ตอนที่แล้วเล่ม1 : บทที่ 67 – ตันเถียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม1 : บทที่ 69 – ลิลลี่

เล่ม1 : บทที่ 68 – อุบาย


กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 68 – อุบาย

“แล้วข้าทำเช่นไร?”

วิลเลียมส่ายหน้าและเผยรอยยิ้ม “ข่าวเรื่องตันเถียนและธาตุของเจ้าจะกลายเป็นที่ตกอกตกใจกับคนเขตในหลาย ๆ คน เจ้าเป็นผู้ฝึกตนที่อายุยังไม่ครบสิบสี่ปีแถมยังครอบครองธาตุที่หายากอีกด้วย ข้าเองก็คงไม่แปลกใจหากพวกเขาจะเรียกเจ้าว่ามหัศจรรย์”

โนอาห์พยักหน้ากับคำพูดของอาจารย์ “มันเป็นเรื่องไม่ดีใช่ไหมขอรับ?”

วิลเลียมตอบ “ใช่ พวกเขาพยายามส่งเจ้าไปติดกับดักกับพวกที่หลบหนีจากภารกิจ และข้าเกรงว่าพวกเขาจะหาหนทางอื่นมาใช้ทำร้ายเจ้าอีกนับจากนี้ไป บางทีตระกูลอาจถึงคราวแตกแยกเมื่อวันที่ต้องเลือกหน้าที่ให้กับเจ้ามาถึง แต่อย่างไรก็ตาม ระวังตัวเจ้าเอาไว้ดีที่สุด เช่นเคย อย่าใช้เวลาอยู่ในคฤหาสน์มากไปและรับแค่ภารกิจที่เกี่ยวกับสัตว์เวทมนตร์เท่านั้นพอ ขณะเดียวกันข้าเองก็จะคอยเฝ้าระวังสถานการณ์ไปด้วย”

โนอาห์ยืนขึ้นและโค้งคำนับจากนั้นก็ออกจากห้องไป

วิลเลียมยืนอยู่ในห้องต่ออีกครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา

‘ขอโทษจริง ๆ ที่บางทีอาจารย์ของเจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย’

* * * * *

โนอาห์ไปหาแม่ของเขาและอธิบายเรื่องราวให้ฟัง เธอไม่เข้าใจมากนักเกี่ยวกับการฝึกตน แต่เมื่อเขาบอกว่าตัวเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายเพราะความสามารถของเขา เธอจึงไม่ลังเลที่จะส่งเขาออกไปให้ไกลจากที่นี่

“หากคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้าอีกต่อไป ฉะนั้นก็จงไปเสีย อย่าได้ห่วงแม่เลย!”

นี่คือคำพูดที่เธอกล่าวไว้และโนอาห์ก็อดรู้สึกมุ่งมั่นไม่ได้ที่จะออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้

เขารับภารกิจแรกที่เจอและไปยังจุดนัดหมายที่ระบุไว้ในรายงานซึ่งเป็นจุดที่สัตว์เวทมนตร์รวมฝูงกันอยู่ ทุกตัวล้วนอันดับสอง เขาใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีในการกำจัดพวกมันทั้งหมด

‘ด้วยร่างกายอันยอดเยี่ยมตอนนี้พวกอันดับสองจึงไม่สามารถทำให้เกิดแม้แต่รอยขีดข่วนได้และ “ปราณ” ที่ไหลวนอยู่ข้างในก็มีระดับเดียวกันกับที่อยู่ในตันเถียน ดูเหมือนว่าส่วนที่ยากที่สุดในการฝึกตันเถียนเห็นจะเป็น “ปราณ” ที่จำเป็นในการขยายมัน ส่วนการเติมกลับมาให้เต็มอีกครั้งก็ใช้เวลาไม่มากนัก’

เขาได้สัมผัสกับความแข็งแรงใหม่และก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ตันเถียนของเขายังคงเล็กอยู่ แต่ก็รู้สึกได้ว่าความจุสูงสุดในนั้นสูงกว่าที่ร่างกายของเขาทำได้มาก และนี่ยังไม่ได้พิจารณาถึงสถานะที่เขามีอยู่

‘รู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ถ้าฉันไม่เคยฝึกฝนการหลอมรวมนรกเจ็ดขั้นมากเลย เกรงว่าคงจะต่อสู้กับผู้ฝึกตนได้ไม่เกินห้าครั้ง แต่ตอนนี้ความอ่อนแอนั่นหายไปแล้ว ต้องฝึกฝนเท่านั้นและจะต่อสู้ได้นานขึ้น’

ข้อดีของการมีตันเถียนจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่ร่างกายของโนอาห์จะแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอื่น ๆ ในบางคืนโนอาห์ก็หาโอกาสออกไปนอกคฤหาสน์เพื่อตรวจสอบอวัยวะใหม่ของเขา และภารกิจที่ได้รับก็เป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับการหายตัวของเขา

ขณะเดียวกันนั้น วิลเลียมกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นในห้องโถงหรูหราแห่งหนึ่ง ภายในใหญ่มาก เทียบได้กับตึกผู้พิทักษ์ทักตึก ตามผนังมีภาพวาดและสีสันมากมายเรียงรายอยู่

ตรงหน้าเขา มีเก้าอี้อันกว้างขวางหลายตัวตั้งอยู่เหนือขั้นบันไดสั้น ๆ ที่ทำมาจากหินอ่อน ทำให้คงที่นั่งบนนั้นมองลงมายังใครก็ตามที่พวกเขาออกคำสั่งให้มา

โทมัส บัลวัน นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวกลาง กำลังตรวจสอบก้อนหินสีดำอย่างละเอียด จากนั้นเขาก็ลดมือลงและมองไปยังรองสารวัตรที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า

“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าบุตรนอกสมรสของริสไม่เพียงแต่พัฒนาตันเถียนก่อนอายุสิบสี่แต่ทั้งยังครอบครองธาตุมืดอีกงั้นรึ?”

“ขอรับนายท่านอัครบิดร ตอนที่เด็กนั่นทดสอบหินฟารอสข้าเองก็อยู่ที่นั่นด้วย”

โทมัสคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า

“ข้าตัดสินใจแล้ว ห้ามใครหน้าไหนยุ่งกับเจ้าเด็กนั่นเป็นอันขาด ข้าจะดูว่าเขาจะไปได้อีกสักกี่น้ำ เจ้าเข้าใจใช่ไหม ริส? ข้าไม่อยากเห็นกลอุอายอะไรลับหลังข้าอีก”

ริสนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ โทมัสและด้วยคำพูดของผู้เป็นพ่อ เขาจึงยืนขึ้นและโค้งคำนับ

“เข้าใจขอรับท่านพ่อ”

จากนั้นโทมัสก็โบกมือ “จบการประชุม เจ้าไปได้”

เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนต่างลุกขึ้นและโค้งคำนับ ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ วิลเลียมรู้สึกโล่งใจกับคำพูดของอัครบิดรขณะที่เขากำลังกลับไปยังเขตนอก อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลบัลวันที่มีความสุขกับการจัดการนี้นัก

ในอีกห้องหนึ่งในเขตใน

ปั้ง!

ริสพังโต๊ะตัวหนึ่งที่ทั้งแพงและใหญ่เป็นเสี่ยง ๆ

‘เวรเอ้ย เจ้าเด็กนั่นเป็นลูกข้า ฉะนั้นข้าย่อมได้ทุกอย่างที่ข้าต้องการจากเขา’

เขามองซากโต๊ะที่พังทลายและเพ่งสายตาไปที่นั่น ทันใดนั้นไฟก็ลุกไหม้โต๊ะและหลงเหลอเพียงเถ้าถ่านในพริบตา บนหน้าของริสมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดออกมาซึ่งทำให้เขารู้สึกโกรธมากกว่าเดิม

‘ใครจะคิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะโตไวขนาดนี้ เวรจริง ๆ ลูกของหญิงโสเภณีคนนั้นต้องอ่อนแอกว่าลูกที่รีเบ็คก้าสิ’

เขานั่งลงบนเบาะรองนั่งเพื่อสงบสติอารมณ์ ริส บัลวัน คือคนที่อ่อนแอที่สุดของตระกูล เนื่องจากเขามีทุกอย่างที่ต้องการโดยที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาเลย

อย่างไรก็ตาม ลูกหลานในสายเลือดของเขากับรีเบ็คก้าภรรยาผู้เสียชีวิตไปกลับมีท่าทีที่ไร้กังวลและไม่เต็มใจที่จะใช้เวลาไปกับการฝึกฝนมากเกินไป

ริสล้มเลิกความคิดที่จะสืบทอดตำแหน่งจากพ่อของเขาไปแล้วเนื่องจากพี่ชายสองคนของเขาเป็นผู้สมัครที่เพรียบพร้อมกว่า เขารับไม่ได้ที่ลูกนอกสมรสของเขาจะกลายเป็นบุคคลสำคัญในตระกูลในขณะที่ลูก ๆ ของเขาทำไม่ได้

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาของเขาจะเริ่มลุกโชนเป็นประกายอีกครั้ง

‘ข้าทำร้ายเจ้าไม่ได้ แต่ที่มั่นใจคือเจ้าจะไม่มีวันภักดีต่อตระกูล จากนั้นข้าจะรออย่างอดทนในวันที่เจ้าพลาด ข้ารอที่จะเห็นท่าทางที่น่าสังเวชของเจ้าตอนหนีจากผู้พิทักษ์ของเราไม่ไหวแล้ว’

เขายืนขึ้นและตะโกนลั่นออกมา

“เวย์น ข้าจะไปเขตนอก ฝากดูแลลูกข้าด้วย”

ผู้พิทักษ์คนหนึ่งปรากฏตัวและคุกเข่าลุกบนพื้นข้างหนึ่ง

“ขอรับนายท่าน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด