ตอนที่แล้วระบบใช้จ่ายตอนที่275
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบใช้จ่ายตอนที่277

ระบบใช้จ่ายตอนที่276


บทที่ 276: รอบปฐมทัศน์

“รวม” ตามที่ถังอันฉี๋พูด ไม่ได้หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน การที่ซีอีโอของบริษัททั้งสองเดินเคียงข้างกัน หมายความว่าในอนาคตทั้งสองบริษัท ซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดจะทำงานร่วมกันในโครงการอื่น ๆ อีก? อาจจะสร้างภาพยนตร์มหากาพย์เรื่องอื่นด้วยกัน?

ถ้าสิ่งที่เธอคิด ท่านนายน้อยหงต้าหลี่ก็น่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนั้น ...

ถังอันฉี๋พึมพำ “พระเจ้า ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ต้องเป็น…ข่าวใหญ่ระดับประเทศในปีนี้แน่นอน!”

ด้วยความคิดนั้น ถังอันฉี๋จึงไม่สนใจที่จะสัมภาษณ์อีกต่อไป เธอรีบวิ่งไปที่ทางเข้าประตูหน้ากับเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมและเข้าไปในห้องโถงรอบปฐมทัศน์ กลุ่มคนงี่เง่าที่อยู่ข้างนอก พวกเขาจะสามารถรวบรวมข้อมูลอะไรได้? สิ่งที่พวกเขาได้รับมากที่สุด คือรูปภาพสองสามภาพเท่านั้น มันสำคัญกว่าที่เธอได้เข้ามาในตอนนี้ ในขณะที่มีคนน้อยอยู่และคว้าหาที่นั่งที่ได้เปรียบ

ตรงกลางห้องโถงรอบปฐมทัศน์เป็นเสาที่มีโปสเตอร์ขนาดใหญ่ของภาพยนตร์ นักแสดงนำชายและหญิงอยู่ตรงกลางของโปสเตอร์ ทางด้านซ้าย คือ มู่ซีเซียว ที่หล่อเหลา น้อยคนที่จะมีปานแดงอยู่ตรงกลางหน้าผากของเขา เต่ายักษ์สีดำอยู่ทางขวา ถังอันฉี๋สนใจและจับจ้องไปที่โปสเตอร์ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอไม่สามารถละสายตาจากมู่ซีเซียวได้ เธอพึมพำ “ผู้ชายคนนี้คือ…”

เธอมองอีกแง่หนึ่งและคิดในแง่ดีว่าเพียงแค่มีตัวละครที่หล่อเหลานี้ การทำรายได้ของบ็อกซ์ออฟฟิศสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ต่ำลงแน่นอน

ที่นั่งในห้องโถงใหญ่รอบปฐมทัศน์เกือบเต็มแล้ว ส่วนใหญ่คนที่นั่งจะเป็นแฟนคลับที่แอบเข้ามา

ถังอันฉี๋ได้เข้ามาในช่วงแรก ๆ  นักข่าวโง่ ๆ ทั้งกลุ่มกำลังจับกลุ่มกันอยู่บริเวณทางเข้าและที่นั่งที่จองไว้สำหรับสื่อมวลชนก็แทบจะว่างเปล่า ถังอันฉี๋รีบเลือกที่นั่งใกล้ด้านหน้าและนั่งลง คิดอะไรได้แล้ว!

ที่นั่งในงานดังกล่าวมักจะมีหมายเลข ดังนั้นถังอันฉี๋จึงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและโทรออก “บอสค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังแอบเข้ามาดูรอบปฐมทัศน์อยู่ อาจจะมีการประกาศใหญ่ในวันนี้ คุณช่วยฉันหาที่นั่งแถวหน้าได้ไหม?”

ก่อนหน้านี้ถังอันฉี๋ได้รายงานเทศกาลการเกมครั้งแรกโดยไม่ได้รับอนุญาต และเธอก็ประสบความสำเร็จอย่างมากและยอดขายของนิตยสารสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตอนนี้เมื่อเธอบอกว่าจะมีข่าวใหญ่ เสียงของอีกฝ่ายก็แน่วแน่ “รอสักแป็ป ฉันจะติดต่อคนที่รับผิดชอบสถานที่!”

ในไม่ช้าตัวแทนก็เข้ามาหาถังอันฉี๋และถามยิ้ม ๆ ว่า “คุณคือคุณถังใช่ไหม? ผู้จัดการของเราสั่งให้ผมหาเก้าอี้เสริมให้คุณที่แถวหน้า น่าเสียดายที่คุณภาพของเก้าอี้ไม่ดีเท่าของที่นี่ คุณโอเคใช่ไหม?”

นี้เป็นการช่วยเหลือในนาทีสุดท้าย? ดูเหมือนว่าครั้งนี้บอสจะใช้ความพยายามอย่างมาก!

ถังอันฉี๋พยักหน้า “โอเค สบายมาก! ขอบคุณนะ”

ต้องรู้ก่อนว่าที่นั่งในงานแบบนี้ไม่สามารถเพิ่มที่นั่งได้ ที่นั่งตรงกลางของแถวหน้าสองสามคนถูกสงวนไว้สำหรับแขกผู้มีสิทธิพิเศษ พวกเขาจะได้ใกล้ชิดกับดาราและได้เครื่องดื่มฟรี คนเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพล,ผู้ประกอบการและผู้บริหารระดับสูง มีข่าวลือว่าที่นั่งที่ใกล้พลับพลาด้านหน้านั้นถูกประมูลไปในราคาหนึ่งล้านหยวนและความต้องการก็มีมากเกินกว่าที่นั่งว่าง ๆ!

ถังอันฉี๋ถ่ายภาพเหตุการณ์ที่ไซต์ รูปถ่ายมีค่ามากเพราะเธอต้องการให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นเมื่อเธอรายงานกลับไปที่สำนักงาน หลังจากถ่ายรูปไปสองช็อต เธอก็เห็นเด็กอายุสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีกลุ่มใหญ่เข้ามาอย่างอึกทึก

ถังอันฉี๋มองไปที่กลุ่มคนที่เข้ามาในห้องโถง “คนพวกนี้…” ตอนแรกเธอไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นใคร แต่ในไม่ช้าเธอก็รู้!

คนเหล่านี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของท่านนายน้อยต้าหลี่แน่นอน! ไม่มีทางที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่เป็นกลุ่มใหญ่ได้ถ้าเป็นเด็กรวย ๆ

ถังอันฉี๋ไม่สามารถนั่งเฉยได้ “ฉันควรเข้าไปถามพวกเขาไหม…”

เพื่อนร่วมชั้นของหงต้าหลี่ต้องมีข่าววงในไม่น้อย ปัญหาคือพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ดูเหมือนว่าไม่เหมาะสมที่เธอจะถามคำถามในฐานะนักข่าว แน่นอนว่าเธอเป็นคนอดทนและมีความกล้าที่นักข่าวควรมี ปัญหาคือ.. กลุ่มที่นั่งอยู่ตรงกลางและไม่มีทางที่เธอจะเบียดเข้าไปได้

ห้องโถงใหญ่เริ่มเต็ม ถังอันฉี๋อยู่ได้เฉพาะในที่ที่เธออยู่ โซนตรงกลางมีไว้สำหรับแขกคนสำคัญเท่านั้น เธอเป็นเพียงนักข่าวที่ไม่มีนัยสำคัญและไม่สามารถเข้าไปได้ ในขณะที่เธอนั่งอย่างมืดมน เธอได้ยินเสียงกระซิบของผู้ชายและผู้หญิงใกล้ ๆ เธอ เธอเหลือบไปเห็นว่าทั้งคู่อาจจะเป็นนักข่าวและพวกเขาก็พยายามมองไปทั่ว ๆ ตลอดพวกเขาเป็นผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้แต่งตัวเหมือนผู้สื่อข่าว

ในใจของถังอันฉี๋ เธอรีบเข้าไปทักทายพวกเขา “คุณทั้งสองคนมาที่นี่ในฐานะผู้สื่อข่าวใช่ไหม?” เธอพูดเสียงต่ำราวกับว่าเป็นสัญญาณของเพื่อนที่เป็นกบฏด้วยกัน

ชายคนนั้นคิดสักพักก็ได้พูดว่า “อ๊ะ คุณเป็นนักข่าวเหรอ?” เขาเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้พวกเขาและพูดเบา ๆ ว่า “ฉันหยางเฉาและนี่คือภรรยาของฉัน ซูหยาน เรามาที่นี่เพื่อสนับสนุนท่านนายน้อยต้าหลี่ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยให้หยกชิ้นหนึ่งที่มีมูลค่ามากกว่าสองล้านหยวนแก่ฉัน!”

ถังอันฉี๋ตกใจมาก “หยกชิ้นเดียวมูลค่ามากกว่าสองล้าน! คุณต้องสนิทกับเขามากแน่ๆใช่ไหมคะ?!”

“ไม่หรอก” หยางเฉาตอบอย่างอาย ๆ “มันเป็นการพบกันครั้งเดียวโดยบังเอิญ เราคุยกัน แล้วท่านนายน้อยต้าหลี่ก็มอบหยกชิ้นหนึ่งให้ฉันโดยบอกว่าเป็นของขวัญสำหรับการพบกัน”

ถังอันฉี๋พูดไม่ออก "โอ้ พระเจ้า!" เขาเป็นคนใจกว้างมากทั้งๆที่ได้พบกันแค่ครั้งแรกเนี่ยนะ?

หยางเฉาพูดอย่างตื่นเต้น “แน่นอน! ท่านนายน้อยต้าหลี่มีน้ำใจเสมอมา ฉันยอมเขาจริง ๆ!”

ถังอันฉี๋รู้สึกสนใจมาก “แล้วทำไมคุณทั้งคู่ถึงมานั่งที่ส่วนสื่อมวลชนล่ะ? บอกฉันได้ไหม?”

หยางเฉาพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่มีทางเลือก ฉันเคยพบท่านนายน้อยต้าหลี่เพียงครั้งเดียวและไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเขา ดังนั้นฉันจึงขอความช่วยเหลือ ใช้เส้นเข้ามาเป็นนักข่าว ฮ่าฮ่า แล้วคุณล่ะ? คุณเข้ามาแบบเดียวกับเราด้วยใช่ไหม? ฉันเห็นเก้าอี้ของคุณถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ คุณต้องเป็นแบบเดียวกับพวกเราแน่เลย!”

ถังอันฉี๋พยักหน้ายืนยัน “เอ่อ…ใช่ค่ะ ฉันเคยติดต่อกับท่านนายน้อยต้าหลี่มาก่อน”

"เขาดี เขาดีมากจริงๆ!" หยางเฉามองไปที่เพื่อนร่วมชั้นของหงต้าหลี่ที่นั่งตรงกลางและพูดอย่างอิจฉาว่า “ดูสิ พวกเขาอยู่ข้าง ๆ นายน้อยต้าหลี่ พวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหงต้าหลี่ เราเป็นเพียงคนรู้จักกัน”

ถังอันฉี๋ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “โอเค…แค่คนรู้จัก…พี่หยาง คุณมีข่าววงในอะไรพิเศษไหม?”

“ข่าววงใน? ฉันไม่มี…” ขณะที่หยางเฉาตอบ ซูหยานที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมา เธอกระซิบว่า “ฉันอาจจะรู้อะไรบางอย่างอยู่บ้าางนะ ครั้งก่อนมีคนหนึ่งอยู่กับท่านนายน้อยต้าหลี่ที่เขามาที่บ้านของเรา ฉันจำได้ว่าเขาคือ หลาวดีหมิง CEO ของบริษัทเป็งหุย? ตอนนั้นเขาพูดถึงท่านนายน้อยต้าหลี่ว่ายังไงนะ? ท่านนายน้อย?!”

คำพูดของซูหยานทำให้ความทรงจำของหยางเฉาสั่นคลอน “ใช่ ใช่ ใช่   เขาเรียกว่าท่านนายน้อย! เขาเรียกว่าท่านนายน้อย!”

ถังอันฉี๋ประหลาดใจ "ท่านนายน้อย! มีเพียงลูกน้องของหงต้าหลี่เท่านั้นที่เรียกเขาแบบนั้นไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่า หลาวดีหมิงตอนนี้…“ถังอันฉี๋ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป”วันนี้ฉันมาถูกที่แล้วจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะมีการประกาศข่าวใหญ่ในวันนี้!”

เมื่อทั้งสามคนพูด ดาราต่าง ๆ ก็เริ่มเข้ามาในห้องโถงเป็นคู่ ในไม่ช้าห้องโถงก็ที่นั่งเต็ม

ถังอันฉี๋มองไปทางซ้ายและขวา เธออุทานว่า “พระเจ้า นี่เป็นการรวมตัวกันที่ใหญ่จริงๆ! เอ๋? หนุ่มหล่อคนนั้นคือ…หลิวหมิงซินเจ้าของบริษัทหมิงซินเน็ตเวิร์ค? แล้วเขาก็อยู่ที่นี่?!”

หยางเฉามองไปที่แท่นพลับพลา “นั่นคือมู่ซีเซียว จากตระกูลมู่! ฉันได้ยินมาว่าเขาแสดงเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์เรื่องนี้ เอ๊ะ คนนั่น เขาเป็นเพลย์บอยจากตระกูลเหลียงเหรอ? เหลียงอี้เฟิง?”

“พระเจ้า ไท่ยาจิงก็อยู่ที่นี่! ชูจงฉินก็ด้วย!” ถังอันฉี๋อุทานด้วยความประหลาดใจพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างราวกับจานรอง

มีผู้เข้าร่วมชมภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์มากมาย ไม่น่าแปลกใจเลยที่บรรยากาศจะร้อนขนาดนี้ ถังอันฉี๋ตกใจเกินกว่าจะเชื่อ “ท่านนายน้อยต้าหลี่กำลังวางแผนที่จะรวมวงการบันเทิงเข้าด้วยกัน!”

เธอยืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงสายตากลับมา เธอเห็นใครบางคนในฝูงชนและถามอย่างเงียบ ๆ ว่า “ผู้หญิงแถวหน้าคือใคร? เธอดูคุ้น ๆ จัง?”

หยางเฉามองไปทิศทางที่ถังอันฉี๋ชี้ “ผู้หญิงคนนั้นเหรอ?” ความอิจฉาปรากฏบนใบหน้าของเขาขณะที่เขาพูดว่า “เธอชื่อหลิงเสี่ยวหยี่ เธอเป็นผู้ติดตามอันดับหนึ่งของหงต้าหลี่ เธอเป็นคนที่เก่งมาก! เฮ้อ ถ้าฉันได้เป็นผู้ติดตามแบบท่านนายน้อยต้าหลี่ได้ล่ะก็นะ!”

ถังอันฉี๋ตะลึงกับสิ่งที่เธอได้ยิน

หยางเฉาจะต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลในระดับนึง เพราะเขาได้รับความช่วยเหลือจากสถานีปักกิ่งและได้รับรองเป็นฐานะนักข่าว คนอย่างเขาอิจฉาผู้ติดตามของหงต้าหลี่ …ฉันจะไม่รายงานเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว ฉันจะมุ่งเน้นไปที่การรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับหงต้าหลี่ ที่จะรับประกันว่ารายงานของฉันจะอยู่ในหัวข้อข่าวร้อนแรงแน่นอน!

จากนั้นหยางเฉาก็มองไปที่นาฬิกาและถามอย่างสงสัยว่า “สองนาทีก็จะ 13.00 น. แล้ว ท่านนายน้อยต้าหลี่ยังไม่มาที่นี่อีกเหรอ?”

ซูหยานปลอบใจเขา “ท่านนายน้อยต้าหลี่ไม่ได้เป็นสมาชิกทีมโปรดักชั่น เป็นเรื่องปกติ ถ้าเขาไม่มาที่นี่ แค่ได้ดูก็สนุกแล้ว อย่าโวยวายเลย”

ภรรยาของเขาตำหนิ ภรรยาของเขาพูดว่า “ที่รักพูดถูกจ้า!”

พวกเขารู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินเรื่องวุ่นวาย หยางเฉาหันศีรษะไปมองและร้องออกมาอย่างมีความสุข “คุณเนียนเหว่ยเองก็อยู่ที่นี่ด้วย”

ถังอันฉี๋หันหน้าไปมอง ลี่เนียนเหว่ยสวมชุดสีม่วงอ่อนพร้อมกับเหรียญหนึ่งดอลลาร์ประดับคอของเธอ เธอเดินช้า ๆ ไปที่พลับพลา

เป็นเรื่องยากที่จะไม่ชื่นชมรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอ การแสดงที่สง่างามและผิวพรรณที่เปล่งประกายไร้ที่ติของเธอ

กล้องกะพริบในมือของผู้สื่อข่าวในที่เกิดเหตุเริ่มสว่างขึ้น ความถี่หนึ่งทุก ๆ 0.01 วินาที ห้องโถงทั้งห้องอาบไปด้วยแสงแฟลชสีขาว คำพูดในตำนานที่เหมาะกับฉากนั้นน่าจะเป็น “ตาบอดไปด้วยแสงแฟลช เป็นหมาตาบอดเลย”

“เทพธิดา ฉันรักคุณ!” “เนียนเหว่ย เทพธิดาของฉัน!” "อ่า! นั่นมันเหรียญหนึ่งดอลลาร์ที่ได้ยินมานี้!” เสียงกรีดร้องดังก้องไม่หยุดเหมือนน้ำท่วมในแม่น้ำ ทุกคนเป็นแฟนตัวยงของเธอ

เมื่อเธอเห็นลี่เนียนเหว่ย ถังอันฉี๋ก็รีบวิ่งเข้าหาเธอเหมือนวัวเห็นสีแดง เธอผลักทุกคนที่ขวางทางและเดินไปยังด้านหน้าของลี่เนียนเหว่ย เธอดันไมโครโฟนให้ตรงมาที่ปากและร้องเสียงดังว่า “คุณลี่เนียนเหว่ยค่ะ หนังเรื่องนี้ ดิฉันไม่คาดคิดเลยว่าคุณจะเข้าร่วมรอบปฐมทัศน์นี้ ฉันขอทราบได้ไหมว่านี่เป็นสัญญาณว่าบริษัทไกเหว่ยเอนเตอร์เทนเมนท์และบริษัทเป็งหุยฟิล์ม ตั้งใจที่จะพัฒนาร่วมมือกันไปอีกขั้นงั้นเหรอคะ?!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด