ตอนที่แล้วบทที่ 55 เคล็ดหมัดอันเก่าแก่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 57 ความตกใจของจางหู่

บทที่ 56 ผู้ปรารถนา


บทที่ 56 ผู้ปรารถนา

นอกจากนี้ จะต้องคำนึงถึงอาวุธสมัยใหม่โดยจะมีให้เห็นไม่ว่าจะเป็นปืน ระเบิด หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถฆ่าเป่ยเฟิงได้ทันทีที่เขาประมาท

ในสมัยราชวงศ์ฉิง โรงเรียนทั้งหมดจะทุ่มเทความสนใจแต่เรื่องการต่อสู้เท่านั้น ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะทำให้องค์จักรพรรดิ์สนใจตนเอง ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่โด่งดังจำนวนมากมาจากราชวงศ์ พวกเขาจะคอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนักวิชาการทั้งหลาย โดยไม่รู้ว่าจะจบเมื่อใด

แต่การก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน รวมทั้งการปรากฏตัวของปืนและอาวุธทำลายล้าง ทำให้คนที่เต็มใจจะเดินทางไปในเส้นทางของศิลปะการต่อสู้ลดลงไปมาก ขณะเดียวกันพวกที่เหลือก็ได้กระจายหลบมุมมืด

ทักษะการต่อสู้ที่ผู้เชี่ยวชาญอุทิศชีวิตของเขาเพื่อความสมบูรณ์แบบและการฝึกฝนที่ยากลำบาก สลายไปในทันทีเพื่อพบกับทหารใหม่ที่ฝึกมาเพียง 1 ปีพร้อมกับอาวุธปืนในมือของเขา .. การเยาะเย้ยนี้มันคืออะไรกัน !

สิ่งนี้ถือเป็นความโชคดีอย่างมากสำหรับผู้ที่เบื่อเส้นทางนี้ แต่มันคือโศกนาฎกรรมที่คอยทำลายโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ !

แน่นอนว่าเป่ยเฟิงสามารถบอกได้ถึงการคงอยู่ของพวกเขาตอนนี้นั่นเหมือนกับวัวใหญ่ที่นั่งอยู่ในอยู่ในบ้าน พวกเขายังไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเพียงแค่ซ่อนตัวให้ลึกมากกว่าก่อนหน้านี้เท่านั้น

เป่ยเฟิงมองไปที่นาฬิกาบนผนัง ตอนนี้ 8 โมงเช้า ได้เวลาที่เขาจะต้องไปแล้ว เขาลุกขึ้นมาล้างหน้าก่อนจะทำธุระส่วนตัวหน้ากระจก จากนั้นจึงเดินออกมาจากโรงแรม

'ขอทาน ? ไม่สิ หรือจะเป็นพวกแก๊งอันธพาล ?'

เป่ยเฟิงยืนอยู่บนสะพาน เขามองด้วยสายตาเศร้าหมองไปที่ทะเลฝูงชนบนถนนที่วุ่นวาย

'ลืมมันไปซะ ขอทานเขาเป็นแค่คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเท่านั้น พวกเขาไม่เคยทำอะไรน่ารังเกียจต่อพระเจ้าและผู้คน มันไม่ดีที่จะไปยุ่งกับชีวิตที่น่าเศร้าของพวกเขา ...'

เป่ยเฟิงคิดลึก ๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหันหลังออกไปจากขอทานที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสกปรกและขาดรุ่งริ่งที่นั่งอยู่ตรงริมถนน

'หรือฉันจะเอาพวกนักเลงท้องถิ่น ?'

เมื่อตกดึก ไปเฟิงก็นั่งอยู่ในบาที่ถูกซ่อนอยู่ในเมือง ภายในเต็มไปด้วยควันบุหรี่ มีกลุ่มคนที่มีรอยสักนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา ในบางครั้งพวกมันก็หัวเราะออกมาดัง ๆ

'บางทีฉันน่าจะไปตามหาแถวถนนจะดีกว่า ...'

เป่ยเฟิงถอนหายใจ แล้วเดินออกมาจากบาร์

จากนั้นเขาก็เดินวนเวียนอยู่ในเมืองเป็นเวลาสามวัน เขาไม่สามารถหาได้แม้แต่คนเดียวที่ถูกใจเขา

โดยไม่รู้ตัว เขาได้เดินมาพื้นที่ช้อปปิ้งที่ดูหรูหรา มันมีร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมมากมาย

"พี่สาว คุณสวยมาก ! ฉันต้องการให้ดอกไม้นี้กับคุณ !"

โจวหลินกำลังออกเดทกับแฟนหนุ่มของเธอ ซุนเกียง ทั้งคู่เพิ่งทานอาหารค่ำและกำลังจะไปดูหนัง ในตอนนั้นได้มีเด็กสาวน่ารักอายุประมาณ 10 ขวบ เดินเข้ามาหาเธอ เด็กสาวนั่นถือดอกกุหลาบไว้ในอก

"ว้าว ดอกกุหลาบสวยจัง ! ขอบคุณนะ สาวน้อย !"

โจวหลินรับดอกกุหลาบด้วยมือทั้งสองดอก จากนั้นก็ได้ลูบหัวสาวน้อยแล้วหันไปคุยกับซุนเกียง

"พี่ชาย หนูให้ดอกไม้กับพี่สาวแล้วนะ ทำไมพี่ยังไม่จ่ายเงินหนูอะ ?"

เด็กสาวตัวน้อยหันไปดึงเสื้อซุนเกียง แล้วถามด้วยความใสซือ

"สาวน้อย นี้ไม่ใช่ดอกไม้ของขวัญจากเธองั้นเหรอ ?"

โจวหลินถามด้วยความสงสัย

"ใช่ แต่พี่ชายบอกจะจ่ายให้หนู"

สาวน้อยยังคงจับเสื้อของซุนเกียงไม่มีท่าทีจะปล่อย

"แล้ว ... เท่าไหร่ ?"

ในเมื่อไม่มีทางเลือก ซุนเกียงจึงถามด้วยใบหน้าเจ็บปวด

"20 หยวนสำหรับดอกเดียว สองดอกก็ 40 หยวน"

ซุนกียงรู้สึกใบหน้ารู้สึกหน้าชา เมื่อได้ยินเสียงหวาน ๆ ของสาวน้อยคนนี้ในหู

"เสียวหลินซี เอาดอกไม้ให้เธอคืนไป"

ซุนเกียงไม่พอใจ นี่มันไร้สาระ ! สาวน้อยคนนี้คิดว่าเขาเป็นไอ้โง่ ? หรือคิดว่าเขาเป็นกระเป๋าเงินเดินได้ ?

เขาจะไม่พูดอะไรและมอบเงินให้สาวน้อยคนนี้ได้ถ้าหากว่ามัน 3-4 หยวนต่อดอก แต่นี้มันราคาถึง 40 หยวน ! ดอกกุหลาบพวกนี้มันไร้สาระ !

"สาวน้อย ฉันจะคืนดอกไม้ให้เธอ ฉันไม่ต้องการมันอีกแล้ว ดีไหม ? เธอปล่อยเสื้อพี่ชายได้แล้ว ตกลงไหม ?"

โจวหลินเดินเข้าไปหาเด็กน้อย แล้วมอบดอกไม้คืนพร้อมกับถามเบา ๆ

"ไม่มีทาง พวกคุณเอาดอกไม้ไปแล้ว มันเป็นของพวกคุณ !"

ไม่เพียงแต่เธอไม่ยอมปล่อยซุนเกียงไป กลับกันเธอกำมันแน่นยิ่งขึ้น

เธอมองด้วยความแข็งกร้าวไปที่โจวหลิน

'ทำไมมันถึงดูน่ากลัวจัง !'

โจวหลินเริ่มรู้สึกหวาดกลัว

มันไม่รู้ว่ามันทำไมเป็นแบบนี้ แต่ในตาของสาวตัวน้อยนั้นเต็มไปด้วยความไม่แยแสและเกลียดชัง ดูเหมือนว่าเธอจะเกลียดทุกอย่างในโลกใบนี้

"ซุนเกียง ทำไมเราไม่ ..."

"ไม่มีทาง ! เอาดอกไม้ให้เธอแล้วพวกเราก็ไปกันได้แล้ว ! ถ้าเธอชอบมัน ผมจะไปหาร้านที่ขายดอกไม้แล้วซื้อพวกมันให้ทีหลัง !"

อารมณ์ของซุนเกียงตอนนี้ดูโมโหอย่างมาก เขาคว้าดอกไม้จากโจวหลินแล้วปาไปตรงหน้าสาวน้อย

"ฉันขอเตือนแก อย่าตามเรามา !"

จากนั้นเขาก็ดึงมือของสาวน้อยออกไป แล้วดึงโจวหลินจากไป

"ซุนเกียง ฉันคิดว่าสาวน้อยคนนั้นอาจจะถูกบังคับจากใครบางคนให้มาขายดอกไม้ก็ได้ เธอจะไม่ถูกทำร้ายหรอถ้าเธอขายมันไม่ได้ ?"

โจวหลินถามด้วยความโกรธ

"อะไร ? มันมีคนโชคร้ายจำนวนมากในโลกนี้ เธอคิดว่าเธอจะช่วยทุกคนได้ ? พวกมันอาจเป็นพวกหลอกหลวงก็ได้ พวกมันพยายามจะหลอกคนที่ใจดีเหมือนเธอไง !"

ซุนเกียงรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เมื่อมองไปที่แฟนสาวไร้เดียงสาของเขา

โจวหลินไม่ได้ปฏิเสธ เธอเพียงแค่ลดหัวลงด้วยความเศร้า แล้วทั้งคู่ก็เดินหายไปในฝูงชน

เหลือแต่เพียงเด็กหญิงตัวน้อย ๆ เธอหยิบดอกไม้ขึ้นมาจากพื้นด้วยความรู้สึกหนักใจบนใบหน้าของเธอ

"เอามาให้ฉันทั้งสองดอก"

เสียงเบา ๆ มีร่างสูงปรากฏตรงหน้าของเด็กน้อย เขายื่นมีอที่มีแบงร้อยหยวนออกมา จากนั้นจึงได้ยื่นให้สาวน้อย

ความรู้สึกแปลก ๆ ปรากฏในตาของสาวน้อย เธอเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าเธอ เธอรีบคว้าเงินแล้วยื่นดอกกุหลาบทั้งสองดอกให้ชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็ก้มหน้าอีกครั้ง ราวกับว่าเธอไม่มีทอน

เป่ยเฟิงยิ่มเบา ๆ เขาไม่ได้คิดอะไรเลยในขณะที่หยิบดอกกุหลาบทั้งสองดอก เขาเดินไปที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ จากนั้นก็จิ๊บกาแฟร้อนของเขาต่อ

แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาตัดสินใจซื้อดอกกุหลาบทั้งสองดอกในราคา 100 หยวน ไม่ใช่เพราะเขาจะแสดงความมั่งคั่งของเขา จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนขึ้เหนียวอย่างมาก แต่เป่ยเฟิงรู้สึกสงสารสาวน้อยคนนั้น

เขารู้ว่าหากเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือจากปู่ของเขา ปัจจุบันเขาอาจจะเป็นอะไรที่เลวร้ายว่าสาวน้อยคนนี้ก็ได้

แต่เหตุผลหลักที่เขายืนมือไปช่วยก็เพื่อประโยชน์ที่จะได้เจอกับผู้ปรารถนาอันสมบูรณ์แบบของเขา

ไม่ใช่เด็กน้อยที่ขายดอกไม้ แต่เป็นผู้ที่ปรารถนาที่เขาใช้เวลาในการตามหามานาน คน ๆ นั่นคือคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สาวน้อยในตอนนี้

"นังเด็กโง่ ทั้งวันแกขายได้แค่นี้ ? ชิ มันไม่พอที่จะเอาไปเล่นไพ่นกกระจอกด้วยซ้ำ !"

ชายดูที่ดูหยาบคาบแสดงความไม่พอใจ จากนั้นก็ขโมยเงิน 100 หยวนไปจากสาวน้อย

"ทำงานให้มากขึ้น อย่าคิดอะไรโง่ ๆ เข้าใจไหม ? ถ้าแกเอามาให้ฉันอีก 300 หยวน ในคืนนี้ ฉันอาจจะเพิ่มไข่ในอาหารเย็นให้แกเอง"

หลังจากที่ได้เงินแล้ว เขาก็แสดงออกอย่างพึงพอใจบนหน้าของเขา

เวลาผ่านไปคนบนถนนก็เริ่มน้อยลง ตอนนี้เวลา 22.00 น. เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังคงขายดอกไม้ไม่ออก เธอหันหลังเตรียมจะจากไป

เมื่อเห็นเรื่องนี้ เป่ยเฟิงก็เรียกเก็บเงินแล้วเดินออกจากร้านกาแฟ เขาเดินตามสาวน้อยจากไกล ๆ

หลังจากที่เป่ยเฟิงเดินตามสาวน้อยมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้าไปในเขตสลัมเล็ก ๆ

ตึกที่นี่สกปรกและเหม็นอย่างมาก มันถูกสร้างเมื่อสิบปีก่อน โดยในทุกปีจะมีนักการเมืองออกมาประกาศว่าจะทุบตึกหลังนี้ทิ้งแล้วสร้างขึ้นใหม่ให้พวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันแผนการดังกล่าวยังไม่มีท่าทีว่าจะใกล้เสร็จแม้แต่น้อย

พื้นที่ตรงนี้มีประชากรเป็นแรงงานต่างชาติส่วนใหญ่ เพราะว่าค่าเช่าห้องที่นี่ต่ำอย่างมาก

เป่ยเฟิงเดินตามสาวน้อยไป จากนั่นเขาก็พบกับเด็กชายอีกหลายคนเดินไปในทิศทางเดียวกัน เด็กพวกนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศเศร้าหมอง โดยในระหว่างที่พวกเขาเดินไป ไม่มีแม้คำพูดหรือการทักทายซักคำ

อุณหภูมิรอบ ๆ ไปเฟิงหนาวลงเล็กน้อย เขาเดินต่อไปด้วยความเงียบ

จากนั้นพวกเด็ก ๆ ก็มาถึงบ้านเก่า ๆ พวกเขาลังเลก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปในประตูบ้าน จากภายนอกเป่ยเฟิงสามารถได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากบ้าน

"แกจะร้องไห้ทำไม ? ฉันจะตีขาแกให้หัก ถ้าแกยังร้องไห้ !"

เสียงที่หนาวเย็นดังออกมาจากชายคนหนึ่ง ทันทีที่ได้ยินเสียง เสียงร้องไห้ก็เบาลง

"เงินที่พวกแกเอากลับมานี้มันน้อยลง น้อยลง ทั้งวันพวกแกได้กันแค่ 3,000 หยวน พวกแกนี้มันไร้ประโยชน์จริง ๆ

ในร้านเล็ก ๆ มีชายนั่งนับจำนวนเงินอยู่

"ลูกพี่ ผมว่าเราขายไอ้เด็กพวกนี้สำหรับใครที่มันขายดอกไม้ไม่ได้ดีไหม ?" คนที่รอยย่นตรงริมฝีปากและมีคางเหมือนลิงพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

"ไอ้โง่ ! แกปัญญาอ่อน ? แกคิดว่าจะมีใครซื้อเด็กโต ๆ แบบนี้กัน ?" ชายอีกคนสวนกลับมาทันที

"ผมคิดว่าเราน่าจะหักแขนหรือขาพวกมัน แล้วปล่อยให้พวกมันขอทานแทนก็ได้" หลังจากนั่นเขาก็เงยหน้าแล้วหันไปมองพวกเด็ก ๆ ด้วยสายตาเย็นชา

"ปัง ปัง !"

ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบทันที ที่ได้ยินเสียงเคาะประตู

คนที่พูดเมื่อครู่รีบวิ่งไปที่ประตูแล้วมองผ่านรอยแยก อย่างไรก็ตามบนถนนนั้นมืดเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอะได้

"บูม !"

ชายคนนั้นถูกส่งตัวกลับมาเข้าไปในบ้านพร้อมด้วยเศษซากประตูไม้ที่ถูกทุบออกมาจากภายนอก

ไอ้โง่ผู้โชคร้ายที่ถูกส่งตัวมาหมดสติทันที

"น้องพี่ ! ไปจัดการมัน !"

เสียงคำสั่งดังออกมาจากในกลุ่มเมื่อมองไปที่ชายผู้ที่ยืนอยู่ตรงประตูคนเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด