ตอนที่แล้วตอนที่ 22 ชายที่อันตรายที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 ทะลวงผ่านอีกครั้ง

ตอนที่ 23 สมคบคิด


“ไสหัวออกไป!’

ในคืนเงียบสงัด จั๋วฝานพยายามอย่างหนักที่จะขับเลือดออกจากหน้าอก ขณะนั่งบนเตียง ลั่วหยุนชางอยากช่วยเขาแต่จั๋วฝานกลับผลักไล่ไสส่งนาง

แม้จะชนะโหยวเฉวียน ชัยชนะของเขาก็ไม่ได้หอมหวาน

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาลอบโจมตี การต่อสู้คงเป็นฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติสำหรับผู้บ่มเพาะปีศาจ แต่เขากลับรู้สึกถึงความไร้อำนาจอย่างสุดซึ้งจากการต่อสู้วันนี้

แม้พวกเขาจะห่างกันสี่ขั้น เขาก็เชื่อว่าตัวเองคือจักรพรรดิปีศาจ ผู้แม้แต่เด็กก็ยังต้องฉี่ราดเมื่อได้ยินชื่อ

แต่ความจริงกลับแสดงว่าไม่เพียงเขาจะไม่ชนะ แต่เขายังเสียเปรียบในการต่อสู้ เขาต้องอาศัยอุบายล่อให้ศาลาเฉียนหลงออกมา และฆ่าศัตรูทีเผลอ ขณะหาทางออกให้ตระกูลลั่ว

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่มันยังไม่ทิ้งรสชาติดีไว้ในปาก

“อ่อนแอเกินไป..”

เพื่อกำจัดปัญหาของพวกเขากับตระกูลไช่และตระกูลซุน พวกเขาจึงยุ่งกับความขัดแย้งของเจ็ดตระกูลใหญ่ มันเป็นการแลกเปลี่ยนยาพิษตัวหนึ่งเป็นอีกตัว ตอนนี้ทุกอย่างเงียบ แต่ไม่ช้าพวกเขาต้องเจอกับท่อนฮุคของบทเพลง

แต่ ด้วยพลังของเขา เขายังปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับตระกูลลั่ว

“ข้าต้องรีบแข็งแกร่งขึ้น!”

จั๋วฝานกัดฟัน แสดงท่าทางแปลกๆขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีแดงน่าขนลุก

ตอนนี้ ไช่เซียวถิงกำลังนั่งสมาธิในห้อง แต่จู่ๆก็พลันปวดท้องจนใบหน้าบิดเบี้ยว เม็ดเหงื่อไหลหยดบนหน้าผากของเขา และไม่ช้าเขาก็หมดสติ

แสงสีเลือดพุ่งออกจากหน้าท้องเขา และทารกขนาดเท่าฝ่ามือก็โผล่ออกมา

มันคือทารกโลหิตของจั๋วฝาน

ขณะที่เขาอยู่ในคฤหาสน์ไช่ จั๋วฝานได้แทรกทารกโลหิตไปในตัวไช่เซียวถิง เพื่อควบคุมไช่หรง เพราะการเคลื่อนไหวของเขาเร็วเกินไป จึงไม่มีใครเห็น และภายใต้การคุกคามชีวิตของลูกชาย ไช่หรงจึงปล่อยตระกูลลั่วไป

ต้องขอบคุณทารกโลหิตในตัวไช่เซียวถิง จั๋วฝานถึงจับตาดูเรื่องราวได้ เขาจำได้รับคำเตือนล่วงหน้าถึงแผนการใดที่อาจเกิด

แต่ตอนนี้ การสอดแนมตระกูลไช่หมดคุณค่าแล้ว

ทารกโลหิตเห็นไช่เซียวถิงหมดสติและส่งเสียงหัวเราะเยาะของจั๋วฝาน“ฮึ่ม ข้าจะไม่เอาชีวิตเจ้าเพื่อให้เจ้าได้เห็นถึงการล่มสลายของตระกูลไช่”

จากนั้นทารกโลหิตก็เปลี่ยนเป็นแสงสีแดง บินออกไป

ในสวนมืดมิด ผู้คุ้มกันตระกูลไช่กำลังลาดตระเวน แต่แสงสีแดงก็พลันบินเข้าตัวเขา เขาไม่สามารถเปล่งเสียงได้ขณะที่ร่างกายสั่นกระตุก ไม่ช้าเขาก็หดตัวและลมเบาบางก็สลายเขาเป็นฝุ่น ทิ้งแสงสีแดงไว้เบื้องหลัง

ด้วยลักษณะนี้ ผู้คุ้มกันกว่าสามสิบคนจึงหายตัวไปจากตระกูลไช่

ในโรงเตี๊ยม จั๋วฝานได้ส่งทารกโลหิตไปหาเหยื่อรายต่อไปต่อ

เขากับทารกโลหิตเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อทารกโลหิตเข้าตัวผู้บ่มเพาะ เขาจะใช้เคล็ดปีศาจแปลงกายเพื่อดูดซับแก่นเลือดกับปราณของคนมาไว้ใช้กลั่นทีหลัง

เขาไม่วางแผนใช้ทารกโลหิตเร็วขนาดนี้ แต่เขาต้องรักษาหัวใจเขา ดังนั้นเขาจึงใช้มันลดจำนวนคนของตระกูลไช่ไปเลยทีเดียว

ทารกโลหิตไปถึงระดับกลั่นปราณอยา่งรวดเร็วและแแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญหลอมกระดูกก็ยังสู้กับมันได้ลำบาก สำหรับศัตรูระดับกลั่นปราณ ทุกคนจะโดนมันฆ่าในชั่วพริบตา

ถ้าจั๋วฝานมีทารกโลหิตตอนสู้กับโหยวเฉวียน เขาคงชนะได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแผนร้าย

เขาถอนหายใจขณะคิดว่าทารกโลหิตกับเคล็ดปีศาจแปลงกายนั้นเป็นอะไรที่ลงตัวกันอย่างมาก

การเลี้ยงดูทารกโลหิตยากมาก และแม้กระทั่งปรมาจารย์ปีศาจโลหิตก็ยังเลี้ยงมันได้ถึงแค่ระดับนักบุญ แต่ต้องขอบคุณเคล็ดปีศาจแปลงกาย จั๋วฝานจึงเลี้ยงมันถึงระดับกลั่นปราณได้ภายในเวลาแค่สิบวัน

เขาทำมันช่วงก่อนหน้านี้ วันแรกเขาใช้เพื่อมัดทารกโลหิต ที่เหลือคือมอบแก่นโลหิตให้มัน เนื่องจากทารกโลหิตมาถึงระดับดังกล่าว มันจึงถึงเวลารวบรวมแก่นโลหิต

และในตระกูลอย่างตระกูลไช่ ผู้เชี่ยวชาญหลอมกระดูกหายาก จั๋วฝานจึงไม่กลัวว่าทารกโลหิตจะโดนทำร้าย นี่ทำให้เขาสามารถดูดผู้คุ้มกันห้าสิบคนได้จนแห้ง

แต่ขณะที่เขากำลังวางแผนจะกำจัดคนอื่นต่อ พลังงานน่าขนลุกก็ดึงดูดความสนใจเขา

“ผู้บ่มเพาะปีศาจ?”

จั๋วฝานตกใจ ชักนำทารกโลหิตไปยังแหล่งพลังนั้น

มันเข้าใกล้ห้องเล็กๆ ที่มีแค่แสงไฟอ่อนๆ มีผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณขั้นสูงสุด 20 คนยืนเฝ้าอยู่

มันกระตุ้นความอยากรู้ของจั๋วฝานและบังคับทารกโลหิตไปตรงหน้าต่าง สำหรับผู้คุ้มกันเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถตรวจพบทารกโลหิตได้เลย ไม่ต้องพูดว่าจะเห็นมัน

มีผู้อาวุโสสามคนนั่งในที่นั่งรับแขกกับที่นั่งหลัก

คนในที่นั่งหลักคือไช่หรง ที่นั่งทางซ้ายเขาโดนจับจองด้วยชายชราหัวล้านดวงตาขุ่นมัวและแผ่กลิ่นอายพิศดาร

จั๋วฝานมองออกแต่แวบแรกว่ามันคือผู้บ่มเพาะปีศาจ

ชายชราทางขวาของไช่หรงสวมชุดขุนนาง มีร่องรอยปราณปีศาจรั่วไหลจากเขา มันแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ระหว่างการเปลี่ยนไปใช้เคล็ดบ่มเพาะปีศาจ

แต่ไช่หรงกับชายชราแต่งตัวสูงศักดิ์กลับแสดงความเคารพอย่างมากต่อผู้บ่มเพาะปีศาจหัวล้าน

[หรือว่า..]

จั่วฝานรู้สึกว่าเขาดันมาพบอะไรบางอย่างตอนผู้นำตระกูลไช่ประสานมือตรงหน้าชายชราหัวล้าน“ผู้อาวุโสเจี้ยน ลมอะไรกันที่หอบท่านกับผู้นำตระกูลซุนให้มาหาข้าถึงที่?”

ดวงตาขุ่นมัวนั้นจ้องไช่หรงจนกระทั่งเขาตัวสั่น จากนั้นผู้อาวุโสเจี้ยนถึงยิ้ม“ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงรู้ วันนี้ศิษย์จากโหยวหมิงกู่ของข้าโดนฆ่าตายโดยศาลาเฉียนหลง”

“อืม มันเป็นฝีมือตระกูลลั่วไม่ใช่หรือครับ?”ไช่หรงหัวเราะแห้ง

“เจ้าคิดว่าตระกูลลั่วจะกล้าหรือไง?”ผู้อาวุโสเจี้ยนหัวเราะ ดวงตาขุ่นมัวของเขาทอประกาย“ความบาดหมางระหว่างโหยวหมิงกู่กับศาลาเฉียนหลงติดอยู่ในทางตัน ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครกล้าลงมือก่อนและทำลายสมดุลของเจ็ดตระกูลใหญ่ แต่ศาลาเฉียนหลงกลับใช้ตระกูลลั่วมาฆ่าศิษย์ของข้า พวกมันมีเป้าหมายอะไร?”

สิ่งนี้ทำให้จั๋วฝานหัวเราะเบาๆ

ตามคาด เจ็ดตระกูลใหญ่นี้ได้รับการปฏิบัติเหมือนราชามาหลายปีจนพวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าท้าทายอำนาจพวกเขา มันเพราะความหยิ่งผยองดังกล่าวที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่าศาลาเฉียนหลงเป็นคนวางแผนแทนที่จะมองตามความเป็นจริง

ศาลาเฉียนหลงก็ไม่ต่างกัน เต็มใจรับความอยุติธรรมนี้แทนที่จะแสดงความอ่อนแอ

“เอ่อ งั้นท่านมาหาข้าเพราะ..”ไช่หรงลังเล

“ฮ่าๆ ไม่มีอะไรมาก แค่ช่วยเราสอดแนมศาลาเฉียนหลง ทำความเข้าใจเจตนาอีกฝ่าย มันดูเหมือนเหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างตระกูล”

“เอ่อ..ผู้อาวุโสเจี้ยน นั่นคือศาลาเฉียนหลง ตระกูลไช่ของข้าไม่สามารถตอแยด้วยได้”ไช่หรงตื่นตระหนก

เขาคิด[ทำไมพวกเจ้าเจ็ดตระกูลใหญ่ถึงลากตระกูลเล็กๆของข้ามายุ่งด้วย?]

ผู้อาวุโสเจี้ยนส่ายหัว“ผู้นำตระกูลไช่ อย่าเข้าใจผิด ไม่จำเป็นที่ตระกูลเจ้าต้องเผชิญหน้ากับศาลาเฉียนหลง แค่ทดสอบพวกมัน นั่นคือการจัดการกับตระกูลลั่วและคอยดูท่าทีของศาลาเฉียนหลง”

“ว่าไงนะ ตระกูลลั่ว?”

ไช่หรงตกใจมาก

ไม่มีใครในเมืองเนตรสายลมที่ไม่รู้การต่อสู้ระหว่างโหยวเฉวียนและจั๋วฝาน ที่ตระกูลลั่วได้รับการหนุนหลังโดยศาลาเฉียนหลง

[แต่เจ้าก็ยังขอให้ข้าให้ยุ่งกับตระกูลลั่ว นั่นไม่เท่ากับการตอแยศาลาเฉียนหลงหรืออย่างไร?]

ไช่หรงมองผู้นำตระกูลซุน และเห็นแค่รอยยิ้มมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

[บัดซบ!ในเมื่อเจ้าสนิทกับโหยวหมิงกู่ ทำไมเจ้าไม่ไปยุ่งกับตระกูลลั่วเอง?ลูกสาวเจ้าเป็นคนสร้างเรื่องไม่ใช่หรือไง?แต่ตอนนี้เจ้าเห็นตระกูลลั่วอยู่กับศาลาเฉียนหลง เจ้าถึงไม่กล้าขยับตัวสักนิด!]

ไช่หรงรู้สึกคันมือคันเท้ามาก แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธโหยวหมิงกู่“เห้อ ข้าจะพูดตามจริง ข้าเกลียดเจ้าเด็กจั๋วฝานมาก เขามาตระกูลข้าหลายวันก่อน มาสร้างปัญหา ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้ลูกไม้สกปรกอะไร แต่เขาทำให้ลูกชายข้ากระอักเลือดไปหลายวันและเรายังไม่รู้วิธีรักษา ถ้าข้าไปหาเขา เขาคงใช้ลูกไม้เดียวกันเพื่อพรากชีวิตของลูกชายข้า…”

อุฟ…

ก่อนไช่หรงจะพูดจบ จั๋วฝานก็แทบกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่

เขาทิ้งทารกโลหิตไว้ในตัวไช่เซียวถิงเืพ่อสั่งสอนบทเรียนให้ตระกูลไช่ แต่ไม่เคยคิดใช้มันอีกหลังจากนั้น เขาไม่คิดว่าผู้นำตระกูลจะใช้ข้ออ้างแบบนี้มาหลบหนีสถานการณ์

แม้กระทั่งผู้อาวุโสเจี้ยนก็ไม่เชื่อในคำพูดของไช่หรงและใบหน้าก็เริ่มตึง

เมื่อเห็น ไช่หรงก็รีบเสนอทางเลือก”ผู้อาวุโสเจี้ยน ผู้นำตระกูลซุนคือคนที่เหมาะกับงานนี้สุด แถมยังสนิทกับโหยวหมิงกู่ การปล่อยให้เขารับหน้าที่นี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง’

“เห้ย ไช่หรง เจ้าพูดอะไรออกมา?”

ผู้นำตระกูลไช่กระโดดตัวโหยง ตระกูลลั่วน่าปวดหัวมากและพวกเขาไม่รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ของมันกับศาลาเฉียนหลงแน่นแฟ้นแค่ไหน ถ้าเขาไปยุ่งกับตระกูลลั่ว เขาคงพังพินาศ

แม้ตระกูลซุนกับโหยวหมิงกู่จะเกี่ยวข้องกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ การไปหาเรื่องศาลาเฉียนหลงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี มันไม่รู้ว่าโหยวหมิงกู่จะยื่นคอมาช่วยเหลือตระกูลซุนหรือไม่

การไปหาตระกูลลั่วเท่ากับการฆ่าตัวตตาย

เมื่อเห็นทั้งสองตระกูลแย่งกันประกาศความภักดี หลีกเลี่ยงหน้าที่ตนเองในช่วงเวลาสำคัญ ผู้อาวุโสเจี้ยนก็ตะคอก“พอได้แล้ว เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ข้าไม่ต้องการพวกเจ้า ข้าจะหาคนอื่นมาทำงานเอง”

“นอกจากนี้ไช่หรง เจ้านำวิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณ ลูกเตะสลายลมมาด้วยหรือไม่?”

“เชิญตรวจสอบมัน ผู้อาวุโสเจี้ยน”ไช่หรงรีบยื่นแท่งหยก แต่ดวงตายังแสดงความไม่เต็มใจ“ผู้อาวุโสเจี้ยน นี่คือวิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณหนึ่งเดียวของบรรพบุรุษที่สืบทอดลงมาในตระกูลไช่ของข้า”

“หึ ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก”ผู้อาวุโสเจี้ยนโยนแท่งหยกให้เขา“นี่คือวิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณ ดัชนีเพลิง ขั้นสูงกว่าเจ้า”

ไช่หรงยินดี แสดงความขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า จั๋วฝานที่อยู่ด้านนอกรู้สึกงงงวย[โหยวหมิงกู่กลับแลกวิชายุทธ์จิตวิญญาณขั้นกลางกับขั้นต่ำ?]

“ผู้อาวุโสเจี้ยน ท่านหาคนที่จัดการกับตระกูลลั่วได้แล้วหรือยัง?ถ้าท่านไม่ว่าอะไร ข้าขอบังอาจถาม”

โดยไม่สนใจวิชายุทธ์ที่โหยวหมิงกู่มอบให้ไช่หรง ผู้นำตระกูลซุนถาม ไช่หรงจึงแคะหูเพื่อฟัง

ดวงตาของผู้อาวุโสเจี้ยนฉายแววดูถูก“พวกฝูงสุนัข กลัวว่าจะมีคนมาแทนที่พวกเจ้าหรือไง?ฮึ่ม ไม่ต้องห่วง คนคนนั้นมาจากโหยวหมิงกู่”

“โหยวหมิงกู่เริ่มดำเนินแผนแล้ว?ทำไม..”ผู้นำตระกูลซุนกับไช่หรงไม่สนใจคำพูดดูถูกของผู้อาวุโสเจี้ยนและแปลกใจ

ด้วยแสงแปลกๆในดวงตาเขา ผู้อาวุโสเจี้ยนพูดขึ้น“เขาเป็นสายที่เราวางไว้ในภูเขาลมดำมานานแล้ว..”

“ภูเขาลมดำ!”

จั๋วฝานตกใจจนหัวใจเต้นผิดจังหวะและการควบคุมพลังงานก็ไม่เสถียร

“นั่นใคร?”

ผู้อาวุโสเจี้ยนสะบัดหัว สะบัดฝ่ามือออกไป ประตูถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เห็นทารกโลหิตเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงและบินหนีไป

ผู้อาวุโสเจี้ยนรีบกระโจนออกไปด้านนอก

“เร็วมาก!”

จั่วฝากตกใจ แต่โชคยังอยู่ข้างเขา เขาแสยะยิ้ม กระตุ้นให้ทารกโลหิตเข้าตัวใครสักคน

“เลือดเดือด!”

ผู้คุ้มกันพองตัวจนระเบิด โดยไม่มีเวลาหลบ คนอื่นข้างเขาต่างตาย

ร่างของจั๋วฝานโดนขัดขวางด้วยแรงระเบิด ช่วยให้ทารกโลหิตหลบหนีได้

ไช่หรงกับผู้นำตระกูลซุนเห็นฉากนี้และตกใจกลัว“นั่นคืออะไร?”

ผู้อาวุโสเจี้ยนส่ายหัว แต่ใบหน้ากลับดำมืด“ข้าไม่รู้ แต่มันต้องเป็นของผู้บ่มเพาะปีศาจ..”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด