ตอนที่แล้วบทที่ 46 เหล่ามังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 กำแพงพลังจิต

บทที่ 47 ช่องโหว่ของสัญญาคือดาบสองคม


บทที่ 47 ช่องโหว่ของสัญญาคือดาบสองคม

หลังจากที่ปีศาจระดับสูงทั้งสามตนได้พูดคุยตกลงกันแล้วนั้นเซรอนกับรัชก้าก็เดินออกจากห้องโถงและเริ่มต้นเรียกระดมกองทัพของเขาเพื่อเตรียมออกเดินทางทันที

ปีศาจระดับต่ำมากมายต่างพากันออกมาจากรังก่อนจะมารวมตัวกันอย่างหนาแน่น จากนั้นเซรอนและรัชก้าก็ได้นำกองทัพปีศาจออกเดินทางโดยที่พวกเขาทั้งคู่ได้แบ่งกำลังพลและแยกกันมุ่งหน้าไปคนละทาง

กองกำลังส่วนใหญ่ของรัชก้านั้นคือกองกำลังดั้งเดิมของเขาร่วมกันอิกนาเชียส ซึ่งนั่นส่งผลให้กองทัพทางฝั่งของรัชก้าจึงได้เปรียบมากกว่ากองทัพของเซรอนในแง่ของจำนวนทหารรวมถึงความแข็งแกร่ง

แม่ทัพปีศาจทั้งสองแม้ว่าพวกเขาจะแยกกันเดินทัพกันออกไปคนละทางแต่จุดมุ่งหมายของพวกเขานั้นเหมือนกัน นั้นคือการไล่กำจัดทีมลาดตระเวนของเหล่าเอลฟ์อาฟรี่รวมถึงเผาทำลายหมู่บ้านของพวกมนุษย์ตามทางผ่านเพื่อทำลายการสนับสนุนของฝ่ายตรงข้าม

ซึ่งเหตุผลในการแยกทัพนั้นก็เพื่อการเบี่ยงเบนความสนใจของกองทัพเอลฟ์ให้มุ่งเป้ามาที่กองทัพหลักที่นำโดยรัชก้า และในขณะเดียวกันกองทัพที่สองที่เซรอนควบคุมอยู่นั้นจะมีภาระกิจหลักคือการบุกปล้นสะดมแทน

ซึ่งเนื่องจากกำลังพลส่วนใหญ่ในกองทัพที่สองนั้นมีแค่เพียงปีศาจระดับต่ำเป็นส่วนมากซึ่งพวกมันอ่อนแอเกินไปหากต้องมาเผชิญหน้ากับกำลังเสริมของเอฟล์อย่างเหล่ามังกรทอง แต่สุดท้ายแล้วที่ปลายทางนั้นกองทัพทั้งสองก็จะรวมตัวกันก่อนการต่อสู้ครั้งสุดท้ายพร้อมกับอิกเนเชียสที่จะเดินทางมาพร้อมกับกองทัพปีศาจระดับสูงจากเมืองปีศาจ

รอยเคลื่อนไหวตามกองทัพของเซรอนอย่างกลมกลืน

กองทัพที่รอยสังกัดอยู่นี้นั้นกำลังพลส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยปีศาจตัวเล็กๆประมาณห้าร้อยตัว ในฐานะที่พวกมันเป็นเพียงปีศาจอ่อนแอดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ปีศาจตัวน้อยเหล่านี้จะถูกส่งออกไปในแนวหน้าของกองทัพก่อนเพื่อน ในมุมมองจากที่สูงนั้นจะเห็นเป็นภาพการรวมตัวของเหล่าปีศาจตัวน้อยแทบทุกชนิดกระโดดโลดเต้นไปมา

กลุ่มที่ใหญ่เป็นอันดับสองเป็นกลุ่มของปีศาจระดับต่ำที่มีชื่อเรียกว่า ก๊อกซ์ ปีศาจพวกนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว แม้ว่าพวกมันบางตัวจะดูแต่ต่างกันอยู่บ้างแต่พวกมันส่วนใหญ่ดูจะมีลักษณะคล้ายลิง ส่วนชื่อเรียกของพวกมันนั้นก็ได้ชื่อมาจากเสียงร้อง "ก๊อก ก๊อก" ของพวกมันแต่พวกก๊อกซ์นั้นก็ถือว่าเป็นปีศาจหายากในหมู่ปีศาจระดับต่ำ

พวกมันสามารถใช้เปลวเพลิงในการโจมตีระยะไกลได้ทว่าไฟเหล่านี้ไม่ได้มีความพิเศษ มันจะพ่นน้ำลายที่เหมือนกับสารไวไฟลงบนฝ่ามือของพวกมันและขว้างออกไปจนกลายเป็นลูกไฟที่สามารถเป็นระเบิดได้

การมีวิธีการโจมตีดังกล่าวช่วยทำให้พวกก๊อกซ์มีชื่อเสียงในกองทัพ ลูกบอลระเบิดพวกนี้เป็นเหมือนระเบิดมือที่เป็นฝันร้ายสำหรับศัตรูระดับต่ำซึ่งในการรบขนาดใหญ่นั้นพวกมันจึงมักทำผลงานได้ดีทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามข้อเสียอย่างเดียวของพวกมันก็คือบางครั้งอาจมีก๊อกซ์บางตัวเผลอโยนระเบิดใส่พวกเดียวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ

และสุดท้ายปีศาจประเภทที่สามก็คือเฮลฮาวด์ซึ่งมีอยู่ราว 150 ตัว ซึ่งวิธีการโจมตีหลักของพวกมันก็คือการใช้เขี้ยวที่แหลมคมที่พวกมันมีในการกัดคนอื่น! เฮลฮาวด์เหล่านี้มีขนาดใหญ่มีขนปกคลุมและมีกล้ามที่เนื้อแข็ง พวกมันค่อนข้างคล้ายกับสุนัขล่าเนื้อมากกว่าปีศาจเสียอีก

แต่หากกลับมาสังเกตุที่เสืออ้วนแล้วนั้นสัตว์เลี้ยงเฮลฮาวด์ของรอยนั้นดูจะเป็นสิ่งที่ผิดปกติในเผ่าพันธ์ุของมัน เสืออ้วนไม่เพียงแต่สามารถพ่นลมหายใจธาตุเพื่อโจมตีได้แต่เจ้าเสืออ้วนยังมีปีกปีศาจที่สามารถบินไปได้ในระยะทางสั้นๆ ตอนแรกรอยเคยกังวลว่าเซรอนอาจสังเกตุพบว่าเสืออ้วนนั้นแตกต่างออกไป แต่โชคดีที่เซรอนไม่ได้มีเวลามาสนใจเรื่องแบบนี้มากนัก และเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งช่วยให้เสืออ้วนได้กลายเป็นผู้นำของกลุ่มเฮลฮาวด์สำหรับการเดินทัพในครั้งแรก

ซึ่งสำหรับความคิดของเซรอนเขาไม่เคยสนใจว่าเสืออ้วนจะพิเศษหรือแตกต่างออกไปแค่ไหน ตลอดช่วงเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมาในหุบเหวเป็นที่รู้กันดีว่าปีศาจเช่นเฮลฮาวด์สามารถพัฒนาขึ้นมาได้แค่เพียงปีศาจระดับกลางขั้นสูงสุดได้เท่านั้น ด้วยความจริงข้อนี้ถึงเสืออ้วนจะมีความพิเศษอยู่บ้างแต่มันก็ไม่คุ้มค่ากับความสนใจของเซรอน

เสืออ้วนได้กลายเป็นหัวหน้าของเฮลฮาวด์และรอยก็ได้เป็นผู้ช่วยของเซรอน ปีศาจระดับต่ำมักจะไม่มีสติปัญญามากนักจึงเป็นเรื่องปกติที่การเดินทัพจะยุ่งเหยิงเป็นอย่างมากพวกมันไม่รู้แม้แต่การเดินเกาะกลุ่มกันเป็นขบวน ดังนั้นงานหลักๆที่น่าปวดหัวของรอยก็คือการช่วยเซรอนฝึกปีศาจระดับต่ำในระหว่างการเดินทัพเพราะอย่างน้อยก็เพื่อที่พวกมันจะรักษารูปขบวนเดินทางเอาไว้ได้

งานนี้ไม่ค่อยยากนักแต่มันกลับมีเรื่องที่รอยยังตัดสินใจไม่ได้ ซึ่งหากว่าเระหว่างทางเกิดปัญหาหรือมีปีศาจเดินแตกแถวรอยก็เพียงแค่ไล่ตบพวกมันสองสามครั้ง แต่เนื่องจากรอยไม่รู้ว่ากองทัพของปีศาจควรใช้รูปแบบกองทัพแบบใดดีเพราะเขาก็ยังตัดสินใจไม่ถูก

ภายใต้การควบคุมของรอยแล้วเซรอนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเล็กๆน้อยๆอีกต้อไป เซรอนรู้สึกว่าตัวเขาคิดถูกที่เลือกที่จะเก็บรอยเอาไว้

กองทัพที่สองของปีศาจนอกเหนือจากขบวนของเหล่าปีศาจที่วุ่นวายแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ด้วย มันเป็นรถหน้าไม้ขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อของหน้าไม้บาลิซต้ารวมถึงอุปกรณ์ล้อมเมืองอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเซรอนได้เตรียมอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อใช้ในการโจมตีเมืองต่างๆ โดยมีเฮลฮาวด์หลายสิบตัวช่วยกันลากพวกมันเคลื่อนที่ไปพร้อมกับกองทัพ  และเครื่องมือเหล่านี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่ชะลอความเร็วในการเดินทัพของเซรอนให้ช้าลงไปมาก

เวลากว่าหนึ่งเดือนได้ผ่านไปและรอยก็ได้เรียนรู้หลายๆสิ่งระหว่งเดินทาง ขณะนี้กองทัพปีศาจอยู่บริเวณชายแดนด้านตะวันตกของอาณาจักรเอราเทีย และเป้าหมายของกองทัพปีศาจอินเฟอโน่ก็คือการเดินทัพลัดเลาะไปทางตะวันออกก่อนที่จะรวมตัวกันเพื่อบุกเข้าไปในดินแดนแห่งนี้เพื่อทำลายเมืองหลวงของเอราเทีย

ในสงครามคั้งนี้ไม่ได้มีแค่เพียงกองทัพปีศาจอินเฟอโน่เท่านั้นแต่ยังมีกองทัพของเนโครแมนเซอร์ซานโดร และรวมไปถึงกองทัพของดันเจี้ยนลอร์ดไนออนอีกด้วย ทั้งสามกลุ่มนี้จับมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อเข้าโจมตีอาณาจักรเอราเทีย!

แม้ว่ารอยจะรู้ว่าที่นี่คือโลกของฮีโรส์ออฟไมต์แอนเมจิกแต่เขาก็ไม่ทราบเกี่ยวกับความเป็นมาหรือว่าตอนนี้คือช่วงเวลาไหนในประวัติศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้น ทว่าอย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันก็ไม่สำคัญสิ่งที่เขาต้องรู้ตอนนี้ก็คือว่าใครเป็นศัตรูของกองทัพปีศาจในสงครามครั้งนี้

ตอนนี้กองทัพของเซรอนอยู่ห่างจากเมืองปีศาจประมาณสองสามร้อยกิโลเมตร หน่วยสอดแนมที่ถูกส่งออกไปสำรวจกลับมารายงานว่าพบกับเหล่าเอลฟ์แล้ว

เมื่อได้ยินรายงานดั้งนั้นเซรอนก็ไม่รีรอและรีบนำกองทัพออกไปไล่ล่าทันที

ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มผู้อพยพของเผ่าเอลฟ์ที่เพิ่งอพยพมาได้ไม่นาน บางทีพวกเขาอาจได้ข่าวเกี่ยวกับการระเบิดของภูเขาไฟและการปรากฏตัวของเมืองปีศาจ เมื่อพวกเขารู้ว่าทวีปนี้กำลังจะเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจในอีกไม่นานพวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงกองทัพปีศาจแต่โชคร้ายที่พวกเขาช้าเกินไป

กลุ่มอพยพกบุ่มนี้ไม่ได้มีการส่งหน่วยสอดแนมระวังภัย ดังนั้นเมื่อเซรอนนำกองทัพปีศาจออกมาปรากฏตัวข้างหลังพวกเขาเหล่าเอลฟ์ก็ตกอยู่ในความตระหนก คนแก่และเด็กถูกพาหนีอย่างรวดเร็วในขณะที่เหล่าชายหนุ่มที่แข็งแรงกว่าคอยรั้งท้ายอยู่ด้านหลังเพื่อซื้อเวลาให้พวกเขา

ในบรรดาเด็กเหล่านี้มีนักรบคนแคระจากเหมืองและเอลฟ์แห่งพงไพรผู้เป็นนักธนูที่เก่งกาจคอยปกป้อง แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากพวกเขาจำนวนแค่เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น นักรบกลุ่มนี้ไม่อาจรับมือกับกองทัพปีศาจของเซรอนได้เลยพวกเขาคงสามารถต่อต้านได้เพียงไม่นานก่อนที่กองทัพปีศาจที่เหลือจะไล่ตามจนถึงกลุ่มคนที่กำลังหลบหนีไป

ธรรมชาติของปีศาจพวกมันไม่เคยมีความเมตตาใดๆ เมื่อเซรอนเห็นว่าเอลฟ์กับคนแคระเหล่านี้กล้าที่จะอยู่เพื่อต่อต้านกองทัพของเขา เซรอนก็คำรามออกมาและสั่งให้กลุ่มของปีศาจตัวน้อยเข้าโจมตี

ปีศาจน้อยกลุ่มนี้ชื่อชอบการเข่นฆ่า พวกมันพากันแหกปากตะโกนก่อนจะพากันพุ่งไปหานักรบคนแคระและนักธนูเผ่าเอลฟ์อย่างไร้ระเบียบ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ออกมาทักทายเหล่าปีศาจตัวน้อยที่พากันดาหน้าเข้ามาก็คือลูกศรที่เอลฟ์แห่งพงไพรยิงออกมา!

ปีศาจตัวน้อยด้านหน้าถูกลูกศรเจาะทะลุเสียบติดกันอย่างกับเสียบลูกชิ้น รอยเห็นพวกมันกรีดร้องคำรามขณะที่กำลังเสียชีวิตและทันใดนั้นร่างของพวกปีศาจที่ตายก็ถูกหมอกสีดำกลืนหายไปก่อนที่จะกลายเป็นเถ้าถ่าน สิ่งที่เหลืออยู่คือลูกบอลแห่งแสงที่ประตูนรกดึงกลับไปที่หุบเหวไร้ก้นบึ้ง!

นี่เป็นครั้งแรกที่รอยได้เห็นปีศาจตายในโลกอื่นฉากดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นในหุบเหว เพราะเมื่อปีศาจถูกฆ่าในหุบเหวมันจะตายตามปกติ แต่ ณ ที่แห่งนี่เนื่องจากวิญญาณของปีศาจได้รับการปกป้องการมังกรออโรโบรอส เมื่อเหล่าปีศาจพวกกับช่วงเวลาแห่งความตายพวกมันเพียงแค่ถูกขับออกจากโลกและวิญญาณของพวกมันก็ถูกดึงกลับไปสู่นรกในหุบเหวไร้ก้นบึ้ง  แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะยังคงอยู่แต่ร่างกายของปีศาจก็ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ด้วยพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของพวกมัน

แม้ว่าวิญญาณของปีศาจจะถูกดึงกลับไปแต่วิญญาณเหล่านั้นก็จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนส่งผลทำให้ความแข็งแกร่งลดลงหรืออาจสูญเสียความทรงจำบางส่วนได้ ทว่าที่สำคัญที่สุดคือหากมีปีศาจที่มีเจตนาร้ายแฝงตัวอยู่ใกล้ๆประตูนรกนั้นก็เป็นไปได้มากว่าพวกมันจะถูกฆ่าและถูกชิงวิญญาณไปได้ทันทีหลังจากที่เพิ่งกลับมายังหุบเหว

ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วปีศาจส่วนใหญ่จึงไม่เต็มใจที่จะถูกฆ่าและขับไล่ออกไปนอกเสียจากว่ามันเป็นทางเลือกสุดท้าย

แม้ว่าเอลฟ์แห่งพงไพรจะมีทักษะการยิงธนูที่เฉียบคมแต่พวกเขาก็มีจำนวนน้อยเกินไป ในขณะที่ปีศาจตัวน้อยกำลังพุ่งเข้าใส่พวกเขามีเวลายิงธนูเพียงสองหรือสามรอบเท่านั้น มันมีเวลาจำกัดว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าปีศาจได้กี่ตัวก่อนที่พวกเขาจะถูกรุมล้อม

เมื่อปีศาจตัวน้อยเข้ามาใกล้คนแคระที่ถือค้อนทำหน้าที่ในการปกป้องพลธนูเผ่าเอล์ฟ คนแคระที่ถืออาวุธเหล่านี้มีพลังโจมตีมากเสียจนสามารถสังหารปีศาจตัวน้อยได้ด้วยการเหวี้ยงค้อนเพียงครั้งเดียว

แม้ว่าการกระทำของพวกเขาจะน่าชื่นชมแต่ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถทนได้นาน ในการต่อสู้ครั้งนี้ฝั่งปีศาจมีจำนวนมากเกินไปไม่นานนักนักรบคนแคระและเอลฟ์ก็ถูกล้อมก่อนจะถูกปีศาจตัวน้อยเหล่านี้รุมทำร้ายจนตาย

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วและตอนนี้ก็ได้เวลาทำความสะอาดสนามรบ ปีศาจตัวน้อยที่ตายลงถูกขับออกจากไปตามกฏของโลกแห่งนี้ดังนั้นจึงไม่มีวิญญาณของปีศาจเหลืออยู่ แต่เหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งนนี้นั้นแตกต่างกันบัดนี้วิญญาณของพวกเขาจะปรากฏขึ้นท่ามกลางซากศพในสนามรบ

ปีศาจตัวน้อยผู้ทำหน้าที่รวบรวมวิญญาณนั้นน้ำลายของพวกมันหยดย้อยออกมาเต็มปาก แต่พวกมันก็ไม่กล้ากลืนนำดวงวิญญาณเข้าใกล้ปากแม้เพียงแต่นิดเดียว ในแววตาของมันช่างน่าสงสารขณะที่พวกมันค่อยๆส่งดวงวิญญาณในมือไปให้กับเซรอนอย่างเชื่อฟัง

หลังจากได้รับวิญญาณเหล่านี้แล้วเซรอนก็พึงพอใจมาก แม้ว่าคราวนี้จะมีศัตรูน้อยเกินไปเขาจึงไม่ได้สนุกไปกับการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น แต่มันก็เพียงพอแล้วในการเก็บเกี่ยวจิตวิญญาณเล็กๆน้อยๆ

สุดท้ายหลังจากเลือกแล้วเลือกอีกเซรอนก็ได้มอบเศษของวิญญาณดวงเล็กๆให้กับรอยและกินส่วนที่เหลือทั้งหมด วิญญาณเพียงไม่กี่สิบดวงนับว่าเป็นแค่ของว่างสำหรับเซรอนเท่านั้น

รอยรับเอาเศษวิญญาณที่น่าสมเพชเหล่านี้มาโดยรับรู้ว่านี่เป็นโบนัสของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่ากับดักแรกของ เซรอนในสัญญาคืออะไร เซรอนได้สัญญาว่าจะมอบวิญญาณสิบเปอร์เซ็นต์หลังจากได้รับชัยชนะให้แก่รอยแต่เซรอนไม่ได้ระบุคุณภาพของวิญญาณว่าต้องให้วิญญาณระดับไหนแก่เขา!

แม้ว่ามันจะเป็นกับดักแต่ตอนนี้รอยก็ไม่ได้สนใจมันอีกต่อไปแล้ว มนุษย์นั้นมีกฎหมายมากมายแต่ก็ยังมีช่องโหว่อยู่เสมอ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงสัญญาของปีศาจเนื่องจากหนังสือสัญญามีขนาดเล็กแค่นิดเดียวมันจะไปมีรายละเอียดมากมายได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้นรอยได้รู้ถึงช่องโหว่งที่สองที่เซรอนได้วางเอาไว้แล้ว ว่าเซรอนสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้และเขาก็สามารถกลืนกินวิญญาณในขณะที่เขาฆ่าศัตรูได้ สัญญาระบุเพียงว่ารอยมีสิทธิ์ได้รับสิบเปอร์เซ็นต์ของวิญญาณที่เก็บเกี่ยวมาได้หลังจากได้รับชัยชนะดังนั้นก่อนที่การต่อสู้จะสิ้นสุดลงวิญญาณที่เซรอนกลืนกินจึงไม่นับเป็นการเก็บเกี่ยวแห่งชัยชนะ ดังนั้นเซรอนจึงไม่ละเมิดสัญญา…

แม้รอยจะรู้ว่าเซรอนกำลังเล่นสนุกที่เกิดจากการคำนวณเล็กๆน้อยๆของตัวเขาเอง แต่รอยก็ไม่ได้อารมณ์เสียเพราะเขาเข้าใจความจริงที่ว่าเนื่องจากเซรอนสามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในสัญญาได้เขาก็สามารถทำเช่นเดียวกันได้เช่นกัน

ตราบใดที่รอยเข้าร่วมการต่อสู้เขาก็สามารถกลืนกินวิญญาณในสนามรบได้ทุกดวง ดังนั้นเขาอาจสามารถใช้ระบบเพื่อเก็บรวบรวมวิญญาณมากมายในสนามรบได้ใช่หรือไม่? ตราบใดที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปวิญญาณที่ล่องลอยออกมานั้นก็ยังไม่อาจถือได้ว่ามีเจ้าของ เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้คือช่องโหว่ที่ถูกใช้เป็นกับดักในสัญญาปีศาจบางครั้งมันก็อาจกลายเป็นดาบสองคม!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด