ตอนที่แล้วสุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 28
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปสุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 30

สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 29


ตอนที่ 29 The Carlos Family ผู้แสวงหาความตายและแผนการใช้เหยื่อล่อ

หลังจากเล่าวีรกรรมของแก็งค์ Limedog คริสหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“อันที่จริงมีเจ้าหน้าที่ของเราสองคนหายไปอีกด้วย”

เมื่อพวกโรเบิร์ตได้ยินสิ่งที่คริสบอกมาล่าสุด พวกเขาทั้งหมดก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ไอ้พวกนี้บ้ารึเปล่าเนี่ย กล้าอุ้มคนของ FBI เนี่ยนะ”

หลังจากสิ่งที่คริสเล่ามาทั้งหมดพวก Carlos Family ตอนนี้คงจะอยู่ในความสนใจจากทั้งตำรวจและเอฟบีไอ และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงดึงดูดความสนใจของ DEA ด้วยเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าพวก Carlos Family ไม่เกรงกลัวกฏหมายพวกเขาแค่สั่งการลงมาพวกลูกสมุนก็พร้อมที่จะจัดการเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เอฟบีไอแล้ว

อันที่จริงแล้วกลุ่มอาชญากรรมต่างๆ ที่มีอยู่ในอเมริกาจะไม่ค่อยไปยุ่งหรือทำร้ายพวกเจ้าหน้าที่ เพราะพวกเขาต้องโดนการตอบโต้อย่างรุนแรงจากพวกเจ้าหน้าที่

ถ้าว่ากันตามความจริงแล้วแม้ว่ากองกำลังตำรวจในท้องที่จะไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับแก๊งค้ายา แต่ก็ไม่มีกองกำลังตำรวจที่ไหนจะยอมให้อาชญากรมาสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตปกครองของตนเอง และถ้าในกรณีที่พวกเขาไม่มีกำลังมากพอที่จะสู้ได้เขาก็จะติดต่อไปขอความช่วยเหลือจากเอฟบีไอและหลังจากนั้นพวกอาชญากรที่ฆ่าเจ้าหน้าที่ ก็จะถูกเอฟบีไอตามล่าอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเอฟบีไอเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่มีอำนาจมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ

และนี่ก็ทำให้พวกโรเบิร์ตทั้งสามคนเข้าใจแล้วว่าทำไมแก็งค์ Limedog ถึงต้องส่งคนมาจัดการพวกเขาเพื่อลูกน้องปลายแถวแค่สองคนที่ถูกจับพร้อมยาไม่กี่กิโล นั่นเพราะว่าพวกแก็งค์ Limedog เป็นแก็งค์ที่รวมตัวกันของพวกคนบ้าอย่างแท้จริง

และเป็นพวกคนบ้าที่รอวันถูกกำจัดในไม่ช้าก็เร็ว

พียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขาบังเอิญพบโรเบิร์ตและลุคก่อนที่พวกเขาจะโดนคนอื่นจัดการ

โรเบิร์ตกล่าวว่า“เนื่องจากคนของผมได้ฆ่า ฟรานซิสโก คาร์ลอส พวกนั้นคงจะไม่ปล่อยให้พวกเราได้ใช้ชีวิตแบบปกติแน่นอน บอกแผนของคุณมาได้เลย”

คริสกล่าวว่า“ผมไม่สามารถบอกแผนทั้งหมดได้ แต่กลุ่มของเราจะคอยจับตาถนนทุกสายทั้งในและนอกเมือง พวกเราจะรู้เมื่อพวกนั้นมา และเมื่อพวกนั้นเข้ามาพวกคุณเพียงแค่ไปปรากฏตัวในที่ที่เหมาะสมเราล่อพวกนั้นมาและร่วมมือกับเราเพื่อจับกุมพวกนั้นทั้งหมด”

โรเบิร์ตขมวดคิ้วพลางจมดิ่งลงไปในห้วงความคิด เขาเห็นด้วยว่านี่เป็นแผนการที่เรียบง่าย แต่ใช้งานได้จริง

นี่คือแผนใช้เหยื่อล่อแล้วปิดประตูตีแมวอย่างง่ายๆ ซึ่งเป็นแผนที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษยชาติและแม้ในตอนนี้จะยังคงมีประโยชน์

หาก Carlos Family ต้องการแก้แค้นพวกเขาจะต้องมาที่เมืองนี้แน่นอน

เอฟบีไอมีระบบเฝ้าระวังและสอดแนมที่มีความก้าวหน้ามากกว่าตำรวจในเมืองต่างๆ และนอกจากนั้นพวกเขายังมีกำลังคนจำนวนมากที่จะใช้ในการปฏิบัติการสอดแนม ซึ่งทำให้พวกเขาจะทราบก่อนที่อาชญากรจะมาถึงตัวของพวกเขาจะสามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน

และด้วยความช่วยเหลือเหล่านี้ของเอฟบีไอ เหตุการณ์เช่น อาชญากรจะมาปรากฎตัวที่หน้าบ้านของโรเบิร์ตและทำการลักพาตัวแคลร์ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก

โดยปกติแล้วเอฟบีไอเตรียมใจที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มากมายในการกำจัด Carlos Family อยู่แล้ว นั่นทำให้โรเบิร์ตคิดว่าแผนนี้ไม่ได้ยากจนเกินไปนัก

โรเบิร์ตตอบว่า“จะมีเอฟบีไอกี่คนในปฎิบัติการแผนในครั้งนี้? แล้วพวกเราต้องทำอะไรบ้าง”

เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับพวกคนบ้า Carlos Family โรเบิร์ตไม่ได้มีความคิดที่จะแย่งความสำเร็จในการจับกุมพวก Carlos Family กับเอฟบีไอ ดังนั้นเขาจึงให้ความร่วมมืออย่างดีและแสดงออกชัดเจนว่าจะให้เอฟบีไอเป็นผู้นำในครั้งนี้โดยมีพวกเขาให้ความช่วยเหลือ

โรเบิร์ตใส่ใจความปลอดภัยของครอบครัวมากกว่าความสำเร็จที่จะได้รับจากการจับตัวคนร้าย และอย่างไรก็ตามถ้าหากว่าโรเบิร์ตสนใจเกี่ยวกับความสำเร็จเขาคงไม่ได้อยู่ในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้นานขนาดนี้หรอก

คริสนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า“จำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่เราใช้ดำเนินการงานในปฏิบัติการนี้เป็นความลับ ผมสามารถบอกได้เพียงว่าเรามีจำนวนเพียงพอที่จะจัดการกับคนร้ายติดอาวุธประมาณ 20 คน อย่างไรก็ตามคนของคุณจะต้องเตรียมพร้อมเสมอ ถ้าพวกเราติดต่อคุณไป พวกเราจะจัดการจับพวกอาชญกรนั่นด้วยความรวดเร็ว”

โรเบิร์ตสามารถคาดเดาได้ว่าจำนวนสมาชิกในทีมจะต้องมีอย่างน้อยสิบคน และน่าจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีพร้อมกับอุปกรณ์ครบครัน มิฉะนั้นคริสจะไม่กล้าเรียกร้องเช่นนี้

และประกอบกับโรเบิร์ตให้เจ้าหน้าในการช่วยเหลือในการปฏิบัติการนี้จำนวน 10 คนคงจะไม่มีปัญหาอะไร เว้นแต่ว่าพวก Carlos Family จะตัดสินใจส่งคนมาจัดการเรื่องนี้กลุ่มใหญ่มากกว่า 30 คนขึ้นไป

"โอเค เราจะทำตามแผนการของพวกคุณ แต่ผมต้องอยู่ในขั้นตอนการวางแผนของการดำเนินการใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองคนนี้ด้วย” โรเบิร์ตชี้ไปที่ลุคและเซลิน่า

ลุคนั้นเป็นสมาชิกในครอบครัวของเขา ในขณะที่เซลิน่าเองก็ทำงานอยู่กับโรเบิร์ตมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่กังวลเมื่อทั้งสองต้องมีส่วนร่วมในปฏิบัติการที่อันตรายนี้ในฐานะเหยื่อล่อ

คริสตอบตกลงโดยไม่ลังเล "แน่นอน."

เนื่องจากโรเบิร์ตอนุญาตให้พวกเขาเป็นคนนำทีมในการวางแผนนี้อย่างไม่มีข้อเรียกร้องใดๆ พิเศษมากมาย จึงจะเป็นการเสียมารยาทมากถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้

กองกำลังตำรวจในพื้นที่มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือเอฟบีไอเมื่อจำเป็น และเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ของเอฟบีไอยินดีที่จะได้รับความช่วยเหลือและไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันผลงานในการจับกุมคนร้ายเพราะถ้าเกิดว่าตำรวจท้องที่ตัดสินใจที่จะทำให้งานของพวกเขายุ่งยากขึ้นมันจะทำให้งานของพวกเขาเสี่ยงมากขึ้นมากๆ

คริสเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์พอตัว และอันที่จริงแล้วเขาและโรเบิร์ตมีภูมิหลังที่ค่อนข้างคล้ายกัน เพราะทั้งสองคนเคยรับใช้ชาติในฐานะอดีตทหารที่กลับประเทศหลังจากอยู่ต่างประเทศไม่กี่ปี

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือโรเบิร์ตตัดสินใจกลับบ้านเกิดและสร้างครอบครัว ส่วนคริสเข้าร่วมกับเอฟบีไอเนื่องจากความทะเยอทะยาน แต่ทางเลือกของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงสัญชาตญาณทางทหารในการจะทำสิ่งต่างๆ

คริสใช้เพียงไม่กี่ประโยคเพื่อบอกลุคและเซลิน่าว่าพวกเขาต้องทำอะไรล้าง ในความเป็นจริงภารกิจของพวกเขานั้นง่ายมากเพียงดำเนินชีวิตประจำวันต่อไปตามปกติ

ออกตระเวนเมื่อถึงเวลา และก็กลับบ้านเมื่อเสร็จงาน

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือพวกเขาต้องไม่ไปสถานที่ที่จะทำให้ถูกซุ่มโจมตีได้ง่ายและพวกเขาไม่สามารถเดินเล่นแบบไปทั่วเมืองหลังเลิกงานได้อีกต่อไป

สำหรับการลาดตระเวนของพวกเขาพวกเขาจะไม่ลาดตระเวนแบบสุ่มเหมือนที่เคยทำมาได้อีกต่อไป แต่พวกเขาต้องลาดตระเวนตามเส้นทางที่กำหนดไว้สองสามเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกซุ่มโจมตีและเพื่อให้อยู่ไม่ไกลจากความช่วยเหลือ

ในขณะเดียวกันทั้งสองได้รับเสื้อเกราะกันกระสุนเมื่อพวกเขาปฏิบัติหน้าที่และต้องพกปืนไว้กับตัวตลอดเวลา

ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามกฎเหล่านี้พวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ คริสจะแจ้งเตือนเมื่อมีเรื่องจำเป็นเท่านั้น

หลังจากโรเบิร์ตส่งเจ้าหน้าที่ของเอฟบีไอทั้งสองออกไปแล้วเขาก็กลับมาและให้เจ้าหน้าที่กำลังเข้ากะเตรียมเอกสาร จากนั้นเขาก็เซ็นเอกสารแผ่นนั้นก่อนที่จะส่งให้ลุค “นำเอกสารนี้ไปที่คลังอาวุธ นี่เป็นใบอนุมัติให้คุณสองคนใช้อาวุธปืนหนักในงานนี้”

ดวงตาของเซลิน่าเป็นประกายขึ้น “นี่เราจะได้ใช้ RPG ด้วยใช่ไหม?”

โรเบิร์ตจ้องมองเธอโดยไม่แสดงออก “คุณคิดว่านี่คือตะวันออกกลาง หรืออัฟกานิสถานรึไง? อย่างมากคุณสามารถพกปืนไรเฟิลเล็กยาวและปืนพกเพิ่มได้คนละหนึ่งกระบอก อย่าแม้แต่ฝันที่จะได้ใช้อย่างอื่น คุณกำลังจะจัดการกับพวกแก๊งมาเฟียเล็กๆ เท่านั้นไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย”

ลุคพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะลากเซลิน่าออกไป

เมื่อทั้งสองจากไปโรเบิร์ตถอนหายใจก่อนจะพึมพำกับตัวเอง“คิดว่าฉันไม่อยากจะให้พวกคุณมากกว่านี้หรือ? ฉันจะให้ใช้รถถังเลยถ้าทำได้ แต่เราก็มีกฎที่ต้องปฎิบัติ”

สามวันถัดไปผ่านไปอย่างไม่เป็นปกติ ลุคและเซลิน่าไม่ได้ลงจากรถบ่อยเหมือนเช่นเคยในขณะออกลาดตระเวน พวกเขาจะลงจากรถเมื่อจำเป็นเท่านั้น

และช่วงนี้เป็นฤดูร้อนในเท็กซัสและการที่พวกเขาต้องสวมเสื้อเกราะกันกระสุน นั่นทำให้พวกเขาไม่สบายตัวอย่างมาก

พวกเขาจะรู้สึกดีขึ้นเพียงก็ต่อเมื่ออยู่บ้านหรือในสำนักงาน และถ้าอยู่บนรถก็ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศอย่างเต็มที่เท่านั้น

มีอาวุธปืนหนักใหม่สองกระบอกในรถ

เซลิน่าเลือก M4A1 ในขณะที่ลุคเลือกปืนลูกซองแอ็คชั่นปั๊มของเรมิงตัน เขาไม่มั่นใจในความแม่นยำของตัวเองเท่าไรนักจึงตัดสินใจเลือกใช้ฝืนลูกซองเพราะความแม่นยำไม่สำคัญเท่าไร

วันนี้พวกเขาได้รับข้อความจากเอฟบีไอ

Carlos Family เป็นพวกบ้าอย่างแท้จริง เพราะว่าพวกเอฟบีไอแจ้งว่าพวกเขาเริ่มรวบรวมคนของพวกเขาเพื่อที่จะทำการจู่โจมแล้ว

และสายสืบของเอฟบีไอแจ้งข่าวมาว่ามีมีอาชญกรรวมตัวกันในเม็กซิโกประมาณสิบคนและทั้งหมดเป็นอาชญากรที่มีประสบการณ์และโหดเหี้ยม

นอกจากนั้นแก๊ง Limedog ยังเข้ามาร่วมอีกด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะส่งคนมาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย

หลังจากการที่คริสและโรเบิร์ตพูดคุยวางแผนกันหลายครั้ง พวกเขาก็ได้ตัดสินใจร่วมกันว่า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด