ตอนที่แล้วตอนที่ 67 รอยยิ้มที่หายไปของเลฟอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 69 ไม่คาดคิด

ตอนที่ 68 เสียงเรียกของราชินีนิมฟ์


ตอนที่ 68 เสียงเรียกของราชินีนิมฟ์

ในขณะเดียวกันในที่พักของเลฟอน บนเตียงโลหะอันเย็นยะเยือก ร่างของราชินีนิมฟ์ที่นอนเปลือยเปล่า บาดแผลบนหน้าท้องเลือดสีเขียวได้หยุดไหลแล้ว เธอพยายามที่จะใช้แรงทั้งหมดในการกระชากโซ่เหล็กให้ขาดแต่มันก็ไม่มีร่องรอยว่าจะพังให้เธอเลยแม้แต่น้อย

ตูม! บูม!

เสียงการต่อสู้ที่ด้านนอกก็ดังมาอยู่เป็นระยะ เธอรู้ว่าถ้าไม่สามารถหนีออกไปได้ในตอนนี้ เมื่อเลฟอนกลับมาเธอคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว

แต่แล้วอยู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งตรงเข้ามาที่พักเธอจึงรีบแกล้งหลับตาลงในทันที

นิมฟ์สองพี่สาวตรงเข้ามาเปิดประตูที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 เมตร โดยมีนิมฟ์สาวตนอื่น ๆ ช่วยกันผลักดันเปิดประตู เมื่อพวกเธอเห็นราชินีนิมฟ์ที่ตอนนี้นอนสลบอยู่ด้านบน ทุกคนก็น้ำตาไหลทันทีเพราะราชินีนิมฟ์ยังไม่ตาย

“ท่านราชินีนิมฟ์” ทั้งหมดรีบเสียงราชินีนิมฟ์ด้วยความเป็นห่วง

“พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” เมื่อราชินีนิมฟ์ที่ได้ยินเสียงของนิมฟ์ทั้งหลายก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที เธอดีใจเป็นอย่างมากที่ยังมีนิมฟ์ในเผ่าของตนรอดชีวิตและยังหนีออกมาช่วยเธอได้

“ท่านราชินีเรื่องนั้นเดียวพวกเราจะเล่าให้ท่านฟังทีหลัง แต่ตอนนี้เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อน”

“โซ่นี่แข็งแกร่งมาก ต้องใช้กุญแจรีบช่วยกันหา”

“เจอแล้ว...”

ทุกคนรีบช่วยกันปลดล๊อคโซ่และกุญแจจากนั้นก็พาราชินีนิมฟ์ที่บาดออกจากที่พักของเลฟอนในทันที โดยมีผ้าผืนใหญ่ที่หาได้ในห้องคลุมร่างกายที่เป็นเหมือนกับอัญมณีไว้ภายใน

พวกเธอรีบวิ่งไปตามเส้นทางที่ไม่มีแม้แต่เงาของยักษ์เถื่อนเฝ้าอยู่ เนื่องมาจากว่าทุกตนนั้นไปรวมกันอยู่ที่ไนเรล

จนมาถึงที่กำแพงก็มีนิมฟ์สาวสวยอีกหลายตนได้เตรียมทางลงไว้แล้ว

หลังจากนั้นทั้งหมดก็พากันหนีเข้าไปในป่าที่มืดมิดยามค่ำคืน แต่ดูเหมือนราชินีนิมฟ์นั้นจะไม่ไปต่อไม่ไหวแล้ว

“พวกเจ้าพาข้าไปที่ต้นไม้ต้นนั้น” ราชินีนิมฟ์ชี้ไปที่ต้นไม้ที่ใหญ่และสูงที่สุด มันสูงกว่า 500 เมตร ความกว้างของมันนั้นไม่ต้องพูดถึง

นิมฟ์สาวทุกตนค่อย ๆ วางราชินีนิมฟ์ลงอย่างเบามือด้วยกลัวว่าเธอจะเจ็บแผลที่หน้าท้อง

ตอนนี้แผลเหล่านั้นได้มีเลือดซึมไหลออกมาแล้วจากการที่ถูกเคลื่อนย้ายอย่างกะทันหัน

“ท่านได้ยินข้าหรือไม่...” ราชินีนิมฟ์สัมผัสไปที่ต้นไม้นั้นอย่างอ่อนโยนราวกับว่าเธอกำลังพูดกับผู้อาวุโสอยู่

นิมฟ์ทั้งหลายที่เห็นดังนั้นก็พากันคุกเขาลงไปแล้วจับไปตามรากไม้และผืนดิน พร้อมทั้งอธิษฐานบางสิ่งไปด้วย

ต้นไม้ใหญ่ที่เหมือนจะมีความรู้สึกขึ้นมาอย่างช้า ๆ มันรับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่เป็นเหมือนกับลูกหลานของตน

ทันใดนั้นลำต้นใบ กิ้งก้านและใบของมันก็สั่นไหวไปมาราวกับเป็นการตอบรับเสียงเรียกของราชินีนิมฟ์ ไม่เพียงแม้แต่ต้นไม้สูงใหญ่นี้ แต่มันรวมถึงต้นไม้บริเวณรอบกระจายออกไปเรื่อย ๆ

ว่ากันว่ารากของต้นไม้นั้นมีกระแสไฟฟ้าที่ถ่ายทอดกันไปจากต้นสู่ต้นเป็นเหมือนดังเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ที่มีพลังชีวิตมหาศาล นี่คือสิ่งที่มนุษย์ยังคงศึกษาและวิจัยมาหลายยุคหลายสมัย

เพราะพวกเขาเชื่อว่าพืชก็เป็นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตมีจิตสำนึกเป็นของตน

ถ้านักวิจัยได้มาเห็นสิ่งนี้พวกเขาจะต้องยิ้มจนน้ำตาไหลออกมาอย่างแน่นอนเพราะสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นถูกต้อง

“ได้โปรดช่วยข้าด้วย” ราชินีนิมฟ์พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดขาวจนออกสีน้ำตาลโดยเสียงที่เปล่งออกมานั้นแหบแห้งดังใบไม้ในหน้าหนาว พร้อมกับจับไปที่หน้าท้องของตนเอง เธอพยายามประครองสติให้ได้มากที่สุด

ดูเหมือนว่าเสียงของราชินีนิมฟ์นั้นจะได้รับการตอบรับจากต้นไม้ยักษ์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ต้นไม้สูงใหญ่ยอมที่จะเสียสละต้นเองให้พลังชีวิตทั้งหมดถ่ายทอดผ่านมือและร่างที่สัมผัสอยู่ของราชินีนิมฟ์ไปอย่างอ่อนโยน

สำหรับการเสียสละของต้นไม้ในครั้งนี้มันไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่นอยเพราะสิ่งที่มันทำก็เพื่อลูกหลานและพันธะที่ผูกมัดต่อธรรมชาติของมัน

แผลที่หน้าท้องของราชินีนิมฟ์ที่ตอนนี้ค่อย ๆ สมานตัวเองอย่างช้า ๆ ใบหน้าของเธอมีแสงสีเขียววิ่งผ่านเป็นบางครั้ง พร้อมกับที่ใบไม้ต้นใหญ่ค่อย ๆ แห้งเหี่ยวร่วงหล่นลงทีละใบอย่างช้า ๆ

ในขณะที่ราชินีนิมฟ์ที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวเองอย่างช้า ๆ เหตุการณ์อีกด้านก็เข้ามาถึงจุดเดือด เพราะหลังจากที่เลฟอนประติดประต่อเรื่องทั้งหมดเขาก็รู้ว่า ราชินีนิมฟ์นั้นหนีออกไปแล้วไม่อย่างนั้นไนเรลไม่มีทางบอกใบ้ให้เขาอย่างแน่นอน

เลฟอนที่ตอนนี้เข้าใจทุกอย่างได้แล้วก็รู้สึกโกรธมากที่ตลอดเวลาตนวิ่งวนอยู่ในฝ่ามือของไนเรลมาตลอด

เริ่มจากแผนตัวล่อนกต่ออย่าง เงา มันก็คิดว่าไนเรลจะต้องไปช่วยราชินีนิมฟ์ แต่ไนเรลกับไม่ไปตามที่มันคิด เพราะเขากลับมาที่คลังเสบียงอาวุธอาละวาดทำลายทุกอย่าง

จนเขาคิดว่าไนเรลเป็นเพียงคนโลภมากแค่จะมาปล้นของ

เลฟอนจึงรีบพาพวกที่ซุ่มอยู่ออกมาจับไนเรลทันที และไนเรลก็คือตัวล่อที่สอง และให้นิมฟ์ที่อ่อนแอพวกนั้นไปช่วยราชินีนิมฟ์แทน

ศัตรูจะต้องรู้จักมันเป็นอย่างดีแน่นอนแต่ในกลับกันมันไม่รู้เลยว่าศัตรูคนนี้เป็นใครกันแน่

“เจ้าเก่งมาก แต่แล้วอย่างไรตอนนี้เจ้าก็หนีไปไม่พ้นแล้ว” เลฟอนกัดฟันกล่าวกับไนเรล

“เรื่องนั้นมันก็ไม่แน่” ไนเรลที่ตอนนี้เหมือนกับมีแรงฮึดขึ้นมาจนไม่เหมือนกับคนที่ได้รับบาดเจ็บจนมีสภาพที่น่าสมเพชเลยแม้แต่น้อย

เลฟอนมองไปที่ไนเรลด้วยสายตาที่เย็นชาอีกครั้ง “งั้นการต่อสู้ที่ผ่านมาก็เป็นเพียงแค่การแสดงสินะ”

“ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็จริงที่มันคือการแสดงบางส่วนเพื่อให้นายคิดว่าจะจัดการฉันได้” ไนเรลพูดออกไปตรง ๆ ไม่ได้ปิดบังอะไร

เลฟอนที่ได้ยินไนเรลยอมรับออกมาตรง ๆ มันก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก มันคิดว่าถ้าจับไนเรลได้มันจะฉีกร่างของเขาจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก ไม่สิแบบนี้ตายง่ายไปมันจะตัดแขนตัดขาแล้วทำให้ไนเรลกลายเป็นสัตว์ทดลองไปตลอดชีวิตที่น่าสมเพชนั้น

“จับมันมาจับเป็นก็ได้ตายก็ได้” เลฟอนสั่งออกไปทันที มันคิดว่าถึงราชินีนิมฟ์จะหนีไปแล้ว แต่มันจะไปสนทำไมในเมื่อไนเรลยังอยู่ที่นี่ สำหรับเลฟอนไนเรลมีค่ากว่าราชินีนิมฟ์มากนัก

ไนเรลที่มองไปยักษ์ยักเถื่อนที่โจมตีเขาอย่างเต็มที่โดยไม่สนว่าไนเรลจะเป็นหรือตาย เขาก็เก็บของทั้งหมดในตัวเข้าไปในเงาและกล่าวออกมา “แกรู้ไหมว่าทำไม...ฉันถึงยังไม่หนีไป”

“ไม่รู้และก็ไม่จำเป็นต้องสนเพราะอีกเดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ายอมพูดทุกอย่างที่ข้าอยากรู้เอง” เลฟอนตรงเข้าจัดการกับไนเรลเช่นเดียวกับยักษ์เถื่อขั้นที่ 4 ตนอื่น ๆ ในทันที

ตูม! บูม!

การปะทะกันนั้นรุนแรงอย่างมาก แต่ยังไม่ทันที่ทุกตนจะได้ตอบสนองอยู่ ๆ ในเรลที่อยู่ในร่างของไททันก็เริ่มขยายใหญ่อีกครั้ง

“ไม่จำเป็นนั้นก็จริงนั้นและ เพราะแกจะต้องตายอยู่แล้ว คำราม!!!!!!!!!!!!!!!”

เลฟอนที่ได้เห็นว่าไนเรลกลายร่างเป็นมังกรมันก็ถึงกับหน้าซีดไปในทันที

“มังกร...ไม่ใช่ก็แค่สัตว์ชั้นต่ำอย่างกิ้งก่า” เลฟอนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมังกรตามบันทึกเก่าแก่ของเผ่าพันธุ์ แต่เมื่อสังเกตุดูก็รู้ว่ามันเป็แค่การรวมตัวของความสามารถกลายร่างหลาย ๆ แบบก็เท่านั้น

มันที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งดีใจ ดีใจที่ตนเดาถูกว่าไนเรลมีความสามารถมากกว่าหนึ่ง

หนึ่งมนุษย์ชั้นสูง 1 ความสามารถ แต่ไนเรลกับเป็นหนึ่งมนุษย์ชั้นสูงหลายความสามารถที่แตกต่างกัน บนตัวเขาจะต้องมัความลับอย่างแน่นอน

แต่ก่อนที่เลฟอนจะได้ดีใจไนเรลที่กลายร่างเป็นมังกรยาวกว่าร้อยเมตรก็พุ่งตรงโจมตีมาที่มันโดยตรง

“มาให้ข้ากินซะดี ๆ” เสียงของไนเรลที่ดังก้องอยู่ในหูของยักษ์เถื่อนทุกตนที่สลับฝั่งกันจากที่พวกมันเป็นยักษ์ตอนนี้ได้กลายเป็นไนเรลที่เป็นกิ้งก่ายักษ์ไปแล้ว

อ๊ากกก!

ในท่างที่เข้าพุ่งโจมตีมาที่เลฟอน ยักษ์เถื่อนขั้นที่สามที่โดนเยียบและกดด้วยน้ำหนักตัวหลายร้อยตันของไนเรลก็พากันร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ร่างกายและอวัยวะภายในจะถลักออกมาจากทวารทั้ง 7 ของร่างกาย

“ถอยออกมา รีบไปเอาเครื่องยิงธนูและศรดำมาเร็ว”

“คุ้มกันท่านเลฟอน อ๊ากก!”

“ใช้ไฟโจมตีไปที่ขาของมัน”

ยักษ์เถื่อนที่ตอนนี้ตกอยู่นความโกลาหลไปหมด พวกมันพยายามโจมตีผ่านเกล็ดของไนเรลแต่มันก็ไม่เป็นผล

เลฟอนเองก็ถอยหนีอย่างสุดชีวิตเช่นกัน เพราะถึงแม้จะบอกว่าไนเรลจะไม่ใช่มังกรจริง ๆ

แต่พอเขาใช้ความสามารถนี้รวมกับความสามารถต่าง ๆ ก็ทำให้ไนเรลสามารถสู้ข้ามระดับได้ถึงหนึ่งขั้น ซึ่งเขาคงสามารถรับมือกับยักษ์เถื่อนขั้น 5 ที่พึ่งก้าวผ่านระดับไปได้อย่างสูสีแน่นอน

ดังนั้นเลฟอนรู้ว่าตัวเขาไม่สามารถสู้ได้อย่างแน่นอนแต่นั้นก็ไม่เป็นไรเพราะเขายังมีอาวุธอีกอย่างอยู่ ศรดำที่ไว้จัดการกับสัตว์กลายพันธุ์ขนาดยักษ์

เครื่องยิงธนูที่สูงกว่า 6 เมตรยาวกว่า 20 เมตรถูกยักษ์นับ 10 ตนลากออกมามันมีถึง 2 เครื่องด้วยกัน

ศรดำที่ยาวกว่า 15 เมตรถูกบรรจุลงในรางยิงพร้อมกับที่เล็กเปล้ามาที่ไนเรล ที่ซึ่งมองไปที่ศรดำเหล่านั้น

“บัดซบศรดำ” ไนเรลที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับสบถออกมา พวกมันดันมีศรดำที่น่ากลัวนั้นซะได้ แต่ก็ไม่แปลกเพราะเลฟอนเป็นถึงองค์ชายของเผ่าอัคคีการที่จะมีของแบบนี้ได้ก็เป็นเรื่องปกติ

“ไม่ได้การแบบนี้ทุกอย่างที่ทำมาจะต้องล้มเหลวไม่เป็นท่าแน่นอน” ไนเรลไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นได้แน่นอนเขาจะต้องรีบค่าเลฟอน เพราะไม่งั้นแม้แต่ตัวของเขาก็หนีไม่รอด

ฟิ้ว!!!

เสียงของศรดำที่ยิงมาโดยมีเปลวไฟอบไร้โดยรอบ ยิงออกมาด้วยความเร็วที่สามารถฉีกอากาศได้ตรงมาหาไนเรลในทันที

ตัวเขารีบกระโดดเข้าไปในเงาเพื่อหลบลูกศรเหล่านั้น แต่เพราะตัวของเขาที่ใหญ่มันจึงตกเป็นเป้าได้อย่างง่ายดาย

บูม!!! ลูกศรดำที่ไม่มีเป้าหมายก็ชนเข้ากับปากหลุมขนาดใหญ่จนดินนั้นถล่มลงมาอย่างน่ากลัว

ฟิ้ว!!! แต่ยังไม่ทันไรลูกที่สองก็ยิงมาแล้ว ในเรลใช้ความสามารถเดิมอีกครั้งในการหลบลูกศร

ถ้าเป็นแบบนี้พลังงานในเซลล์ของเขาได้หมดก่อนแน่

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรก็มียักษ์อังครักษ์ทั้งสองตน คือลาโกและเพื่อนกระโดดขึ้นมาบนหลังของไนเรลและใช้ดาบที่หามาใหม่ (อาวุธคู่กายโดนไนเรลขโมยไปแล้ว) แทงไปที่เขา

เคร๊ง ๆ!!!!!!!!

เสียงมันของดาบและเกล็ดกิ้งก่ากระทบกันเหมือนกับเสียงของโลหะ ไนเรลที่เห็นแบบนั้นก็กลางปีกขนาดใหญ่ของตนบินขึ้นสู่องฟ้าในทันที

“ซวยแล้ว” ลาโกและยักษ์เถื่อนอีกตนที่ตอนนี้อยู่บนของไนเรลมันพากันเกาะตัวของไนเรลแน่นไม่เพราะกลัวที่จะตกลงไป

แรงกระพือบีกของไนเรลทำให้ยักษ์เถื่อนตนยืน ๆ ที่ยังเหลือรอดอยู่พากันหมอบลงหลบแรงลมด้วยกลัวว่าตนจะปลิ้ว

“ยิงมันให้ล่วง” เลฟอนที่ตอนนี้สั่งการเครื่องยิงธนูทั้งสองให้สอยไนเรลให้ได้

ฟิ้ว!!!

ธนูดำที่ลอบยิงมาหาไนเรลที่พยายามจัดการกับยักษ์เถื่อนบนหลังของตนอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ทันได้ระวังโดนยิงเข้าไปที่ข้างหลังอย่างแรง

“อ๊ากกก!!!”

แม้แต่เกล็ดที่อยู่ในบริเวณนั้นก็หลุกกระจุยกระจายออกในทันที พร้อมกับเลือดที่ไหลออกไปเป็นทางโชคดีที่ดูเหมือนว่าทหารยักษเถื่อนที่เป็นคนยิงจะพลาดเป้าไปเล็กน้อยทำให้ศรดำแค่ถาก ๆ เขาไป

ไนเรลที่เจ็บปวดจากการโดนยิงก็หันไปมองที่เครื่องยิงธนูและเลฟอนที่อยู่บริเวณนั้นด้วยความโกรธ

เขาที่บินโฉบลงมาจากท้องฟ้าไปทิศทางนั้นทันที

เมื่อเข้ามาใกล้ในเรลก็ใช้ความสามารถ [เพลิง A] ของตนแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่เบื้องล่างให้กลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมกับยักษ์เถื่อนขั้นสามจำนวนมาก ที่แม้แต่เกาะของพวกมันก็เริ่มละลายจนต้องวิ่งหนีกันไปคนละทาง

แรงของไฟที่พ่นออกมายังพุ่งตรงไปที่เครื่องยิงธนูที่ตอนนี้ยักษ์เถื่อนที่ประจำการยิงอยู่ก็วิ่งหนีไปแล้ว เหลือแต่เลฟอนที่ไม่ยอมแพ้

ใส่ลูกศรดำลงมือเล็งยิงไปที่ไนเรลด้วยตนเอง

“เข้ามา...” เลฟอนที่ตะโกนออกมาพร้อมกับใช้พลังเพลิงของตนอัดใส่ไปในลูกศรยิงออกไปสุดแรง โดยมีไนเรลที่ตอนนี้ก็ไม่สนแล้วเช่นกันตรงเข้าไปหาเลฟอนหมายจะกลืนกลินให้ได้

ฟิ้ว!!! บูม!!!

เสียงของลูกศรดำที่ถูกยิงออกไปและเปลวไฟที่พร้อมด้วยตัวของไนเรลที่บินพุ่งชนไปที่เลฟอนปะทะกันอย่างแรงจนแม้แต่แผ่นดินก็ยังสั่นสะเทือน

พิ้นดินโดยรอบยุบลงในทันที ปากหลุมขนาดใหญ่ที่พวกยักษ์เถื่อนใช้เป็นทางผ่านเข้าออกก็ยังเกิดรอยร้าวเหมือนจะถล่มลงมาได้ทุกขณะ

ซึ่งทุกสิ่งที่เกิดมันใช้เวลาแค่ครึ่งลมหายใจเท่านั้นจนเหมือนเวลาจะหยุดลงไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด