ตอนที่แล้วEp.647 - ไอ้พวกขยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.649 - จับเวลา

Ep.648 - คิดสู้?


4/4

Ep.648 - คิดสู้?

ชั่วเวลานี้ เหล่าเลเวล B ถึงค่อยสังเกตเห็น ว่าป้อมปราการเล็กๆแห่งนี้ไม่เพียงติดตั้งระบบป้องกันภายนอกเอาไว้เท่านั้น แต่ยังมีการติดตั้งปืนใหญ่พลังงานเอาไว้อีกด้วย

และสเปคของปืนใหญ่พลังงานเหล่านี้ พอมองดูดีๆกลับพบว่ามันมีภัยคุกคามอยู่ในระดับเดียวกับเมืองเป่ยหัว

เป็นปืนใหญ่พลังงานเลเวล B!

กล่าวอีกนัยนึงก็คือ การยิงหนึ่งนัดของมัน สามารถสังหารสัตว์ร้ายเลเวล B ได้

และหากคิดใช้มันรับมือกับผู้ใช้พลังในเลเวลเดียวกัน เท่านี้ถือว่าเพียงพอ!

แต่ที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คือ เบื้องบนท้องฟ้า พวกเขาสามารถได้ยินถึงเสียงกระบอกปืนใหญ่ของเมืองลอยฟ้าที่อยู่ไกลออกไป ภายใต้อำนาจของพลังสมาธิและการรับรู้ พวกเขาพบว่าปืนใหญ่อันน่าสะพรึงเหล่านี้ กำลังเล็งมาทางพวกตน

อีกทั้งด้านข้างยังมีไป๋หลี ที่เริ่มสาดแสงจรัสสีเงิน ซึ่งปัจจุบันทุกคนในห้องประชุมต่างทราบดี ว่านั่นคือรูนมิติ เนื่องจากในการต่อสู้ครั้งก่อนกับต้นไม้เพลิง ไป๋หลีเคยใช้ท่านี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ส่งพวกเขาออกไปไกลนับหลายพันเมตร

นี่หมายความว่า ต่อให้ปืนใหญ่ทั้งหมดที่กล่าวมาระดมยิงจริงๆ ฉินเฟิงกับไป๋หลียังสามารถหลบหนีจากอานุภาพของมันได้ทัน

ส่วนพวกเขา ทำได้เพียงรับประทานแรงระเบิดจากการยิง

เมื่อคิดได้แบบนั้น บรรยากาศอันตึงเครียด ก็เริ่มถูกระงับ คลายลงหลายส่วน

หนึ่งในเลเวล B พยายามระงับความโกรธลงตะคอกว่า “ฉินเฟิง! คุณต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราจริงๆใช่ไหม? อย่าลืมนะว่าคุณมันก็แค่เลเวล C ต่อให้คุณเป็นลูกรักของพระเจ้าแล้วยังไง? อย่าตะกละให้มันมากเกินไป เพราะคุณอาจพลาดพลั้งก่อนที่จะกินเนื้อจนหมด!”

“ผมจะตะกละรึเปล่า นั่นไม่ใช่ธุระของคุณ! ผมต้องการจะแบ่งปันผลประโยชน์กับใครก็ได้ที่ผมต้องการ แต่จะไม่มีใครมาคว้ามันไปจากมือของผมได้!”

ไป๋หลีพูดขึ้นในเวลาเดียวกัน “ฉันไม่เคยเห็นใครหน้าด้านอย่างพวกคุณมาก่อนเลย ปากยกข้ออ้างซะดิบดี แต่จริงๆแล้วก็แค่ต้องการส่วนแบ่งผลประโยชน์ไม่ใช่หรอ? เห็นไหม แค่พูดก็หน้าแดงแล้ว แทงใจดำล่ะสิ”

“ก็แล้วการแบ่งผลประโยชน์มันผิดตรงไหน? ทุกคนต่างเปิดอกและกล่าวความจริงออกมา มิติใหม่นั่นก็เพิ่งถูกค้นพบ มันไม่ใช่สิ่งที่ฉินเฟิงคนเดียวจะดูแลได้!”

“ฉินเฟิง! อย่าลืมสิว่าคุณไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยลำพัง พวกเราทุกคนต่างก็เป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ ต่อให้ฉันจะทำร้ายคุณไม่ได้ แต่ถ้าเป็นการกลั่นแกล้ง ฉันสามารถร่วมมือกับคนอื่นๆได้! พวกเราจะคว่ำบาตรกลุ่มของคุณ ไม่ทำการสั่งซื้อของจากกลุ่มคุณ ถึงเวลานั้นคุณจะรู้ซึ้งวลีที่ว่าแค่กระดิกนิ้วยังทำไม่ได้มันหมายความว่าอย่างไร!”

“ใช่แล้ว คุณสร้างความขุ่นเคืองแก่คนจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย”

คนเหล่านี้แม้เหมือนจะพูดจาด้วยอารมณ์ แต่ตรรกะของพวกเขากลับมีเหตุผล แท้จริงแล้วพวกเขากำลังคุกคาม ทดสอบความอดทนของฉินเฟิง

แต่เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงไม่สนใจคำของพวกเขา เอ่ยเสียดสีเหน็บแนมกลับไป

“ที่พูดมานั่นพวกคุณได้ดูความแข็งแกร่งของตัวเองรึยัง? ถ้าจะทำแบบนั้นผมแนะนำให้ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองก่อนดีกว่า!”

“คิดคว่ำบาตรกลุ่มของผม? อาศัยแค่พวกคุณน่ะหรือ?”

“บอกว่าผมไม่ฉลาด? จะสื่อว่าถ้าอยากฉลาดต้องทำตามความคิดของคุณ? พูดแบบนี้คุณจะไม่มั่นใจในตัวเองเกินไปหน่อยหรือ?”

ฉินเฟิงที่ปกติมักเงียบขรึม ไม่ค่อยสนทนามากความกับผู้คนหากไม่จำเป็น จนคนอื่นๆที่อยู่เคียงข้างเขา ต่างคิดกันไปว่าเขาเป็นคนเฉยเมย

เฉยเมยชนิดที่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนเย็นชา!

แต่ในวันนี้ เมื่อต้องทานรับกับคำด่าทออย่างรุนแรงของเหล่าเลเวล B --บุคคลๆหนึ่งกลับต้องรองรับแรงกดดันจากแปดคนอย่างกะทันหัน ฉินเฟิงกลับไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอสักนิด อีกทั้งยังเป็นเขาที่เหมือนจะข่มอีกฝ่ายอยู่นิดหน่อย

ก่อนฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เขาคือคนรากหญ้าที่ค่อยๆปีนป่ายขึ้นไปยังเลเวล A แม้เขาจะไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของพันธมิตรมนุษย์ แต่การไปถึงระดับนั้นได้ ถือว่าทรงพลัง ทั้งยังเป็นตัวแทนบ่งบอกได้อีกหลายสิ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งปันผลประโยชน์ พวกเขาจะต้องโต้เถียงกันด้วยเหตุผล มิฉะนั้นชิ้นเนื้อที่ตนสมควรได้รับจะหายวับไป

หากเป็นการวิวาทะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินเฟิงถือว่ารู้ดีกว่าคนพวกนี้ เป็นฝ่ายเข้าใจกฏเกณฑ์ของมันมากกว่า

การประชุมดำเนินยาวนานกว่าสองชั่วโมง แม้จะไม่เกิดการต่อสู้ขึ้น แต่ก็ไม่มีใครยอมใคร

ผ่านมาพักหนึ่ง เลเวล B เหล่านี้เริ่มบังเกิดความรู้สึกว่า ฉินเฟิงมิใช่คนที่จะยอมผ่อนปรนได้ง่ายๆ

จนความอดทนของคนเหล่านี้ เหมือนจะถูกใช้ไปจนหมดแล้ว

แต่ในช่วงเวลานั้นเอง ฉินเฟิงคล้ายสูญสิ้นความอดทนของเขาเช่นกัน ตวาดออกมา “พวกคุณต้องการให้ผมสละผลประโยชน์นักใช่ไหม? บอกว่าผมไม่มีคุณสมบัติและความแข็งแกร่งมากพอที่จะรับผิดชอบที่นี่สินะ? งั้นผมขอให้พวกคุณแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา! พวกเรามาเดิมพันกัน สามวันต่อจากนี้ ผมจะจัดงานประลองขึ้นในทุ่งล่า และภายใน 100 กระบวนท่า หากไม่มีใครสามารถโค่นผมได้ ก็อย่างหวังพูดถึงเรื่องความร่วมมือใดๆอีก!”

หลังจากพูดคุยกับคนเหล่านี้มานาน นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงสามารถอ่อนข้อแก่คนเหล่านี้ได้มากที่สุดแล้ว

บางคนพอได้ยินฉินเฟิง พลันรู้สึกว่าเสร็จล่ะ! เกิดความฮึกเหิมขึ้นมาทันที

มีสามคนเอ่ยปากอย่างกับนัดแนะกันไว้ “ดี! ถือว่าคุณพูดแล้วนะ”

“ฉินเฟิง คุณนี่มันชอบสร้างปัญหาให้ตัวเองซะจริง”

“ถึงเวลานั้น คุณอย่ามาคุกเข่าร้องขอความเมตตาก็แล้วกัน!”

คนอื่นๆโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตอบรับออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นานพวกเขาถึงค่อยตระหนักถึงความผิดปกติบางอย่าง

เพราะช่วงเวลานี้ มุมปากของฉินเฟิงกลับปรากฏรอยยกยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่รอยยิ้มที่ว่า ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“ในเมื่อทุกท่านยอมรับข้อเสนอนี้แล้ว และผมก็ได้บันทึกวิดีโอการประชุมในครั้งนี้ไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อย ผมจะส่งมันไปยังทางพันธมิตรมนุษย์เพื่อความยุติธรรม ส่วนถ้ามีคนอื่นๆอยากเข้าร่วมเพิ่มเติม ผมก็ยินดีต้อนรับ ไม่คิดปฏิเสธ!”

ว่าจบ ฉินเฟิงก็ผุดลุกขึ้นยืนทันที

“ทุกท่านเชิญ! ผมขออนุญาตไม่ไปส่ง!”

เลเวล B หลายคนยังตกตะลึงกับฉากนี้ เพราะพวกเขาเหมือนเพิ่งตระหนักได้ว่าตนตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว

ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงชักแม่น้ำทั้งห้ามาโต้เถียงกับพวกเขา ไม่ยินยอมที่จะแบ่งปันผลประโยชน์ จนเวลาล่วงเลยไปกว่าสองชั่วโมง เฝ้ารอจนความอดทนของพวกเขาถึงขีดสุด จึงค่อยเสนอความคิดเห็นที่พวกเขาคิดว่าฝั่งตนได้เปรียบออกมา คนเหล่านั้นจึงตอบรับโดยไม่รู้ตัว!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดที่บอกว่าเลเวล B จะต้องโค่นฉินเฟิงให้ได้ใน 100 กระบวนท่า จังหวะนั้นฉินเฟิงใช้น้ำเสียงอ่อนแอ คล้ายตนไม่มีทางสู้ พวกเขาเลยเผลอย่ามใจ พลั้งปากไป

เพราะหากให้วัดความแข็งแกร่งกับฉินเฟิงจริงๆ ไม่ต้องกล่าวถึง 100 กระบวนท่า ต่อให้งัดออกมาเป็น 1,000 กระบวนท่า เลเวล B เหล่านี้ก็ไม่อาจเอาชนะฉินเฟิงได้

ตรงกันข้ามกับฉินเฟิง แค่เขาใช้ออกด้วย 10 กระบวนท่า ก็สามารถสังหารทุกคนในที่นี้ได้แล้ว!

น่าเสียดายจริงๆ ที่คนเหล่านี้ทั้งหมดดันถูกจูงจมูกโดยฉินเฟิง กว่าจะรู้ตัวคิดย้อนเวลากลับไป ก็พบว่าตนตกหลุมพรางเข้าซะแล้ว

ปัจจุบัน ฉินเฟิงได้อัพโหลดวิดีโอการประชุมนี้ลงไปยังเครือข่ายนักสู้ ยิ่งได้เห็นแบบนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็ยิ่งดูน่าเกลียดกว่าเดิม

เพราะฉินเฟิงเป็นใครน่ะหรือ? เขาผู้คว้าอันดับหนึ่งในบรรดาลูกรักของพระเจ้า ได้รับการปกป้องจากเมืองหลวงมังกรและจ้าวพรมแดนเลเวล A ของภูมิภาคเหนือ หากคนเหล่านี้ยังอาละวาดต่อไป เกรงว่าจะเป็นการละเมิดผู้บริหารเบื้องบน

ด้วยเหตุนี้ ทั้งแปดเลยทำได้แค่ฝืนกลั้นความโกรธ ใบหน้าด้านชา แดงลามไปถึงใบหู  ตามขมับผุดเส้นเอ็นปูดโปน เร่งรีบออกจากป้อมปราการแห่งนี้ไปทันที

จากนั้น ข่าวดังกล่าวได้แพร่กระจายออกไป

“รอยแยกมิติใหม่งั้นหรือ? มิติลาวาเดือด?”

“ผู้การรัฐทะเลเหนือคิดเปิดการประลอง ผู้ชนะสามารถมีส่วนร่วมในการเข้ายึดครองต่างมิติ?”

“เห~ มีเรื่องดีๆแบบนี้ด้วยแฮะ ว่าแต่ใครกันที่เป็นผู้การรัฐทะเลเหนือ? กล้าพูดแบบนี้แสดงว่าภูมิหลังของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”

“บางทีเขาอาจแค่อยากเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่มาเข้าร่วมก็ได้”

“เป็นแค่เลเวล C ? ฮะฮ่า! พระเจ้าประทานโชคลาภให้ฉันแล้ว!”

ในโลกใบนี้ ยังมีคนอีกมากที่ไม่รู้จักฉินเฟิง เมื่อได้รับข้อมูลนี้จึงบังเกิดความคิดแตกต่างกันไป บ้างก็คิดว่านี่อาจมีอะไรไม่ชอบมาพากล บ้างก็สนใจแต่สมบัติฟ้าดินที่ปรากฏขึ้นในรัฐทะเลเหนือ บ้างก็คิดว่าผู้การรัฐกำลังคิดรวบรวมผู้คนจากสถานการณ์ ผนึกกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ทั้งหมดต่างก็คิดเห็นไปในทำนองเดียวกันว่านี่คือโอกาสทอง!!

และฉินเฟิงก็คร้านจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก ในสถานที่แถบชานเมืองของเมืองลาวาเดือด ฉินเฟิงได้ทำการจัดตั้งลานประลองขึ้น

โดยอาศัยพลังของผู้ใช้อบิลิตี้ดิน ปรับระดับหน้าดิน ถมขุนเขา ก่อตั้งเป็นลานจัตุรัส

สำหรับในส่วนของผู้ชมหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ แทบไม่มีเลย

เขากระทั่งไม่ใส่ใจกวาดล้างทุ่งล่าแถบนี้ให้หมดจด ปล่อยปละสัตว์ร้ายไว้ทั้งๆแบบนั้น

แต่แน่นอน ว่าพอถึงงานวันประลอง เดี๋ยวพวกสัตว์ร้ายเหล่านั้นคงหลบหนีไปด้วยความหวาดกลัวเอง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด