ตอนที่แล้วบทที่ 280
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 282

บทที่ 281


สิ่งที่หญิงสาวผู้นั้นกระทำเนี่ยฟงที่แอบอยู่แถวนั้นเห็นอย่างชัดเจน เขาจ้องมองไปรอบๆหาได้มีผู้ใดสนใจการกระทำของหญิงสาว ด้วยความสงสัยเขาจึงเดินเข้าไปถามหญิงชราผู้หนึ่งที่ขายหมั่นโถวอยู่ข้างทาง พร้อมกับซื้อหมั่นโถวมาทานระหว่างหญิงชรากล่าว เขาถึงได้ทราบว่าหญิงสาวนางนั้นมีนามว่าเฟินจวี๋ฟู่ เป็นหนึ่งในเทพหมาป่าคนของอ๋องมู่ กฎของที่นี่แปลกประหลาดนักสามารถต่อสู้ปล้นชิงกันได้แต่ห้ามมีการสังหารกันในตอนกลางวัน ส่วนผู้คนชาวเมืองจะได้รับการดูแลอย่างดีโดยคนของเฟินจวี๋ฟู่ มีงานให้ทำปลูกข้าวเลี้ยงสัตว์แต่อยู่ในส่วนของอีกด้านของเมือง ส่วนผู้คนที่เปิดร้านขายของและเปิดโรงเตี๊ยมส่วนใหญ่เป็นคนมาจากพื้นที่อื่นโดยเฟินจวี๋ฟู่จะเก็บเป็นค่าเช่าที่

หลังจากนั้นเขาก็หาโรงเตี๊ยมสำหรับพักที่นี่มีโรงเตี๊ยมเพียงพอส่วนราคาก็ไม่ได้แพงกว่าที่คิด ไม่นานแสงอรุณก็ลาลับขอบฟ้าตามทางเดินมีแสงไฟจากตะเกียงและโคมที่ติดอยู่ตามโรงเตี๊ยมและอาคาร เนี่ยฟงเองสังเกตจากผู้คนในโรงเตี๊ยมเริ่มที่จะมีการระวังตัวกันมากขึ้น ไม่ถึงสองชั่วยามก็ได้ยินเสียงการปะทะกันเกิดขึ้น ผิดคาดที่คนที่นี่หาได้ออกไปมุ่งดูเช่นที่อื่น เสียงการปะทะเริ่มที่จะดังไปทั่วทั้งเมืองเนี่ยฟงหลังจากทานอาหารจนอิ่มก็เดินออกมาทางด้านหน้าโรงเตี๊ยมก็ได้ยินเสียงเรียกจากเสี่ยวเอ้อ

“คุณชายจะไปที่ใดหรือขอรับ”

“ข้าคิดว่าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย มีที่ใดที่ข้าไม่ควรไปหรือไม่”

“คุณชายสามารถไปได้ทุกที่ขอรับ ขอเพียงระวังตัวเอาไว้ให้ดีก็พอ เพราะตอนนี้กฎห้ามสังหารถูกยกเลิกแล้ว ตามที่ท่านได้ยินเสียง”

“เป็นเช่นนี้ทุกค่ำคืน”

“ขอรับ”

“ขอบใจเจ้ามาก”

เนี่ยฟงหลังจากกล่าวขอบคุณเสี่ยวเอ้อก็เดินออกจากโรงเตี๊ยมมุ่งหน้าเดินไปทางขวามือ ที่นี่ยามค่ำคืนสวยงามไปอีกแบบมีเสียงการปะทะและเสียงร้องดังแว่วมาเป็นระยะ เนี่ยฟงเดินเที่ยวในเมืองอย่างช้าๆไม่ถึงสองเค่อปลาก็ติดเบ็ด เขารับรู้ได้ว่ามีคนสามคนเริ่มแอบติดตามเขาอยู่อย่างลับๆ เขาจึงเดินหายเข้าไปในตรอกทางขวามือ ไม่ถึงสิบลมหายใจก็มีคนสามคนเดินเข้ามาในตรอกทันทีที่พวกเขาทั้งสามเห็นเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวานำดาบออกมาถือไว้

“พวกท่านเป็นใครกันเหตุใดถึงติดตามข้า”

ชายฉกรรจ์ทั้งสามหาได้มีผู้ใดกล่าวตอบพุ่งเข้าหาชายหนุ่มด้านหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับฟาดฟันดาบในมือออกมา เกราะสายฟ้าสามวงปรากฏออกมาต้านรับคมดาบ เถาวัลย์สีฟ้าสามเส้นพุ่งเข้ารัดตัวชายฉกรรจ์ทั้งสามอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงก้มเก็บดาบเล่มหนึ่งที่ร่วงลงพื้นฟาดฟันดาบออกไป คมดาบวาดผ่านลำคอของชายผู้หนึ่งอย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา เนี่ยฟงหันไปจ้องมองทั้งสองคนพร้อมกับแสยะยิ้มจ้วงแทงดาบในมือไปที่ขาขวาของชายอีกคน

“พวกท่านเป็นผู้ใดกัน”

น่าแปลกที่ชายฉกรรจ์ที่ถูกแทงไม่แม้แต่ส่งเสียงใดๆเมื่อหรี่ตามองก็พบว่าลิ้นของพวกเขาถูกตัดออกไป ถึงแม้คิดจะสอบถามก็คงไม่ได้สิ่งใดเนี่ยฟงจึงสังหารชายฉกรรจ์อีกสองคน แม้กระทั่งค้นแหวนของทั้งสามก็หาได้พบสิ่งมีค่าใด ไม่นานเขาก็เดินออกจากตรอก แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเพราะมีคนขวางทางเอาไว้

“เป็นมันพี่ใหญ่ ในที่สุดข้าก็หามันเจอ เมื่อตอนเช้าเจ้าทำให้ข้าต้องเสียลูกน้องมือดีไป ครั้งนี้เจ้าอย่าคิดที่จะรอด”

เนี่ยฟงหันไปจ้องมองชายฉกรรจ์ที่กล่าววาจาออกมา รูปร่างสูงโปร่งผิวคล้ำ สวมชุดสีเขียวส่วนอีกคนรูปร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำมีหนวดสวมชุดสีเขียวเช่นเดียวกัน ส่วนด้านหลังมีผู้ติดตามมาอีกสี่คนสวมชุดสีเทา เนี่ยฟงถีบเท้าถอยเข้าไปในตรอกอีกครั้ง เสียงสะบัดมือดังแว่ววงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏขึ้นบนพื้นสองสามวงไม่นานคนทั้งห้าก็พุ่งติดตามมาในตรอก เนี่ยฟงซัดฝ่ามือลงพื้น เปรี้ยง วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าส่องแสงคนทั้งห้าหยุดนิ่งอยู่บนพื้นจ้องมองชายหนุ่มด้านหน้าด้วยความหวาดกลัว เนี่ยฟงสะบัดมือขวาออกไปพร้อมกับโบกสะบัดมือขวาไปมา มีดสั้นสีดำพุ่งเข้าสังหารคนทั้งห้าอย่างรวดเร็ว หลังจากจัดการปล้นแหวนจากซากศพคนทั้งห้าเนี่ยฟงก็มุ่งหน้ากลับโรงเตี๊ยม

รุ่งเช้าวันต่อมาข่าวการตายของผู้คนเมื่อคืนถูกปิดเงียบ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเนี่ยฟงก็เดินออกไปสำรวจเมืองอีกครั้งเขาแวะเข้าไปยังตรอกเมื่อคืนพบว่าซากศพทั้งหมดถูกจัดการแม้แต่รอยเลือดก็ไม่พบเห็น หลังจากเดินตรวจสอบเขาก็พบกับขบวนของใครบางคนกำลังออกจากเมืองหนึ่งในนั้นมีเฟิ่งจวี่ฟู่รวมอยู่ด้วย ทันทีที่พวกเขาออกไปจากเมืองเนี่ยฟงก็แอบสะกดรอยตาม เกือบชั่วยามเนี่ยฟงก็ขึ้นมาบนเขาด้านหลังของเมือง พบเจอค่ายขนาดใหญ่มีกำลังคนเดินตรวจตราอย่างแน่นหนา มีเสียงร้องคำรามของบางอย่างดังแว่วออกมา เนี่ยฟงพุ่งหลบลงมาจากเขาหลังจากนั้นก็นั่งบนหลังกิเลนอัสนีบินขึ้นบนท้องฟ้าเพื่อสำรวจโดยรอบของค่ายโดยใช้วงอักขระศักดิ์สิทธิ์เป็นม่านพลังบดบังสายตา

ทันใดนั้นเองเขาก็ต้องตื่นตกใจกับภาพที่เห็นในค่ายมีสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่สวมเพียงกางเกงตัวเดียว แขนและขาทั้งสี่ถูกมัดโดยโซ่เหล็กขนาดใหญ่ บริเวณคอมีบางอย่างห้อยอยู่ มันกำลังกัดกินซากศพที่วางอยู่เกลื่อนพื้น แน่นอนว่าสิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นอีกก็คือเฟิ่งจวี่ฟู่กำลังยืนลูบหัวของมันประดุจสัตว์เลี้ยง หลังจากนั้นเขาก็บินอ้อมไปทางด้านหลังพบว่ามีคอกขนาดใหญ่ที่ขังพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นอีกนับร้อย

“ท่านเคยพบเจอสัตว์ประหลาดพวกนี้หรือไม่ขอรับ”

“พวกมันเป็นมนุษย์เช่นพวกเจ้า แต่เหตุใดร่างกายถึงเป็นเช่นนั้นข้าไม่รู้”

“หากคนพวกนี้เข้าร่วมสงคราม พวกทหารคงรับมือไม่ได้เป็นแน่”

“เจ้าคิดจะจัดการที่นี่”

“ข้าเพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้แน่ มียอดฝีมืออยู่เต็มไปหมดอีกอย่างสัตว์ประหลาดพวกนั้นข้าไม่ทราบว่ามีความสามารถเช่นใดขอรับ คงต้องรอหน่วยพยัคฆ์ตามมาเสียก่อน”

หลังจากนั้นไม่นานเนี่ยฟงก็มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองอีกครั้ง ระหว่างทางที่กำลังจะเดินเข้าโรงเตี๊ยมเขาก็พบเจอใครบางคนในโรงเตี๊ยม เนี่ยฟงจึงเดินเข้าไปนั่งด้านหลังของคนผู้นั้น สั่งอาหารสองสามอย่างจากเสี่ยวเอ้อ ชั่วน้ำเดือดเขาก็กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

“ยามไฮ่ให้ไปรอข้าที่นอกเมืองทิศตะวันออกสี่ลี้”

หลังจากนั้นไม่นานคนผู้นั้นก็เรียกเสี่ยวเอ้อคิดเงินไม่นานก็เดินออกจากโรงเตี๊ยมไป เนี่ยฟงทานอาหารจนอิ่มก็เดินขึ้นห้องพักอย่างปกติเพื่อรอเวลา เมื่อใกล้ถึงยามไฮ่เนี่ยฟงก็ออกจากโรงเตี๊ยมออกจากเมืองมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ในระหว่างทางเนี่ยฟงก็แผ่ลมปราณตรวจสอบตลอดเวลา พบว่าด้านหน้ามีคนแอบซุ่มอยู่ถึงหกคน เมื่อมาถึงระยะเนี่ยฟงก็พุ่งทะยานไปตามกิ่งไม้เพื่อแอบเข้าหาคนทั้งหกเมื่อพบเห็นว่าเป็นผู้ใดก็ยกยิ้มกระโดดลงมาด้านล่าง

“ข้าคิดไม่ผิดว่าเจ้าต้องมาล่งซือ”

“เจ้ามันเจ้าเล่ห์นัก”

“เอาละ พวกเจ้าติดตามข้ามามีบางอย่างจะให้พวกเจ้าดู”

สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็พาคนทั้งหกมุ่งหน้าขึ้นไปบนเขา ไม่นานก็พบค่ายขนาดใหญ่เช่นเมื่อตอนกลางวันเพียงแต่ว่าต่างออกไปประตูด้านหน้าค่ายเปิดโล่งผู้คนด้านในกินดื่มอย่างสนุกสนานหาได้มีผู้ใดเฝ้ายาม เนี่ยฟงจึงพาทั้งหกอ้อมไปทางด้านหลังทางคอก เมื่อเข้ามาในระยะก็ได้ยินเสียงร้องคำรามดังลั่นออกมา คนทั้งหกตื่นตกใจไม่น้อยที่เห็นสิ่งที่อยู่ในกรงขังเพราะมีบางกรงที่นั่งกัดกินชิ้นส่วนของมนุษย์อยู่ ไม่นานเนี่ยฟงก็พาทั้งหกกลับมายังที่นัดหมาย

“มันคือตัวอะไรกันแน่เนี่ยฟง”

เป็นล่งซือเอ่ยถามด้วยความสงสัย เนี่ยฟงทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมา

“ตัวข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่เราต้องรีบจัดการที่นี่เสียก่อน หากพวกมันเข้าร่วมสงคราม”

ล่งซือพยักหน้าตอบรับ

“ข้าจะกลับไปรายงานท่านเหมาหนานเจ้ารออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”

“ได้ พบเจอข้าได้โรงเตี๊ยมเดิม”

สิ้นเสียงของเนี่ยฟงคนทั้งหกก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงสิบลมหายใจเนี่ยฟงพุ่งทะยานกลับเข้าเมืองระหว่างทางไม่ถึงหนึ่งลี้เขาก็ต้องหยุดฝีเท้าลงเพราะพบเจอบางอย่าง มีบางอย่างโจมตีกลุ่มคนด้านหน้า เมื่อเนี่ยฟงมาถึงบริเวณก็พบเห็นพวกสัตว์ประหลาดที่พบเจอในค่ายสามตัวกำลังกัดกินซากศพอยู่บนพื้น ทันใดนั้นก็มีตัวหนึ่งหันมองจ้องมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตาด้วยดวงตาสีแดงก่ำไม่ถึงหนึ่งลมหายใจมันก็พุ่งเข้าหาเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด