฝานสาปแช่ง จักรพรรดิปีศาจผู้รุ่งโรจน์จะเกิดความรู้สึกกับผู้หญิงสามัญชนได้ไง?

[นี่ต้องเป็นฝีมือของมารหัวใจแน่]

“ใช่แล้ว เฒ่าผาง เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ไปศาลาเฉียนหลงกับข้าหน่อย”

“แล้วคุณหนูกับ…”

“สบายใจได้ หลังเหตุการณ์เมื่อวาน คงไม่มีใครกล้าแตะต้องเรา ถ้าพวกมันไม่กลัวว่าจะยั่วโมโหศาลาเฉียนหลง..”

หัวหน้าผางคิดสักพักและชูนิ้วให้จั๋วฝาน ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความเคารพ เขาไม่เข้าใจแผนของจั๋วฝาน แต่ก็ชัดเจนว่าจั๋วฝานทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าศาลาเฉียนหลงหนุนหลังตระกูลลั่ว

“พ่อบ้านจั๋ว ตอนนี้ข้าเชื่อมั่นอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าตระกูลลั่วไม่มีเจ้าเป็นพ่อบ้าน เราคงถึงฆาตไปแล้ว มันนับเป็นการเสียเปล่าจริงๆที่ปล่อยให้เจ้าไปกวาดสวนหลังบ้านในตอนนั้น”

จั๋วฝานหัวเราะ ตบไหล่หัวหน้าผางพลางส่ายหัว

[คนคนนั้นไม่ใช่ข้า..]

15 นาทีต่อมา ทั้งคู่ก็มาถึงประตูศาลาเฉียนหลง ผู้คุมด้านหน้าเป็นคนเดิม แต่ครั้งนี้ ทั้งคู่กลับแสดงความเคารพ

“เชิญ ท่านแขกผู้มีเกียรติ”

“ว่าไงนะ เจ้าไม่ต้องไปรายงานก่อนหรือ?”จั๋วฝานเยาะเย้ย

หลังหัวเราะโง่ๆ ผู้คุมก็รู้ว่าจั๋วฝานยังไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และขอโทษ“มันเป็นเราที่อวดดี ไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของท่าน ท่านทำการค้าหินปราณล้านก้อน เราไม่มีสิทธิ์ขวางแขกอย่างท่าน”

“เหอะ!”จั๋วฝานแค่นเสียงจากนั้นก็พาหัวหน้าผางเข้าด้านใน ทิ้งผู้คุมที่ยังก้มหัวประจบเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจ แต่ก็ยังสวมรอยยิ้มจอมปลอมบนหน้า

ทั้งสองวิ่งไปหาหลงขุ่ย ครั้งนี้ นางขาดความเคารพ แต่กลับแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวขณะเดินหนี

“อืม เราไปทำให้นางไม่พอใจตอนไหน?”หัวหน้าผางงุนงง

จั๋วฝานยิ้ม

“คุณหนูหลงขุ่ย นี่คือวิธีที่ศาลาเฉียนหลงปฏิบัติต่อแขกงั้นหรือ?”

“ฮึ่ม พวกเจ้านะหรือแขก?”นางเลิกคิ้ว จ้องเขา“เจ้าไม่สมควรเป็นแขกเมื่อเจ้ากำลังหลอกใช้เรา!”

จั๋วฝานลูบคาง ยิ้มและพึมพำ“ยังเป็นแค่เด็กสาว และใสซื่อ”

เสียงของจั๋วฝานแผ่วเบา แต่ก็มากพอไปถึงหูของหลงขุ่ย นางได้รับการปฏิบัติราวกับอัญมณีของตระกูลมาตลอด ไม่เคยได้รับคำดูถูกเช่นนี้ โดยเฉพาะจากคนที่อายุพอๆกับนาง

“จั๋วฝาน เจ้าเรียกใครว่าเด็ก?”

“เจ้าไง!”จั๋วฝานยิ้ม“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรืออะไรก็ตามระหว่างเจ็ดตระกูลใหญ่ ทุกอย่างต้องถูกนำมาพิจารณาตอนมองผลกำไร แต่เจ้ากลับโกรธแค่เพราะโดนใช้ในแผนคนอื่น เจ้าอยู่รอดมานานขนาดนี้ได้ไง?เทียบกับเจ้า หลงเจี๋ยยังโตกว่า เขารู้ว่าข้าใช้เข้าและแค่เดินหนีไปแทน จากที่ข้ามอบ การยอมรับว่าแพ้ก็เป็นพลังแบบหนึ่ง อย่างน้อยครั้งต่อไปที่ข้าวางแผนใช้งานเขาก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น”

นี่คือครั้งแรกที่หลงขุ่ยได้ยินข้อโต้แย้งแบบนี้และตกตะลึง

นางมาจากบ้านใหญ่ของตระกูลและอยู่ในความดูแลของหลงจิ่ว ผู้อาวุโสในบ้านใหญ่พูดถึงพรสวรรค์ของนางอย่างมากแต่ก็ยังไม่มอบความรับผิดชอบอันหนักอึ้งให้นาง เมื่อนางมาถึงที่นี่ หลงจิ่วก็พูดเหมือนกัน พรสวรรค์นางไม่น้อยไปกว่าหลงเจี๋ยแต่หลงจิ่วไม่วางใจให้นางรับผิดชอบ

นางไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนนางจะเริ่มเข้าใจแล้ว…

“ความรัก ความเกลียดชัง ความใกล้ชิดและการแก้แค้นจะไม่ช่วยเจ้า มีแค่ผลประโยชน์เท่านั้น”จั๋วฝานเห็นดวงตาสับสนของนางแล้วหัวเราะเบาๆ“เรามาระบายความคับข้องใจส่วนตัวของเราและคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่า มันยังเป็นที่ที่พรสวรรค์เจ้าได้ฉายแสง”

หลงขุ่ยคิดและพยักหน้า

แต่จากนั้นเสียงกระแอมก็ดังขึ้น พร้อมด้วยเสียงมีอายุ“คุณชายจั๋ว มาคุยกัน”

ทั้งสามหันไปเห็นหลงจิ่วเดินมาพร้อมหลงเจี๋ย แต่หลงเจี๋ยไม่สามารถปกปิดควาามตกใจได้ขณะจ้องมองจั๋วฝาน

เมื่อวาน เขาเห็นหัวใจของจั๋วฝานระเบิดแต่ตอนนี้ เขากลับเดินเหินได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลมหายใจของเขายังสม่ำเสมอมาก

[เขาหายดีในคืนเดียว?ได้ไง?]

“ปู่จิ่ว ท่านจะไม่ให้โอกาสผู้เยาว์เลยหรือ?”จั๋วฝานพูดโดยไม่สนใจท่าทีของหลงเจี๋ย

หลงจิ่วส่ายหัวพร้อมหัวเราะ“ฮ่าๆๆ แค่จากการคุยกับเจ้า ข้าก็จบด้วยการถูกใช้ แต่เจ้ายังกล้ามาที่นี่ ถ้าข้ารู้ธาตุแท้ของเจ้าแต่แรก ข้าคงยึดถือเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดพันปีที่หลบภัยในตระกูลลั่ว”

[บ้าจริง!นั่นใกล้เคียงมาก!]

จั๋วฝานฝืนหัวเราะ“ท่านใจดีเกินไป ปู่จิ่ว ข้าจะไปเทียบกับท่านได้ยังไง?”

“พอแล้ว!”หลงจิ่วเปลี่ยนน้ำเสียง“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”

“ข้ากำลังมองหาบ้านพักที่ปลอดภัยให้ตระกูลลั่วอาศัย ปุ่จิ่วรู้สถานที่ดีๆหรือไม่?”

หลงจิ่วลูบเครา“ทำไมข้าถึงควรช่วยเจ้า?”

“ง่ายมาก ศาลาเฉียนหลงเป็นหนี้เรา!แถม..”จั๋วฝานหัวเราะอย่างร้ายกาจ“มันจะช่วยให้พวกท่านจับตาดูเราได้ง่ายขึ้น”

ดวงตาของหลงจิ่วหรี่ลงขณะที่หัวใจของเขาสั่นสะท้านด้วยความตกใจ

[เด็กเวรนี่มองขาดไปหมด นับตั้งแต่ฆ่าโหยวเฉวียนเมื่อวาน ศาลาเฉียนหลงก็ตั้งรับ ความสัมพันธ์ของเรากับโหยวหมิงกู่ตึงเครียดมาก การต่อสู้อาจแตกหักได้ทุกเมื่อ]

และตระกูลลั่วก็คือตัวแปรเพราะพวกเขามีสายสัมพันธ์กับศาลาเฉียนหลง ไม่มีใครกล้ายุ่งกับมัน แต่มันยังช่วยให้ตระกูลลั่วทำตามใจชอบ การเคลื่อนไหวผิดๆอาจกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างตระกูลได้

นี่ทำให้หลงจิ่ววางกำลังสอดส่องตระกูลลั่ว แต่จั๋วฝานกลับมองออก นี่ทำให้หลงจิ่วรู้สึกหวาดหวั่น

[เจ้าเด็กเวรนี่มีแผนอะไร?]

เขาไม่คิดเลยว่าผู้บ่มเพาะที่มีประสบการณ์นับร้อยปีอย่างเขาจะโดนเด็กคนหนึ่งปั่นหัว และเขาก็ยังไม่เข้าใจภาพรวมทั้งหมดอีก ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจเลย…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด