ตอนที่แล้วระบบใช้จ่ายตอนที่171
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบใช้จ่ายตอนที่173

ระบบใช้จ่ายตอนที่172


บทที่ 172: ฉุยฉุย ฉันรักคุณ

ในอีกด้านหนึ่งของห้องโถง

"เหว่ยกู 20.00 น. แล้ว ทำไมต้าหลี่ยังไม่มาอีก?" ใบหน้าของหงเจียนยี้เต็มไปด้วยความกังวลใจ “นี่เป็นงานวันเกิดของเขานะ รู้ไหมว่าการมาเกินเวลาทำให้แขกที่มาร่วมงานไม่ประทับใจ แขกจำนวนไม่น้อยเองก็เริ่มหมดความอดทนกันแล้ว”

มันเป็นเรื่องที่หยาบคายสำหรับแขกที่มาร่วมงานมากที่เจ้าของงานวันเกิดยังไม่มา

หงเหว่ยกูมองไปที่น้องชายคนที่สี่ของเขา หงเจียนยี้ เขายิ้มและพูดว่า "ใจเย็น ๆ นา เขากำลังเร่งจัดการธุระต่าง ๆ ของเขาอยู่ ฉันเชื่อในตัวลูกชายฉันนะ" เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็มองไปที่คนคนหนึ่งในฝูงชน “ไม่เห็นด้วยเหรอ หัวหน้าดง”

"ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ" รองหัวหน้าจางจากแผนกย่อยได้แจ้งเรื่องเกี่ยวกับหลิงเสี่ยวหยี่ให้เขาทราบแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ผมได้ยินมาว่าเรื่องนี้เป็นเพราะน้องชายของหลิงเสี่ยวหยี่ เขาถูกล่อให้เสพยา ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องได้รับการจัดการ ถ้าไม่ทำแบบนี้ ลูกน้องของเขาจะหมดศรัทธาในตัวเขา”  หัวหน้าดงมองไปที่หงเจียนยี้และยิ้มให้เขาและพูดว่า "นอกจากนี้ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย หากเราตรวจสอบเพิ่มเติม เราอาจสามารถพบตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้"

ที่ด้านข้าง ๆ บอสจิน เขายิ้มและก็ได้พูดขึ้นว่า "โอ้ ใช่เลย หัวหน้าดง ก่อนหน้านี้ฉันก็ส่งลูกน้องสองสามคนของฉันคอยปกป้องนายน้อยต้าหลี่ด้วยล่ะ นายเองก็ต้องช่วยด้วยนะ แจ้งฝ่ายของคุณให้พวกเขาถอยออกมาก่อน นายเองก็รู้สถานการณ์ดีนี้"

"ไม่มีปัญหา" หัวหน้าดงตบไหล่บอสจิน "แก๊งแสงสีทองของคุณนี้จัดการอะไรได้เร็วจริงเลยนะ"

เมื่อหัวหน้าแก๊งทั้งสามเพิ่งพูดคุยกัน อาจกล่าวได้ว่าจะมีการนองเลือดเกิดขึ้นมากมาย อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในงานวันเกิดเช่นนี้ บอสจินก็พยายามล้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีออกไป และเขาก็ได้จัดการบางอย่างกับตำรวจโดยไม่สามารถเปิดเผยได้อย่างลับ ๆ ดังนั้นความสัมพันธ์ของเขากับหัวหน้าแก๊งดงฮัวหลงจึงค่อนข้างดี

คนอย่างพวกเขาที่อยู่ในแก๊งมักมีความสัมพันธ์กับทั้งยมโลกและกับทั้งตำรวจ ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเขาคงอยู่ได้ไม่นาน หากตำรวจยังคงตรวจสอบพวกเขาและธุรกิจของพวกเขาทุก ๆ สองสามวัน

“ฮ่า ๆ นายกำลังประจบเหรอเนี่ย? ฉันแค่ช่วยแบ่งเบาภาระบางส่วนก็เท่านั้นเอง มันเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องทำ!” บอสจินหัวเราะเสียงดัง “แต่หัวหน้าดง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะพยายามหาไอ้สองคนร้ายที่ล่อให้เขาเสพยา ฉันเกรงว่าคงมีคนซ่อนพวกมันไว้”

"อืม ฉันรู้เรื่องนี้" หัวหน้าดงมองไปที่หงเจี้ยนยี เขายิ้มและพูดว่า "ยังไงก็เถอะ ในโลกนี้ ไม่มีใครปิดบังได้ตลอดหรอก คน ๆ นั้นจะซ่อนพวกเขาไว้ได้ตลอดเลยเหรอ?”

"ก็จริง!" บอสจินให้ความร่วมมือ

หงเจี้ยนยีเฝ้ามองสองคนนี้และหัวเราะอย่างเยือกเย็นในใจ เขาพยักหน้าและพูดว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะรอข่าวดีจากพวกคุณละกัน”

"ได้เลย"

เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว หงเจี้ยนยีก็เดินจากไปทันที เมื่อเขาเดินไปที่มุมหนึ่ง ลูกชายของเขา หงอันเปาก็ลุกขึ้นมาและถามเบา ๆ ว่า "พ่อ พวกเขาไม่รู้เรื่องของเราใช่ไหม?"

"ไม่มีปัญหาหรอก" หงเจี้ยนยียิ้มและพูดว่า "พ่อระมัดระวังเรื่องนี้ไว้แล้ว ฮึฮึ เป็นเพราะหงต้าหลี่ วันนี้หงเหว่ยกูจึงใช้เงินเยอะมาก นี่เป็นข้ออ้างที่ดีที่จะใช้ระหว่างการประชุมตระกูล ต่อจากนี้ก็เพียงแค่รอดู เราไม่ต้องทำอะไรเลย"

"โอเค" หงอันเปาพูดว่า "พ่อว่าไงผมว่างั้น"

ในขณะที่พวกเขาสนทนากันอย่างลับ ๆ ในมุมหนึ่ง หงเหว่ยกูก็คุยเรื่องนี้กับหัวหน้าดงเช่นกัน ดงฮัวหลงถามว่า "เหว่ยกูเกี่ยวกับเรื่องของหลิงเสี่ยวหยี่ นายคิดว่าใครเป็นคนบงการ?"

“มีผู้ต้องสงสัยเยอะ” หงเหว่ยกูส่ายหัวและพูดว่า "ต้าหลี่มีส่วนร่วมในหลายอุตสาหกรรม คู่แข่งของเขาอาจเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แน่นอนว่าผู้ต้องสงสัยหลักของฉัน เห้อ.. น่าเสียดาย ฉันไม่มีหลักฐานใด ๆ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถทำอะไรได้"

บอสจินมาจากแก๊งสาม เขาคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ “ฉันเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนเหมือนกัน มีคนต้องการทำร้ายลูกชายของฉัน ฉันไม่ได้พูดเกินจริงเลย แต่ฉันแค่หักขาของพวกมันทิ้ง และตอนนี้ลูกชายของฉันก็ไม่มีใครเข้ามายุ่ง ฮ่าฮ่า คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวสุภาพก็ได้ ในเมื่อต้องรับมือกับเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นไอ้พวกเศษสวะก็จะคิดว่าคุณง่ายและก็กลั่นแกล้งไม่หยุด นักบุญมักถูกรังแก ส่วนมารร้ายมากนักจักแขยง”

"อืม ฉันเองก็คิดจะทำแบบนั้น" หงเหว่ยกูค่อย ๆ พูดว่า "แต่ฉันยังไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนทำ อีกทั้งฉันต้องการให้ทุกคนรู้ว่า.. เอาเถอะ แม้ฉันจะหาผู้บงการไม่ได้ แต่ฉันก็จะจัดการกับไอ้คนที่มายุ่งเรื่องนี้!"

"เลือกได้ดี" บอสจินเห็นด้วย “หลังจากเหตุการณ์นี้ พวกมันจะไม่กล้าวางมือใส่ต้าหลี่อีก กลับไปเรื่องหลักกันก่อน ฉันสงสัยว่าตอนนี้ต้าหลี่เป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรขัดขวางเขาใช่มั้ย?”

"ไม่มีปัญหา" หงเหว่ยกูพยักหน้ายืนยัน "แม้ว่าต้าหลี่จะเป็นคนฉลาด แต่เขาก็ไม่ได้โง่ ไม่ต้องกังวลหรอก"

20:10 น.

เมื่อหงต้าหลี่และกลุ่มของเขามาถึงไนท์คลับหวานห่าวและเห็นสถานการณ์ที่นั่น พวกเขารู้เลยว่าเรื่องนี้มันต้องไม่ง่าย!

นี่เป็นฐานของพวกศัตรูเศษสวะและแก๊งของพวกมัน ตั้งแต่ทางเข้าไนท์คลับตลอดทางจนถึงปากทางมีรถมอเตอร์ไซค์ทุกชนิดจอดอยู่ริมถนน มีพวกอันธพาลที่เจาะหู เจาะจมูกและรอยสักเกลื่อนกลาดทุกที่ริมถนน

วันนี้เป็นวันที่ 28 พฤษภาคม พวกเขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นซึ่งเผยให้เห็นรอยสักของสัตว์ทุกชนิดบนผิวหนัง มีงู,แมว,หัวแพะ แม้แต่อักษรรอยสัก "ฉุยฉุย ฉันรักคุณ" เรื่องนี้ทำให้หงต้าหลี่ค่อนข้างหดหู่ เขาสงสัยว่าเขาควรจะตีอันธพาลคนนี้หรือเปล่า

แต่ไม่ว่ายังไง ดูเหมือนว่าโยเทียนเฮาจะมีการเคลื่อนไหว หลังจากได้ยินข่าวการมาของพวกหงต้าหลี่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะกลายเป็นผู้นำของคนจำนวนมากได้

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็รวบรวมคนในแก๊งทั้งหมดที่อยู่ในระยะห้ากิโลเมตรภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที เมื่อมองดูฉากนี้ มันค่อนข้างคล้ายกับฉากต่อสู้สุดท้ายในหนังเรื่อง "กู๋หว่าไจ๋" มีคนอยู่ด้วยเกือบ 300 คน แม้ว่าครึ่งหนึ่งจะไม่ใช่พวกเขาของพวกเขาก็เถอะ คนส่วนใหญ่นั้นมาที่นี่เพราะอยากรู้อยากเห็น อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่เพราะทรัพย์สมบัติและอิทธิพลของเขา แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงมากในแก๊ง แต่โยเทียนเฮาก็ไม่สามารถรวบรวมคนจำนวนมากได้ขนาดนี้

ในขณะนั้นเอง ความแตกต่างของเขากับคนรอบตัวหงต้าหลี่ก็ดูแตกต่างได้อย่างชัดเจน

ถังมู่ซินดึงมือของเขา “ต้าหลี่ระวังพวกเขานะ พวกเขามีคนมากเกินไป ทำไมไม่รอให้คนของบอสจินมาก่อนล่ะ” สาวน้อยคนนี้ไม่กลัวพวกอันธพาลเหล่านี้ทำร้าย แต่เธอกลัวว่าหงต้าหลี่จะได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญจากความวุ่นวาย

มู่ซีเซียวเลียริมฝีปากของเขาอย่างตื่นเต้น “ให้ตายเถอะ ได้เวลาสุนกแล้วสิ!” ดูเหมือนว่ามู่ซีเซียวจะคิดว่าเขาเป็นตัวเอกของเรื่อง ซึ่งเขาคงคิดว่าตนเป็นตัวละครหลักที่สามารถเอาชนะใครก็ตามที่ขวางทางเขา

ส่วนกีเซอร์หวังก็พูดว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเล่นหนักกับพวกมันซะแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกมันจะไม่ยอมจบง่าย ๆ” การเคลื่อนไหวของกีเซอร์หวังนั้นลื่นไหลเหมือนปลา เว้นแต่พวกอันธพาลเหล่านั้นจะใช้โคลนปิดจุดบอดร่างกายของตัวเอง พวกเขาก็จะสู้กับกีเซอร์หวังได้

ชายหนุ่มทั้งสามยืนอยู่ข้างหน้าหงต้าหลี่อย่างกล้าหาญ แต่ละคนถือขวานเป็นเอกลักษณ์ พวกเขาดูเหมือนคนติดตามมากกว่าคนขายประกัน แม้ว่าพวกเขาจะเสียสละตัวเอง แต่ตระกูลหงก็จะตอบแทนครอบครัวของพวกเขา

ส่วนคนที่มาจากแก๊งซานควนต่างก็ถือขวานและยิ้มให้พวกอันธพาลพวกนั้นอย่างเย็นชา

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้นักเลงมืออาชีพและอันธพาลตัวเล็ก ๆ นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความกล้าหาญของนักเลงอาจจะดูฮึกเหิมกว่าอันธพาลตัวเล็ก ๆ โยเทียนเฮาจ่ายเงินให้พวกอันธพาลพวกนี้โดยไม่คำนึงถึงพลังกำลังและความกล้าของพวกเขา ท้ายที่สุดแล้วในการต่อสู้ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือการดูว่าใครดุร้ายกว่า อีกฝ่ายนั้นมีขวานและแต่ละคนไม่มีคนกลัวตาย!

เนื่องจากแก๊งฝั่งโยเทียนเฮาเห็นพวกของหงต้าหลี่แล้ว กลุ่มคนของหงต้าหลี่ทั้งหมดจึงลงจากรถ และทันใดนั้นพวกอันธพาลก็ได้ล้อมพวกเขาไว้แล้ว ท่าทางของพวกเขาค่อนข้างน่ากลัวและมุ่งร้าย แต่หงต้าหลี่ไม่ได้สนใจพวกเขาเลย เขายืนชิล ๆ และแสยะยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกับมองไปทางไนท์คลับหวานห่าว พวกอันธพาลทำหน้างงงวย พวกเขาอาจไม่เคยเห็นพวกของหงต้าหลี่มาก่อน อีกทั้งยังพาผู้หญิงและคนชรามาด้วย สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าสำหรับพวกเขาก็คือท่านนายน้อยที่เป็นผู้นำที่ดูเหมือนจะทำตัวชิล ๆ ต่างหาก

ในเวลานี้มีคนพิเศษสองคนปรากฏตัวที่หน้าทางเข้าไนท์คลับ ทางเข้าเป็นประตูหมุน แต่สองคนนี้ยืนเฝ้าประตูอยู่ข้างนอกแทนที่จะยืนอยู่ข้างใน เห็นได้ชัดว่าผู้คนต่างฮือฮา พวกเขาดูสุภาพและถามจากระยะไกลว่า "พวกคุณมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาเหรอครับ?"

นี่อาจเป็นครั้งแรกที่มีการพูดคำว่า "สร้างปัญหา" อย่างสุภาพ นับตั้งแต่ที่เคยได้ยินมา

หงต้าหลี่: "อืม ก็ประมานนั้น แกคิดว่าฉันมาที่นี่เพื่อมาหาคนหรือไง"

"ถ้างั้น รอแป็บนะครับ" นักเลงสองคนนี้คงเคยได้ยินมาว่าหงต้าหลี่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้อยู่ข้างกาย ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อฟังเหมือนแมวแทนที่จะทำตัวปกติ “พวกเรากำลังเรียกให้หัวหน้าแก๊งออกมา”

จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปข้างใน

หงต้าหลี่แตะคางของเขาและมองไปที่ถังมู่ซินที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา “ซินซิน เธอคิดว่าพวกมันจะเอาโต๊ะออกมา จากนั้นเราก็จะนั่งดื่มชาและพูดคุยกันหรือเปล่า?”

ถังมู่ซินพยักหน้า "เป็นไปได้นะ!"

จริง ๆ แล้วไม่ใช่เพราะพวกเขากลัวการกระทำและรูปลักษณ์ของหงต้าหลี่ เหตุผลหลัก คือ แค่ได้เห็นรถเพลย์แองเจิ้ลและรถโซแองเจิ้ลก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตกใจแล้ว แม้ว่าโยเทียนเฮาจะมีความกล้าเต็มสิบ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเริ่มต่อสู้กับพวกของหงต้าหลี่ในทันที

ขณะที่หงต้าหลี่และคนอื่น ๆ กำลังรอให้พวกเขาถามหาโยเทียนเฮาให้ออกมา จู่ ๆ ก็มีจิ๊กโก๋คนหนึ่งตะโกนว่า "ท่านคือฉุยฉุย! ท่านคือฉุยฉุยสินะ ไอดอลของผม!"

จากนั้นจิ๊กโก๋คนนั้นก็มีรอยสัก "ฉุยฉุย ฉันรักคุณ" ที่ข้อศอกของเขา ก็ได้พุ่งเข้ามาหงต้าหลี่และกอดขาของหงต้าหลี่โดยไม่สนใจว่าเขาจะถูกทุบตี “ฉุยฉุย ท่านคือฉุยฉุย! ท่านคือฉุยฉุย ไอดอลของผม!” จากนั้นเขาก็เริ่มร้องไห้ “ฉุยฉุยของผม! ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของท่านเลยนะ ผมน่ะเฟรชเว็บไซต์ทุกวัน! ตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืน ผมยังคงเข้าเว็บไซต์ So Cools เสมอ เมื่อไหร่หนังเรื่องไม่คาดคิด! จะปล่อยตอนที่สองครับ! ขอข้อมูลวงในหน่อยได้ไหม ได้โปรดเถอะนะครับ!?”

"....." หงต้าหลี่ก็ได้พูดเบา ๆ ว่า "ลุกขึ้นเร็วเข้า! นี่มันน่าอายนะ!"

"ไม่! ผมไม่ลุก!" จิ๊กโก๋ตัวเล็กเริ่มแสดงท่าทางตุ้งติ้ง "ถ้าท่านไม่บอกผมว่าตอนที่สองจะออกเมื่อไหร่ วันนี้ผมไม่มีวันจะลุกจากตรงนี้!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด