ตอนที่แล้วตอนที่ 8: หม่าล่าลูกกุ้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10: หม่าล่าลูกกุ้ง (ส่วนที่ 3)

ตอนที่ 9: หม่าล่าลูกกุ้ง (ส่วนที่2)


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

--------------------------------------------------------------------------------------------

ลูกกุ้งนั้นจับได้ง่ายกว่าพวกปลามากๆ. แค่หว่านแหไปก็ได้มาเพียบแล้ว. ไม่นานลูกกุ้งก็เต็มถัง. เสี่ยวฉีหยิบลูกกุ้งขึ้นมาแล้วถาม “พี่ขาๆ วันนี้เราจะกินเจ้าตัวนี้หรอ?”

 

ลูกกุ้งดิ้นไปมาที่นิ้วเธอ. พอเสี่ยวฉีไม่ระวังตัว มันก็ลื่นหลุดจากนิ้วเธอแล้วหล่นหายไปในแม่น้ำ.

 

“มันหนีไปแล้ว!” เสี่ยวฉีอยากจะพุ่งตามไปแต่ชิยูห้ามเธอไว้.

 

“ปล่อยมันไปเถอะจ่ะ! เรามีเยอะแล้ว!”

 

“อื้อๆ” จากนั้นเสี่ยวฉีรีบวิ่งไปเด็ดดอกไม้.

 

ชิยูยิ้มขณะที่มองเสี่ยวฉีกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขไปมา. ที่ด้านหลังเธอ เล่าเอ๋อ, เสี่ยววูกับเสี่ยวหลิวเด็กผู้ชายทั้ง3คนเดินตามเธอพร้อมกับถังในมือ.

 

ไม่นานเสี่ยวฉีก็กลับมาพร้อมกับมงกุฏดอกไม้แล้วเธอก็วางมันลงบนหัวของชิยู. พวกเธอทั้งสองมีมงกุฏบนหัวและมีความสุขกันมากๆ.

 

สายลมอ่อนๆ, ความเยาว์วัย, อิสระภาพ, ชีวิตแบบนี้มันก็ไม่เลวนักหรอก.

 

พอเอาลูกกุ้งเข้าเมืองมา, มีหลายคนเห็นพวกเธอจึงถาม “พวกเธอจับเจ้าพวกนี้มาทำไมน่ะ?”

 

“เอามากินค่ะ!” เสี่ยวฉีรีบตอบทันที. พอเธอนึกถึงอาหารอร่อยๆที่พี่สาวเธอทำให้ทุกๆวัน เธอก็น้ำลายสอทันที.

 

“เจ้าพวกนี้มันกลิ่นแรงมากเลยนะ แถมล้างยากด้วย. มันเหมือนกับกินโคลนเข้าไปเลย ไม่อร่อยซักนิด”

 

“มีแต่พวกสามัญชนแหละที่กินของแบบนี้” กลุ่มสตรีหัวสูงรีบแซะทันที.

 

“เห้อพวกเธอนี่น่าสงสารจังนะ. ชั้นว่าพวกนี้คงไม่มีวันได้กินเนื้อสัตว์ปราณตลอดไปแน่!” สตรีอีกคนหยิบสตางค์ออกมาแล้วโยนลงพื้นจากนั้นมองหยามมาทางชิยู “เอ้านี่ ชั้นให้”

 

ชิยู: “.....”

 

แค่โยนเหรียญให้ก็รู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าแล้วเหรอ?

 

ชิยูจับมือเสี่ยวฉีพร้อมเรียกเด็กคนอื่นๆแล้วรีบเดินผ่านไป.

 

สตรีอายุน้อยนั้นไม่ได้รับคำขอบคุณตามที่เธอหวังไว้จึงโกรธขึ้นมา “นี่ เจ้าพวกสามัญชนนั่นน่ะ! ชั้นอุตส่าทำบุญให้, ทำไมไม่คุกเข่าแล้วขอบคุณชั้นล่ะห้ะ? พวกชั้นต่ำแบบพวกแกนี่ไร้มารยาทจริงๆ!”

 

ชิยูไม่ชอบในสิ่งที่เธอพูดเลย.

 

ใครคือ ‘พวกชั้นต่ำ’งั้นหรอ? พวกเค้าอาจจะยากจนแต่พวกเขาก็มีศักดิ์ศรีนะ.

 

ชิยูหยิบตำลึงเงินออกมาก้อนนึงแล้วโยนไปให้หญิงคนนั้น “ตำลึงเงินนี่ชั้นให้เธอ. ไม่ต้องคุกเข่าแล้วขอบคุณชั้นหรอก. ชั้นกำลังรีบ”

 

พอพูดเสร็จก่อนที่หญิงคนนั้นจะตอบโต้ ชิยูก็พากลุ่มเด็กขอทานรีบหนีไป. พอเธอเข้ามาถึงซอยเธอก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาก.

 

“เร็ว, วิ่งไป!” ชิยูรีบคว้าถังแล้ววิ่งเข้าไปในซอยเขาวงกต. พื้นที่ของสามัญชนแถบนี้มีทางเลี้ยวและทางลัดอยู่มาก. ถ้าไม่คุ้นเคยกับที่นี่ล่ะก็คงจะหลงได้ง่ายๆเลย.

 

หื้ม, เธอโหดเกินปไ. เธอต้องทำตัวเสงี่ยมกว่านี้รอบหน้า.

 

เมื่อพวกเธอมาถึงบ้าน, เธอก็เทลูกกุ้งทั้งหมดลงในถังน้ำใสๆแล้วปล่อยให้พวกนั้นคลายดินออก. ชิยูพร้อมจะเตรียมมื้อค่ำแล้ว.

 

พอเธอกำลังจะทำก็มีแขกมาหา2คน.

 

ชิยูคิดไว้แล้วว่าพวกเขาน่าจะมาไม่ช้าก็เร็ว. เธอบอกให้เล่าเอ๋อดูลูกกุ้งทั้งหมดไว้แล้วไปเปิดประตู.

 

เป็นอย่างที่คิด, แขกนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากเชฟหลี่กับศิษย์ของเขา, ปู้หยาน.

 

เชฟหลี่รีบมองไปรอบๆแล้วเอ่ยชม “เธอนี่เก่งจังนะ. ที่นี่สะอาดมากๆ.”

 

ชิยูยิ้ม. เสี่ยวฉีเอาแก้วน้ำชามาให้2ใบแล้วเสิร์ฟให้แขก.

 

เชฟหลี่นั่งลงบนเก้าอี้แล้วรีบเข้าเรื่องทันที “ชิยู, ชั้นได้ยินมาว่าหนูขายซาลาเปาอยู่. ซาลาเปาพวกนั้นเป็นที่นิยมมากถึงขนาดว่ามีคนไปเข้าแถวรอซื้อตั้งแต่เช้า. เป็นเรื่องจริงงั้นหรอ?”

 

ชิยูยิ้ม “นี่เป็นแค่ธุรกิจเล็กๆเท่านั้นค่ะ. พวกเราโชคดีที่ลูกค้าหลายคนอยากช่วยเรา”

 

“อื้ม, ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกนะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของเชฟหลี่เริ่มจะกว้างขึ้น “การทำอาหารของหนูนั้นยอดเยี่ยมมาก. ชั้นขอพูดตรงๆเลยแล้วกัน. หนูขายสูตรให้ชั้นได้มั้ย?”

 

“.....” ชิยูไม่เคยคิดเลยว่าอาหารง่ายๆอย่างซาลาเปาจะต้องมีสูตรด้วย.

 

เชฟหลี่เห็นว่าชิยูไม่ตอบและคิดว่าเธอกำลังคิดบางอย่างอยู่. เขาจึงพยายามกดดันเธอทันที “หนูรู้รึป่าวว่ามีหลายคนเริ่มสนใจหนูแล้ว? ธุรกิจหนูกำลังไปได้สวยแต่มันก็ไปแย่งลูกค้าจากคนอื่นๆ. หนูคิดดูสิไม่เกิน3วันคงจะมีคนมาสร้างเรื่องให้แน่. แล้วร้านหนูก็จะพังแล้วหนูกับเด็กคนอื่นๆก็จะเจ็บกันหมด. หนูเสียกับเสียแน่!”

 

สิ่งที่เชฟหลี่พูดนั้นคือสิ่งที่ชิยูรู้อยู่แล้ว. ในเมืองชิงฉานนี้มีร้านอยู่กี่ร้านล่ะ? ขนาดร้านอาหารใหญ่ๆยังขายซาลาเปาเลย. พอคนหันมาซื้อซาลาเปาเธอเยอะๆ พวกนั้นก็คงจะอิจฉาและเกลียดแน่นอนอยู่แล้ว.

 

“คุณให้หนูได้เท่าไหร่คะ?” เธอถาม.

 

เชฟหลี่ยิ้มแล้วยกนิ้วขึ้น2นิ้ว.

 

“???” ชิยูถามไป “200ตำลึงเงินหรอคะ?”

“ปู้ด..” เชฟหลี่พ่นน้ำชาออกจากปาก “2ตำลึงเงินต่างหากเล่า. นี่แค่สูตรซาลาเปาธรรมดาๆ. 2ตำลึงเงินก็เยอะแล้วนะ”

 

“.....” ชิยูยิ้ม.

 

เธอโกรธมาก.

 

เชฟหลี่คนนี้คิดว่าเธอเป็นเด็กไร้เดียงสาหรอ? หลายวันมานี้เธอทำเงินได้อย่างน้อยก็1ตำลึงเงิน. ตอนนี้เขาอยากจะซื้อสูตรมันด้วยเงินแค่2ตำลึงเงินนี่นะ. หลอกซื้อกันชัดๆ.

 

เชฟหลี่เห็นว่าชิยูยิ้มเลยคิดว่าเธอคงจะพอใจ. เขาควักเงินออกมาแล้วพูด “เอ้านี่เงิน. หนูบอกสูตรให้ชั้นฟังแบบปากเปล่าก็ได้”

 

ชิยูไม่อยากขายสูตรแต่เธอคิดว่าตอนนี้เธอยังไม่มีกำลังใดๆเลย จึงเลือกที่จะไม่ทำให้เชฟหลี่ไม่พอใจดีกว่า. ดังนั้นเธอจึงรับเงิยมาแล้วบอกสูตรไป.

 

ปู้หยานเดินออกไปเพื่อเลี่ยงการแอบฟัง.

 

หลังจากพักหนึ่งเชฟหลี่ก็จากไปอย่างมีความสุข. แต่ก่อนเขาจากไปเข้าหันไปทางปู้หยานแล้วขอให้เขาอยู่ “อายุพวกเธอน่าจะใกล้ๆกัน ลองดูสิเพื่อพวกเธอสองคนจะเข้ากันได้”

 

ชิยูได้กลิ่นแผนทันที เธอจึงขมวดคิ้ว.

 

ปู้หยานเองก็รู้สึกว่าอาจารย์เขาเยอะเกิน. เขาขอโทษอย่างอายๆ “อย่าอารมณ์เสียเลยนะครับ”

 

“โอ๊ะ ไม่หรอก. เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายหรอกนะ. แต่รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้ทำไมนายถึงยังตามเขาอยู่ล่ะ?”

 

ชิยูถาม.

 

ปู้หยานค้อมหัวลง, “ท่านอาจารย์เลี้ยงดูผมเป็นอย่างดีน่ะ”

 

“เลิกโกหกเถอะ. ดูชุดนายสิ. ตอนที่ชั้นเห็นนายครั้งแรก ชุดนายมีรูด้วย. ตอนนี้รูมันก็กว้างขึ้น. ถ้าเขาเลี้ยงดูนายอย่างดี, ต่อให้ไม่ซื้อเสื้อดีๆให้ใส่ก็น่าจะห้ามไม่ให้นายใส่ชุดขาดๆนี่นา! ช่างเหอะ! บางอย่างนายก็ควรต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง. ตอนนี้นายก็อยู่นี่แล้ว รอกินมื้อค่ำด้วยกันสิ”

 

พอพูดถึงปู้หยาน ชิยูรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายนัก. เด็กหนุ่มคนนี้มีจิตใจที่อ่อนโยนและเป็นเชฟฝึกหัดที่ร้านอาหาร. เธอจึงสงสัยความสามารถเขา.

 

ชิยูพาเขาเข้าไปในครัวแล้วบอก “วันนี้ชั้นจะทำอะไรอร่อยๆให้นายกิน. แต่นายต้องไม่บอกเรื่องนี้ให้อาจารย์นายฟัง. ต่อให้เขาถามนายก็ต้องปิดเป็นความลับเอาไว้ซะ”

 

ปู้หยานประหลาดใจแล้วพยักหน้า “ผมจะปิดเป็นความลับแน่”

 

ชิยูยิ้มด้วยความพอใจ. เชฟหลี่บอกให้ปู้หยานอยู่นี่เพื่อคอยสอดส่องสูตรอาหารเพิ่ม. ถ้าปู้หยานสามารถขโมยมาให้เขาได้คงจะดีไม่น้อย.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด