ตอนที่แล้วตอนที่ 15 ลึกลงไปในพงไพร (Deep in the jungle) (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 สุดขอบพรมแดน (ฺBeyond Frontier)

ตอนที่ 16 ลึกลงไปในพงไพร (Deep in the jangle) (2)


ลึกลงไปในพงไพร

 (Deep in the jangle) (2)

" จะเป็นอะไรไหมถ้าหากจะขอนั่งด้วยคน " ผู้ที่กำลังเรียกโยฮันน์อยู่นั้นคือ บูลล์ ชายลูกครึ่งชนพื้นเมืองที่ประจำกองทหารอาสา

สิ้นเสียงคำขอร้อง โยฮันน์ก็ได้ขยับร่างกายเว้นพื้นที่ให้มีที่ว่างให้สามารถนั่งได้ แต่ก็ยังคงชักสีหน้าไม่ค่อยชอบใจมากนัก ถ้าเป็นใครก็คงไม่ชอบนิสัยที่โยฮันน์ทำแบบนี้มากนักหรืออาจจะเดินหนีไปหาผู้อื่นแทน อย่างไรก็ตามบูลล์กลับไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้มากนัก อาจเป็นเพราะผู้ที่อยู่อาศัยด้วยกันเป็นเวลานานคือพวกประเภทหน้าตาย ไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้า ซึ่งบูลล์คงจะชินชาเรื่องคนแบบนี้ไปเสียแล้ว เมื่อนั่งลงไปแล้วทั้งสองก็ไม่ได้ปริปากคุยกันจนบูลล์รู้สึกอึดอัดเลยเป็นคนแรกที่เอ่ยกล่าวไถ่ถาม

" ทำไมไม่ไปอยู่กับหน่วยของตนเองล่ะ? ปกติเห็นชาวลีโอเคร่งครัดเรื่องระเบียบวินัยมากไม่ใช่หรอ ”

“ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องบ้างเรื่องก็ไม่ควรยุ่ง ไม่งั้นลูกกระสุนอาจจะเข้าไปอยู่ข้างในตัวแก” โยฮันน์ที่นั่งดูแลปืนของตน หยิบลูกกลมขึ้นมาก่อน จะตอบกลับไปด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด

“เฮ้! ไม่เห็นต้องพูดแรงแบบนี้เลยนี่นา” บูลล์ชะงักเล็กหน่อยก่อนจะทำสีหน้าไม่ชอบนิดๆและกล่าวต่อ “ในๆพวกเราก็ต้องสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่แล้ว เอาเป็นว่า ฉันชื่อ บูลล์ แล้วหน้าล่ะ”

“โยฮันน์ โยฮันน์ จากเดอรัม” เขาตอบสั้น ๆ

“โยฮันน์สินะ ยินดีที่ได้รู้จัก” บูลล์ยื่นมือออกไป สร้างความสับสนให้ชายร่างใหญ่ตรงหน้าอย่างมาก เมื่อเห็นว่าโยฮันน์กำลังแสดงสีหน้าแปลกตาประหลาดใจ ก็ทำให้บูลล์รู้ว่าเจ้าตัวได้ทำอะไรที่น่าอายไปเสียแล้ว

“อ่า มันเรียกว่าการจับมือทักทายน่ะ คุณลาสเป็นคนสอนให้ทำถ้าหากจะทักทายใคร” แม้ว่าเจ้าตัวที่อยู่บนทวีปนี้มาตั้งแต่เกิดก็ยังไม่เคยเห็นการทักทายแปลกๆอันสุดแปลกพิสดารแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ตัวเขาก็คงคิดว่าโลกภายนอกคงทักทายแบบที่ลาสเป็นคนบอกกล่าวมาแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะคิดผิดซะแล้วสิ เพราะขนาดคนจาก ลีโอเนีย เองยังทำสีหน้าแปลกใจไม่รู้เรื่องแบบนี้เลย

“ลาส? หมายถึงผู้กองทหารอาสาคนนั้นหรอ?” โยฮันน์ถามด้วยความใคร่รู้ ผิดแปลกจากช่วงแรกที่ถูกทักเหมือนว่าเขาจะสนใจเรื่องนี้อย่างมาก

บูลล์พยักหน้าตอบ

ร้อยโทดักลาส หรือ ดักลาส แมริแลนด์ แม้ว่าจะผู้คนจะมองเขาเป็นเพียงชาวอาณานิคม แต่การแสดงความคิดและการพูดจานั้นดูจะไม่เหมือนกับผู้ที่อยู่บนดินแดนไร้อารยะเสียเท่าไร และดูเหมือนว่าเหล่าทหารจากโลกเก่าจะมีหลายคนที่รู้จักตัวชื่อของลาสอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะทุกครั้งที่มีเรื่องระหว่างชาวอาณานิคมกับชาวลีโอ เขามักจะเป็นผู้แรกที่เข้ามาห้ามปราม คำพูดที่สามารถโน้มน้าว ซึ่งกลวิธีที่เปลี่ยนค่านิยม ความเชื่อ ทัศนคติ ของผู้ที่ได้ฟัง หากจะพูดให้ถูกก็คือ ลาส เป็นชายที่มีความสามารถในด้านโน้มน้าวผู้คนสูงในระดับหนึ่ง อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มากแต่ก็พอที่จะเกลี้ยกล่อมผู้คนบ้างกลุ่มให้หันมาสนใจได้บ้าง ตัวของโยฮันน์ก็ไม่เว้น เขาสนใจในแนวคิดของลาสอย่างมาก มันเหมือนกับมีบ้างอย่างกำลังปะทุอยู่ข้างในใจของเขา ถ้าหากไม่ได้ฟังเรื่องราวของชายผู้มีสีผมเหมือนขี้เถาอันแปลก แต่แปลกยิ่งกว่าคือคำพูดที่ถูกเอ่ยออกมา โยฮันน์คงไม่มีทางลดตัวลงมาพูดคุยกับชนชั้นป่าเถื่อนไร้อารยะแบบนี้เป็นแน่

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มชาวลีโอคนนี้เริ่มเปิดใจ บูลล์จึงเริ่มชวนคุยต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำไมถึงมาเป็นทหาร หรือแม้กระทั่งเรื่องของดินแดนอันห่างไกลที่มีชื่อเรียกว่าสหจักรวรรดิลีโอเนีย แม้ว่าลาสจะเคยสอนบูลล์ไว้ว่า ' ต่อให้ผู้สนทนาจะมองเราอย่างไร เชื้อชาติแตกต่างกันแค่ไหน แต่พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติสติปัญญารู้คิด  พวกเขาก็สามารถที่จะพูดคุยโต้ตอบทำความเข้าใจกับเราได้ ยกเว้นเสียแต่พวกเขาจะคิดไม่ออกจริงๆ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ตอนนี้บูลล์คงได้รู้แล้วว่าชายตรงหน้าเริ่มที่จะเปิดใจให้เขาเข้าไปมีบทบาทบ้างแล้ว ในขณะที่โยฮันน์เองก็เริ่มที่จะสนุกกับการพูดคุยหรืออาจเป็นเพราะตัวของโยฮันน์และบูลล์อายุเท่ากันเลยมีความคิดที่เหมือนกันเล็กน้อยก็เป็นได้

เมื่อโยฮันน์เริ่มไว้ใจชายหนุ่มพื้นเมืองคนนี้ เขาก็เรื่มเล่าเรื่องของตน และบ้านเกิดของตัวเขา สลับสับเปลี่ยนกับเรื่องราวของบูลล์และชนชาวเผ่าของบูลล์ โดยที่ไม่ลืมเรื่องสำคัญอย่างตัวของลาส ทั้งสองคุยกันเล่นจนเวลาล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงเต็มๆ ในขณะนั้นเอง จู่ๆร่างกายของบูลล์ก็ลุกขึ้นมองเข้าไปในดงป่าอย่างกะทันหัน และจ้องมองเข้าไปในป่าไม้ด้วยอาการตื่นตัว จนทำให้โยฮันน์ต้องลุกขึ้นตามด้วยสีหน้างุนงงอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ลดการ์ดของตน โยฮันน์หยิบอาวุธประจำกายขึ้นมาเตรียมพร้อม ก่อนจะถามชายหนุ่มหูสัตว์ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ

หูสัตว์อันเป็นอวัยวะที่สามารถฟังเสียงได้เหมือนหมาของชายหนุ่มชนพื้นเมืองนั้นเริ่มที่จะกระดิกไปมาเล็กน้อย บูลล์จับจ้องอยู่นานหลายนาทีก่อนที่จะหันไปทางโยฮันน์ และกล่าวอย่างช้าๆ

“มีเสียงเหมือนสัตว์ป่า.. เหมือนคนวิ่งผ่าน.. พุ่มไม้.. คลายมนุษย์.. หลายคน..” ขณะที่กำลังใช้สมาธิอธิบายเสียงที่ได้ยิน ดวงตาของบูลล์ก็เบิกกว้างด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจ ก่อนจะกระโดดไปหาโยฮันน์เพื่อหลบบางสิ่ง

ไม่นานก็มีเสียงลมวี๊ดดด ที่เป็นเสียงแหวกอากาศจากวัตถุบ้างอย่าง พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของชายบ้างคน ทุกคนที่ค่ายถึงกลับหยุดทุกการกระทำเพื่อหันไปหาเสียงที่ว่า เสียงนั้นมาจากชายวัยกลางคนสวมชุดเครื่องแบบแดงเวนิส ที่ตอนนี้สีแดงไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าหากเป็นช่วงลำคอ ซึ่งตอนนี้กำลังใช้มือทั้งสองข้างจับคอของตนอยู่  ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะไม่กี่วินาที่ต่อมาตัวเขาก็หยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่ดวงตายังคงเบิกค้างด้วยความตกใจไปทั้งอย่างนั้น ก่อนที่จะมีอีกเสียงดังขึ้นมาจากฝั่งที่ใกล้ผืนป่า

ซุ่มโจมตี!! พวกเราถูกซุ่มโจมตี!!

เมื่อนั้นที่ทุกคนดีดกระเด้งร่างกายของตัวเองออกห่างจากที่ๆตนอยู่อย่างรวดเร็ว ไม่นานเสียงสิงหนาทกู่ร้องออกมจากป่าไม้พร้อมร่างของครึ่งมนุษย์มากมายกระโจนออกจากพุ่มไม้ บ้างก็อยู่ระหว่างต้นไม้สูงถือคันธนูเล็งลงมาข้างล่างพร้อมรังสีฆ่าฟันของคนเหล่านี้  ทหารที่อยู่ใกล้ป่าผู้โชคร้ายหลายคนยังมิทันได้หายใจก็ถูกอาวุธในมือของฝั่งตรงข้ามดับชีวิตกันไปหลายคน บางคนที่พยายามวิ่งหนีหรือพยายามที่จะหยิบจับอาวุธปืนก็ถูกลูกศรสังหารก่อนที่จะได้หันกลับไปมองเสียด้วยซ้ำ

ไม่นานเสียงปืนก็ดังเต็มไปทั่วค่ายที่ตั้งชั่วคราวแห่งนี้ กองกำลังผสมที่สามารถหยิบปืนมาใช้ได้โต้ตอบอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะปกป้องตัวเองจากสิ่งที่อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ แต่ด้วยว่าอาวุธปืนที่อัตราการยิงอันเชื่องช้าของปืนคาบชุด ระยะเวลาการบรรจุลูกปืนใหม่ที่ยาวนาน กว่าปืนคาบศิลานั้นมันก็ทำให้บ้างคนต้องจบชีวิตหรือบาดเจ็บจากการปะทะในระยะประชิด

เหล่านักสำรวจที่ร่วมเดินทางมาด้วยนั้นสามารถตั้งรับได้ทันเวลา พวกเขานั้นไม่ค่อยใช้อาวุธร้อนมากนัก ส่วนมากยังคงใช้อาวุธเย็นที่ล้าสมัยฟาดฟันศัตรูตรงหน้า ขวานที่ผ่ากะโหลก ดาบที่ทิ่มแทง ลูกศรธนูที่ปักตามร่างกาย เสียงกระทบระหว่างกระสุนปืนกับพื้นดิน เกิดเป็นความชุลมุนอยู่พักหนึ่งระหว่างผู้ตั้งรับและผู้โจมตี

ตั้งแถว!! ตั้งแถว!!  เสียงทีตะโกนของเหล่านายกองที่สามารถตอบสนองกับการจู่โจมอย่างฉับพลัน เรียกจัดแถวกองทหารของตนได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเหล่าทหารเข้าแถวเรียงกันสามแถวหน้ากระดาน เสียงกลองรบดังสนั่นเป็นจังหวะสัญญาณ ระหว่างรอสัญญาณบางก็ถูกลูกศรจากคันธนูสังหารไป เมื่อคนข้างหน้าเสียชีวิตคนข้างหลังก็จะเดินมาประจำตำแหน่งทันที

เตรียมพร้อม! อาวุธปืนในมือข้างลำตัวนั้นหยิบจับชูขึ้นข้างบนเล็กน้อย

เล็งเป้า! ตัวปืนเลื่อนลงมาด้านหน้า ปากกระบอกปืนถูกชี้ไปข้างหน้าของตนเองพร้อมสายตาที่จับจ้องเล็งไปเพียงข้างหน้ากาย

ปล่อย! เมื่อได้ยินเช่นนั้นนิ้วมือก็กดไกปืนอย่างเบาๆ ปลดปล่อยเสียงที่ดังสนั่นดั่งฟากฟ้าพิโรธ และควันเขม่าของดินปืนที่เป็นดั่งหมอกขนาดย่อมๆ

เหล่านักรบจากป่า แม้ว่าจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วดั่งสัตว์ที่รวดเร็วยากที่จะสู้ แต่ท้ายที่สุดก็มิสามารถหลบพ้นลูกกระสุนที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวกระบอกปืนด้วยความเร็วทีไม่สามารถที่จะมองออกได้ โชคดีก็ตายไปตั้งแต่ถูกยิงไม่ต้องรู้สึก โชคร้ายหน่อยก็ต้องล้มลงด้วยความเจ็บปวดสุดทรมาน เมื่อเหล่านักรบเห็นพี่น้องของตนทั้งหลายตกตายกันมากกว่าตอนจู่โจมระรอบแรกหรือไม่ก็ได้ยินเสียงร้องจากผู้โชคร้ายที่ยังไม่สิ้นชีวิตกำลังร้องขอความตายจากวิญญาณธรรมชาติ บางคนเริ่มลังเล ตื่นตกใจ และ พวกที่หนีพ้นความกลัวที่เริ่มกัดกินภายในใจ อย่างไรก็ตามคนที่ถูกยิงบางคนก็ยังทนได้ พวกเขาเหล่านี้วิ่งไปข้างหน้าหวังจะสังหารข้าศึกตรงหน้าให้ตกตายให้มากที่สุดโดยไม่สนชีวิตของตน เห็นเช่นนั้นมีหรือที่จะไม่วิ่งเข้าไปช่วย หลายคนรีบเร่งฝีเท้าของตน

ช่างหน้าเสียด้าย เสียงแห่งความตายก็ดังขึ้นอีกครั้ง

แถวสองยิง! นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นศัตรูด้านหน้าได้นั่งลงก่อนทีจะเหลือบไปเห็นเห็นปากระบอกปืนที่เล็งรออยู่แล้วได้พ่นไฟออกมา ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของผู้โชคร้ายเหล่านี้

ทางด้านบูลล์และโยฮันน์ที่สามารถหลบการโจมตีฉับพนันได้อย่างวุดวิดก็วิ่งหาที่กำบังทันที โดนที่ไม่ลืมลากชายชาวลีโอคนนี้ไปด้วย ที่กำบังนั้นเป็นรากต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งพวกเขาทั้งสองกระโดนข้ามไปหลบข้างหลังมันได้อย่างวุดวิด ลูกธนูที่ปักระหว่างตกไม้เป็นสัญญาณให้ทั้งสองรู้ว่าพวกตนเกือบที่จะถูกมันเสียบร่างกายของพวกเขา พักร่างกายได้ไม่นานก็มีร่างของนักรบคนหนึ่งพร้อมกำหอกไม้ในมือกระโจนเข้ามาหมายจะสังหารชายหนุ่มทั้งสอง

ซึ่งทำให้ทั้งสองถึงกับหน้าซีด แต่โยฮันน์ที่ตอบสนองทันหันปากกระบอกปืนเหนี่ยวไกลทันที กระสุนทะลุส่วนหัวของนักรบคนนั้นก่อนจะล้มลงข้างๆบูลล์ สติของทั้งสองเกือบจะแตกด้วยความน่ากลัวของนักรบที่พร้อมจะสังหารพวกเขา เนื่องด้วยทั้งสองไม่เคยฆ่าสิ่งมีชีวิตมาก่อน นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงได้กลัว อย่างไรก็ตามนี้คือศึกสงคราม ถ้าพวกเขาไม่ฆ่า พวกเขาก็จะถูกฆ่า มันเป็นหลักการและตรรกะง่ายๆของสนามรบทั่วไป

ไม่ทันได้พักหายใจทั้งสองก็ต้องรีบลุกหาที่กำบังที่ดีกว่านี้ พวกเขาไม่มีเวลาให้พักมากนัก เสียงปืนและเสียงคำสั่งของเหล่านายกองที่กำลังตะโกนจัดกำลังทหารในแถวอย่างวุ่นวาย เรียกสติให้ทั้งสองต้องรีบกลับไปที่หน่วยของตนโดยเร็ว แต่จะทำเช่นไรล่ะ เมื่อตอนนี้พวกเขาทั้งสองอยู่ระหว่างแนวรบของทั้งสองฝ่าย

“โยฮันน์ พวกเราต้องรีบกลับไปแนวแม่นํ้า ก่อนที่จะถูกลูกหลงของพวกเราเอง!” บูลล์เอ่ยเตือน โยฮันน์ที่พึ่งบรรจุกระสุนรอบใหม่เสร็จก็พยักหน้าตอบตกลงทันทีเพราะเขาก็ยังไม่อยากตายก็โดยพวกพ้องเหมือนกัน

ขณะเดี่ยวกันนั้นสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป ฝั่งกองกำลังผสมเริ่มที่จะตอบโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าทหารอาสาจะช้ากว่ากองกำลังของลีโอ แต่เพราะผู้ใต้บังคับของลาสทั้งสีคนทำหน้าที่ได้ดีจนหน้าตกใจ พวกเขาตอบสนองได้รวดเร็วผิดคาด ส่วนกองกำลังของลีโอเนียและทหารประจำการ ก็ทำได้ดียิ่งกว่าไม่เพียงที่จะตอบโต้ได้ทันที พวกเขายังตั้งแถวยิงสังหารผู้บุกรุกได้เยอะอย่างมาก

เมื่อฝั่งหนึ่งเริ่มมีช่องว่างเนื่องจากนักรบบ้างส่วนเริ่มถอยหนี โยฮันน์และบูลล์ที่เห็นทางรอดของพวกเขาทั้งสองแล้ วก็รีบดีดฝีเท้าวิ่งหลบสิ่งกีดขวาง ผ่านซากศพของทั้งสองฝ่ายเพื่อที่จะหนีเข้าแนวหลังของกองกำลังของตน

ยังไม่ถึงครึ่งทางเสียงของสัตว์ป่าพร้อมเสียงตะโกนที่ฟังโยฮันน์ฟังไม่รู้เรื่องก็ได้ดังขึ้นจากด้านขวาของเขา ปรากฏให้เห็นนักรบคนหนึ่งที่ขี่เสื้อป่าตัวใหญ่กำลังวิ่งมาทางพวกเขาโดยที่ไม่กลัวลูกกระสุนทางฝั่งแม่นํ้ายิงมา

เมื่อเห็นเช่นนั้น โยฮันน์ยกอาวุธของตนมาประทับไหล่ก่อนที่จะเล็งไปที่เสือป่าตัวนั้น มันอยู่ห่างจากทั้งสองอยู่ประมาณ 80 90 เมตร

          ปัง! โยฮันน์ลั่นไกปืนเสียงดังสนั่น

แต่ช่างน่าเสียดายนักกระสุนลูกลมที่ถูกยิงออกไปนั้นไม่ได้ถูกตัวเจ้าเสื้อตัวนั้นเลย โยฮันน์และบูลล?ที่เห็นเช่นนั้นก็หน้าหน้าซีดเป็นไก่ต้ม วิ่งหนีสุดแรงของตน แต่ขาคนรึจะไปสู้ขาเสือ ใช้เวลาไม่นานตัวมันก็เข้าใกล้ทั้งสองเสียแล้ว

ยิง! สุดเสียงคำสั่ง ลูกกระสุนก็แหวกอากาศดังวี๊ดดดพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากตัวสัตว์ป่าอย่างน่าสงสาร และก็ไม่ได้มีเพียงนัดเดี่ยวที่ถูกตัวของมันแต่เป็นนับสิบๆ ที่โดนเข้ากับตัวมันเต็มๆ นักรบที่หลบอีกฝั่งของสัตว์ขี่ของตนที่รอดก็ได้กระโดดหมายจะดับชีวิตของชายหนุ่มอีกครั้ง

         ปัง! เสียงปืนอีกนัดพุ่งทะลุคอหอยของนักรบล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นดิน เลือดหลั่งไหลออกมาจากร่างกายอาบไปทั่วพื้นดิน เมื่อไม่เห็นท่าที่ของร่างท่นอนอยู่ทั้งสองก็ได้ลุกขึ้น ก่อนจะเห็นลาสที่ถือปืนสั้นแบบลูกล้อที่ยังคงมีเขม่าปืนลอยอยู่ไม่นาน

เสียงของสนามรบได้เงียบลงต่างฝ่ายต่างสูญเสีย บัดนี้นักรบจากป่าไม้ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ไปเสียแล้ว เมื่อไม่มีวีแววของการรบเหล่าทหารต่างพากันถอนหายใจ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ

อนิจจาซากศพของนักรบนั้นมีมากกว่าร่างสหายพวกเขาเสียอีก

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด