ตอนที่แล้วทะลุมิติเทพศาสตรา EP.22 พิการแต่กำเนิด 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทะลุมิติเทพศาสตรา EP.24 ชิงอันดับหนึ่ง 2

ทะลุมิติเทพศาสตรา EP.23 ชิงอันดับหนึ่ง 1


EP.23 ชิงอันดับหนึ่ง 1

  

“ถัง...ถังเสี่ยวซีหรือนี่! สวรรค์...”

ณ มุมหนึ่ง ศิษย์พี่รองจ้าวซินหน้าแดงเรื่อ ยามมองดรุณีงามล้ำจากที่ไกล ราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้

หลินมู่อวี่ก็ถามด้วยสีหน้างุนงง “ถังเสี่ยวซี เป็นใครกันหรือ”

จ้าวซินมองหลินมู่อวี่ด้วยสายตาดูถูก “อาอวี่ แม้แต่ถังเสี่ยวซีเจ้าไม่รู้จัก? นางคือสาวงามอันดับสองในสิบสุดยอดสาวงามแห่งเมืองหลวงหลันเยี่ยน เจ้าไม่รู้จักนางเนี่ยนะ”

“สิบสุดยอดสาวงาม...” หลินมู่อวี่ดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมาแล้ว ที่แท้โลกนี้ก็มีการจัดอันดับแบบนี้เหมือนกันสินะ...

จ้าวซินทอดทัศนาด้วยแววตาหลงใหลแล้วพูดว่า “ความงามของถังเสี่ยวซี...ในเมืองหยินซานไม่มีใครเทียบนางได้อีกแล้ว...”

เรื่องนี้หลินมู่อวี่เองก็ยอมรับ ถังเสี่ยวซีงดงามเกินพรรณาจริงๆ นั่นแหละ แถมยังเป็นเด็กสาวที่ฉลาดด้วย พูดตามตรง แม้แต่ฉู่เหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเทียบกับนางแล้วยังสู้ไม่ได้

“ก้มศีรษะพวกเจ้าลงไปซะ!”

ฉู่เฟิงตวาดเสียงเบา “เจ้าพวกเด็กบ้าเลิกจ้องได้แล้ว จาบจ้วงองค์หญิงมีโทษประหาร!”

ผู้คนต่างพากันก้มหน้าลง ถังเสี่ยวซีที่อยู่ห่างออกไปกว่าสองเมตรเดินผ่าน เห็นเพียงรองเท้าหุ้มข้อคู่เล็ก และพื้นที่ยาวราวยี่สิบเซนติเมตรที่อยู่ระหว่างรองเท้าหุ้มข้อกับกระโปรงสั้นที่เรียกว่า “พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์”  ต้นขานั้นเนียนขาวดุจหิมะ หลินมู่อวี่แค่มองก็รู้สึกคล้ายจะเป็นลม ไม่ไหวแล้วๆ ช่างยั่วยวนใจเสียเหลือเกิน!

ถังเสี่ยวซีเดินนำอยู่ด้านหน้า ผู้ที่เดินตามมาติดๆ อยู่ด้านหลังคือชายชราที่สวมเกราะอ่อนและผ้าคลุมสีขาว อายุราวหกสิบปี ใบหน้าเหมือนคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน แต่แววตากลับดูถ่อมตน แค่มองก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือ มือจับดาบตรงเอว รีบเดินตามถังเสี่ยวซีไปติดๆ

ฮว๋าเทียนคารวะชายชรา สีหน้ายิ้มแย้ม “คารวะผู้อาวุโสชวี!”

ชายชรายิ้มตอบ “ท่านฮว๋าเทียนปกครองเมืองหยินซานอย่างดี องค์จักรพรรดิส่งองค์หญิงซีมาตรวจตรา เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไว้ใจท่านแค่ไหน ข้าขอแสดงความยินดีด้วย”

ฮว๋าเทียนยิ้มไม่หุบ “เชิญผู้อาวุโสชวีทางนี้ งานประชุมใกล้จะเริ่มแล้ว”

ขณะที่ “ผู้อาวุโสชวี” เดินผ่านฝูงชน จู่ๆ สายตาเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ฉู่เฟิง ชายชราพลันหยุดเดิน ก่อนจะประสานมือคารวะแล้วหัวเราะ “เพื่อนเก่า จำข้าไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ”

ฉู่เฟิงเองก็หัวเราะแบบเดียวกัน “อาวุโสชวี ท่านพูดจาเหลวไหลน่า ข้าต่างหากที่กลัวว่าท่านจะไม่รู้จักข้าเสียแล้ว!”

อีกฝ่ายคำนับอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า

“งานใกล้จะเริ่มแล้ว พวกเราไว้คุยกันหลังจบงานเถิด ข้ายังอยากจะปรึกษาท่านเรื่องเสริมพลังและการสึกกร่อนของแก่นโอสถ”

“ตกลง เช่นนั้นข้าจะเตรียมสำรับไว้รอท่านที่เรือน”

“วิเศษเลย ไม่เมาไม่เลิก!”

รอจนผู้อาวุโสชวีจากไป หลินมู่อวี่ก็ถามขึ้น “ท่านปู่ เขาเป็นใครหรือ กลิ่นอายทรงพลัง คงจะเก่งกาจมากเลยใช่ไหมขอรับ”

ฉู่เฟิงตอบ “ชวีฉู่ ยอดฝีมือขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ ระดับ 94 แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่ง”

“ที่แท้เขาก็คือชวีฉู่องครักษ์อวี้หลินชุดขาว...” จ้าวซินตกใจ “ว่ากันว่าเขาเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาไม่มีเงินทองสนับสนุน แต่กลับฝึกฝนจนมาถึงระดับนี้ได้ ช่างมหัศจรรย์เสียจริงๆ ในจักรวรรดิเองก็มีนักรบขอบเขตศักดิ์สิทธิ์แค่ไม่กี่คน ชวีฉู่ผู้นี้นับได้ว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยาก!”

ฉู่เฟิงมองหลินมู่อวี่ แววตาสงสารจับใจ “อาอวี่ เดิมที...ข้าคิดว่าฝีมือของเจ้าจะพัฒนาไปได้ ข้าจึงตั้งใจจะขอร้องให้ชวีฉู่พาเจ้าไปฝึกฝน และช่วยชี้แนะให้เจ้า น่าเสียดายที่ร่างกายของเจ้าปราณพิการ...”

เสียงถอนหายใจยาวบ่งบอกว่าความหวังใหม่ของชายชราได้พังทลายลงอีกครั้ง ฉู่เฟิงคิดอยู่ตลอดว่าถึงแม้ฉู่เหยาหลานสาวของเขาจะมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะฝึกหนักแค่ไหน นางก็ไม่มีทางไปถึงระดับเดียวกับผู้ชายได้ ดังนั้นเพิ่งจะฝากความหวังไว้กับหลินมู่อวี่ แต่ไม่คิดว่าร่างกายของหลินมู่อวี่จะไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้

ฉู่เหยาที่อยู่ข้างๆ พูดปลอบใจ “อาอวี่ ไม่เป็นไรนะ ค่อยๆ ฝึก สักวันจะต้องสำเร็จแน่นอน ข้าไม่เชื่อหรอก!”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “อืม ข้าทราบ”

แม้จะไม่แสดงออกผ่านสีหน้า แต่ลึกๆ แล้วเรื่องดังกล่าวก็กระทบกระเทือนจิตใจเขาอย่างมาก หลินมู่อวี่ก็มีความลำพองอยู่ในตัว ไม่เคยยอมแพ้ เขาไม่เชื่อว่าร่างที่ปราณพิการจะฝึกวิชาไม่ได้ ขอแค่มีความพยายาม บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ จริงไหม

หลังจบการประกาศของเจ้าหน้าที่ งานชุมนุมตำรับโอสถเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ร้านโอสถแต่ละร้านต่างมี “เวทีจัดแสดง” เล็กๆ ซึ่งความจริงก็คือโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็กสำหรับจัดวางโอสถที่เตรียมมา และรอให้กรรมการมาตรวจวัดระดับของโอสถ

ชายในชุดคลุมยาวสองสามคนลงจากเวทีแล้วเดินผ่านโต๊ะโอสถแต่ละแถว แต่ละคนถือเครื่องมือประหลาดที่ดูเหมือนแท่งแก้วเอาไว้คนละหนึ่งแท่ง พวกเขาจุ่มเครื่องมือเหล่านั้นเข้าไปในขวดโอสถแต่ละขวด ก่อนจะตะโกนบอกระดับและเกรดของโอสถเหล่านั้นเสียงดัง

“ร้านโอสถผิงหนาน โอสถรักษาโรคระดับสี่ เกรดหก!”

“ร้านโอสถชางหู โอสถผิวศิลาระดับสี่ เกรดห้า!”

“ร้านโอสถเทียนชิง โอสถฟื้นพลังเทพระดับห้า เกรดสี่!”

หลังจากวัดระดับโอสถของร้านต่างๆ มาหลายร้าน ในที่สุดผู้ตรวจโอสถก็มาถึงโต๊ะของห้างโอสถเสินอวี่ ซึ่งเป็นห้างโอสถของลูกชายเจ้าเมือง ผู้ตรวจโอสถโค้งคำนับ ก่อนจะเริ่มวัดระดับยาที่อยู่ด้านหน้าชายหนุ่ม แล้วประกาศเสียงดัง “ห้างโอสถเสินอวี่ โอสถฟื้นพลังเทพระดับห้า เกรดสอง! โอสถพลังเทพระดับหก เกรดสี่! โอสถนิทราระดับเจ็ด เกรดสี่!”

พวกนี้อาจเป็นโอสถที่ระดับและคุณภาพสูงสุดในงานนี้ก็เป็นได้

พลันเสียงเชียร์และโห่ร้องยินดีก็ดังไปทั่ว แม้แต่ชวีฉู่ยังถึงกับลูบเคราขาว พร้อมเอ่ยขึ้น “ไม่นึกว่าท่านเจ้าเมืองฮว๋าเทียนจะปรุงยาระดับเจ็ด เกรดสี่ขึ้นมาได้ ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีโดยแท้ เกรงว่าอีกไม่กี่ปี ท่านเจ้าเมืองคงจะได้เป็นราชาโอสถเป็นแน่!”

ฮว๋าเทียนยิ้มถ่อมตน “มิกล้าๆ โอสถระดับเจ็ด เกรดสี่นั่น ข้าแค่บังเอิญทำขึ้นมาได้เท่านั้น”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด