ตอนที่แล้วเล่ม1 : บทที่ 63 – พื้นที่แห่งความตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม1 : บทที่ 65 – อันดับห้า

เล่ม1 : บทที่ 64 – หัวเราะ


กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 64 – หัวเราะ

อัสซีเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไปตามแนวกำแพง โนอาห์ที่อยู่ด้านในกำลังเส้นทางตรงหน้า ซึ่งไม่มีสิ่งใดที่อยู่ในความสนใจของเขาเลย งูบางตัวในฝูงเริ่มส่งเสียงขู่ฟ่อราวกับมันเป็นความบันเทิงบางอย่าง จากนั้นเขาก็ได้ข้ามไปไกลถึงห้าสิบเมตร และการโจมตีครั้งแรกก็มาถึง

สิ่งที่โนอาห์รู้สึกได้เป็นอย่างแรกคือแรงกดดันมหาศาลที่เหวี่ยงเขาฟาดกับกำแพง และคลื่นความเจ็บปวดก็แทรกเข้ามา

ร่างกายของอัสซีคือปราการป้องกันลำดับแรกกลับถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ แทบจะในทันที! โนอาห์ควบคุมให้ร่างกายสร้างขึ้นใหม่แต่มันก็ทำได้เพียงชะลอการโจมตีถูกร่างกายของเขาได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น เนื่องจากร่างกายของอัสซีถูกทำลายลงอีกครั้งในเวลาต่อมา

ร่างกายเขาฟาดกับกำแพงพร้อมกับร่องรอยบาดแผลจำนวนมากบนผิวหนัง แต่ก่อนที่เขาจะต้องเผชิญกับแผลฉกรรจ์ใด ๆ เขาก็อัฐเชิญอัสซีออกมาเป็นครั้งที่สามเพื่อป้องกันการโจมตี

ร่างของอัสซีถูกทำลายกระทั่งเหลือเพียงแค่เงา แต่การถูกโถมการโจมตีครั้งนี้ก็ถูกป้องกันไว้ได้สำเร็จ!

พลังงานจิตปริมาณมหาศาลถูกใช้ไปเพราะโนอาห์ต้องทนต่อความเจ็บปวดเช่นเดียวกับที่อัสซีรู้สึกในขณะที่ร่างกายของมันถูกทำลายลงเป็นครั้งที่สาม

อย่างไรก็ตาม เมื่อความเจ็บปวดได้หยุดลง โนอาห์ก็เริ่มวิ่งอีกครั้ง โดยไม่ลังเลว่าจะเป็นการเผยร่างที่แท้จริงของเขาเลย สายตาจดจ้องบนเส้นทางและทิ้งคราบเลือดเอาไว้จากบาดแผลที่เกิดขึ้น เขาไม่กล้าที่จะใช้ “ลมหายใจ” เพื่อห้ามเลือด เพราะมันถูกใช้ไปกับการรักษาอัสซีแล้วปริมาณมาก

ฝูงเดียรัจฉานยังคงสังเกตเห็นร่างอำพรางและเริ่มส่งเสียงขู่ฟ่ออย่างเกรี้ยวกราดขณะมองมนุษย์ตัวจ้อยผู้หลบซ่อนอยู่ใต้ร่างของงู

ขณะนั้นเอง ทุกเสียงก็เงียบสงัดลงเมื่อราชาของพวกมันส่งเสียงกระเส่าเบา ๆ ส่งคลื่นอากาศมายังพื้นที่บริเวณตรงหน้าของมัน

โนอาห์วิ่งออกไปอีกกว่าสามสิบเมตรก่อนการโถมโจมตีครั้งระลอกที่สองจะเริ่มขึ้น เขาถูกเหวี่ยงฟาดกับกำแพงอีกครั้งและจะได้รับบาดแผลใหม่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ร่างกายของอัสซีถูกทำลายลง

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็กัดฟันสู้ต่อ

ร่างกายของเขาแดงฉานเพราะถูกเคลือบด้วยเลือดปริมาณมากและถูกขับออกมาจากหลาย ๆ ส่วน แต่ด้วยพละกำลังของร่างกายในขั้นสูงสุดของอันดับที่สองนั้น ยังคงทำให้เขามีกำลังที่จะวิ่งต่อแม้จะอยู่ในสภาพนั้นก็ตาม

การเคลื่อนที่ของโนอาห์ช้าลงเล็กน้อยแต่เขาก็ยังสามารถข้ามยี่สิบเมตรสุดท้ายจนในที่สุดก็พุ่งเข้าปากโพรงไปได้สำเร็จ

งูที่อยู่ด้านหลังขู่ฟ่ออย่างบ้าคลั่งมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเขาสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จและเริ่มเลื้อยคลานไปยังทิศทางดังกว่าวเพื่อไล่ตามเขาให้ทัน

ราชาตื่นขึ้นมาและคำรามเพื่อหยุดความโกลาหลในฝูง และคลื่นกระแทกก็พุ่งในโนอาห์มาตามช่องทางที่เขาเพิ่งมา แต่เขาก็ยังสบายใจไม่ได้เพราะร่างกายของอัสซียังฟื้นฟูไม่สำเร็จ ร่างกายของมันแตกสลายเมื่อถูกโจมตีและร่างของมันข้างในทะเลแห่งสติของโนอาห์ก็แตกร้าวเช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้โนอาห์ปวดศีรษะมากก่อนจะถูกโจมตีด้วยเสียงคำรามอีกครั้ง โนอาห์ต้านทานไม่ไหวแม้ว่าเขาจะพยายามแล้วก็ตาม แรงนั่นส่งให้ร่างของเขาลอยกระเด็ดไปตามทาง

เลือดไหลออกมาจากทางปาก หู และดวงตาทั้งสอง แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือการป้องกันไม่ให้ศีรษะได้รับอันตายใด ๆ ที่ร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ร่างของเขาถูกเหวี่ยงเข้ากับกำแพงตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ความแข็งแกร่งของการคำรามก็ยังคงผลักดันเขาให้ไปข้างหน้าและเขาก็ไร้เรี่ยวแรงต่อพลังนี่แล้ว

จากนั้นเขาก็ถูกเหวี่ยงเข้ากับกำแพงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หินบนกำแพงนั้นอ่อนพอซึ่งช่วยให้สามารถดูดซับลดแรงสะเทือนต่อร่างกายได้ จากแรงเหวี่ยงทำให้เกิดร่องเล็ก ๆ บนหินและในที่สุดนาทีวินาศก็สิ้นสุดลง ไร้เสียงที่ดังออกมาตามเส้นทาง และการกระแทกครั้งสุดท้ายก็ทำให้โนอาห์หมดสติไป

โนอาห์ลืมตาขึ้นมาหลังจากผ่านไปสองวัน การมองเห็นของเขาพล่ามัว และมีเสียงหึ่งแทรกเข้ามาในหูของเขาตลอดเวลา เขาใช้เวลาพักใหญ่เพื่อนึกถึงสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่และรอยยิ้มสดใสก็ปรากฏบนใบหน้าเมื่อเขาเข้าใจแล้วว่าเขาเพิ่งรอดชีวิตจากอะไรมา

จากนั้นเขาก็หัวเราะลั่นแต่ก็ต้องหยุดในทันทีเพราะคลื่นความเจ็บปวดโถมเข้ามาเมื่อเขาเคลื่อนไหว ‘ชีวิตนี้ขออย่าได้เจองูอีกเลย’หลังจากที่เขาคิดเช่นนั้นก็หมดสติไปอีกครั้งหนึ่ง

* * * * *

หนึ่งเดือนต่อมา ณ บริเวณที่ใกล้กับผาทวิลโบเรีย มีทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ผลิบานทอดยาวออกไปไกลกว่าสองร้อยเมตร สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่าทุ่งเอียโนเนื่องจากดอกไม้หายากมักเติบโตขึ้นบริเวณนี้

ดอกเอียโนไม่ได้มีประโยชน์ต่อผู้ฝึกตนแต่อย่างใด แต่เป็นที่ชื่นชมในหมู่คู่รักเนื่องจากดอกไม้ชนิดนี้สามารถรวบรวมแสงอาทิตย์เอาไว้ทำให้ต้นของมันเรืองแสงได้ด้วยตัวเอง

ในยามกลางคืนดอกไม้เหล่านี้ให้ความคล้ายกับดวงดาวมอบความรู้สึกโรแมนติกกับทิวทัศน์ ตระกูลขุนนางขนาดเล็กนามว่า วิลฟอร์ดถือกรรมสิทธิ์ครอบครองทุ่งแห่งนี้และใช้เป็นที่มาของรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ โดยขายสิทธิให้แก่ผู้ที่มีเงินและอยากดื่มด่ำยามค่ำคืนไปกับสถานที่แห่งนี้

ผู้พิทักษ์ของตระกูลวิลฟอร์ดกำลังหาวอย่างขี้เกียจอยู่ใกล้ ๆ รั้วประตูทางเข้าหลักของทุ่ง มีแถวของชาวบ้านและคนรวยที่กำลังต่อแถวยาวเพื่อที่จะได้เข้าไปข้างใน

เมื่อแถวเริ่มขยับ ผู้พิทักษ์ก็ขึ้นราคาสิทธิในการเข้าทุ่ง เป็นเหตุให้ลูกค้าเกิดความโกรธ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่มีใครก็ตามคิดจะตำหนิ ผู้พิทักษ์นายนั้นก็จะเผยสัฐลักษณ์ของตระกูลที่เขาอยู่อย่างภาคภูมิใจและพูดออกมาอย่างยะโสว่า “หรือท่านจะบอกว่า ผู้พิทักษ์ผู้มีเกียรติของตระกูลวิลฟอร์ด กล้าที่จะหาผลประโยชน์จากผู้ที่ต่ำต้อยอย่างนั้นรึ?”

นี่คือรูปแบบที่เขาฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อหยุดการถูกพร่ำบ่นในทัศนคติของเขา แต่อย่างไรก็ตามตระกูลขนาดเล็กก็ยังคงเป็นตระกูลขุนนางอยู่ดี

ครั้งนี้ บางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทันทีที่เขาพูดเช่นนั้นออกไป คลื่นลมถูกฟันออกมาจากพื้นใต้ดอกเอียโน ปรากฏเป็นช่องเล็ก ๆ เผยให้เห็นทางเดินที่ซับซ้อนด้านล่างพื้นทุ่งที่ถูกส่องสว่างด้วยรากของดอกไม้

โนอาห์ออกมาจากช่องนั้นโดยไม่ได้สนใจแวดล้อมเลย

‘แสงสว่างตามทางคงจะมาจากรากพวกนี้สินะ’

ร่างกายเขาเกือบเปลือยสิ้น บนร่างกายท่อนล่างที่เหลือเป็นเพียงเศษเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น เขามองไปรอบ ๆ และพบกับผู้พิทักษ์คนหนึ่งที่กำลังอ้าปากค้างมองมาทางเขา

โนอาห์ยกดาบขึ้นชี้ไปทางเขาและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง

“นี่ เจ้าน่ะ ที่นี่ที่ไหน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด