ตอนที่แล้วระบบใช้จ่ายตอนที่263
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบใช้จ่ายตอนที่265

ระบบใช้จ่ายตอนที่264


บทที่ 264: ตระกูลหลิว ท่านปู่หลิว

“คุณกำลังคิดว่า…” เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ถังมู่ซินก็รู้สึกตื่นเต้นทันที “เซอร์ไพรส์ให้ต้าหลี่? ให้ไปรับรางวัลในช่วงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ!?”

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน หัวของหงต้าหลี่ก็โผล่ออกมาจากทางหน้าต่างรถ “ขึ้นรถกลับบ้านกันเถอะ กำลังคุยอะไรกันอยู่น่ะ?”

“ต้าหลี่ นายไปก่อนเลย” ถังมู่ซินบอกปัดเขาพร้อมกับทำท่าทางเบื่อ ๆ “เรากำลังคุยเรื่อง ... เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับก้อนหิน!”

“ก้อนหิน?…” หงต้าหลี่พึมพำ “ถ้าอย่างนั้นฉันจะอ่านนิยายสักพัก เร็ว ๆ ล่ะ… น้องเหมียวมาให้ฉันกอดหน่อยสิ!”

"ฉันรู้แล้วน่า!“หลังจากที่หงต้าหลี่ปิดหน้าต่างรถแล้ว ถังมู่ซินก็ถามว่า”ผู้อำนวยการหลาว คุณมีแผนจะทำอะไร?”

หลาวดีหมิงมองไปที่ลี่เหนียนเหว่ย “บุคคลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศตอนนี้ คือ เทพธิดาลี่เนียนเหว่ย คนที่สองคือไท่ยาจิง คุณเนียนเหว่ยกำลังยุ่งอยู่กับการถ่ายทำภาพยนตร์ 'นักรบศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดา' แต่คุณไท่ยาจิงยังมีเวลา! ผมกำลังคิดว่า… เพราะเราจะสร้างภาพยนตร์เรื่องใหญ่ครั้งนี้ ทำไมเราไม่หยิบนักแสดงที่มีชื่อเสียงทั้งหมดมาล่ะครับ เราสามารถเป็นพันธมิตรกับบริษัทถ่ายทำขนาดใหญ่อื่น ๆ ได้ ถ้าเราทำงานร่วมกับพวกเขามันน่าจะง่ายกว่าการทำด้วยตัวเอง!”

อย่างที่พูดไป ความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับจำนวนคนด้วย หลาวดีหมิงกำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่ในครั้งนี้  เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน

“ใช่ คราวนี้เราจะสอนบทเรียนให้กับฮอลลีวูด!” ถังมู่ซินพูดอย่างดุเดือดว่า “พวกเขาพยายามวางแผนทำร้ายเราจริง ๆ เราจะนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ไม่ได้! เต่ายักษ์ได้รับการช่วยเหลือจากต้าหลี่ของเรา! การวางแผนกับเต่ายักษ์เท่ากับการวางแผนกระทำกับต้าหลี่ ซึ่งเท่ากับวางแผนทำร้ายฉัน ... และพี่สาวเนียนเหว่ยด้วย!”

สาวน้อยคนนี้เริ่มไม่ค่อยใส่ใจกับสถานะการเป็นคู่หมั้นของหงต้าหลี่แล้ว…

"ถูกต้อง ฮิฮิ" ลี่เนียนเหว่ยยืนอยู่ที่ด้านหนึ่ง เธอยิ้มและพูดว่า “โดยปกติแล้วท่านนายน้อยไม่ได้ทำอะไรเลยหรือถ้าเขาทำ ก็ทำอย่างสุดความสามารถ คราวนี้ถือได้ว่าทั้งวงการถ่ายทำของรัฐสวรรค์ได้มารวมตัวกันเพื่อต่อต้านฮอลลีวูด ถ้าเช่นนั้นขอให้ทุกคนไปค้นหาบุคคลที่มีอิทธิพลและมีอำนาจเหล่านั้นและพูดคุยกับพวกเขาว่าจะทำอย่างไร อย่างน้อยเราต้องแสดงพลังของเราต่อสาธารณชน”

“ใช่ครับ คุณเนียนเหว่ยพูดถูก!” หลาวดีหมิงพูดเบา ๆ ว่า “ผมจะเริ่มติดต่อพวกเขา เมื่อผมกลับไป จากนั้นผมจะเปิดแถลงข่าว คราวนี้เราทุกคนจะเป็นพันธมิตรกันและยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูของเราแน่นอน!”

“โอเคค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เราจะสนับสนุนคุณเช่นกัน!” ถังมู่ซินตัดสินใจทันที

“โอเค เรากลับกันก่อน” ลี่เนียนเหว่ยยิ้มและพูดว่า “อย่าปล่อยให้ท่านนายน้อยรอเลยค่ะ”

"โอเค!"

เมืองเทียนจิง สํานักงานใหญ่ตุรกี

หลิวอี้หุยนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขากำลังอารมณ์ดีมาก ในขณะที่เขามองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองที่มีแสงไฟนีออน

สองสามวันนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเกมไพ่หมากรุก นับตั้งแต่หลิวหมิงซินลูกชายของเขาวางกลยุทธ์เพื่อขยายเกมหมากรุกอย่างเต็มที่ ประสิทธิภาพของเกมก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาสั้น ๆ จำนวนผู้เล่นออนไลน์ในเวลาเดียวกันมีมากกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 3 ล้านคน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้เริ่มทำกำไร แต่ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเมื่อพวกเขาเริ่มเพิ่มไอเท็มหรือจ่ายเกม พวกเขาจะได้รับอย่างน้อยหนึ่งล้านหรือมากกว่านั้นต่อวันแน่นอน

“ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ของหมิงซินจะดีทีเดียว” หลิวอี้หุยหายใจเข้าลึก ๆ “เราหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้กับหงต้าหลี่ ฮ่าฮ่า บริษัทเกมแห่งนั้นถูกแฮกเกอร์โจมตีตลอด 36 ชั่วโมง ในที่สุดพอแก้ไขได้ เกมไพ่หมากรุกตุรกีของฉันมีผู้เล่นเป็นล้านคน

“ตอนนี้ฉันมั่นใจจริง ๆ เด็กคนนี้ หมิงซิน ดวงตาเขาเฉียบแหลมจริง ๆ!”

ตอนนี้จากสิ่งที่หลิวอี้หุยคิด เขาประทับใจกับลูกชายของเขา ลูกชายคนโตคนนี้ที่เขานับถือมาตลอดมีวิธีการทำสิ่งต่าง ๆ และประสบความสำเร็จอยู่เสมอ

“ผู้อำนวยการหลิวครับ มีข่าวร้าย!” ขณะที่หลิวอี้หุยกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ผู้ช่วยของเขาก็วิ่งเตลิดเข้ามาหา เมื่อเขาเห็นหลิวอี้หุย เขาก็พูดว่า “ผู้อำนวยการหลิว ข่าวร้ายครับ! วันนี้ท่านปู่หลิวเป็นลมครับ! เขาถูกส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลและหมอก็บอกว่า ... บอกว่า ...”

“หมอพูดว่าอะไร!?” หลิวอี้หุยรีบไปข้างหน้าและคว้าคอเสื้อของผู้ช่วย “ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้าง!? พูดมา! เร็ว ๆ พูดมา!”

ผู้ช่วยไม่เคยเห็นผู้อำนวยการใหญ่หลิวกังวลขนาดนี้มาก่อน เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วพูดว่า “หมอบอกว่าท่านปู่…เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร…”

มะเร็งกระเพาะ! โรคร้ายสุดสยอง!

“พ่อ…พ่อของฉัน เขา…เขา…” น้ำตาไหลลงบนใบหน้าของเขาทันที หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนราวกับว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น “พ่อของฉันอยู่ที่ไหน! เขาอยู่ไหน!”

“เขาอยู่ใน…ในโรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ครับ…” ผู้ช่วยพูดด้วยความยากลำบาก “ผู้อำนวยการหลิวได้โปรดอย่าเพิ่งร้อนรนไปเลยครับ…โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองเทียนจิงแล้วครับ…”

โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ซึ่งมีชื่อเต็มว่าโรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยเทียนจิง เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ไม่เพียงแค่ในเทียนจิงเท่านั้น แต่ยังอยู่ในประเทศทั้งหมดด้วย หากพวกเขาไม่มีทางแก้ไข แสดงว่าคนนั้นรักษาไม่หาย

“อย่าเพิ่งรีบสิครับ…” ร่างกายของหลิวอี้หุยเริ่มสั่นสะท้าน เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!? นั่นพ่อของฉันนะ พ่อของฉัน! พ่อที่ให้ฉันนั่งบนไหล่ พาเดินเล่นตอนฉันยังเด็ก ๆ! จะให้นิ่งเฉยได้ยังไง!”

“เตรียมรถ! เตรียมรถเดี๋ยวนี้!” หลิวอี้หุยรีบออกไปขณะที่เขาพูดเช่นนั้น “ฉันจะไป! เดี๋ยวนี้!”

โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยเทียนจิง ชั้น 36 ห้องไอซียู

หลิวอี้หุยผลักเปิดประตูเบา ๆ รักษารอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้บนใบหน้าของเขา เขามองไปที่ชายอายุ 60 ปีบนเตียงและพูดเบา ๆ ว่า "พ่อ ผมมาแล้ว ผมอยู่นี้แล้ว พ่อเป็นยังไงบ้าง?"

“ฮ่าฮ่า นั่นอี้ฮุยเหรอ? นั่งลงก่อนสิ” ชายชราคนนี้ ชื่อหลิวจ้องหยวน เป็นพ่อของหลิวอี้หุย

ตระกูลหลิวยังเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ในเมืองเทียนจิงและมีลูกหลานค่อนข้างมาก ตระกูลของหลิวจ้องหยวนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตระกูลหลัก แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้สภาพของเขาค่อนข้างคล้ายกับหงเหว่ยกู เขามีลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือ หลิวอี้หุย

“พ่อตอนนี้สบายขึ้นรึยัง?” หลิวอี้หุยนั่งลงอย่างเชื่อฟัง เขายิ้มและพูดว่า “พ่อรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”

“ฉันสบายดี มีอะไรผิดปกติกับฉันงั้นเร้อะ?” หลิวจ้องหยวนนอนบนเตียงและส่ายหัวโดยไม่สนใจอะไรมาก “ตอนนี้ฉันแก่แล้ว ร่างกายของฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็น ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

“พ่ออย่าคิดมากเรื่องนี้สิ!” ดวงตาของหลิวอี้หุยเริ่มเป็นสีแดง “พ่อจะหายดีแน่นอน! ไม่ต้องห่วง!”

“ฮ่าฮ่า เด็กโง่” หลิวจ้องหยวนพูดช้า ๆ ว่า “มนุษย์ทุกคนต้องเติบโต เกิด แก่ เจ็บ ตาย ฉันอายุ 66 ปีแล้ว ในปีนี้ฉันใช้ชีวิตมามากมายแล้วในโลกนี้ มีอะไรให้คิดไม่มากอีกเหรอ”

“ก็ใช่ พ่ออายุ 66 แล้ว ฮ่าฮ่า” หลิวอี้หุยฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก “ไม่กี่เดือนก็จะเป็นวันที่ 25 สิงหาคม ปีนี้ผมยังวางแผนที่จะจัดงานฉลองวันเกิดอายุ 66 ปีให้กับพ่อ พ่อต้องฟื้นก่อนถึงเวลานะ พ่อยังสนุกสนานและหัวเราะได้เหมือนเดิมนะ”

“ฮ่า ๆ ลูกเอ้ย แกยังจำวันเกิดของฉันได้อยู่เหรอ?” หลิวจ้องหยวนยิ้มให้ “ฉันสบายดี แค่ฉันแก่แล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้น อย่างน้อยฉันก็ยังอยู่ต่อได้อีกไม่กี่เดือน ฮ่าฮ่า” เมื่อหลิวจ้องหยวนพูดแบบนั้น เขามองไปที่หลิวอี้หุยและพูดว่า “แต่แกก็ยังเป็นคนที่พยายามอย่างหนักเช่นกัน เฮ้อ พอพูดถึงเรื่องนี้ แกทำได้ดีมากแล้ว หมิงซินและหมิงเฉิงต่างก็เป็นเด็กที่ชาญฉลาด สมองของพวกเขาก็ดี เวลาที่ฉันเหลืออยู่ ถือว่าได้ใช้คุ้มค่ามากแล้ว”

“ดูพ่อพูดสิ” หลิวอี้หุยหันไปทางอื่นและแอบเช็ดน้ำตาของเขา “พ่อยังต้องมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายสิบปีนะ อย่าพูดเรื่องไร้สาระตอนนี้เลย ใช่แล้ว พ่อรอฉันอีกหน่อยนะ ฉันจะโทรหาให้หมิงซินและหมิงเฉิงมาเยี่ยม!”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ ก่อนที่จะรอการตอบกลับ หลิวอี้หุยก็เดินตรงออกไปหยิบสมาร์ทโฟนของเขาและโทรออก ชื่อของหมายเลขเขียนว่า.. หลิวหมิงซิน

เมืองเทียนจิง ทิศเหนือห้าแยกวงเวียน ในอพาร์ตเมนต์ธรรมดา

ใช่ สถานที่แบบนี้ควรเป็นของคนธรรมดา แต่วันนี้รถสปอร์ตสีน้ำเงินมาจอดที่นี่!

ถ้าเราดูหมายเลขทะเบียนรถเจ้าของรถคันนี้ คือ หลิวหมิงซิน ลูกชายที่ภาคภูมิใจที่สุดของหลิวอี้หุย!

ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ได้รับพรจากสวรรค์ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นที่จะเชื่อว่าหลิวหมิงซินจะมาปรากฏตัวที่นี่

แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่จริง ๆ เขาอยู่ในอพาร์ตเมนต์สอนเด็ก ๆ สองสามคนให้วาดรูปง่าย ๆ

“โอเค วันนี้เราจะวาดกระต่าย ทุกคนจับปากกาของเธอให้ดี ๆ”

"ใช่แล้ว นั่นแหละ เริ่มวาดวงรี นี่คือหัวของกระต่าย จากนั้นวาดตาโตและหูยาวสองข้าง ... "

กระต่ายที่เรียบง่ายถูกวาดอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณ 7 หรือ 8 ขวบยิ้มและถามว่า “พี่หลิววันนี้งานยุ่งไหมคะ? วันนี้เราฝึกวาดไม่ได้เหรอ? เราไม่ได้เจอพี่มาสองสามวันแล้ว พี่ช่วยเล่าเรื่องราวให้เราฟังได้ไหม!”

เด็กอีกห้าถึงหกคน ทุกคนตะโกนว่า “ใช่ ใช่ พี่หลิวช่วยเล่าให้เราฟังหน่อย!”

“เล่าเรื่อง? โอเค” หลิวหมิงซินหันไปมองเด็กสาวคนเดียวในห้องที่มีอายุประมาณ 22 หรือ 23 ปี เขายิ้มและพูดว่า “เสี่ยวหมิงไปทำอาหารก่อนเถอะ เด็ก ๆ คงจะหิวตอนเย็น ตอนนี้พวกเขาต้องกินมาก เนื่องจากพวกเขาอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต วันหลังฉันจะกินข้าวกับทุกคนด้วย”

"โอเคค่ะ ท่านนายน้อย" หญิงสาวที่ชื่อว่าเสี่ยวหมิงยิ้มและเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเย็น

“ถ้าอย่างนั้นทุกคนอยากถามอะไร?” หลังจากที่หญิงสาวจากไป หลิวหมิงซินยิ้มและถามว่า “ในเมื่อทุกคนอยากรู้ ฉันก็จะเล่าให้ฟัง”

“พี่หลิว” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุ 7 หรือ 8 ขวบกระโดดขึ้นลงแล้วถามว่า “เล่าเรื่องราวของท่านนายน้อยต้าหลี่ให้เราฟังอีกครั้งนะคะ! เขาโชคดีเกินไปจริง ๆ ฮ่าฮ่า แม้แต่พี่หลิวก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้!”

“ฮ่าฮ่า เธออยากให้เล่าเกี่ยวกับท่านนายน้อยต้าหลี่เหรอ? โอเค! งั้นเล่าถึงเรื่องราวของเขากัน!” หลิวหมิงซินหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “เด็กคนนี้ปกติเขาเอาแต่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและใช้เงินไปวัน ๆ เขาใช้เงินทุกที่ที่ไป ถ้าเป็นคนอื่น ถือว่าพวกเขาใช้เงินเร็วมาก แต่เดาอะไรได้ไหม? เงินของนายน้อยต้าหลี่กลับเพิ่มขึ้น ๆ เมื่อเขาใช้จ่ายมากขึ้น ถึงขนาดที่ว่าฉันก็หาเงินเร็วเท่าเขาไม่ได้!”

“พี่หลิว” เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ข้างล่างถามว่า “แล้วถ้าพี่หลิวแข่งกับเขา พี่จะแพ้ไหม?”

“ก็คงงั้น แต่พี่ยินดีที่จะยอมรับความพ่ายแพ้นะ” หลิวหมิงซินยิ้มและพูดว่า “ก่อนหน้านี้พี่ยังคงวางแผนที่จะแข่งขันกับเขาอยู่เลย แต่ก็เหมือนกับหนูที่ถืออาหารและพยายามดึงเต่า มันไม่มีที่วางเพื่อดึงตัวเต่าได้ เขาจะทำสิ่งต่าง ๆ กับทุกอย่างที่เขาเห็น วันนี้เขาอาจจะเล่นหนัง พรุ่งนี้เขาอาจจะไปเล่นเกมออนไลน์ แล้ววันรุ่งขึ้นเขาอาจจะอ่านนิยายที่ไหนสักแห่ง เขาจะลองอะไรบางอย่าง แล้วไปลองอย่างอื่น ไม่มีอะไรที่พี่สามารถทำได้เลย เพราะเขานั้นวิ่งหนีเร็วกว่ากระต่ายซะอีก!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด