ตอนที่แล้วระบบใช้จ่ายตอนที่199
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบใช้จ่ายตอนที่201

ระบบใช้จ่ายตอนที่200


บทที่ 200: การประชุมตระกูล (ตอนที่2)

“หงต้าหลี่ นายวางแผนที่จะฆ่าฉันเหรอ!” หงอันเปาอิจฉาริษยาหงต้าหลี่ตั้งแต่แรกแล้ว เขารู้สึกอิจฉาครอบครัวของหงต้าหลี่ที่คอยสนับสนุนเขาอยู่ตลอดเวลา การได้รับการปรนเปรอจากครอบครัวและคอยเป็นห่วง มักจะทำให้ใครบางคนไม่พอใจ ในที่สุดเขาก็พบโอกาสแบบนี้ที่จะวางแผนทำให้หงต้าหลี่เสียหน้า ดังนั้นเขาจึงร้องไห้ออกมาราวกับว่าเขาไปงานศพและร้องไห้เสียใจ “โอ้ ไม่นะ หงต้าหลี่ แม้ว่านายจะดูถูกฉัน แต่นายกล้าทำร้ายรุนแรงกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินเสียงพูดของหงอันเปา ลูกหลานหรือญาติในตระกูลก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะมารวมตัวกันและพูดว่า

"เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น? มีอะไรกัน?"

“ดูเหมือนว่านายน้อยต้าหลี่จะพยายามทำร้ายหงอันเปา”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะสุขภาพของท่านนายน้อยต้าหลี่อ่อนแอมาโดยตลอด ทำไมหงอันเปาถึงล้มแทนล่ะ?”

“คุณไม่เข้าใจเหรอ? บางทีเรื่องแบบนี้มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ”

ญาติ ๆ ทุกคนมีเหตุผล พวกเขาต่างพูดเจาะจงถึงความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น

“ฮิฮิ ดูเหมือนว่าท่านนายน้อยต้าหลี่จะรู้สึกมึนงงกับสิ่งที่หงอันเปาทำ ฉันได้ยินมาว่าเขาพาเด็กผู้หญิงมาด้วยตอนงานวันเกิดเขาด้วยแหละนะ”

“ถูกต้อง ฉันได้ยินมาว่ายังมีลี่เนียนเหว่ยที่อยู่กับเขาด้วย ดู ๆ แล้วเขาคงเตรียมสร้างฮาเร็มแน่ ๆ”

“วันนี้เขาปะทะกับหงอันเปา เห้อ เขาทระนงตัวขนาดนั้นเลยเหรอ? ทั้งยังกล้าทำเรื่องวุ่นวายที่นี่ด้วยซ้ำ”

“ใครบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้นกัน? คุณไม่เคยได้ยินหงอันเปาพูดหรือว่าท่านนายน้อยต้าหลี่ดูถูกเหยียดหยาม เฮ้อ ต้าหลี่มีภูมิหลังครอบครัวที่ดีก็จริง แต่ถึงเขาจะคิดแบบนั้น ในใจเขาก็ไม่ควรทำแบบนั้น คุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?”

“เฮ้อ รอชมละครสนุก ๆ วันนี้กันดีกว่า”

“การตั้งใจชนใครบางคนในห้องประชุมใหญ่ก็ดูท่าว่าจะสร้างเรื่องแน่นอน”

หงอันเปาไม่ลืมที่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับไฟ “อัยยา ต้าหลี่ ดูสิ่งที่นายทำกับฉันสิ นายรอดูเลย อย่างน้อยนายก็ควรขอโทษฉัน แล้วฉันจะเงียบและไม่รายงานต่อผู้อาวุโสใหญ่ ถ้าไม่ จากการกระทำที่นายทำร้ายฉันเมื่อกี้ก็หมายถึงว่านายอาจจะถูกตัดสิทธิ์ในการได้รับเลือกให้เป็นทายาทคนใหม่ของตระกูล อัยยา เอวฉัน เจ็บจริง ๆ เลย”

บรรดาญาติ ๆ ที่มารวมตัวกันกำลังเม้าส์คุยกันอย่างดุเดือด แต่หงต้าหลี่ก็ไม่โกรธพวกเขา ตระกูลเดียวกัน แต่มีคนหลายประเภท เป็นเรื่องธรรมดาที่บางคนจะขี้อิจฉาริษยา ผู้ที่ไม่อิจฉาใครก็ถือว่าเป็นคนปกติ เขาเลยไม่ได้สนใจ

คนที่เขาโกรธจริง ๆ คือ หงอันเปา คน ๆ นี้ หงต้าหลี่โกรธมาก โกรธจนต้องต่อต้านเขาทุกครั้งที่ทำได้ หงอันเปาวางกับดักให้เขาตกหลุมพรางในวันนี้ก็เช่นกัน

การมีปัญหาในครั้งนี้ เขาก็ยังไม่พอใจเหรอ?

เขาคงคำนวณสิ่งต่าง ๆ ไว้แล้ว คิดไว้แล้ว เขาคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามตรงนี้ ดังนั้นจึงต้องขอโทษเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะพูดว่าเขาโดนหงต้าหลี่ทำร้ายร่างกายและหงต้าหลี่ก็จะไม่ได้สืบสกุล หมายถึงการเสียสิทธิ์ในการชิงตำแหน่งทายาทรุ่นใหม่?

ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ได้วางแผนทุกอย่างไว้อย่างดีและเขามีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น คือขอโทษหรือถูกตัดสิทธิ์ออกไป

เมื่อพิจารณาจากสีหน้าอวดดีของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ฉันเสียหน้าต่อหน้าทุกคน!

เก่งชิบxาย ฉันมันอัจฉริยะ! ฉันไม่เคยต้องการเป็นทายาทรุ่นใหม่มาตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เขามีทางไปแน่นอน!

แล้วการประชุมตระกูล ทำไมฉันถึงต้องสนใจด้วยล่ะ? ฉันมาวันนี้เพื่อขอลา!

ฉันไม่สนใจที่จะเสียเปรียบสักนิด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันเป็นคนขี้ขลาด! เขากล้าทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ฉันจะปล่อยให้มันทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้!

ถึงจุดนี้ หงต้าหลี่ก็ตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา เขาหันกลับไปคว้ากีวีจากโต๊ะประชุมแล้วโยนไปที่หงอันเปา “ใช่ วันนี้ฉันดูถูกนาย แล้วนายจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ!”

เขาอยากจะตีหงอันเปา แต่สุดท้ายเขาก็ลืมไปว่ามือและขาของเขาไม่ได้ว่องไวอย่างที่คิด กีวีที่เขาขว้างไปก่อนหน้านี้มันพุ่งเข้าไปโดนใบหน้าของญาติที่ยืนอยู่

คนนั้นเป็นคนที่อยากดูโชว์ที่หงอันเปาและหงต้าหลี่ปะทะกัน

บังเอิญว่ากีวีที่หงต้าหลี่โยนไปนั้นเป็นผลไม้สุกและโดนใบหน้าของเขา ทำให้กีวีเละและเนื้อของผลไม้รวมทั้งน้ำผลไม้ก็ไหลลงมาที่ใบหน้าของคนนั้น

สักพักทั้งห้องประชุมก็เงียบมากจนได้ยินเสียงเข็มหมุดนาฬิกาโดยที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

อาจเป็นไปได้ว่านอกจากหงต้าหลี่แล้ว ยังไม่มีใครกล้าก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ในห้องประชุมของตระกูลนับตั้งแต่มีการใช้กฎนี้

หลังจากหายจากความสับสนเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มีใครบางคนที่ทนไม่ได้อีกต่อไปและอุทานด้วยความโกรธ “ต้าหลี่ แกกล้าทำร้ายท่านนายน้อยเซียงเฟยได้ยังไง!”

ไม่จำเป็นต้องพูด คนที่โดนกีวีปาใส่หน้า ชื่อว่า หงเซียงเฟย

เมื่อเห็นว่าหงต้าหลี่กล้าที่จะโจมตีจริง ๆ หงอันเปาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาเพียงต้องการที่จะจัดการกับเขาแบบตัวต่อตัวเพื่อเตือนไม่ให้เขาต่อสู้และแย่งตำแหน่งทายาทรุ่นใหม่ แต่เขาไม่คิดว่าหงต้าหลี่จะกล้าโจมตีเขาจริง ๆ!

หลังจากที่เขาตอบโต้ ในที่สุดหงอันเปาก็อุทานอย่างโกรธเกรี้ยว “หงต้าหลี่ แกกล้าดียังไง! แกถึงกับกล้าปากีวีใส่ท่านนายน้อยเซียงเฟยเลยเหรอ! นายน้อยเซียงเฟย ท่านจะปล่อยให้เขาทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ!”

“แกกล้าทำร้ายฉันสินะ!” อย่างที่พูดไป สองมือย่อมต้องดังกว่า ท่านนายน้อยเซียงเฟยที่ถูกกีวีปาใส่หน้าก็ตกตะลึง เนื่องจากเขายังเด็กอยู่ อายุประมาน 17-18 ปี เป็นวัยที่เขากล้าและไม่สามารถเสียหน้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาโดนหงต้าหลี่ปากีวีใส่หน้าต่อหน้าทุกคนและหงอันเปาก็ยุยง เขาจึงไม่สามารถปล่อยหงต้าหลี่ได้ ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปคว้าส้มและโยนไปที่หงต้าหลี่!

ในอดีตคะแนนสถานะของหงต้าหลี่ยังไม่เต็ม เขาจึงหลีกเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาแตกต่างไปจากเดิม ความว่องไวและความเร็วในการตอบสนอง 100 คะแนน คิดว่าเขาไม่สามารถหลบส้มได้เหรอ?

ดังนั้นหงต้าหลี่จึงหลบส้มที่ลอยมาได้อย่างง่ายดายและจากนั้นคนที่อยู่ข้างหลังเขาก็กลายเป็นฝ่ายโชคร้ายแทน

“หงเซียงเฟย ฉันทนกับแกมานานแล้ว! ในเมื่อกล้าทำร้ายฉัน อย่าหาว่าฉันหยาบคายละกัน ฉันแน่ใจได้ว่าแกจะต้องชดใช้!” ทายาทรุ่นใหม่ที่โดนส้มปาใส่ก็หมดความอดทนเช่นเดียวกับนายน้อยต้าหลี่ที่เป็นคนเริ่มก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ว่าอะไรต้าหลี่เลย!

พอเป็นเช่นนั้น เขาจึงคว้ากล้วยแล้วปากลับไป

การต่อสู้นี้ทำให้ทุกคนหาฝั่งว่าจะเชียร์ใครอย่างเมามัน เพราะมีผลไม้มากมายอยู่รอบ ๆ

ดังนั้นแอปเปิ้ลและส้มจึงปากันไปมาและเครื่องดื่มก็เละเทะกระจัดกระจายและในไม่ช้าห้องประชุมทั้งหมดก็เต็มไปด้วยผลไม้และเครื่องดื่มหลากหลายประเภทและขวดน้ำผลไม้ก็เขวี้ยงกันไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

มีบางคนที่โดนโจมตีหลายครั้งแล้วถึงกับทนไม่ได้จนต้องดึงแขนเสื้อขึ้นเพื่อกลับไปต่อสู้อย่างจริงจัง

เมื่อถึงจุดนี้ ทุกคนลืมไปเลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นอย่างไรและหงอันเปาก็ตัดสินใจที่จะปลุกปั่นความวุ่นวายให้มากขึ้นโดยใช้บทบาทของเขาในฐานะผู้ยุยงอย่างเต็มที่ ในขณะที่เขาขว้างแอปเปิ้ล,ส้มและสิ่งต่าง ๆ ที่ทุกคนเห็น ห้องประชุมใหญ่ที่เป็นระเบียบเรียบร้อยในตอนแรกกลายเป็นเหมือนตลาดสดที่เต็มไปด้วยเสียงวุ่นวาย

ในขณะที่เกิดความวุ่นวายข้างในห้องประชุม ถังมู่ซินและลี่เนียนเหว่ยที่รออยู่ข้างนอกไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เมื่อได้ยินเสียงดังจากข้างใน ถังมู่ซินก็รู้ว่ามีการต่อสู้กันข้างในห้องประชุมนั้น อย่างไรก็ตามทั้งสามคนไม่สามารถเข้าไปในห้องได้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโทรหาคนขับรถของหงต้าหลี่ นั่นก็คือหวังหมิงหยูทันที “ลุงหวังมีปัญหาแล้ว! ต้าหลี่กำลังสู้กับคนข้างในห้องประชุม!”

หวังหมิงหยูที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในขณะนี้ก็ลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหงต้าหลี่ในระหว่างการประชุมตระกูลนั่น มันจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอนและไม่มีใครสามารถแบกรับผลที่ตามมาได้ อย่างไม่ลังเล เขาร้องเรียกทันที “ท่านนายน้อยกำลังมีปัญหา ทุกคนตามฉันมา!”

แต่ก่อนพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปในสถานที่ห้องประชุมของตระกูลหง อย่างไรก็ตามความรู้สึกของพวกเขาตอนนี้ต่างออกไป ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ติดตามและคนขับรถหวังหมิงหยูเต็มใจที่จะขายชีวิตให้แก่หงต้าหลี่ผู้เป็นเจ้านาย และตอนนี้ต้าหลี่ก็ถูกรังแกนั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาถูกรังแก หากไม่เลวร้ายไปกว่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงที่ดินของตระกูลหง แม้ว่าจะต้องผ่านด่าน แต่พวกเขาก็ยังต้องผ่านมันไปให้ได้ ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด คือ พวกเขาอาจจะโดนไล่ออก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้ชดใช้หนี้เพื่อเป็นการขอบคุณหงต้าหลี่

ทุกคนเดินลงบันไดด้วยความคึกคะนองและแม้แต่กีเซอร์หวังก็เดินตามพวกเขาและกระซิบว่า “ฉันจะไปด้วย บางทีฉันอาจจะมีประโยชน์ในช่วงเวลาที่วิกฤตแบบนี้”

“ดีมาก” หวังหมิงหยูรู้ว่าชายชราคนนี้มีความสามารถเพียงใด ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าจางไกและมู่ซีเซียวก็ต้องการไปเช่นกัน หวังหมิงหยูก็หยุดพวกเขาไว้ “คุณสองคน อย่าไปเลย ได้โปรดรอฟังข่าวอยู่ภายนอกจะดีกว่า”

จางไกและมู่ซีเซียวเห็นด้วยกับเรื่องนี้เมื่อลองคิดดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากตัวตนของมู่ซีเซียวนั้น เขาก็มีอิทธิพลอยู่บ้าง จึงไม่เหมาะที่เขาจะช่วยเหลือตระกูลหง อนิจจา เขาพูดอย่างเป็นห่วงว่า “งั้นนายต้องบอกพวกเรา หากมีอะไรเกิดขึ้น”

"ได้เลยครับ"

เมื่อมาถึงจุดนี้ หวังหมิงหยูที่เป็นผู้นำและพวกเขาทั้งหมดก็ไปขึ้นรถและขับรถตรงไปยังคฤหาสน์ตระกูลหง

เมื่อพวกเขาตื่นตระหนก พวกเขาก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใด ดังนั้นพวกเขาจึงขับรถด้วยความเร็ว 120 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนนที่มีความเร็วสูงสุดเพียง 50 ไมล์ต่อชั่วโมงในขณะที่พวกเขาวิ่งผ่านเมือง การเดินทางแต่เดิมใช้เวลา 20 นาที เมื่อรีบร้อนใช้เวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้น เมื่อมาถึงประตูหลักของคฤหาสน์ตระกูลหง ผู้ติดตามหลี่หยางก็ตะโกนใส่เครื่องส่งรับวิทยุ “พี่หวังประตูใหญ่ล็อค เราจะทำยังไง?”

"เราจะทำอะไรงั้นเหรอ?" หวังหมิงหยูไม่ได้คิดอะไรเลย เขาพูดออกมาว่า "ชนเข้าไป!"

หงต้าหลี่ยังคงอยู่ในการต่อสู้ เขาจะไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง? เพียงแค่ลงเรือก่อนและปกป้องคนอื่น!

ในตอนนี้ทางฝั่งหวังหมิงหยู เพียงแค่ประตูโลหะเก่าซึ่งเทียบไม่ได้กับความปลอดภัยของท่านนายน้อยต้าหลี่!

"รับทราบ!" ผู้ติดตามหลี่หยางถอยรถตั้งหลัก ในขณะที่เขาเหยียบคันเร่งอย่างหนักและขับรถพุ่งไปที่ประตูโลหะอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลหง “ลุงหวัง พี่ชายตามผมมา! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม อย่าลืมเผาเงินกระดาษให้ผมด้วย! โอ้ ใช่ เผารูปสาวสวยให้ฉันด้วย ถ้าทำได้!”

“นายพูดอะไรที่เป็นมงคลกว่านั้นไม่ได้แล้วเหรอ” หวังหมิงหยูตำหนิ “กลไกของประตูมีแผ่นเหล็กหนาสองเซนติเมตร! สร้างขึ้นเป็นพิเศษ! ชนไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่านายจะเคาะประตูนี้จนมันปลิวก็ตาม!”

“บ้าเอ้ย ทำไมไม่พูดก่อนหน้านี้!” ในตอนนี้หลี่หยางแสดงออร่าที่กล้าหาญไม่น้อยและตะโกนดัง ๆ ว่า “พี่น้องตามฉันมา!”

เครื่องยนต์สตาร์ทด้วยเสียงดังกึกก้องและรถเพลย์แองเจิ้ลที่เขาขับด้วยความเร็ว 180 ไมล์ต่อชั่วโมงก็พุ่งไปยังประตูโลหะขนาดใหญ่

เสียงกระแทกดังขึ้นและประตูโลหะที่ส่องแสงวิบวับในตอนแรกที่มีลวดลายหลายประเภทก็พังลง แม้แต่สลักประตูก็หัก ยามที่อยู่ใกล้ ๆ ก็แทบจะเหงื่อไหลท่วมตัว เนื่องจากพวกเขาทำได้เพียงจ้องไปที่รถสี่คันที่เร่งความเร็วและขับผ่านสายตาพวกเขาไป

แม้แต่หมวกของผู้คุมก็ปลิวไปตามลมจากรถที่ขับเข้ามาข้างในคฤหาสน์

หลังจากจ้องประตูที่โล่งไปแล้วเป็นเวลากว่าสามสิบวินาที ในที่สุดยามทั้งสี่ก็รวบรวมสติและติดต่อกับทีมองครักษ์ประจำตระกูลทันที อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงจุดนี้ จะเป็นไปได้เหรอที่พวกเขาจะสามารถจับผู้บุกรุกได้ทัน?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด